2. หลังจากรองพื้นเริ่มเซ็ตตัวแล้ว ก็เซ็ตผิวตามอีกชั้นเพื่อความอยู่ทนอยู่นาน และช่วยให้ผิวดูสมูทขึ้น ด้วยแป้งผสมรองพื้น Nami Make Up Pro All-Day Matte Powder SPF30 PA+++ (189 บาท) โดยใช้แปรงคาบูกิหรือแปรงพุ่มใหญ่ๆ ปัดแทนการใช้พัฟฟ์นะคะ เนื่องจากเราลงรองพื้นไปแล้ว ถ้ากดพัฟฟ์ตามอาจจะทำให้ผิวดูหนา และดูไม่ธรรมชาติ แป้งตัวนี้เค้าปกปิดได้ดีมาก และให้ฟินิชลุคที่แมตต์กำลังดี ไม่ดูแห้งไปค่ะ ราคาน่ารักไปอีก เสียอย่างเดียวจริงๆ ก็คือไม่มีสีให้เลือก ใครสีผิวประมาณพี่โอ๊ตใช้ได้เลยนะคะ

3. เสร็จจากงานผิวมาเริ่มเขียนคิ้วกันดีกว่า ด้วย Mistine T Shape Makeover Eyebrow Secret (199 บาท) เบอร์ 02 สีน้ำตาลอ่อน จริงๆ มิสทีนทำที่เขียนคิ้วออกมากี่รุ่นๆ ก็ปังมาก แต่รุ่นนี้เค้าทำมาให้เราไว้ใช้เฉดดิ้งได้ด้วย เพราะมีด้านฝุ่นที่เป็นหัวฟองน้ำมาให้ แล้วก็ยังมีตัวเคลือบคิ้วมาให้อีก ตัวเดียวจบปังๆ สำหรับลุคนี้ก็ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ เขียนไปตามทรงคิ้วเลย โค้งปลายนิดๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หนาจนเกินไปค่ะ

4. อายแชโดว์ที่ใช้ในลุคนี้ จะออกไปทางโทนชมพูค่ะ ซึ่งพี่โอ๊ตก็จะใช้สีชมพูที่อยู่ในพาเลตต์ MKUP Rosy Nude Eye Palette (799 บาท) เพราะชื่อโปรดักส์เป็นธีมเดียวกับชื่อเพลง 555 ตอนมองด้วยตาคิดว่าทาออกมาน่าจะเป็นชมพูอ่อน แต่ปาดกันจริงๆ พิกเมนต์เค้าแน่นมากค่ะ ไม่ต้องทาซ้ำเลย ที่สำคัญคือไม่เป็นฝุ่นเลยด้วย เลิฟมากๆ ค่ะ แต่ราคาแอบแรงไปนิดง่ะ T^T

5. Ellefar Cosmetics Eyeliner (100 เยน) พี่โอ๊ตซื้อตอนไปญี่ปุ่นค่ะ คิดเป็นเงินไทยแล้วถูกมาก ประมาณ 30 บาทเท่านั้น ตอนเทสต์กับหลังมือคือชอบเลย เนื้อลื่นเขียนง่าย แต่พอเขียนบนหนังตาแล้ว...เอิ่ม...ไม่รอดค่ะ สีไม่ติดเลย ต้องถูแรงมากๆ เจ็บตาไปหมด เสียใจ ฮรึกกกก ลุคนี้เน้นอายไลเนอร์ที่ดูเป็นธรรมชาติ คือทำให้ตาดูคมแต่ไม่เฉี่ยวค่ะ จะใช้อายไลเนอร์แบบดินสอ หรืออายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มก็ได้จ้า
 

6. หลังจากดัดขนตาเสร็จก็ปัดมาสคาร่าโลด จากที่มองด้วยตาเปล่าคิดว่าซากุระไม่น่าจะติดขนตาค่ะ ดังนั้นเราจะใช้ Bisous Bisous Love Blossom Lashita Mascara (595 บาท) ปัดเพื่อให้ขนตาดูยาวขึ้นและโค้งงอนค่ะ มาสคาร่าตัวนี้พี่โอ๊ตประทับใจแปรงเค้าสุดๆ เพราะว่าทำให้ปัดง่าย ไม่เจ็บตา แล้วก็ทนมาก ไม่แพนด้าด้วยค่ะ

7. อย่าปล่อยให้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ใช้ Mei Linda Nobody Blush You #02 Pink Lemonade (189 บาท) ปัดเบาๆ บริเวณหน้าแก้มไปถึงขมับ บลัชออนตัวนี้ดูเหมือนสีจะเบา แต่ปัดแล้วขึ้นง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นต้องระวังหน่อยนะคะ สีนี้คือน่ารักกันตายมากๆ ไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป ปัดแล้วไม่ร่วงเป็นฝุ่นๆ ค่ะ

8. เติมความพุ่งให้หน้าซักนิดด้วย Milani Strobe Light Instant Glow Powder (690 บาท) เบอร์ 05 เพราะผิวซากุระจะดูโกลวนิดๆ คำเตือนคือไฮไลท์แบรนด์นี้เค้าพุ่งมากๆ ทุกคนโปรดเบามือ 555 ชิมเมอร์เค้าเนื้อละเอียดและพิกเมนท์แน่นมากๆ แตะนิดเดียวก็ขึ้นแล้วเด้อ ทุกคนควรมี!

9. เฉดดิ้งนิดนึงเพื่อจมูกที่สันเป็นคมแม้เส้นผมจะไม่ได้ไฮไลท์ ใช้ด้านฟองน้ำที่เป็นเนื้อฝุ่นของ Mistine T Shape Makeover Eyebrow Secret ค่อยๆ แตะเป็นเส้นประ แล้วเกลี่ยด้วยนิ้ว ไม่งั้นมันจะดูเป็นแท่งไม่ธรรมชาติ ปาดตรงแนวกราม แนวเฉดดิ้ง แล้วเกลี่ยโลด
 

10. ขั้นตอนสุดท้ายคือการทาลิป สีปากของซากุระในลุคนี้ จะเป็นโทนชมพูแดงสดใสๆ ดังนั้นเราจะใช้ลิปสองสีค่ะ โดยพี่โอ๊ตเลือกลิปมาจาก Etude Tiny Twinkle Dear My Lips-Talk Velvet Mini Kit (2,200 บาท) ทาสี BE101 เบจอมส้ม ทาทั้งริมฝีปาก แล้วแท็บๆ ขอบปากให้ดูฟุ้งๆ จากนั้นใช้สี RD301 แดงสดใส แตะริมฝีปากด้านในแล้วเกลี่ยออก ลิปรุ่นนี้กลิ่นน้ำหอมค่อนข้างแรงค่ะ บอกไว้ก่อนเผื่อใครไม่ชอบ เนื้อค่อนไปทางแมตต์แต่ไม่ถึงกับแห้งค่ะ ราคาเหมือนจะแรง แต่ทั้งเซ็ตคือได้ลิปทั้งหมด 10 แท่งเลยนาจา
 

11. ปิดท้ายด้วยการล็อคเมคอัพให้แน่นเป๊ะด้วย Urban Decay All Nighter Pollution Protection (1,500 บาท) นอกจากเค้าจะทำให้เมคอัพอยู่ทนทั้งวันแล้ว คุณสมบัติอีกอย่างที่ทำให้พี่โอ๊ตรักมากคือ เค้าช่วยกันฝุ่นและมลภาวะต่างๆ ไม่ให้ทำร้ายผิวหน้าเราโดยตรงอีกด้วย ช่วงที่ฝุ่นเยอะๆ พี่โอ๊ตก็ใช้ตัวนี้แหละ ทำให้หน้าไม่ระคายเคืองจากฝุ่นเลย ชั้นรักเค้า!