"เทย์เลอร์ สวิฟต์" ชื่อนี้รับประกันความเป็นตัวแม่! ไม่ว่าจะด้านผลงานเพลงปังๆ หรือด้านความรักสุดฮือฮา เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นสาวแกร่งที่ไม่กลัวความผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว (เทย์พร้อมเทเสมอ!) สำหรับใครที่อยากรู้ว่าทำไมเทย์เลอร์สตรองเบอร์แรงขนาดนี้ พี่กวางหยิบเอาประโยคดีๆ ที่เธอเคยให้ข้อคิดเรื่องความรักไว้มาฝากค่ะ อ่านแล้วจะรู้เลยว่า ความรักที่ดี เริ่มจากรักตัวเองก่อนนะ
“I think every girl’s dream is to find a bad boy at the right time, when he wants to not be bad anymore.” (Parade, 2012)
“ฉันว่าผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันจะเจอ Bad Boy ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยาก bad อีกต่อไปแล้ว”
บทเรียน : หนุ่มๆ รู้ไว้ซะ ที่บอกว่าสาวๆ ชอบ Bad Boy น่ะมันไม่ใช่เพราะความ Bad หรอกนะ แต่สาวๆ ชอบแอบลุ้นว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงเขาได้รึเปล่า หรือเขาจะกลายเป็น Lovely Boy ต่อหน้าเธอคนเดียวหรือไม่ จำไว้เลยว่าสุดท้ายแล้ว ใครๆ ก็อยากมีความรักดีๆ ทั้งนั้นแหละ
“When you have a broken heart, the first thing a stranger will ask is ‘how long were you two together?’ As if your pain can be determined by how long you were with someone…I don’t think that’s how it works.” (Instagram)
“เมื่ออกหัก สิ่งแรกที่คนแปลกหน้าถามคือ ‘พวกเธอคบกันนานเท่าไหร่แล้ว?’ เหมือนว่าความเจ็บปวดจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราคบกันอย่างนั้นแหละ...ซึ่งฉันไม่คิดว่ามันใช่หรอกนะ”
บทเรียน : "คบกันนานเท่าไหร่เชียว?" "ไม่เห็นต้องเสียใจเลย" "ของเราหนักกว่าตั้งเยอะ" คำพูดพวกนี้ ขอบอกว่า ห้ามพูดเด็ดขาด เลยนะคะ เพราะมันไม่น่ารักเลยที่เราจะเที่ยวตัดสินความรู้สึกของใครโดยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จำไว้ว่าไม่ว่า 1 วันหรือ 1 ปี ความรักก็คือความรัก และความเสียใจก็คือความเสียใจ ดังนั้นถ้ารักและเป็นห่วงกันจริง ไม่ต้องถามอะไรมาก แค่รับฟัง และให้กำลังใจกันก็พอจ้ะ
“If I was in that situation, it I were them, Would I be doing this to me? Would I ever do this to them? It the answer is no, then they’re not treating me fairly. I just don’t ever want to end up in a relationship that isn’t fair ever again.” (Cosmopolitan, 2012)
“ในสถานการ์ณแบบนั้น ฉันจะถามตัวเองว่า “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทำแบบนี้กับตัวเองมั้ย?” หรือ “ฉันจะทำแบบนี้กับพวกเขามั้ย” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” หมายความว่ามันไม่แฟร์ ฉันจะไม่มีทางคบใครที่ไม่แฟร์กับฉันอีก”
บทเรียน : ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก เมื่อต้องเสียความรู้สึก และต้องให้อภัยอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่มีการปรับตัวเข้าหากัน เพราะทุกคนต้องการความเท่าเทียม ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความรัก ดังนั้นความรักที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องวิ่งตามข้างเดียว สุดท้ายจบไม่สวยแน่นอน เทย์ฟันธง!
“I think I am smart unless I am really, really in love, and then I am ridiculously stupid.” (Vogue, 2012)
“ฉันเคยคิดว่าตัวเองฉลาด จนกระทั่งตกหลุมรักใครสักคน...จึงรู้ว่าตัวเองโง่จนน่าขำ”
บทเรียน : แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุด ก็ยังไม่ประสีประสาเรื่องความรัก สติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าเราค่อยๆ เรียนรู้จักความรักอย่างมีสติ รับรองว่าความรักจะไม่ทำร้ายเราแน่นอนค่ะ
“I don’t think there’s an option for me to fall in love slowly, or at a medium speed. I either do or I don’t.” (Parade, 2012)
“ฉันว่าฉันเลือกไม่ได้นะ ที่จะตกหลุมรักใครแบบช้าๆ หรือตกหลุมรักด้วยความเร็วปานกลาง มีแต่จะรักหรือไม่รักก็เท่านั้น”
บทเรียน : ความรักไม่มีสูตรตายตัว ไม่มีสมการที่แน่นอนว่าควรจะดูใจกัน 10 ปี 10 เดือน 10 วัน หรือแม้แต่ 10 นาที บางครั้งความรู้สึกใช่ก็มาในเวลารวดเร็วเพียงเสี้ยววิ หรือบางครั้งก็ต้องใช้เวลาบ่มเพาะนานหลายปี นี่แหละเสน่ห์ของความรัก เพราะมันคาดเดาไม่ได้เลย
“It needs to be equal. If I feel too much like I’m wearing the pants, I start to feel uncomfortable and then we break up.” (Harper's Bazaar, 2012)
“(ความสัมพันธ์) นั้นจำเป็นต้องเท่าเทียม เมือไหร่ที่ฉันรู้สึกว่ามันมากไป เหมือนฉันเป็นผู้นำซะเอง ฉันจะรู้สึกไม่โอเค และลงท้ายด้วยการเลิกรา”
บทเรียน : ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน คือความสัมพันธ์ที่คนสองคนช่วยกันดูแลและประคับประคอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเฉื่อยชา ปล่อยให้อีกคนเหนื่อย หรือต้องคอยนำอยู่ฝ่ายเดียว รับรองความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่เวิร์คแน่ เพราะไม่มีใครชอบถูกเอาเปรียบหรอกนะ แม้แต่ในเรื่องของความรักก็ตาม
“I don’t think I’ve ever yelled at an ex-boyfriend. EVER. I’m not a yeller. I’m not a fit thrower. If something is done. It’s done.” (Elle, 2013)
“ฉันว่าฉันไม่เคยตวาดแฟนนะ ไม่เคยเลย ฉันไม่ใช่คนขี้โวยวาย ไม่ใช่คนช่างบังคับ ถ้าเมื่อไหร่มันจบ มันก็จบ”
บทเรียน : จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะกับความรักหรอกนะ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เราก็ไม่ควรปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล การพูดจาแรงๆ ใส่กันนั้นไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่ได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และถ้ามันถึงที่สุดแล้ว การทำใจจบความสัมพันธ์เพื่อก้าวไปข้างหน้า อาจจะดีกว่าการฉุดรั้งกันไว้ให้เสียสุขภาพจิตก็ได้นะ
“I swore I would never ever get in another relationship if it meant changing who I was, or taking me out of that mode where my friends are everything to me.” (Vanity Fair, 2015)
“ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ตกลงปลงใจกับใครที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือทำให้ฉันต้องห่างจากเพื่อนที่เป็นทุกอย่างของฉัน”
บทเรียน : มันคงเป็นเรื่องดี ถ้าความรักจะเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น และทำให้ทุกวันของเราสดใสขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่ความรักเบียดเบียนเราจนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ไม่ดี หรือทำให้ต้องห่างไกลจากเพื่อนหรือครอบครัวของเรา ก็ถึงเวลาที่จะต้องคิดอีกทีแล้ว ว่ารักครั้งนี้มันควรไปต่อหรือไม่
“Don’t worry. You may think you’ll never get over it. But you also thought it would last forever.” (People)
“ไม่เป็นไรนะ เธออาจจะคิดว่าคงไม่มีวันลืมได้ แต่อย่าลืมว่าครั้งหนึ่ง เธอก็เคยคิดว่ามันคงไม่มีวันจบลงเหมือนกัน”
บทเรียน : คำว่าตลอดไปไม่มีจริง ไม่ว่าจะเป็นการมีความสุขตลอดไป หรือความทุกข์ตลอดไป เพราะเวลาเดินไปข้างหน้าทุกวัน เช่นเดียวกับคนเรา ดังนั้นจงอย่าเกรงกลัว ที่จะยิ้มรับความเปลี่ยนแปลงนะ :)
ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เนอะ สำหรับข้อคิดดีๆ จากสาวแกร่ง เทย์เลอร์ สวิฟต์ คนนี้ ที่แม้ชีวิตรักจะโลดโผนเป็นประเด็นให้เมาท์ตลอด แต่ก็ทำให้เธอมีข้อคิดดีๆ มาบอกต่อพวกเรากันมากมาย น้องๆ ล่ะ ใครมีข้อคิดอะไรที่ได้เรียนรู้จากความรักแล้วอยากแชร์บ้าง ไม่ต้องลังเลนะคะ เมนต์มาได้เลย เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ คนอื่นด้วยไงล่ะ
ข้อมูลจาก
10 ความคิดเห็น
รักนาง
เทย์เลย์มีแต่ข่าวเสื่อม ความดังค่อยๆลดหายไป
ปล่อยใหติ่งเขามโนต่อไปเถอะว่ายังดังอยู่
นางสวยนางเริ่ดจริงจริ๊งงงงงง>3<
"ความรักที่แท้จริงต้องไม่ใช่การตกหลุมรัก เพราะอะไรที่ตกมักจะเจ็บเสมอ" อันนี้เพื่อนเราเคยพูดไว้ แต่นางบอกว่าก็เอามาจากแม่เทย์นี่แหละ 55555
สุดยอดมากที่มองว่าความรักคือการเรียนรู้ และจะดำเนินไปในทางใดก็ตามรักก็คือรักและมีวันจบเช่นเดียวกัน
ชอบผลงานเพลงนางมาก555เอาไว้คุยกับแฟนเก่า
Gang สาวผม Blonde หน้าตา รูปร่าง เสียง ดีกันทุกคน Taylor Swift & Avril Lavigne
จากเด็กสาวใสๆ
เธอคงผ่านอะไรมาเยอะซิน้าา