เรื่องมันเศร้าของวัยรุ่นตอนต้น วุ่นพิลึกอยู่กับร่างกาย
แต่อีกประเด็นหนึ่งในความทุกข์ของวัยรุ่นเจ้าของกระทู้นี้ คือ ประเด็นที่แม่พูดเรื่องตนเองกับคนอื่น สำหรับผู้ใหญ่อาจเป็นการพูดธรรมดา ไม่มีเจตนาล้อเลียนหรือดูถูก แต่กลับกระทบถึงเจ้าของเรื่องโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว และในการพูดเรื่องร่างกายของลูกวัยรุ่น ให้ดูเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ว่าอารมณ์ไหน ตอนนั้นถ้าผู้ใหญ่ได้หันไปมองลูก อาจเห็นลูกยิ้มแหย หน้าแดง หรืออาจทำหน้าเฉยๆ ก็ได้ แต่หัวใจนี่เสียหายมากไปแล้ว...
เรื่องเล็กน้อยของวัยรุ่น โดยเฉพาะวัยรุ่นตอนต้นวัย 11 - 13 ปี แบบนี้ ตามหลักพัฒนาการวัยรุ่นแล้วเป็นวัยที่มีความมีความกังวลกับร่างกายตนเองมาก กลัวว่าตัวเองจะไม่เหมือนคนอื่น และการรับรู้ของวัยรุ่นตอนต้นนี้จะตัดสินใจอย่างมีระบบมากขึ้นกว่าตอนเป็นเด็ก แต่จะเป็นการรับรู้และเชื่อถือข้อมูลโดยต้องเปรียบเทียบกับรอบข้างโดยเฉพาะเพื่อนๆ ทั้งนี้จึงไม่แปลกที่วัยรุ่นช่วงนี้จะมีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนตลอดเวลา กลับมาบ้านก็ต้องคุยทางอินเทอร์เน็ต หรือโทรศัพท์หาเพื่อนทั้งๆ ที่ก็เจอกันที่โรงเรียนทุกวัน แต่หากเขินอาย ก็อาจจะตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดต่างๆ เป็นลักษณะที่ "การหาพวก" ถ้าทุกคนเหมือนกันก็จะวางใจ แต่ถ้าไม่เหมือนกันหรือแม้จะต่างเพียงนิดเดียวก็จะกระวนกระวายหาวิธีการตัดสินใจต่อไปค่ะ
นอกจากนี้วัยรุ่นจะรับสารเกี่ยวกับตนเอง แล้วเก็บมาเป็นตัวตัดสินตนเอง หากพ่อแม่ชื่นชมก็ควรชื่นชมแต่พอดี ไม่ควรชมให้ใหญ่โตแม้ในความจริงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม เพราะบางทีลูกก็เขินอายและพาลไม่ชอบใจ(ในใจ)หาว่าพ่อแม่กล่าวเกินจริง ดีไม่ดีกลายเป็นการพูดเวอร์พูดโอ่กับคนอื่นไปเสียอีก ลูกจะจำคำพ่อแม่มาเปรียบเทียบกับคนรอบข้างค่ะ และหากเขาตัดสินใจว่าตนด้อยกว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของเขาก็จะลดลง แต่ถ้าไม่ชมเสียเลย เวลาไปพูดกับผู้ปกครองคนอื่นก็บอกว่าลูกไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เท่าลูกคุณเลยค่ะ (แม้จริงๆ ใจไม่ได้คิด แค่ถ่อมตัวเยินยอคู่สนทนาเท่านั้น) หากลูกได้ยินก็จะงอน คิดว่าพ่อแม่ไม่รักตน ไม่ภูมิใจในตน ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ก็ไม่พอใจพ่อแม่เช่นเดียวกันค่ะ
การที่ผู้ใหญ่เข้าใจเด็ก ไม่นำเรื่องของเด็กไปเล่าต่อในทางโอ้อวดหรือตำหนิให้ลูกหลานและผู้อื่นได้ยิน เป็นวิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่จะรักษาช่องว่างระหว่างวัยรุ่นให้ไม่ห่างจากผู้ใหญ่ เพราะมีวัยรุ่นหลายคนไม่อยากพูดกับผู้ใหญ่ในบ้าน เพราะกลัวว่าผู้ใหญ่จะไม่เอาเรื่องของเราไปบอกต่อหรือเปรียบเทียบกับคนอื่นนี่แหละค่ะ
ดังนั้น หากเป็นเรื่องต้องการชื่นชมอย่างที่สุด แนะนำบอกล่าว หรือต้องการดุใดๆ ที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ เช่น ผลการเรียน เรื่องร่างกาย เรื่องเพศ เรื่องความรักในใจ ฯลฯ ไม่ใช่การมีคู่กรณีเชิงทะเลาะเบาแว้ง ก็ควรทำแต่ในบ้านและควรพูดกับต่อหน้าลูกคนเดียวค่ะ หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำให้วัยรุ่นรู้สึกอายต่อหน้าผู้อื่นแม้จะเป็นพี่น้องแท้ๆ ของตนเองก็ตามค่ะ
กระทู้ต้นเรื่อง: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2317528
|
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
23 ความคิดเห็น
แวะมาอ่านนะเพื่อน ชั้นว่าไม่ว่าเด็กรุ่นไหนก็คงต้องผ่านประสบการณ์ที่พ่อแม่พูดถึงกันมาทั้งนั้นแหละ ก็อยู่ที่ว่าเด็กคนนั้นจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า แต่ถ้าผู้ใหญ่ได้รู้ใจเด็กมากขึ้นอีกนิด เด็กก็จะมีความสุขมากขึ้นใช่มั้ย อ่านแล้วชั้นอยากเป็นแม่คน 5555
พ่อแม่ก็ไม่พูด ถ้าเราถามจะโดนด่าด้วยซ้ำ เวลาร่างกายเราเปลี่ยน ถ้าไวกว่าเพื่อน เราก็จะโดนล้อ
ถ้าช้ากว่าก็จะอายจะกังวล นอกจากเพื่อนจะทำร้ายเราแล้ว ผู้ใหญ่ยังทำร้ายเราโดยเอาเราไปเปรียบเทียบอีก วัยรุ่นจึงเป็นวัยที่จิตตก
แต่เขาคนที่เป็น "พ่อแม่" จะรู้ไหมว่า "ลูก" ก็มีความรู้สึก
และอีกอย่างนะ พ่อกับแม่เค้าไม่เคยผ่านการเป็นวัยรุ่นเลยรึไง (บางคน)ชอบเอาลูกไปเปรียบเทียบซะจริงๆ เห็นหลายรายแล้ว แม่(คนอื่น)กับเพื่อนข้างบ้านเม้าธ์กันเรื่องลูกอย่างสนุกปาก แต่ลูกยืนอยู่ข้างๆ นี่ทำหน้าอย่างกับอยากขุดหลุมหนี เราเห็นแล้วแอบสงสารแทน
น่าจะเอาไปติดฝาบ้านจัง
?? : น้องๆอายุเท่าไหร่
เรา : 15 ค่ะ - -*
?? : เห้ยจริงดิ ครั้งแรกพี่นึกว่าน้องอยู่มอปลาย
แบบนะ จะบ้าตาย มันโตเกินไป(ทั้งร่างกายและนิสัย)เราอยากใสใสบ้าง แง