สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และ Q&A(ฺBROAD) อยากเรียนนอก จะบอกให้ ที่จะนำคำถามน่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศมาไขข้อข้องใจกันให้กระจ่างไปเลย!!
เด็กดีดอทคอม :: 21 ข้อถาม-ตอบ
     สำหรับคำถามที่มีน้องๆ ส่งมาถามคราวนี้ เป็นคำถามที่น่าสนใจมากค่ะ และคิดว่ามีหลายๆ คนน่าจะอยากรู้เหมือนกัน นั่นก็คือ...
    ใช่แล้วค่ะ .... ไปเรียนที่ไหนดีระหว่าง "อเมริกา VS อังกฤษ" เพราะทั้งสองประเทศใช้ภาษาอังกฤษด้วยกันทั้งคู่ ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวเรื่องภาษามาก รวมถึงยังมีมหาวิทยาลัยดังๆ อยู่เพียบ เอ๊ะ จะเลือกไปไหนดี? เพราะฉะนั้น พี่เป้ จึงลองเปรียบเทียบการเรียนและการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยทั้ง 2 ประเทศ ว่ามีจุดไหนที่แตกต่างกันบ้าง 







      
     Question # 12 : อเมริกา VS อังกฤษ ไปเรียนที่ไหน
     ดีกว่ากัน?



 




อเมริกา หากเป็นสาขาทั่วไปที่เน้นวิชาการ ไม่ใช่วิชาชีพ พอเรียนจบม.6 แล้ว สามารถสมัครเข้าเรียนได้เลย ยกเว้นสาขาที่เป็นวิชาชีพ เช่น แพทยศาสตร์ นิติศาสตร์ จบม.6 จากไทยเข้าเรียนไม่ได้นะคะ เพราะเค้ากำหนดว่า คนจะเรียนในสาขาพวกนี้ได้ "ต้องจบปริญญาตรีมาก่อน 1 ใบ"

อังกฤษ วุฒิม.6 จากไทยเรา ยังไม่พอเข้าเรียนปี 1 ที่อเมริกา โดยเด็กไทยจะต้องไปเรียนคอร์สปรับพื้นฐาน (Foundation Course) ก่อนที่อังกฤษเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นจึงจะเข้ามหาวิทยาลัยที่อังกฤษได้ ซึ่งคณะต่างๆ ในอังกฤษส่วนมาก ใช้เวลาเรียนปริญญาตรี 3 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนจบช้ากว่าเพื่อนที่ไทยแต่อย่างใด

หรือสำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากเข้าในมหาวิทยาลัยดังมากๆ ของอังกฤษ ขอแนะนำให้เรียน
หลักสูตร A-Level (หลักสูตร 2 ปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษ) เพราะมหาวิทยาลัยดังๆ จะพิจารณาคะแนน A-Level มากที่สุด ดังนั้นน้องๆ บางคนที่เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะลาออกจากไทยตอนม.4-5 แล้วไปเรียน A-Level ที่อังกฤษ จากนั้นค่อยเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ






อเมริกา สำหรับอเมริกานั้น มักกำหนดว่าต้องมีคะแนนดังต่อไปนี้
1. ผลสอบภาษาอังกฤษ เลือกสอบระหว่าง TOEFL หรือ IELTS โดยทั่วไป TOEFL เป็นที่นิยมมากกว่า IELTS สำหรับมหาวิทยาลัยในอเมริกา
2. ผลสอบ SAT เป็นข้อสอบมาตรฐานในการเข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกา มี 3 ส่วนคือ การคิดวิเคราะห์ คณิตศาสตร์ และการเขียน

อังกฤษ ผลสอบภาษาอังกฤษ เลือกสอบระหว่าง TOEFL หรือ IELTS และมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะนิยม IELTS มากกว่า TOEFL ค่ะ 






โดยรวมค่าครองชีพของอังกฤษจะแพงกว่าอเมริกาค่ะ แต่ก็ไม่ได้แพงกว่าจนเวอร์ เช่น ข้าวจานนึง(ในร้านดีๆ)ที่อเมริกาอยู่ที่ 7-10 ดอลลาร์หรือประมาณ 200-300 บาท แต่ที่อังกฤษนั้นจะประมาณ 10 ปอนด์ขึ้นไปหรือประมาณ 500 บาทค่ะ






อเมริกา โดยทั่วไปแล้ว ค่าเล่าเรียนตกปีละ 14,000-17,000 ดอลลาร์หรือ 4-5 แสนบาท ขั้นต่ำนะคะ ยกเว้นมหาวิทยาลัยเอกชนระดับดังๆ ของโลก เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ค่าเรียนจะตกปีละล้านกว่าบาททีเดียวค่ะ

อังกฤษ ปีนึงขั้นต่ำประมาณ 12,000 ปอนด์หรือประมาณ 600,000 บาทขึ้นไป ส่วนมหาวิทยาลัยดังๆ เช่น มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ค่าเทอมก็อยู่ประมาณนี้ ไม่ได้สูงลิ่วกว่าที่อื่นแต่อย่างใด 





อเมริกา ฟากมหาวิทยาลัยอเมริกาพอมีทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติบ้างแต่ไม่ได้เยอะมาก(เท่าอังกฤษ) ส่วนมากใครอยากได้ทุนเรียนอเมริกา อาจต้องหาที่เรียนเองก่อน จากนั้นค่อยไปสมัครขอรับทุนจากภายนอกค่ะ

อังกฤษ มหาวิทยาลัยในอังกฤษมักมีทุนการศึกษาแจกให้เยอะกว่ามหาวิทยาลัยในอเมริกาค่ะ เรียกว่า 90% ของสถาบันในอังกฤษมีทุนแจกกระหน่ำเลยล่ะค่ะ แต่ก็อาจจะลดหลั่นกันไป เช่น ทุนเต็มจำนวน ทุนลดค่าเรียน 50% ทุนลดค่าเรียน 2,000 ปอนด์ อะไรทำนองนี้ บางมหาวิทยาลัยก็ใจดีลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์มาก เช่น หากได้รับเข้าเรียน จะลดค่าเรียนทันที 1,000 ปอนด์หรือประมาณ 50,000 บาท แบบนี้ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ






อเมริกา ถ้าอยู่ในเมืองก็มักเดินทางโดยรถไฟใต้ดินหรือรถบัส ถ้าเดินทางข้ามเมืองจะนิยมใช้รถ Greyhound แต่ถ้าข้ามรัฐไกลมากๆ นั่งเครื่องบินเถอะค่ะ เพราะถ้านั่งรถ Greyhound นี่เป็นวันๆ เลยนะ

อังกฤษ ส่วนมากนิยมใช้รถไฟค่ะ ไม่ว่าจะเดินทางข้ามเมืองหรือข้ามประเทศ เพราะการเดินทางในยุโรปนั้นง่ายมว๊ากกกกกกกกกก เช่น จากอังกฤษ หลับตาแป๊บเดียว 2-3 ชั่วโมงก็มาถึงฝรั่งเศสแล้ว ^^






อเมริกา อเมริกามีหลายรัฐค่ะ แต่ละรัฐก็จะมีอากาศต่างกัน เนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่มาก เช่น ถ้าเป็นทางใต้ๆ เช่น รัฐเท็กซัส ในหน้าหนาวก็จะไม่ได้หนาวเวอร์ แต่พอหน้าร้อนก็ร้อนเหมือนเมืองไทยเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นทางเหนือ เช่น วอชิงตันดีซี ในหน้าหนาวก็หนาวมากๆ หิมะตกตลอด แต่พอหน้าร้อน ก็ค่อนข้างร้อน แต่ร้อนน้อยกว่ารัฐทางใต้ค่ะ ดังนั้นใครชอบอากาศแบบไหน ก็ลองเลือกเรียนตามรัฐหรือเมืองที่ชอบได้เลย

อังกฤษ ถ้าใครไม่ชอบสายฝนล่ะก็ คงต้องไม่ชอบอังกฤษแน่ๆ เพราะอังกฤษเป็นประเทศที่ฝนตกบ่อยมากๆๆๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เถอะ ดังนั้นท้องฟ้าจึงดูมืดครึ้มและไม่มีแดดตลอดเวลา อึมครึมมากๆ ขนาดช่วงนี้ (เดือนกรกฎาคม) บางเมืองก็ยังครึ้มๆ และต้องใส่เสื้อกันหนาวกันอยู่เลยค่ะ

   


     สุดท้ายพี่คงไม่ขอสรุปว่าประเทศไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองประเทศก็มีจุดเด่นที่ต่างกันอยู่แล้ว ว่าแต่น้องๆ ล่ะคะ ถ้าต้องเลือกไปจริงๆ อยากไปประเทศไหนกัน^^ ส่วน
พี่เป้ ขอเลือกอังกฤษค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างชอบยุโรปมากทีเดียว


ย้อนอ่าน Q&A(broad) ตอนที่ผ่านมา



Q&A 9 คำถามต้องรู้ก่อน "ขอทุนเรียนต่อนอก"


Q&A รวม 6 โรงเรียน ณ อังกฤษ ค่าเทอมถูกกว่าที่อื่น!



เด็กดีดอทคอม :: 28 วันใน
TWITTER @PAYDEKD
ภาพประกอบ : 
railway-technology.com , static.guim.co.uk , kapstar.com

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Porper 8 ก.ค. 56 12:58 น. 1
ตอนนี้ก็เล็งๆมหาลัย Ivy อยู่...
สิ้นเดือนนี้จะลาออกจากที่ไทยแล้วไปเรียน IB ที่อังกฤษแล้วค่ะ
อยากเรียน A-level เหมือนกัน แต่มหาลัยในอเมริกาเค้าไม่ค่อยพิศวาสกันเท่าไหร่
เลยตัดสินใจเรียน IB ไปค่ะ
0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

Porper 8 ก.ค. 56 12:58 น. 1
ตอนนี้ก็เล็งๆมหาลัย Ivy อยู่...
สิ้นเดือนนี้จะลาออกจากที่ไทยแล้วไปเรียน IB ที่อังกฤษแล้วค่ะ
อยากเรียน A-level เหมือนกัน แต่มหาลัยในอเมริกาเค้าไม่ค่อยพิศวาสกันเท่าไหร่
เลยตัดสินใจเรียน IB ไปค่ะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากข่าว ค่าย กิจกรรม กรุณาไปที่ www.dek-d.com/activities

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด