ผู้ใหญ่ว่าเหลิง แต่วัยรุ่นว่ากดดัน! "ต้องทำมากแค่ไหน พ่อแม่ถึงจะชมว่าดี"

เราตั้งใจเรียนให้ได้ที่ 1 มาตลอด แต่พ่อแม่ไม่เคยชม
 
เราเลี้ยงน้องมาตลอด แต่พอเราทำน้องร้องไห้ครั้งเดียว แม่ดุราวกับว่าเราไม่เคยดูแลน้องมาก่อนเลย

เราเก่งกีฬา ได้เหรียญมาตลอด แต่พ่อไม่เคยสนใจ แต่พอเกรดตกครั้งเดียว พ่อเราให้เลิกเล่นกีฬา

 
เราจัดดอกไม้ได้ ช่วยงานเวทีโรงเรียนมาตลอด ครูก็ชมให้พ่อแม่ฟัง แต่พ่อแม่ไม่เคยสนเราเลย

ตอนอ่านหนังสือพ่อแม่ไม่เคยมองเห็นเรา แต่พอเรากดมือถือต้องหันมาพูดทุกครั้งว่า
"ไม่รู้จักแบ่งเวลา เอาแต่เล่นเกม"



 

"ต้องทำแค่ไหนพ่อแม่จึงจะพอใจ ต้องทำแค่ไหน พ่อแม่ถึงจะบอกว่าดี"
 

            วัยรุ่นชาว Dek-D อาจะเคยรู้สึกแบบนี้บ้าง เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่มาพร้อมๆ กับวัยรุ่นสมัยนี้ที่ต้องเผชิญการแข่งขันทางการเรียนหรือกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน ดังกระทู้ตามภาพด้านล่างนี้

http://www.dek-d.com/board/view/3608114/
 
             จริงๆ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า โดยส่วนมากแล้วพ่อแม่ไม่ได้รังเกียจหรือไม่ภูมิใจในตัวลูกตัวเองหรอกค่ะ สังเกตได้ง่ายๆ ว่าตอนลูกเล็กๆ จะเห่อลูกมาก ไม่ว่าลูกจะเดิน นอน นั่ง กิน พูด ที่ไหน พ่อแม่ก็มองว่าน่ารักไปเสียหมด แต่พอลูกโตขึ้น เข้าวัยโรงเรียน เข้าสู่วัยรุ่น พ่อแม่ก็จะเข้าสู่โหมด "ไม่ชมลูก กลัวลูกเหลิง" ตามแบบฉบับพ่อแม่สังคมไทย พ่อแม่ของวัยรุ่นไทย จึงมักเก็บเงียบคำชม ลูกทำดีก็ถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าลูกทำไม่ดี ยังไงก็ต้องว่ากล่าวตักเตือน เพราะฉะนั้นการชมจึงไม่ใช่เรื่องถนัดของพ่อแม่คนไทย นี่ก็สืบเนื่องมาจากสังคมไทยเป็นสังคมถล่มตัว เอ้ย ถ่อมตัวด้วยค่ะ แต่ก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน จึงทำให้มีผู้เห็นพ้องกับเจ้าของกระทู้ข้างต้น และออกมาเล่าเรื่องแบบเดียวกันตามภาพด้านล่างนี้


ต้องพยายามแค่ไหน พ่อแม่ถึงจะภูมิใจ รู้ไหมต้องกดดันแค่ไหน เพื่อไม่ให้พ่อแม่ผิดหวัง
 
  

            พอพ่อแม่เก็บเงียบคำชม ลูกวัยรุ่นจึงไม่รู้สึกว่าพ่อแม่ภูมิใจในความสำเร็จของตัวเขาเลยค่ะ และยิ่งถ้าพ่อแม่เป็นสายเข้มงวดมากขึ้นระดับไหน ก็มีแนวโน้มว่าลูกจะยิ่งกดดันมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ 



 
          และเมื่อเป็นเช่นนี้จะต้อง "ทำแค่ไหน พ่อแม่ถึงจะภูมิใจในตัวเราล่ะ" ลองมาดูคำตอบดีๆ จากในกระทู้เดียวกันนี้เช่นกันค่ะ

1. ถึงพ่อแม่ไม่พูด แต่ตัวเราก็ต้องภูมิใจในตัวเอง



2. มองมุมกลับ พ่อแม่ก็อาจจะกังวลว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ไม่ดีพอเหมือนกัน 

3. เชื่อสิ ว่าท่านรักเรา และต้องพิสูจน์ให้ท่านเห็น


              
                   ส่วนในมุมพ่อแม่ และผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปกครองนั้น ต้องพึงระลึกและเข้าใจด้วยว่า "ไม่ว่าใครก็ต้องการคำชื่นชม"  เพราะถ้าคนที่เรารักอย่างพ่อแม่ ไม่แสดงออกความภูมิใจในตัวลูกหลานเลย เด็กและวัยรุ่นอาจจะไม่รู้สึกถึงข้อดีในตัวเอง รู้สึกว่าขนาดพ่อแม่ยังไม่เคยยอมรับในตัวเองเลย เด็กก็จะมองไม่เห็นข้อดีของตัวเอง และกลายเป็นคนขาดความภาคภูมิใจในตัวเองไป คนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มีแนวโน้มว่าจะมองโลกในแง่ร้าย ชอบทำอะไรสุ่มเสี่ยง และไม่ยอมรับฟังผู้อื่น ทั้งนี้ก็เพราะเขายังไม่ยอมรับตัวเองเลยค่ะ

งั้นต้องชมอย่างไร ไม่ให้เหลิง?

                   การแสดงความชื่นชมที่เหมาะสม คือการชมที่ผลลัพธ์และพฤติกรรมเป็นสำคัญค่ะ ไม่ควรชมส่งๆ เหมือนไม่มีความจริงใจ หรือชมด้วยคำที่ไม่แสดงออกว่าชมเรื่องอะไร ไม่ชมแบบคาดหวัง ซึ่งอาจทำให้เกิดเหลิงหรือเกิดความกดดันมาแทนที่ความภูมิใจค่ะ  

          สมมติว่า ลูกสอบเลขได้คะแนนเต็ม 
ไม่ควร: ลูกมีพรสวรรค์จริงๆ
           ลูกเป็นอัจฉริยะแท้ๆ ยอดเยี่ยมที่สุด

เพราะการชอบแบบนี้อาจทำให้เด็กรู้สึกว่า เขาเก่งมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนก็อัจฉริยะอยู่แล้ว ส่วนวัยรุ่นก็อาจคิดว่า ที่พ่อแม่ชมก็แค่คำติดปากเวอร์ๆ ชมส่งๆ ไปงั้นแหละ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชมอะไรอยู่ 

ไม่ควร: เยี่ยมๆ เก่งเลขขนาดนี้ เรียนหมอได้แน่ๆ

การชมแบบนี้คือใส่ความคาดหวังเข้าไปด้วย ซึ่งผู้ใหญ่อาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ลูกอาจคิดไปถึงว่าพ่อแม่อยากให้เป็นหมอ พ่อแม่คาดหวังไว้ในคำพูดชมบ่อยๆ จนกดดันค่ะ

ควร: ลูกมีความพยายามจริงๆ เลยได้ผลคะแนนเต็มแบบนี้ เจ๋งมากๆ
       โอ้โห เยี่ยมเลย แปลว่าลูกตั้งใจในการสอบเลขครั้งนี้มากๆ ดีที่สุดๆ
       พ่อภูมิใจจริงๆ ที่ลูกตั้งใจเพื่อการสอบเลขครั้งนี้มากๆ 

จริงๆ การพูดทั้งสองแบบ คือการชมเหมือนกันค่ะ แต่จุดโฟกัสของการชมของแบบที่ควร ตามตัวอย่างด้านบนนี้ไปอยู่ที่พฤติกรรมซึ่งทำให้เกิดผลดี อย่างกรณีนี้คือ ลูกตั้งใจทบทวนวิชาเลข จนทำคะแนนได้เต็ม พ่อแม่ก็ชมที่ความตั้งใจ ครั้งหน้าลูกก็จะรู้สึกและเข้าใจได้ว่า "ความตั้งใจ นำมาซึ่งความสำเร็จ" ค่ะ

 



                 สรุปได้ว่า ทั้งพ่อแม่/ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปกครองเอง ก็ต้องนึกถึงใจลูก และต้องมีสติกับคำพูดและพฤติกรรมที่แสดงออกต่อลูกวัยรุ่น เพราะสิ่งที่พ่อแม่พูด จะกระทบจิตใจของลูกได้ง่ายกว่าคำพูดคนอื่นๆ อยู่แล้วค่ะ   ส่วนวัยรุ่นขอให้เชื่อมั่นใจตัวเองให้มากๆ ไว้ว่า ใครก็ทำให้เสียความเป็นตัวเองไปไม่ได้ ตัวเราไม่สามารถเลือกผู้ปกครองหรือสภาพแวดล้อมได้ แต่ตัวเราสามารถเชื่อในหัวใจตัวเอง เชื่อว่าจะก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเราเองค่ะ ถึงเราจะเจ็บปวดจากใครก็ตาม แต่เราเอาความเจ็บปวดนั้นมาเป็นพลังได้เสมอค่ะ ลองเชื่อมั่นใจตัวเองดูนะคะ สู้ สู้ วัยรุ่น! 
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
LIIS Member 22 ส.ค. 59 16:15 น. 1

เป็นข้อคิดสำรับวัยรุ่นที่ดีมากคะ ให้ข้อคิดแก่คนอื่นจะทำให้บางคนอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเหล่านั้นจะคิดไปในทางที่ถูกหรือผิดคะ.

0
กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

LIIS Member 22 ส.ค. 59 16:15 น. 1

เป็นข้อคิดสำรับวัยรุ่นที่ดีมากคะ ให้ข้อคิดแก่คนอื่นจะทำให้บางคนอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเหล่านั้นจะคิดไปในทางที่ถูกหรือผิดคะ.

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
เซ็งพ่อแม่สมัยนี้ 23 ต.ค. 60 03:51 น. 5

ก็ ขอฝากถึง พ่อแม่ทั้งหลาย ที่ชอบคิดแบบในกระทู้นี้ กรุณาตระหนักเอาไว้ ลูกคือคน มีจิตใจ ร้องให้ได้ และเจ็บเป็น คุณต้องหาวิธีชมที่พอประมาณ ไม่ใช่เอาแต่ติ มันจะกลายเป็นปมเด็กตลอดไป บางคนถึงขั้นฝังใจว่าตัวเองไม่มีอะไรดี เพราะพื้นฐานจิตใจอ่อนแอ ถ้าไม่รู้ทำไง ก็ไปปรึกษาหมอเด็ก จิตแพทย์เด็ก คำแนะนำหมอเด็กบนเฟสก็เยอะแยะ หัดเอามาใช้บ้าง อย่าอ้างงาน อ้างยุ่ง อ้างลำบาก ถ้าไม่มีปัญญาทำ งั้นอย่ามีลูกเลยดีกว่า บ่องตง

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด