ปฏิวัติ!! การเมืองในบ้าน ตอนนี้สถานการณ์การทางการเมืองลดความร้อนระอุลงอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเย็นสบายสงบสุขดี เชื่อว่าหลายคนยังรู้สึกเหนื่อยล้ากับการรับข่าวสารทางการเมือง หรือได้รับผลกระทบต่อการออกมารวมตัวทางการเมืองอยู่เป็นระยะๆ ในเว็บบอร์ด Dek-D.com เอง ตอนนี้ก็ยังมีกระทู้เกี่ยวกับการเมืองและมีชาว Dek-D.com ออกมาตอบอยู่ไม่น้อยทีเดียว และแม้ความสนใจของวัยรุ่นส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในวงข่าวสารบ้านเมืองนัก อาจไปสนใจเรื่องเพื่อน แฟชัน กีฬา เกม หรือเทคโนโลยี แต่ต้องยอมรับว่าแนวคิดทางประชาธิปไตยเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตเด็กรุ่นใหม่ ทั้งในรูปแบบการตัดสินใจต่างๆ หรือเป็นบทเรียนในโรงเรียนมาโดยตลอด แต่ถามว่า แล้ววัยรุ่นไทยเราเข้าใจประชาธิปไตยมากขนาดไหน เชื่อว่าคงไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่โตกว่าวัยรุ่นแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจว่า ประชาธิปไตย มีความหมายที่แท้จริงอย่างไร ถึงวัยรุ่นจะเบื่อการเมือง แต่จะเบื่อและเซ็งยิ่งกว่า
ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกัน เพราะ ไม่เข้าขั้วกันการเมือง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ สิ่งที่เด็กควรได้เรียนรู้แต่เด็ก จนถึงเป็นวัยรุ่น และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์นั้น คือ การเรียนรู้กฎเกณฑ์ การยอมรับและเลือกปฏิบัติในสิ่งที่เหมาะสม และที่สำคัญ คือ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และนำไปคิดตามได้อย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อเขาเข้าสู่วัยที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เช่น ตอนวัยรุ่นนี้ ก็จะสามารถที่มีความสามารถในการแยกแยะความถูกผิด และสามารถเลือกเสพสื่อที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ แน่นอนว่าก็จะเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดเห็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมืองเป็นของตนเองได้ หลายๆ คนอาจถามว่า แล้วทำไมจะต้องให้วัยรุ่นเรียนรู้เรื่องการเมือง ในเมื่อที่จริงแล้ว วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจการเมืองเลย นั่นเพราะว่าเราต้องเป็นคนหนึ่งในสังคม การเข้าใจการเมืองในบ้านตนเอง มีค่ามากกว่าแค่การไปเลือกตั้งได้เมื่ออายุถึงครบกำหนด และหากการเมืองร้อนระอุจริงจังขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าตนเอง ลูกวัยรุ่น จะกลายเป็นเครื่องมือหรือเหยื่อของทางการเมืองเมื่อไหร่
ผู้เขียนมีความเห็นว่าบทบาทของพ่อแม่ต่อลูกวัยรุ่น ในการรับข่าวสารทางการเมือง คือ การพูดคุยแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวบ้าน ข่าวเมืองอย่างสม่ำเสมอ คุยอย่างมีเหตุผล มีตัวอย่าง ตอนนี้ สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีไม่แพ้วงสภากาแฟของผู้ใหญ่ สื่อตลกโปกฮามีสาระทางการเมืองก็มากมาย ล้วนเอามาเป็นหัวข้อพูดคุยได้ไม่เบื่อทั้งนั้น แต่ควรรับสารจากหลายๆ ฝ่าย และไม่ต้องพูดคุยกันทุกวันแบบวิเคราะห์ข่าวภาคดึกก็ได้ วันไหนมีเหตุการณ์สำคัญก็ถามลูกบ้าง เล่าให้ลูกฟังบ้าง แล้วก็ถามเขาว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ แรกๆ ลูกอาจไม่มีเรื่องพูด แต่หากเราสนใจและถามความเห็นลูกสม่ำเสมอ แค่นี้ก็ถือว่าได้สอนให้เข้ารู้จักการแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม ตามสิทธิอันพึงมีในฐานะพลเมืองของรัฐประชาธิปไตยแล้ว
ความคิดเห็นจากกระทู้ | เด็กและวัยรุ่น ไม่ค่อยจะออกมาทะเลาะกันเองเพราะมีความคิดเห็นต่างขั้วทางการเมือง นั่นเพราะไม่ใช่เรื่องในความสนใจ การเมืองยังน่าเบื่อเสมอ และแต่ละคนอาจยังไม่ได้เลือกข้างเลือกฝ่ายด้วยตนเอง แต่หากวันใดที่ต้องเลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็อยากให้วัยรุ่นเลือกข้างด้วยวิจารณญาณที่ดี มีหูที่คัดกรองข่าวสารเป็น มีตาไม่มืดมัวไม่รับสารแต่ฝ่ายเดียว มีเหตุผลที่ดี เราหรือใครอาจไม่ได้เลือกขั้วการเมืองที่เป็นฝ่ายชนะได้ตลอดไป แต่เราสามารถที่จะเลือกที่จะไม่เป็นเหยื่อทางการเมืองในทางใดทางหนึ่งได้ อย่างน้อยสิ่งการเมืองสอนใจคน คือ เรื่องของสิทธิของคนเราที่จะทำสิ่งใดก็ได้โดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนภายใต้กรอบกฎหมายที่สังคมนั้นๆ ยอมรับ และการรู้จักรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของคนอื่นนั่นเอง วันนี้เรื่องทางการเมืองยังคงอุ่นๆ เป็นโอกาสอันนิ่งนอนใจไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ปะทุเพลิงใหม่ แล้วค่อยดูแลปลูกฝังวิธีการร่วมมือแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมค่ะ การเมือง...เรื่องน่าเบื่อ ไม่ใช่งานของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นงานของพลเมืองไทยทุกคน
แหล่งข้อมูล: คลิปวิดีโอ จาก iheredottv@youtube https://www.youtube.com/watch?v=0I3y5WsZx14 |
11 ความคิดเห็น
แหๆหวังว่าปีนี้คงไม่หยุดเรียนเพราะชุมนุมกันอีกนะ
ที่โรงเรียนยังมีคนเถียงเล่นๆเลยว่าจะเลือกเบอร์ไหน โอ้โห
นัดอาจารย์ไว้สายเลย
ขอบคุณค่ะ เวลาได้ยินข่าวแบบนี้ทีไร สงสารพระเจ้าอยู่หัวมากกว่า
ทำยังไง ก็เลี่ยงการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว
ปล. น้องคห. 10 พูดดีมาก ถ้ามีปุ่มให้กดLIKE พี่จะกดให้ อิอิ ^^