ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวระหว่างผู้ใหญ่ กับเด็กและวัยรุ่นน่าสนใจหลายๆ เรื่อง แต่ก็มาในด้านลบ อย่างผู้ใหญ่ลงโทษเด็กด้วยวิธีการรุนแรงต่างๆ ส่วนในเว็บบอร์ดเด็กดีเองที่มักมีวัยรุ่นมาระบายความในใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในบ้าน โดยเฉพาะพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงตามวัยของวัยรุ่น วัยค้นหาตนเอง วัยต่อต้าน วัยต้องการการยอมรับ เกิดเป็นช่องว่างระหว่างวัยระหว่างผู้ใหญ่และวัยรุ่นค่ะ




        ดังนั้น ครั้งนี้ผู้เขียนจึงขอเสนอแนวทาง 3 ข้อ เพื่อดึงให้ช่องว่างระหว่างผู้ใหญ่ และวัยรุ่นได้เข้ามาใกล้ชิดกัน แต่ในหัวข้อเชิงลบบ้างเหมือนกันนะคะ "พ่อแม่แบบไหนที่วัยรุ่นไม่ต้องการ"



1.พ่อแม่ที่ปล่อยวัยรุ่นไว้กลางทาง 

              ตอนเด็กๆ ดูแลใกล้ชิดราวกับไข่ในหิน อยู่มาวันหนึ่งเกิดอยากปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ คิดว่าลูกต้องการพื้นที่ส่วนตัว เลยคอยอยู่ห่างๆ จริงๆ เป็นความคิดที่ดีที่ให้ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่วัยรุ่นค่ะ แต่หากทิ้งพื้นที่ใกล้ชิดระหว่างลูกมากเกินไป มันจะกลายเป็นความห่างไกลแทนที่ค่ะ พ่อแม่ปล่อยลูกเป็นอิสระ แต่กลายเป็นว่าแทบไม่ได้เห็นความเปลี่ยนไปของลูกเลย  ...วัยรุ่นทำอะไรแสนภาคภูมิใจ พ่อแม่ก็ไม่รู้ พ่อแม่เลยพลาดโอกาสชื่นชมลูก ลูกอยากปรึกษา (สมมติเรื่องเรียนต่อ) แม่ก็ว่า "แม่เชื่อใจลูก ลูกเลือกได้" ถ้าวัยรุ่นเอ่ยปาก อย่างน้อยที่สุดก็แปลได้ว่าเขากำลังลังเลและต้องการคำปรึกษาค่ะ 


            อย่าเพิ่งปล่อยวัยรุ่นไว้กลางทาง อย่าปล่อยให้พื้นที่ของความผูกพันนั้นว่างเปล่าเกินไป จะต้องยังมีเงาพ่อแม่ ให้ลูกวิ่งเข้าหาได้ในเวลาที่ต้องการค่ะ วัยรุ่นก็ยังต้องการความสนใจจากครอบครัว แม้อาจจะคึุกคะนองและมั่นใจตัวเองแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะเพียงพอต่อๆ ทุกการกระทำ ยังต้องการกำลังใจเวลาที่ผิดพลาด ยังต้องการคำชื่นชมเวลาได้ทำอะไรดีๆ ขอแค่ไม่แทรกแซงกิจกรรม แต่ยังต้องเฝ้าระวังและคอยเตือนค่ะ ไม่อย่างงั้นวัยรุ่นอาจพาลคิดไปได้ว่า พ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดตัวเองเสียแล้วไปกันอีกค่ะ 



2. พ่อแม่ที่ชอบกั้นกระจกใสไว้บางๆ 
                ปล่อยลูกไว้กลางทางก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่ผู้ใหญ่ช่างกั้นกระจก...น่ากลัวยิ่งกว่า พ่อแม่ช่างกลั้นกระจกนี้หมายถึงพ่อแม่ที่เข้าถึงยากค่ะ ไม่ได้ละเลยลูก แต่ก็ไม่ได้สร้างบรรยากาศให้ลูกเข้าหาได้ อยากจะพูดอะไรกับพ่อแม่ดูจะเป็นเรื่องยากไปซะหมด เหมือนมีกระจกกั้นไว้ ทั้งๆ ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ทำไมจะเปิดใจคุยกันช่างยากเสียเหลือเกินก็ไม่รู้!  

ภาพ: .youtube.com/watch?v=TLngax18A6k (GMM GRAMMY OFFICIAL, youtube)

               วัยรุ่นมักกลัวโดนว่า กลัวพ่อแม่ไม่เชื่อใจ กลัวไม่ปล่อย กลัวไม่ให้ทำ กลัวไปรบกวนเวลาทำงานเหนื่อยๆ ฯลฯ ยิ่งพ่อแม่หลายคน เมื่อพอลูกโตก็เริ่มจะหันไปสนใจใจอย่างอื่นมากกว่า เช่นลูกคนเล็กกว่า หรืองานการที่ทำ พอลูกมาถามก็อาจเผลอชักสีหน้าความเหนื่อยล้าเข้าใส่ เผลอประชดประชัน เผลอพูดตัดกำลังใจ หรือพูดอะไรด้านลบมากกว่าคำดีๆ หรือตอบส่งเดชไม่สนใจ หรือพูดทีไรก็กลายเป้นการจับผิด กลายเป็นว่า พอพูดกับพ่อแม่ทีไร ก็พูดไม่รู้เรื่องซะที และเลิกคุยกันไปโดยปริยาย กลายเป็นพ่อแม่กระจกกั้น คือพ่อแม่ที่ลูกไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยอย่างเปิดใจค่ะ 



3. ผู้ใหญ่จอมวางอำนาจ

             ผู้ใหญ่จอมวางอำนาจ เผด็จการเพื่อให้ได้ตามที่ตนต้องการฝ่ายเดียว ไม่ใช่แต่พ่อแม่หรือผู้ปกครองเท่านั้น แต่หมายถึงผู้ใหญ่รอบข้างวัยรุ่นทุกคนที่คิดว่าสิ่งที่ตนเองมอบให้ทุกคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเท่านั้น แต่ไม่เคยถามคนอื่นเลยว่าต้องการแบบนี้จริงหรือไม่!


 
            ปากบอกว่าปล่อยให้คิดเอง พอลูกวัยร่นคิดมาแล้ว ผู้ใหญ่ขอสรุป "งั้นเอาตามนี้นะ" สุดท้ายที่บอกให้คิดมา ก็เป็นหมันไปหมด เพราะผู้ใหญ่ก็เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่อยู่ดี จริงๆ แล้วไม่ว่าใครก็ต้องการให้คนอื่นรับฟังความคิดเห็นของตัวเองค่ะ การไม่ฟังความคิดของคนอื่นและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนเองทำว่าถูกต้องเสมอ เป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตคนในสังคมรอบข้าง อาจกลายเป็นคนวางอำนาจ ใช้สิทธิตนข่มผู้อื่น หรือคนที่ถูกคนอื่นข่มใส่ก็อาจกลายเป้นคนมีปมในจิตใจไปเลยก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่เอง หรือวัยรุ่นเองก็ตาม การยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น คือการแสดงความเคารพ และเห็นอกเห็นใจทั้งต่อตนเองและผู้อื่นค่ะ เป็นบุคลิกที่ควรติดตัวนำไปใช้เมื่อเติบโตขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้วัยรุ่นกลายเป็นคนเจ้าอำนาจ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ หรือมีปมไม่มั่นใจไม่เชื่อในคุณค่าของตนเอง ก็ต้องเปิดใจรับฟังลูกหลาน และร่วมหาทางแก้หรือหนทางกระทำที่พึงพอใจกันทั้งสองฝ่ายนะคะ 




              สรุปได้ว่า พ่อแม่(และผู้ใหญ่)ที่วัยรุ่นไม่ต้องการก็คือ ผู้ใหญ่ที่ปล่อยปละ เหมือนให้อิสระ แต่จริงๆ คือลืมใส่ใจ และผู้ใหญ่ที่ใช้สิทธิ์ของความเป็นผู้ใหญ่มารังแกผู้อ่อนกว่า โดยการไม่รับฟัง ไม่สนใจ จนกลายเป็นเพียงผู้ทีชอบข่มผู้อ่อนวัยกว่า โดยใช้คำว่าอาบน้ำร้อนมากก่อนเป็นข้ออ้างค่ะ ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ที่มีบทบาทเป็นผู้ปกครองเท่านั้น ครู คนในบ้าน คนข้างบ้าน ที่อยู่ในรอบตัววัยรุ่นก็ควรใส่ใจซึ่งกันและกัน รวมถึงตัววัยรุ่นเอง เวลามีปัญหาก็ลองมองสาเหตุที่ตัวเองก่อน และพยายามคิดถึง ใจเขาใจเราเป็นอันดับแรกค่ะ แล้วสังคมปรองดองผู้ใหญ่กับเด็กก็จะสวยงามแน่นอนค่ะ 
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

zenxor Member 30 ต.ค. 59 01:38 น. 4

>>>ทิ้งไว้กลางทาง<<<

ผมเลย ตอนเด็กๆ ไม่ให้ช่วยทำอะไร พอโตมาบอกวันๆไม่ทำอะไร พอจะทำ ทำไม่เป็นก็บ่น(ก็ไม่เคยบอกว่าทำยังไงอะ- -) 

1
mp59 8 พ.ค. 60 18:51 น. 4-1

เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ตอนเด็กไม่ให้ทำอะไรเลยแต่ตอนนี้ก็บ่นนู้นบ่นนี่ว่าทำไมไม่ทำ(ก็เราทำไม่เป็นนี่หว่า) ผิดนิดหน่อยก็แว้ดๆใส่จนเราต้องพูดดักไว้ก่อนแล้วว่าถ้าจะให้ทำอะไรแล้วทำผิดก็อย่าบ่น อย่าด่า ให้สอนเราดีๆเพราะยิ่งบ่นยิ่งด่าเราจะยิ่งต่อต้านและเราจะไม่ทำ พยายามจะช่วยแล้ว เจ็บเป็นโมโหเป็นเหมือนกันนะตอนเขาด่าอ่ะ

0
กำลังโหลด
๋๋JJ 19 เม.ย. 60 12:09 น. 7

เพราะต่างฝ่ายต่างต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันค่ะ ตอนเป็นเด็กเราก็ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ พอเราเป็นพ่อแม่เราก็ว่าลูกไม่เข้าใจเรา จะดีกว่ามั๊ย ถ้าเราต่างที่เรียนรู้ให้เข้าใจกัน เดินเข้าหากัน ปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ตัวเรา ใจกว้างต่อกัน ยอมรับฟัง อภัยต่อกัน....วิธีการสื่อสาร ความรัก ความปรารถนาดีจากพ่อแม่ ถ้าไม่เรียนรู้การพูดให้เข้าหู จากห่วงใย ก็กลายเป็นถากถาง ที่จริงแล้วพ่อแม่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จเลยพูดกดดันออกไป โดยไม่ใช้วาทะศิลป์การพูดให้ถูกหู มันกงกำกงเกวียนเหมือนกันนะว่าไป รุ่นพ่อแม่ก็โดนมาแบบนี้ มันก็คงซ้ำรอย....5555555 ถ้าทำได้ทั้งสองฝ่ายก็ทะลายกำแพงความไม่เข้าใจออกไป จริงๆ แล้ว ครอบครัวคือสิ่งที่ใกล้เรามากที่สุด คือความอบอุ่น เป็นที่พักใจ ไม่อยากซ้ำรอยที่รุ่นลูกของเรา เราก็ต้องเปิดใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติ ณ บัดนาว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
bananasim23 Member 8 เม.ย. 60 19:48 น. 6

บางที่เราก้ไม่รุ้ว่าเราทำไรผิดแบบนั่งอยู่เฉยๆก้มาด่า พอเราอธิบายเค้าหาว่าเร้าเถียง แล้วพอเราเป็นฝ่ายถูกบ้างเค้าก้จะหาเรื่องอื่นมาด่า บางทีขุดเรื่องตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหามาด่า คือเค้าคิดว่าการตัดสินใจของเค้าถูกเสมอ มีอยู่ช่วงนึงหนูเครียดจนปวดหัวมากค้ะ T^T

1
กำลังโหลด
kittiya707 Member 14 ม.ค. 62 21:11 น. 11

>>>ช่างกั้นกระจก<<<

บ้านเราเลยละ เรียกเฉพาะตอนกินข้าว ตอนจะใช้งาน

พูดน้อยกันทั้งบ้าน เวลาอยากปรึกษาไร ไม่มีพ่อแม่อะ

เพื่อน แฟน โซเซียมเลย

0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
zenxor Member 30 ต.ค. 59 01:38 น. 4

>>>ทิ้งไว้กลางทาง<<<

ผมเลย ตอนเด็กๆ ไม่ให้ช่วยทำอะไร พอโตมาบอกวันๆไม่ทำอะไร พอจะทำ ทำไม่เป็นก็บ่น(ก็ไม่เคยบอกว่าทำยังไงอะ- -) 

1
mp59 8 พ.ค. 60 18:51 น. 4-1

เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ตอนเด็กไม่ให้ทำอะไรเลยแต่ตอนนี้ก็บ่นนู้นบ่นนี่ว่าทำไมไม่ทำ(ก็เราทำไม่เป็นนี่หว่า) ผิดนิดหน่อยก็แว้ดๆใส่จนเราต้องพูดดักไว้ก่อนแล้วว่าถ้าจะให้ทำอะไรแล้วทำผิดก็อย่าบ่น อย่าด่า ให้สอนเราดีๆเพราะยิ่งบ่นยิ่งด่าเราจะยิ่งต่อต้านและเราจะไม่ทำ พยายามจะช่วยแล้ว เจ็บเป็นโมโหเป็นเหมือนกันนะตอนเขาด่าอ่ะ

0
กำลังโหลด
Igawa Emi Member 18 มี.ค. 60 21:22 น. 5

สำหรับเรานะ อยากเปรียบเทียบว่า ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง เป็นสี่เหลี่ยมเท่าๆกัน จะไม่ชอบเวลาเขาเข้ามาล้ำเส้น เพราะมันอาจจะเป็นการสปริงให้มันห่างไกลมากขึ้นไปอีก อยากให้พ่อแม่อยู่ในระดับที่จะจับมือช่วยเหลือกันได้

0
กำลังโหลด
bananasim23 Member 8 เม.ย. 60 19:48 น. 6

บางที่เราก้ไม่รุ้ว่าเราทำไรผิดแบบนั่งอยู่เฉยๆก้มาด่า พอเราอธิบายเค้าหาว่าเร้าเถียง แล้วพอเราเป็นฝ่ายถูกบ้างเค้าก้จะหาเรื่องอื่นมาด่า บางทีขุดเรื่องตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหามาด่า คือเค้าคิดว่าการตัดสินใจของเค้าถูกเสมอ มีอยู่ช่วงนึงหนูเครียดจนปวดหัวมากค้ะ T^T

1
กำลังโหลด
๋๋JJ 19 เม.ย. 60 12:09 น. 7

เพราะต่างฝ่ายต่างต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันค่ะ ตอนเป็นเด็กเราก็ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ พอเราเป็นพ่อแม่เราก็ว่าลูกไม่เข้าใจเรา จะดีกว่ามั๊ย ถ้าเราต่างที่เรียนรู้ให้เข้าใจกัน เดินเข้าหากัน ปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ตัวเรา ใจกว้างต่อกัน ยอมรับฟัง อภัยต่อกัน....วิธีการสื่อสาร ความรัก ความปรารถนาดีจากพ่อแม่ ถ้าไม่เรียนรู้การพูดให้เข้าหู จากห่วงใย ก็กลายเป็นถากถาง ที่จริงแล้วพ่อแม่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จเลยพูดกดดันออกไป โดยไม่ใช้วาทะศิลป์การพูดให้ถูกหู มันกงกำกงเกวียนเหมือนกันนะว่าไป รุ่นพ่อแม่ก็โดนมาแบบนี้ มันก็คงซ้ำรอย....5555555 ถ้าทำได้ทั้งสองฝ่ายก็ทะลายกำแพงความไม่เข้าใจออกไป จริงๆ แล้ว ครอบครัวคือสิ่งที่ใกล้เรามากที่สุด คือความอบอุ่น เป็นที่พักใจ ไม่อยากซ้ำรอยที่รุ่นลูกของเรา เราก็ต้องเปิดใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติ ณ บัดนาว

0
กำลังโหลด
มายเนมอีส... Member 7 พ.ค. 60 23:02 น. 8

คือตอนป.1ตกอังกฤษครั้งแรก..ก้มันยากง่ะT^Tแม่ก้ไม่ได้ว่าอะไรแต่ทำหน้าบูดตลอดเวลาพอถามก้ตอบ อืมๆ ละก้เงียบไปเลยอ่าาเลยไม่อยากตกแต่ก็ตกอยู่ดี...ยิ่งโตมันยิ่งยากขึ้นง่าาา

0
กำลังโหลด
จูนจูน จุงเบย Member 4 ก.ค. 60 19:56 น. 9

แบบที่1(ปานกลาง) คือไม่ได้ทิ้งห่างจนเกินไปแต่คอยดูแลให้คำปรึกษาอยู่ข้างมากกว่า

เพราะพ่อก็เป็นทั้ง3แบบเลย ทิ้งก็ทิ้งตั้งแต่เด็กให้คนอื่นดูแล เวลาจะพูดคุยก็เหมือนไม่อยากจะคุยแบบอารมณ์เสียมาจากไหนก็ไม่รู้ เผด็จการก็เผด็จการถ้าทำอะไรไม่ถูกใจก็บ่นด่าแต่ตัวเองถูกหมด

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
kittiya707 Member 14 ม.ค. 62 21:11 น. 11

>>>ช่างกั้นกระจก<<<

บ้านเราเลยละ เรียกเฉพาะตอนกินข้าว ตอนจะใช้งาน

พูดน้อยกันทั้งบ้าน เวลาอยากปรึกษาไร ไม่มีพ่อแม่อะ

เพื่อน แฟน โซเซียมเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด