8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com มีน้องคนหนึ่งส่งคำถามมาถามพี่ว่า Boat กับ Ship ต่างกันยังไง ตอนแรกพี่ก็จะตอบเลยว่าอย่างแรกมันเล็กกว่าอย่างที่ 2 เพราะเรียนมาแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แต่พอเปิดพจนานุกรมหลายๆ เล่มเพื่อจะแนบเอกสารอ้างอิงให้น้องดู พี่ก็เพิ่งค้นพบว่ามันมีอะไรมากกว่าคำตอบแบบกำปั้นทุบดินไปอย่างนั้น 555 และพอลองถามน้องหลายๆ คนก็พบว่ายังมีอีกหลายคู่คำที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน พี่พิซซ่า ก็เลยรวบรวมคำศัพท์ที่ “เหมือนจะเข้าใจแต่อธิบายไม่ถูกอ่ะพี่” มาให้ดูกัน เพื่อเคลียร์กันให้ชัดไปเลยว่ามันต่างกันยังไง

 





     คนทั่วไปจะจำแนกกุ้ง 2 ประเภทนี้ตามขนาดว่า Prawn ใหญ่กว่า Shrimp เพราะข้างกล่องกะปิส่งออกแปะไว้ว่า Shrimp แสดงว่ามันต้องเป็นกุ้งไซส์ทำกะปิ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถเจอ Big shrimp ที่ตัวใหญ่กว่า Small prawn ได้นะคะ ฉะนั้นจะใช้ขนาดเป็นตัวกำหนดอย่างเดียวคงจะไม่ได้

     กุ้งทั้ง 2 อย่างนี้ถือว่ามีจุดต่างกันเยอะเพราะอยู่กันคนละตระกูล ถ้าจับมันมาเทียบกันจะเห็นเลยว่าสามารถบอกความแตกต่างได้ตั้งหลายที่ แต่คงจะเป็นเรื่องยากที่จะจับกุ้งเป็นๆ 2 ชนิดมานั่งดูโดยที่มันดิ้นไปมาอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นจุดต่างที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดก็คือเปลือกชิ้นที่ 2 เมื่อนับจากหัวลงมาค่ะ โดยเปลือกชิ้นที่ 2 ของ Shrimp จะทับชิ้นแรกกับชิ้นที่ 3 เห็นโดดเด่นขึ้นมาเลย ส่วน Prawn นั้นเปลือกจะคลี่ทับกันไปทีละอันเหมือนพัดค่ะ


 


     Weather คือสภาพอากาศแบบวันต่อวันที่เปลี่ยนไปตามเวลาและสถานที่ อย่างข่าวพยากรณ์อากาศจะใช้ weather เพราะวันนี้อากาศอบอุ่นแต่มีความชื้นสูง แต่พรุ่งนี้ฝนน่าจะตกทั่วกรุงเทพ หรือถ้าจะบ่นกับเพื่อนว่าสองสามวันนี้ร้อนมาก แดดเปรี้ยงตลอดก็ใช้ weather ค่ะ




     Climate คือรูปแบบสภาพอากาศ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่ผ่านการสังเกตและทำสถิติมาหลายสิบปีจนรู้แล้วว่าช่วงไหนของปีที่ร้อนที่สุด ช่วงไหนคือหน้าฝน หรืออุณหภูมิต่ำสุดในเดือนไหน เช่นน้องจะไปเรียนเมืองนอกปีหน้า ก็หาข้อมูลว่าฤดูร้อนเขาอยู่ช่วงเดือนไหน อุณหภูมิเฉลี่ยเท่าไหร่ พวกนี้คือ climate ซึ่ง climate จะไม่สามารถบอกละเอียดได้ถึงขนาด “มีเมฆมากเป็นบางส่วน” อย่าง weather นอกจากนี้ถ้าจะพูดถึงสภาพอากาศที่จะเปลี่ยนแปลงในอีกร้อยปีเพราะโลกร้อน สภาพอากาศในที่นี้คือ climate เช่นกันค่ะ




 


     Dwarf คือศัพท์ทางการแพทย์สำหรับผู้ที่มีความปกติในโครโมโซมคู่ที่ 4 ซึ่งสามารถแสดงความผิดปกติได้มากกว่า 200 แบบ โดย dwarf จะเป็นผู้ที่มีสัดส่วนร่างกายต่างจากขนาดปกติ และมีส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน คำนี้ใช้ได้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำดูถูกเหยียดหยาม และยังสามารถใช้ได้กับพืชหรือสัตว์ที่มีขนาดแคระแกร็นผิดปกติ

     Midget หมายถึงผู้ที่มีความสูงน้อยกว่าปกติ แต่ร่างกายสมส่วน มีสัดส่วนอวัยวะต่างๆ เท่าคนทั่วไปเพียงแต่เหมือนย่อขนาดลงมา ไม่ใช่ผู้มีความผิดปกติในโครโมโซม ปัจจุบันคำนี้มักนำไปใช้ดูถูกเหยียดหยาม dwarf แทน ซึ่งถือว่าผิดทั้งทางภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์และศีลธรรม

 





     Avenge คือการลงโทษผู้กระทำผิดตามหลักกฎหมายหรือหลักความถูกต้องของสังคม จะแก้แค้นเรื่องส่วนตัวหรือไม่ก็ได้ แต่วิธีลงโทษนั้นจะเป็นไปตามหลักเหตุผลมากกว่าอารมณ์ คำนี้คือที่มาของชื่อ The Avengers ที่เป็นผู้มาลงโทษโลกิ โดยทำไปเพื่อสร้างความสงบสุขแก่สังคมมากกว่าการล้างแค้นด้วยอารมณ์



     Revenge คือการลงโทษผู้กระทำผิดแบบให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำเอาไว้ เป็นการล้างแค้นแบบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือความถูกต้อง เป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัว

     ในกรณีที่เป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัวทั้งคู่ สามารถดูได้ว่าคำที่ใช้ควรเป็น avenge หรือ revenge โดยอยู่ที่วิธีการแก้แค้น เช่น ทอมแก้แค้นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาโดยตามหาหลักฐานมาเอาผิดและสามารถโยนฆาตกรเข้าคุกได้สำเร็จ แม้ทอมจะยิ้งเยาะมองคนร้ายในคุก แต่วิธีแก้แค้นแบบนี้จัดว่าเป็น avenge

     แต่ถ้าทอมแก้แค้นโดยการตามล่าฆาตกรให้เจอ แล้วจับมันมาทรมาน คอยดูมันตายอย่างช้าๆ ทุรนทุรายให้สาสมกับที่มันฆ่าพ่อของเขา แบบนี้คือ revenge (แล้วต้องนึกถึงเสียงหัวเราะแบบเลือดเย็นด้วยนะ เพื่อความเข้าใจ)

 


 

     Jealousy คือความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจที่คนอื่นมีสิ่งที่เราต้องการ บางครั้งหมายความรวมถึงริษยาที่ไม่ต้องการให้ใครได้สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นของเรา หรือสิ่งที่มโนไปเองว่าควรเป็นของเรา นอกจากนี้ยังหมายถึงความรู้สึกกลัว กลัวว่าใครหรืออะไรบางอย่างจะโดนพรากไปจากตัวเรา หรือกลัวว่าเราจะถูกใครหรืออะไรมาแทนที่ จึงใช้ในความหมายของหึงได้ด้วย เพราะกลัวคนรักจะโดนแย่งไป หรือจะใช้ในกรณีที่อาจารย์ที่เห็นเราเป็นลูกรักมาตลอดเปลี่ยนไปชมเพื่อนอีกคนแทนเรา เราเลยกลัวว่าจะโดนแทนที่

   
 Jealousy จะค่อนไปทางความยึดติด ทั้งยึดติดกับสิ่งที่เรามีแล้ว และยึดติดกับสิ่งที่เราต้องการจะมี ถ้าความรู้สึกนี้รุนแรงเกินไปก็จะดูโรคจิตแบบในหนังทั้งหลาย




     Envy คือความรู้สึกอยากได้ อยากมีแบบคนอื่นเขา ซึ่งก็คืออิจฉา แต่ไม่ได้หมายรวมถึงการไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าเรา Envy ในระดับเบาๆ ก็เช่นอยากมีกระเป๋าแบรนด์เนมแบบคนนั้นจัง อยากฉลาดแบบเพื่อนคนนั้นบ้าง แต่ถ้า Envy ระดับอันตรายคือไม่ใช่อยากมีแบบเขา แต่อยากเอาของเขามาเป็นของตัวเองเลย เช่นอยากดูดีแบบเพื่อน เลยทำมนตร์ดำสลับร่างกับเพื่อนซะเลย แต่โดยทั่วไปถ้าเป็น envy ระดับเบาๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นแรงฮึดให้เราพยายามจนประสบความสำเร็จอย่างคนอื่นได้ 

 


     Reward คือรางวัลในความหมายกว้างๆ มักเป็นเงินหรือสิ่งที่ตีมูลค่าเป็นเงินได้ที่ได้รับเป็นการตอบแทนการกระทำบางอย่าง เช่น ขยันเรียนจนได้เกรดสี่ทุกวิชาพ่อแม่ให้รางวัลเป็นจักรยาน ทำความดีใส่สมุดส่งครูครบก่อนใครในห้องได้รางวัลเป็นชุดเครื่องเขียน หรือกินราเมนครบ 50 ถ้วยได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น
 



     Award คือรางวัลที่ทรงเกียรติ ยิ่งใหญ่ และต้องผ่านการคัดเลือกหลายรอบ ผ่านการตัดสินจากคณะกรรมการหลายท่านกว่าจะได้ผลสรุป มักเป็นโล่หรือเหรียญรางวัลหรือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่นรางวัลออสการ์ รางวัลแผ่นเสียงทองคำ รางวัลตุ๊กตาทองคำ รางวัลสุพรรณหงส์ รางวัลลูกกตัญญูดีเด่น เป็นต้น

 


 

     Sex คือเพศทางกายภาพที่มีมาตั้งแต่เกิด

     Gender คือเพศแบบที่ไม่เกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าควรเป็นเพศทางใจของบุคคลนั้นๆ หรือเพศตามความหมายของสังคม ในความหมายของเพศทางใจของบุคคลนั้นๆ คือถ้าดูภายนอกเป็นผู้ชาย ดูยังไงก็เป็นผู้ชาย ต่อให้แต่งหน้าแต่งตัวสวยก็ยังดูออกว่าเป็นผู้ชายแต่ถ้าจิตใจของคนนั้นถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ก็จะใช้ gender เป็นหญิง

     แต่สำหรับกลุ่มที่ใช้
gender เป็นเพศตามความหมายของสังคม คือสังคมตีความกันว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้คือผู้หญิง โดยไม่ต้องดูอวัยวะสืบพันธุ์ ถ้าดูยังไงก็เห็นเป็นผู้หญิง จัดเป็นเพศหญิงตามสังคมนั้นๆ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ผ่าตัดตรงนั้นก็ตาม กรณีนี้ก็จะนับว่า sex คือผู้ชาย แต่ gender คือผู้หญิง (ส่วนคนแรกที่ดูยังไงก็ยังเห็นเป็นผู้ชายแม้ใจจะเป็นหญิง ถ้าแปลตามความหมายแบบที่สองนี้จะถือว่า gender ก็ยังเป็นชาย)




     หมายเหตุ สมัยก่อนที่ยังไม่สามารถแยกแยะหญิงชายได้ยากเท่าสมัยนี้ คำว่า male และ female ของห้องน้ำหมายความตามเพศแบบ sex แต่ปัจจุบันจะถือตามเพศแบบ gender ตามความหมายของสังคมมากกว่า เพราะจะให้กลับไปใช้ห้องน้ำตามเพศโดยกำเนิดก็คงจะไม่ไหว

 




     สองคำนี้เก็บไว้เป็นคู่สุดท้ายเพราะเป็นคำที่นักวิชาการด้านภาษาอังกฤษยังเถียงกันอยู่ทั่วโลก โดยทั่วไป Ship ใหญ่กว่า Boat และสามารถขน Boat ได้ เช่นเรือไททานิกเป็น Ship ส่วนเรือชูชีพบนนั้นเป็น Boat แต่บางคนก็บอกว่าดูแค่ขนาดไม่พอต้องดูน้ำหนักเรือและความจุเรือด้วย ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเกณฑ์ต่างกันอีกว่าหนักเท่าไหร่ถึงจะกลายเป็น Ship




