ย้อนรอย! อุกกาบาตตกที่รัสเซีย ไม่ใช่แค่แสงวาบบนฟ้า แต่อาคารพังเป็นแถบ


 
            ช่วงหัวค่ำสองวันก่อนกำลังเปิดคอมทำงานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็เห็นหลายคนพูดถึงวัตถุตกแสงสีเขียวตกจากฟ้าจนสว่างจ้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งมองเห็นได้หลายจังหวัดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพฯ ระยอง นครสวรรค์ ขอนแก่น เชียงใหม่ ฯลฯ และไม่น่าเชื่อว่าในประเทศไทยได้เห็นถึง 2 ครั้งในรอบ 2 เดือน คือ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย.
 

ภาพลูกไฟแสงสีเขียวที่มองเห็นหลายจังหวัดในประเทศไทย เมื่อ 2 พ.ย. 2558
credit : www.youtube.com/watch?v=Ls1cfDPDGDI

          ต่อมาได้มีการเปิดเผยจากรองศาสตราจารย์บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติว่า คาดว่าเป็นลูกไฟ (Fireball) ที่เกิดจากวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เสียดสีจนเกิดความร้อนจนลุกไหม้เป็นลูกไฟสว่างและมีควันขาวเป็นทางยาว เหมือนลูกไฟสีส้มที่เคยเกิดมาก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 กันยายน ครั้งนี้ลูกไฟเป็นสีเขียว คาดว่ามีโครเมียมเป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่พบในอุกกาบาตเหล็กค่ะ ทั้งนี้วัตถุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ มีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเศษซากดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางที่ผ่านเข้ามาใกล้โลกเสมอ เศษซากดาวเทียมที่หมดอายุและถูกปล่อยทิ้งไว้ในวงโคจร ก็อาจถูกแรงดึงดูดของโลกดึงกลับมาในชั้นบรรยากาศก็เป็นได้
          แน่นอนว่า ใครที่ได้เห็นกับตาในวันนั้นคงตื่นเต้นและกลัวแน่ๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่เห็นชัดจนฟ้าสว่างผิดปกติ แต่ไม่ต้องตื่นกลัวไปค่ะ เพราะลูกไฟลักษณะนี้เป็นไปได้น้อยมากที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เพราะลูกไฟนี้มีการเผาไหม้ที่ระดับสูงมากและอยู่ห่างจากโลกค่ะ

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วันนี้พี่มิ้นท์จะพาน้องๆ ย้อนรอยไปดูเหตุการณ์อุกกาบาตตกที่นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดที่พุ่งชนโลกและรุนแรงจนได้รับผลกระทบกันทั้งเมือง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซียค่ะ
         ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2556 ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นช่วงที่คนกำลังออกเดินทางไปทำงาน ชาวรัสเซียในหลายเมืองได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลังจากเห็นแสงวาบพุ่งผ่านท้องฟ้าไป (แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง จึงเห็นแสงก่อน) แต่เสียงระเบิดนี้ไม่ใช่แค่ทำให้คนตกใจเท่านั้น แต่บรรดากระจกตามตึกต่างๆ ทั่วเมืองนับ 4,000 หลังแตกเป็นเสี่ยงๆ รวมถึงอาคารหลายแห่งก็สั่นและพังลงมา และมีผู้บาดเจ็บจากเศษกระจกแตกนับพันคน

 
ภาพอุกกาบาตตกเหนือน่านฟ้าประเทศรัสเซีย เมื่อ 15 ก.พ. 2556
credit : https://en.wikipedia.org/wiki/Chelyabinsk_meteor

       อุกกาบาตที่เกิดขึ้นที่รัสเซียครั้งนี้ พุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อวินาที ก่อนที่จะระเบิดเหนือเมือง Chelyabinsk และพุ่งลงทะเลสาบ Chebarkul ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่า อุกกาบาตชนิดนี้เป็นอุกกาบาตหินที่ประกอบไปด้วยแร่ chondrite และมีเหล็กผสมอยู่เล็กน้อย ความน่าตกใจอยู่ที่ ก่อนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก อุกกาบาตก้อนนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 17 เมตร และมีมวลประมาณ 10,000 ตัน ถ้าเทียบให้เห็นภาพก็เท่ากับรถยนต์เกือบ 8,000 คัน ความร้อนจากการเสียดสีอย่างรุนแรงกับอากาศขณะที่อุกกาบาตพุ่งเข้าหาโลก ทำให้อากาศขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว จนระเบิดและเป็นควันยาวถึง 20 กิโลเมตร และด้วยความเร็วเหนือเสียงทำให้อากาศอัดแน่นและแผ่อออกไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเกิดเป็นคลื่นกระแทก (shock wave) อาคารต่างๆ ก็เลยพังอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
 

ซ้าย - อุกกาบาตระเบิดเกิดเป็นควันสีขาวพาดยาวบนท้องฟ้า
ขวา - ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุกกาบาตระเบิดที่รัสเซีย

credit : www.rt.com/news/meteorite-crash-urals-chelyabinsk-283/


ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุกกาบาตระเบิดที่รัสเซีย
credit : http://news.xinhuanet.com/english/world/2013-02/16/c_132172036.htm
 
       หากใครสงสัยเพิ่มเติมว่า แล้วถ้าอุกกาบาตตกลงพื้นล่ะ จะเป็นยังไง? พี่มิ้นท์มีบทความเรื่อง 10 หลุมอุกกาบาต..ที่บ่งบอกว่าอุกกาบาตเคยตกใส่โลกจริง! สนใจก็กดอ่านได้เลยจ้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน),
www.narit.or.th/index.php/2012-11-15-06-31-22/308-2556,
www.rt.com/news/meteorite-crash-urals-chelyabinsk-283/
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด