สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ English Issues กับ พี่พิซซ่า จะมาช่วยแก้ไขปัญหาการใช้ภาษาอังกฤษเวลาพูดค่ะ ซึ่งทักษะนี้สำคัญมากๆ เวลาต้องสอบสัมภาษณ์ทุนหรือเรียนต่อ หรือแม้แต่การนำเสนองานหน้าห้อง ซึ่งคำที่หลายคนมักจะติดปากเสมอคือ like ฉะนั้นไปดูกันว่าเจ้า like เนี่ยมันเริ่มเป็นคำติดปากเพราะอะไร แล้วเราจะแก้ไขยังไงเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้มั่นใจขึ้นค่ะ
ในภาษาไทยหลายๆ คนมักติดพูดคำว่า "ก็แบบ..." "ก้อ..." หรือ "แบบ..." เช่น อยู่ดีๆ น้องชายฉันก็แต่งหน้ามาให้ดู ฉันก็แบบ... เงิบไปเลย ซึ่งการพูดทางการไม่สามารถใช้สำนวนเช่นนี้ได้ (ควรเป็น "ฉันเลยพูดไม่ออก") ในภาษาอังกฤษก็เช่นกัน คำยอดฮิตที่ทั้งเจ้าของภาษาและผู้เรียนต่างชาติมักหลุดพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจคือ like ค่ะ
แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามพูดคำว่า like กันอีกนะคะ มีบางกรณีค่ะที่เราต้องพูด like จริงๆ แต่ก็มีอีกหลายกรณีที่สามารถเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่ทางการหรือกึ่งทางการกว่านี้ เวลานำเสนองานหน้าชั้นเรียนหรือสอบสัมภาษณ์ ถ้าเราลดการใช้ like ที่ไม่เหมาะสมได้ ก็จะช่วยเพิ่มคะแนนให้ได้ค่ะ ขั้นตอนแรกสู่การลด like คือต้องรู้จักเจ้า like ให้ละเอียดก่อน
like = [กริยา] ชอบ. I like you. ฉันชอบเธอ
[บุพบท] เช่น. I love pastel colors, like mint green, icy blue and baby pink.
ฉันชอบสีพาสเทลเช่นเขียวมิ้นท์ ไอซี่บลู และเบบี้พิ้งค์
ฉันชอบสีพาสเทลเช่นเขียวมิ้นท์ ไอซี่บลู และเบบี้พิ้งค์
[บุพบท] เหมือนกันกับ. Your hat is like mine. หมวกของเธอเหมือนกันกับของฉันเลย
[คุณศัพท์] เหมือนกัน. I cannot remember a like instance. ฉันจำกรณีที่เหมือนกันไม่ได้
[กริยาวิเศษณ์] ประมาณ. I think we sent out like 1,500 invitations.
ฉันว่าเราส่งบัตรเชิญไปประมาณ 1,500 ใบนะ
ฉันว่าเราส่งบัตรเชิญไปประมาณ 1,500 ใบนะ
[สันธาน] เหมือนอย่างที่. It happened like you might expect it would.
มันเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เธอคาดไว้ว่ามันจะเกิดเลย
มันเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เธอคาดไว้ว่ามันจะเกิดเลย
[สันธาน] ราวกับ. He acted like he was afraid. เขาทำท่าราวกับว่าเขากลัว
[ภาษาพูด] ก็แบบ. I asked him, and he was like, "I don't care."
ฉันถามเขาแล้วเขาก็แบบ "ฉันไม่แคร์หรอก"
ฉันถามเขาแล้วเขาก็แบบ "ฉันไม่แคร์หรอก"
like ที่ควรเก็บคือ like ที่หมายถึง "ชอบ" ค่ะ เวลาตอบคำถามว่าชอบเล่นกีฬาอะไร ชอบวิชาไหน ชอบทานอะไร ก็ตอบได้เลยตามจริง I like this. I like that. ใช้เต็มที่ได้เลยค่ะ
ถัดมาคือ like ที่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) เพราะมันมีหน้าที่ขยายคำนาม ถ้าไปเปลี่ยนความหมายของคำนามนั้นอาจจะเพี้ยนไปด้วยก็ได้ ทางที่ดีคืออย่าไปแตะมันค่ะ
นอกจากนี้คือ like ที่มาเป็นกลุ่ม เช่น would like to (อยากจะ) และ look like (ดูเหมือน) ที่ต้องรักษาเอาไว้ก็เพราะมันมาด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนจะไปแยกก็ไม่ควรค่ะ ดีไม่ดีอาจจะแยกแล้วงงกว่าเดิมอีกว่าจะใช้คำไหนแทนดี อันนี้รวมถึงสำนวนสุภาษิตต่างๆ ที่มี like ด้วยนะคะ
like ที่ควรเปลี่ยนคือ like ที่เหลือค่ะ เพราะ like ในความหมายอื่นๆ นั้นจะมีคำที่เป็นทางการกว่าให้เลือกใช้แทนค่ะ
เช่น. เปลี่ยนเป็น such as, for example
I love pastel colors, like mint green, icy blue and baby pink.
I love pastel colors, such as mint green, icy blue and baby pink.
เหมือนกันกับ. เปลี่ยนเป็น similar to
Your hat is like mine.
Your hat is similar to mine.
ประมาณ. เปลี่ยนเป็น nearly, closely, approximately, about
I think we sent out like 1,500 invitations.
I think we sent out approximately 1,500 invitations.
เหมือนอย่างที่. เปลี่ยนเป็น as, just as, in the same way as
It happened like you might expect it would.
It happened in the same way as you might expect it would.
ราวกับ. เปลี่ยนเป็น as if
He acted like he was afraid.
He acted as if he was afraid.
ก็แบบ. เปลี่ยนเป็น said
I asked him, and he was like, "I don't care."
I asked him, and he said, "I don't care."
- เมื่อต้องใช้ภาษาระดับกึ่งทางการจนถึงทางการ ถ้า like ไหนมีคำที่เป็นทางการมากกว่าก็ต้องเปลี่ยน
- เมื่อพูดคำว่า like ไปแล้วภายใน 3 ประโยคก่อนหน้า ไม่ควรใช้คำว่า like อีกเพราะจะฟังดูซ้ำๆ
- เมื่อใช้คำว่า like ในความหมายนั้นไปแล้วในบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น I was like ............. Then she was like ............... so we're like ..............
พิเศษ!! ก่อนจากกันวันนี้ พี่พิซซ่า ก็มีกิจกรรมร่วมสนุกมาให้น้องๆ เล่นชิงรางวัล ซึ่งแน่นอนว่าทั้งกิจกรรมและของรางวัลต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภาษาแน่นอนค่ะ
.........................................................................................................................
**หมดเขตร่วมสนุกแล้วค่ะ**
กติกาการร่วมสนุก
ต้องเป็นสมาชิกเว็บ Dek-D.com เท่านั้น และต้อง log in ตอนแสดงความคิดเห็นด้วย
ขึ้นต้นความคิดเห็นด้วย กิจกรรม จากนั้นตามด้วยหัวข้อที่เลือก และเหตุผล
เฉพาะความคิดเห็นหลักเท่านั้น ไม่นับความคิดเห็นย่อย
ประเทศในฝันของน้องจะเป็นประเทศใดในโลกก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก็ได้ค่ะ
สามารถแก้ไขคำตอบของตัวเองได้จนกว่าจะหมดเวลาร่วมสนุก
หมดเขตแสดงความคิดเห็นชิงรางวัลวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2557 เวลา 9.00 น.
สำหรับความเห็นที่โดนใจพี่ที่สุด 4 ความเห็น จะได้รับของรางวัลเป็นหนังสือชุด "พูดได้ พูดดี" คนละ 1 ชุด ประกอบด้วย พูดได้ พูดดี ภาษาอังกฤษ, พูดได้ พูดดี ภาษาญี่ปุ่น, พูดได้ พูดดี ภาษาจีน และ พูดได้ พูดดี ภาษาเกาหลี (ได้ 4 เล่ม 4 ภาษาแบบในภาพเลยค่ะ)
.jpg)
และจะได้เรียนรู้ภาษอื่นๆเพิ่มอีก
193 ความคิดเห็น
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ มันจำเป็นมาก เกิดเราไปที่ไหนไม่ถูก เราจะได้ถามคนแถวนั้น เช่น
me: Excuse me , Could you tell me the way to post office?
? :Go straight on.Turn left.It's on the right.
หรือ ขอความช่วยเหลือ เช่น
me:Could u help me clean my car?
?:Sure.No problem
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ การไปอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศเรา หนูคิดว่าควรหาทางหนีทีไล่วิธีเอาตัวรอด เพื่อความปลอดภัย เพราะนั้นไม่ใช่บ้านเกิดของเรามีแต่คนที่ไม่รู้จัก คิดว่าการเรียนรู้ประโยคพวกนี้จำเป็นมาก
กิจกรรม
การทักทายและแนะนำตัวเอง
เพราะ เราไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ ใคร??? จะรู้จักเรา จริงมั้ย?? เราควรรู้จักการทักทายและการแนะนำตนเองบ้าง จะได้มีเพื่อนๆ ในการท่องเทียวยังไงหล่ะ
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ เมื่อเราไปต่างประเทศเราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรกับเราบ้าง ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร กินนอนที่ไหน ฉะนั้นแล้วจึงควรรู้ไว้ เผื่อช่วยเราได้บ้าง(เช่น จีน)
กิจกรรม
การขอบคุณและการขอโทษ
เพราะ เป็นคนที่เปิ่นๆ มึนๆ55 ต้องศึกษาคำขอโทษไปเผื่อไปทำให้คนที่นั่นไม่พอใจ และคำขอบคุณเผื่อเค้าอำนวยความสะดวกให้เรา ส่วนการสื่อสารอื่นๆเช่นก ารใช้เส้นทางเราสามารถใช้แผนที่ได้ การซื้อของใช้ภาษามือได้55
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ ถ้าไม่รู้เส้นทางอาจจะทำให้เที่ยวไม่สนุก ถ้าเราหลงทางคนเดียวถึงเราจะพูดแนะนำตัวเองเป็น แต่ถ้าพูดขอความช่วยเหลือหรือสอบถามเส้นทางไม่ได้ เราอาจจะแย่ก็ได้นะคะ เพราะคนที่เราเข้าไปคุยด้วยไม่รู้ว่าเค้าจะเป็นคนยังไง เราไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเค้าจะเดาสิ่งที่เราคิดได้มั้ย เพราะฉะนั้น การสอบถามเส้นทางสำคัญมากค่ะ
กิจกรรม
การอธิบายลักษณะคน สัตว์ สิ่งของ หรือสภาพแวดล้อม
เพราะ ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม ผู้คน สิ่งต่างๆรอบตัวที่อยู่ในประเทศนั้นมากขึ้นว่าผู้คนในประเทศนั้นเป็นคนแบบไหน ชอบหรือไม่ชอบอะไร มีธรรมเนียมอย่างไร รวมกระทั่งสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ถ้าเรารู้ในส่วนนี้ก็จะส่งผลให้เราสามารถปฏิบัติตัวหรือปรับตัวให้เข้ากับประเทศนั้นได้อย่างถูกต้อง
กิจกรรม
สถานการณ์ในสนามบินและร้านค้าต่างๆ
เพราะภาษาเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะไปที่ไหนเราควรจะพูดภาษาสากลได้หรือถ้าไม่ได้เราก็ควรจะฝึกในสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างที่สนามบินหรือว่าร้านค้าต่างๆ สนามบินจะเป็นสิ่งแรกของประเทศที่เรามาถึงแล้วก็จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะมาก่อนจะกลับบ้านเผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับเที่ยวบินที่เราเดินทางกลับบ้าน ส่วนร้านค้ายิ่งมีความสำคัญมากเพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้องของเรายิ่งถ้าเราสื่อสารไม่เข้าใจคนขายก็จะงงแล้วก็จะเป็นอุปสรรคมากต่อการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ ถ้าเราหลงทาง,ทำของหาย เราก็สามารถที่จะสอบถาม,ขอความช่วยเหลือคนบริเวณนั้นได้ แต่ถ้าเราสื่อสารกับใครไม่ได้เลย ก็คงจะยืนงงอยู่นานเลย ฉะนั้นควรจะศึกษาบทสนทนานี้เป็นพิเศษค่ะ
กิจกรรม
การทักทายและแนะนำตัวเอง
เพราะ หากแรกพบทำให้ประทับใจกันและกัน มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องดีๆ ต่อไปในอนาคตครับ ^^
กิจกรรม
การทักทายและแนะนำตัวเอง
เพราะ เมื่อเราไปต่างที่ต่างถิ่น เราต้องเริ่มทำความรู้จักกับผู้อื่นด้วยบุคลิกที่ดูสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และที่สำคัญการยิ้มแบบไทยเรา เพื่อที่ให้เกิดความน่าเอ็นดู
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน
เพราะถ้าเกิดเาไปต่างถิ่นเราก็จะไม่รู้ว่าเส้นทางไปทางไหน เราก็สามารถถามได้ ^^
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ การที่เราไปท่องเที่ยวหรือศึกษาต่อต่างประเทศนั้น ซึ่งเราก็ไม่รู้เส้นทาง ไม่รู้จักที่พักอาศัย หรือมีเหตุกรณีฉุกเฉิน เราก็ควรที่จะศึกษาการสนทนาของแต่ล่ะประเทศนั้นๆ เพื่อไว้เป็นการเดินทางหรือขอความช่วยเหลือจากเหตุร้ายต่างๆค่ะ
กิจกรรม
สถานการณ์ในสนามบินและร้านค้าต่างๆ
เพราะ การจะไปต่างประเทศนั้นก็ต้องไปสนามบินจะกลับก็ต้องใช่สนามบิน หากเราเกิดหลงทางอยู่ในสนามบิน ตกเครื่อง!!
หรือ ว่าต้องการเข้าห้องน้ำ (55555) เราก็สามารถสื่อสารกับบุคคลอื่น เพื่อขอความช่วยเหลือ แนะนำได้ และการที่เราได้ไปประเทศที่เราชอบ ก็ต้องมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือออ การช้อปปิ้ง 
จะได้เอาไว้ถามว่า ราคาเท่าไร สินค้าหมดอายุวันไหน ใช้อย่างไร หรือ ลดราคาได้ไหม 
(555555) เราก็สารมารถสื่อสารได้คะ♥
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะว่า เวลาที่เราลงมาจากสนามบินอาจจะศึกษาแผนที่ ตามเน็ต หรือหนังสือมาอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ถ้าทำหล่นหาย หรือกระเป๋าหาย โดนขโมย จะได้ขอความช่วยเหลือได้ค่ะ และถ้าเรามีความถนัดทางภาษา มาอย่างดี ก็จะทำให้เราเอาตัวรอดได้ ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินค่ะ
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ เราไม่คุ้นกับสถานที่นั้นๆและไม่รู้จักเส้นทางดีพอ ขนาดประเทศเราเองยังมีหลงทางกันได้เลยจริงป่ะ เราก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเขา พอไปประเทศอื่นก็เหมือนกันถ้าเราไม่รู้เรื่องภาษาที่เขาใช้กันเลย เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้น ไม่ว่าจะถามทาง หลงทาง หรือเกิดเหตุร้าย เราก็คงจะสื่อสารขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้ และเราก็จะหมดความสนุกจากที่จะมาเที่ยวกลับต้องมานั่งเครียด ซ่ะงั้น5555+ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องศึกษาไว้เตรียมความพร้อม จะได้สบายใจ:)
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะว่าเมื่อเราได้เดินทางไป ณ ประเทศนั้นแล้ว ถ้าเราไม่รู้ทาง เราก็จะไปหาสถานที่นั้นไม่ได้ และเวลามีเหตูการฉุกเฉิน เราจะไปพูดว่า " ช่วยด้วยๆ " คนประเทศนั้นก็ฟังไม่เข้าใจ และเขาก็จะยืนนิ่งเฉยๆ จนกว่าเราจะเป็นไรไปก่อน และเหตุการณ์นั้นคงไม่มีคนที่สามารถพูดหรือฟังภาษาเราได้มากเท่าไหร่ ยกเว้นโชคดีไปเจอคนที่เข้าใจภาษาของเรา แต่ถ้าถามอย่างอื่นเช่นถ้าเป็นสถานการณ์ในสนามบินหรือร้านค้าต่างๆ เราก็สามารถใช้ภาษามือได้ ในการสื่อสาร หรือไม่ถ้าเป็นสนามบินเขาก็น่าจะมีผู้ที่สามารถสื่อสารภาษาเดียวกันกับเราได้อยู่
กิจกรรม
การสอบถามเส้นทางและขอความช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
เพราะ เมื่อเราไปประเทศอื่นเราก็จะไม่คุ้นเคยหรือรู้เส้นทางของประเทศนั้น และเราก็ต้องถามคนที่อยู่ในระแวกนั้นเพื่อที่เราจะได้ไปตามสถานที่ที่เราจะไปได้อย่างถูกต้อง เพราะไม่งั้นถ้าเราไม่ถามเราก็อาจจะเดินหลง หรือ ไปผิดทางก็จะทำให้เราเสียเวลามากขึ้นและถ้าเราไปประเทศที่ใช้ภาษาอื่นที่เราไม่รู้จักเราก็สามารถใช้ภาษาสากลนั่นคือภาษาอังกฤษค่ะและเราก็ควรจะใช้ให้ถูกต้องถูกหลักด้วยค่ะ แล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเราจะได้เรียกให้คนแถวนั้นช่วยได้ แต่ถ้าจะให้การสื่อสารดีมากกว่านี้เราก็ควรจะศึกษาภาษาประจำประเทศนั้นมาด้วย หรือถ้ามันกระทันหันจริงๆเราก็พกหนังสือภาษาอังกฤษหรือภาษาของประเทศนั้นๆ และยังมีอีกวิธีหนึ่งคือติดตั้งแอพที่ช่วยเราด้านภาษา(Tourist language learn & speak#แอพนี้ดีมากมีหลายภาษา
)
ปล.ถ้าได้หนังสือคงจะดีจะได้นำไปใช้ในชีวิตได้ เพราะเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งแกรมม่าผิดๆถูกๆ
และจะได้เรียนรู้ภาษอื่นๆเพิ่มอีก
กิจกรรม
สถานการณ์ในสนามบินและร้านค้าต่างๆ
เพราะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องกินต้องใช้ เวลาเราจะซื้อของก็ควรพูดให้ตรงกับภาษาของเขาเพื่อที่จะได้สินค้าตามต้องการ ในสนามบินก็เหมือนกัน ไม่ว่าเราจะไปหรือกลับก็ต้องสื่อสารให้ถูกต้องด้วย
กิจกรรม
การขอบคุณและขอโทษ
เพราะ คำขอบคุณและคำขอโทษนี้ ถึงจะใช้ในสถานการณ์ต่างกัน แต่ก็ทำให้ทั้งผู้รับและผู้ให้รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม หรือสบายใจขึ้นคะ เช่น หากเราเดินชนใครเราก็ควรพูดขอโทษ และยังแสดงให้เห็นว่าคนไทยเรามีมารยาทดีด้วยคะ