     บางกลุ่มแย้งว่าให้ดูที่ดาดฟ้าเรือ Boat จะมีชั้นเดียว ส่วน Ship จะมีหลายชั้น แต่เดี๋ยวนี้เรือยอร์ชของเศรษฐีหลายคนก็ต่อเติมอลังการงานสร้างจนเรือยอร์ชที่เป็น Boat มีดาดฟ้าหลายชั้นได้เช่นกัน นักวิชาการอีกกลุ่มจึงให้ดูที่การใช้งานโดย Ship จะใช้งานภายในตัวเรือเป็นหลัก แต่ Boat ต้องออกมาใช้งานบนดาดฟ้าอย่างเช่นพวกเรือหาปลาที่ต้องมาอยู่กันด้านบน ซึ่งทฤษฎีนี้ดูเหมือนจะถูกต้องที่สุด ทว่ามีเรือประเภทหนึ่งที่คนทั้งโลกใช้ตรงกันว่ามันคือ Boat นั่นคือเรือดำน้ำ ซึ่งเรือดำน้ำก็ต้องใช้งานภายในตัวเรืออยู่แล้ว และเรือดำน้ำก็ไม่ใช่ลำเล็กๆ อย่างเรือดำน้ำที่ใช้ขนส่งเครื่องบินรบและเป็นลานบิน (แบบเรือในหนัง The Avengers) ก็ยังจัดเป็น Boat อยู่ดี จึงสรุปว่าถ้าจะใช้เกณฑ์นี้ให้จำต่างหากไว้ว่าเรือดำน้ำเป็น Boat




     ทำให้เกิดอีกเงื่อนไขหนึ่งว่า Ship มีตัวเรืออยู่บนผิวน้ำแต่ Boat จะมีตัวเรืออยู่ใต้ผิวน้ำหรืออยู่บนผิวน้ำก็ได้ นั่น ชักจะซับซ้อนไม่ไหวแล้วนะ 555 นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีว่าด้วยการกลับเรืออีกว่า Boat ถ้าจะเลี้ยวหรือกลับหัวเรือไปอีกทางจะมีจุดศูนย์กลางการหมุนอยู่ในตัวเหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง แต่ Ship จะมีจุดศูนย์กลางการหมุนอยู่นอกเรือ เหมือนโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์หรือการขับรถรอบวงเวียน งงกันยิ่งขึ้นไปอีกใช่มั้ยคะ





     หลังจากสืบค้นมาหลายทฤษฎีทั่วโลกเรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทเรือ พี่พิซซ่า ก็ขอเสนอให้ยึดตามที่คนทั่วไปเขาใช้กันว่าลำเล็กคือ Boat ลำใหญ่คือ Ship โดย Boat ไม่อยู่ในน้ำลึกมาก และให้จำเพิ่มต่างหากเอาว่าเรือดำน้ำจัดเป็น Boat

 

 

     นอกจากคำที่แปลได้แต่เหมือนจะไม่เคลียร์แบบเป๊ะๆ แล้ว ภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายคำนะคะที่ยากต่อการแปลกลับเป็นภาษาไทยมาก ทั้งที่เรารู้ว่ามันสื่อถึงอะไร ให้อารมณ์ยังไง แต่เราไม่สามารถหาคำไทยคำเดียวมาอธิบายคำนั้นได้เลย เช่น

Facepalm

     สาวก 9GAG คงคุ้นเคยกับคำนี้ดี ถ้าจะแปลตรงตัวคือเอาฝ่ามือปิดหน้า แม้จะเป็นท่าทางที่ถูกต้องมันก็ไม่ใช่ความหมายของคำนี้ เพราะคำนี้มากับอารมณ์ ไม่ไหวแล้ว ผิดหวัง ไม่อยากจะเชื่อเลย หรือขบขันนิดๆ ปนเอือมระอา ซึ่งแปลได้หลายอารมณ์มาก แต่ส่วนใหญ่มักใช้แสดงความทึ่งในความไม่รู้ของอีกฝ่ายหรือรับไม่ได้กับความผิดพลาดที่กระทำลงไป พี่พิซซ่า คิดว่าภาษาไทยที่ใกล้เคียงคือกุมขมับ แต่มันก็ไม่ให้อารมณ์เดียวกัน 100% ลองดูตัวอย่างสถานการณ์ที่ใช้ facepalm นะคะ







 

High Five

     ไม่ได้หมายถึงชื่อเว็บไซต์แต่หมายถึงการตีมือกันทั้งฝ่ามือของคน 2 คน เพื่อแสดงความดีใจ เย้ สำเร็จแล้ว!!! แต่ถ้าให้แปลตรงตัวว่าตีมือกัน มันก็จะไม่ได้ความหมายนี้ (ไม่ต้องพูดถึงความหมายว่าห้าสูงนะคะ)




     จะเห็นได้ว่าคำที่มักแปลออกมาไม่ได้คือคำที่แสดงอารมณ์ ลองนึกถึงการแปลคำว่า “เกรงใจ” เป็นภาษาอังกฤษดูสิคะ เราหาคำภาษาอังกฤษคำเดียวมาแปลว่าเกรงใจให้ความหมายตรงกันเป๊ะ 100% ไม่ได้เช่นกัน ที่เป็นแบบนี้เพราะความต่างทางวัฒนธรรมค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าคำที่ไม่สามารถหาคำเดียวมาแปลกันได้จะมีแต่คำที่แสดงอารมณ์หรือความคิดนะคะ คำศัพท์ทั่วๆ ไปก็มี เช่น

Home stay

     ราชบัณฑิตยสถานแปลว่า “ค้างแรมที่บ้านชาวบ้าน” ซึ่งเป็นการอธิบายแต่ในภาษาไทยเราไม่มีคำเฉพาะสำหรับคำนี้

Gala dinner

     ราชบัณฑิตยสถานแปลว่า “งานเลี้ยงอาหารค่ำโอกาสพิเศษ” ซึ่งเป็นการอธิบายอีกเช่นกัน เราไม่มีคำเฉพาะ คนส่วนมากจึงนิยมใช้เป็นทับศัพท์แทนที่จะพูดเป็นความหมายในภาษาไทยอย่างในพจนานุกรม

 

     ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคำไหนมีบัญญัติเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ควรใช้เป็นภาษาไทยไปเลยนะคะ จะได้ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยไว้ด้วย เช่น โลกาภิวัตน์ (globalization), วิสัยทัศน์ (vision), ธนาคาร (bank) หรือ ระดมสมอง (brainstorm) เป็นต้น

 

     ถ้าน้องๆ มีข้อสงสัยการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษคำใด ส่งมาถาม พี่พิซซ่า ได้เลยนะคะ ^^ แล้วมาพบกับคอลัมน์ภาษาอังกฤษได้ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนค่ะ ส่วนใครอยากอ่านเรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับการเรียนต่อนอก สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ www.dek-d.com/studyabroad

 


TWITTER: @PiZZaDekD


ข้อมูล
en.wikipedia.org, www.diffen.com, listverse.com, dictionary.cambridge.org
oxforddictionaries.com, www.royin.go.th
หนังสือ "ศัพท์ต่างประเทศที่ใช้คำไทยแทนได้" โดยราชบัณฑิตยสถาน

ภาพประกอบ
ofmiceandramen.blogspot.com, www.howlintwolf.com
www.fanpop.com, www.failure.at, www.city-data.com, www.bbc.co.uk
essentiallyangela.com, www.fairmontpolice.org, www.memecenter.com, blogs.library.duke.edu
www.awestomy.com, fandommenacepodcast.com, gcaptain.com, www.dailymail.co.uk
www.defence.pk, pair-ranting.blogspot.com, www.9gag.com, en.wikipedia.org



อ่านเรื่องราวภาษาอังกฤษดีๆ ย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ


รู้ไหม? ภาษาอังกฤษก็มีสระเสียงสั้นเสียงยาวนะ

"ภาษาอังกฤษ" สำเนียงออสเตรเลีย รู้มั้ยเป็นยังไง?

รวมศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ยืมมาจากภาษาอื่น!!

10 คู่ศัพท์ENG ใช้ต่างกันในอังกฤษและอเมริกา (เคลียร์กันชัดๆ)

20 สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบ

8 คู่ศัพท์อังกฤษ ที่มักจำผิด!! (จะสอบ GAT ต้องอ่าน)

 

พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

32 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nocebo-[D] Member 19 พ.ค. 56 00:09 น. 10
เห็นด้วยกับที่พี่พิซซ่าบอกว่า

ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคำไหนมีบัญญัติเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ควรใช้เป็นภาษาไทยไปเลยนะคะ จะได้ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยไว้ด้วย

เวลาที่ผมไปอบรมตามสถานที่ต่าง ๆ เจอพวกที่พูดไทยคำอังกฤษคำ ทั้ง ๆ ที่มีคำภาษาไทยที่เข้าใจง่าย พูดง่าย ให้ใช้ แต่ก็ไม่ยอมใช้ มันดูกระแดะสิ้นดี เข้าใจว่าจบเมืองนอก และการทับศัพท์มันให้ความหมายที่ตรงตัวมากกว่า แต่คำง่าย ๆ อย่าง "สาขา" ก็พูดว่า branch มันดูกระไรอยู่
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
PARNPIM Member 21 พ.ค. 56 10:19 น. 18
ขอบคุณค่ะ เมื่อก่อนก็สับสนเหมือนกันค่ะ ว่าจะให้คำไหนดี 55+
ชอบตรงเกร็ดความรู้มากเลยค่ะ ^^

ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยด้วย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด