อ่านประวัติ 5 เด็กมัธยม ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้!

       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ครั้งก่อน พี่เป้ เคยเขียนบทความเกี่ยวกับประวัตินักศึกษาที่ได้ทุนเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกอย่าง เคมบริดจ์ และ อ๊อกซ์ฟอร์ด ว่าพวกเขาเก่งกันแค่ไหนหรือเคยทำอะไรมา ถึงได้รับความสนใจจนได้รับทุนเข้าไปเรียนฟรี

       วันนี้มีมาฝากอีกแล้ว กับมหาวิทยาลัยระดับโลกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก กับ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด(Harvard University) แห่งอเมริกา มาดูประวัติของเด็กๆ น้องๆ หนูๆ ที่ได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนปริญญาตรีว่าพวกเขามีอะไรน่าสนใจบ้าง


   
      ก่อนอื่นขอพูดถึงการรับนักศึกษาเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกันก่อนนิดนึง ขึ้นชื่อว่าดังระดับโลกขนาดนี้ บรรดาหัวกะทิจึงใฝ่ฝันอยากเข้าไปเรียนที่นี่ ทั้งๆ ที่ค่าเรียนนั้นมหาโหดมาก(เหยียบล้านต่อปี) ทำให้มีอัตราการแข่งขันสูงมากโดยมีอัตรารับแค่ 5% จากผู้สมัครทั้งหมด ซึ่ง 2 สิ่งหลักที่สำคัญมากในการสมัครเข้าเรียนคือ GPA(เกรดเฉลี่ย) และ คะแนนสอบ SAT หรือ ACT(เลือกสอบอย่างใดอย่างหนึ่ง) ลองดูที่ชาร์ทข้างล่างค่ะว่า คนที่ได้รับตอบรับให้เข้าเรียน(จุดเขียวๆ)เค้ามี GPA และคะแนน SAT หรือ ACT อยู่ที่เท่าไหร่ จะเห็นว่าโหดมาก 

      ใครไม่รู้จัก SAT/ACT คลิกอ่านที่นี่เลย http://www.dek-d.com/studyabroad/30830/




Angela Zhang

       สมัยเรียนมัธยม ในปี 2011 เคยส่งโครงงานเรื่องระบบอนุภาคนาโนที่อาจจะช่วยรักษามะเร็งได้เข้าประกวดในการแข่งขัน และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดของบริษัทซีเมนส์ ได้รับเงินรางวัลถึง 100,000 ดอลลาร์ โดยได้ใช้หลักการเปรียบเทียบอนุภาคนาโนกับมีดของกองทัพสวิส เพราะมีหลายฟังก์ชั่น สามารถพุ่งเป้าหมายไปยังเนื้องอก เซลล์มะเร็ง สามารถกำจัดทั้งหมดให้หมดไปและช่วยรักษาบรรเทาให้ผู้ป่วยได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งโครงงานของเธอนั้นกำลังจะถูกนำไปพัฒนาต่อไป

       เป้าหมายในชีวิตคืออยากมีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่รู้จัก



David Boone

      ความเป็นมาของเขานั้นน่าทึ่งมาก เขาเขียนเล่าในใบสมัครว่า บ้านเกิดของเขาอยู่ที่เมือง Cleveland รัฐโอไฮโอ ซึ่งละแวกบ้านนั้นเต็มไปด้วยอันธพาล แก๊งเหล่านั้นมาชวนเขาเข้าร่วมแก๊งแต่เขาปฏิเสธ พวกมันจึงตอบแทนด้วยการเผาบ้านของเขาทั้งหลังจนทำให้เขาและครอบครัวไร้ที่อยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อต่อชีวิต เขาจึงตัดสินใจว่า เขาจะต้องทุ่มเทให้กับการเรียนและกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป และนี่คือจุดน่าสนใจที่ทำให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับเขาเข้าเรียนพร้อมมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้ด้วย

      เขาสนใจในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ จึงหมดเวลาไปกับคอมพิวเตอร์มากกวา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับวิชาที่เขาลงเรียนที่ฮาร์วาร์ด ได้แก่ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ภาษาจีนกลาง การเขียนชี้แจงเหตุผล ประวัติศาสตร์ และแคลคูลัส

      เป้าหมายของเขาคือ ก่อนเรียนจบปริญญาตรี อยากจะไปเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนและเศรษฐกิจของประเทศจีนเพิ่มเติมที่เซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่ง




Shree Bose

       จากการต้องทนเห็นคุณปู่ต้องป่วยและทนทุกข์ทรมานกับโรคมะเร็งตับ ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะต้องหาทางช่วยเหลือให้ได้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง 

       ในตอนเรียนมัธยมได้ทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และงานวิจัยนี้ก็ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง แม้กระทั่งประธานาธิบดีโอบามาก็ชื่นชมกับโครงงานวิจัยนี้ออกสื่อมาแล้วทีเดียว สุดท้ายจึงได้เลือกศึกษาเกี่ยวกับโปรตีน AMPไคเนส ซึ่งออกปฏิกิริยากับยาคีโมที่ชื่อว่า Cisplatin และได้สังเกตว่า เมื่อมีการยับยั้งตัวโปรตีนนี้ ตัวยา Cisplatin ก็ค่อยๆ เริ่มที่จะทำลายเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย

       สุดท้ายงานศึกษาของเธอได้กลายเป็นโครงการเข้าประกวดใน Google Science Fair จนได้รับรางวัลชนะเลิศ รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้หญิงที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดของปีโดยนิตยสาร Glamour อีกด้วย สำหรับเป้าหมายคือการเรียนด้านชีวโมเลกุล จากนั้นอยากจะเข้าศึกษาต่อในด้านแพทยศาสตร์เพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางที่มีความสามารถ



Sitan Chen

       ตอนเรียนมัธยม เขาทำโครงงานวิจัยเกี่ยวกับเพื่อตอบคำถามที่ว่า ฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดหลายๆ โปรแกรมพร้อมกันบนคอมพิวเตอร์นั้นทำงานพร้อมกันได้อย่างไร นำเสนอในรูปแบบของกราฟทางคณิตศาสตร์ จนได้รับรางวัลที่ 3 ในการประกวดของบริษัทซีเมนส์

       นอกจากจะมีความสามารถทางคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์แล้ว เขายังเป็นนักเปียโนและนักไวโอลิน เคยได้แสดงในงานใหญ่ของนิวยอร์กถึง 6 ครั้ง

       ปัจจุบันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยเลือกเรียนเน้นทางคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ เป้าหมายคืออยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังเข้าร่วมในทีม Harvard College Consulting Group โดยเป็นทีมที่ให้บริการปรึกษาแก่ธุรกิจและองค์กรต่างๆ อีกด้วย



Dawn Loggins 

        เรื่องราวของเธอเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อยู่พักใหญ่ หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเห็นเรื่องของเธอผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว โดยเธอถูกพ่อแม่ทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งแต่สมัยมัธยม ต้องใช้ชีวิตตามลำพังมาตลอด ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการช่วยเหลือของคนในชุมชนที่ให้อาหารและให้ที่พัก

        เธอไม่ปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านและจมอยู่กับความเศร้า แต่ใช้พลังเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นการเข้าไปทำงานในโรงเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ เข้าร่วมวงดนตรีของโรงเรียน ชมรมถ่ายภาพ การแข่งขันกีฬา และสมาคมประชาคมแห่งชาติ นอกจากนี้ยังทำงานพิเศษโดยการทำความสะอาดโรงเรียนเพื่อหารายได้เพิ่มด้วย ถึงจะดูใช้เวลาไปกับการทำกิจกรรมหลายอย่าง แต่ก็ได้เกรด 4 ทุกวิชา

       เมื่อได้รับการตอบรับเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยทุนเรียนฟรี เธอได้เริ่มเปิดองค์กรเล็กๆ ส่วนตัวของเธอเองเพื่อช่วยเหลือนักเรียนผู้ด้อยโอกาสให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือ โดยหาเงินได้มากกว่า 35,000 ดอลลาร์ซึ่งจะสามารถนำไปช่วยเหลือเด็กๆ ได้มากมาย

 
       

      ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า แต่ละคนนั้นมีสตอรี่ของตัวเองที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ถึงจะเป็นเรื่องในแง่ลบ แต่ก็ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่ดีให้ได้^^ ลองถามตัวเองกันบ้างมั้ยว่า แล้วเราล่ะ มีสตอรี่อะไรที่โดดเด่นบ้าง? ถ้ายังไม่มีก็รีบลงมือสร้างกันเถอะ

 
บทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดยทีมงานเว็บไซต์ Dek-D.com
หากต้องการนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อื่น กรุณาใส่เครดิตให้ครบถ้วน


ข้อมูลประกอบ : http://www.businessinsider.com/

สุดยอดเด็กเก่ง! สอบติด 8 มหา'ลัยดังในอเมริกา!!
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
สรายุทธ 23 ก.ย. 57 09:31 น. 9
ไม่จำเป็นต้องได้เกรด 4 ตลอดครับ เขามีการสัมภาษณ์และดูความมุ่งมั่นการพัฒนาด้วย ... ศิษย์เก่าปี 1976 และอดีดผู้สัมภาษณ์
0
กำลังโหลด
เดินผ่านมา 24 ก.ย. 57 12:16 น. 11
ไม่มีรับน้องเหมือนไทยยังไงก็สู้เด็กมหาลัยเราไม่ได้หรอกครับ ^^ เชื่อเหอะ ถถถถถถถถถ //ขำๆครับ ผมได้อ่านประวัติแล้วนึกถึงคำพูด ไม่เข้ารับน้อง จะไม่มีสังคม เพื่อนไม่คบ แต่ทั้ง 5 คนสภาพชีวิตก็ผ่านอะไรมาเยอะกว่าคนอายุมากกว่าซ่ะอีก ยิ่งน่าสงสารตรงที่บ้านโดนเผา เพราะไม่เข้า Gangster = = แต่พวกเขาก็อยู่ในสังคมได้ดีไม่มีปัญหา แถมเอาอุปสรรคเป็นแรงผลักดันเดินต่อไป
0
กำลังโหลด
นท ธารา Member 22 ก.ย. 57 12:40 น. 2

มันน่าเศร้าที่เราไม่เป็นแบบพวกเขาบ้างนะ   แต่ก็ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะนำไปใช้ในชีวิตได้

ขอบคุณที่เขียนบทความนี้นะคะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
ittipon pong Member 22 ก.ย. 57 23:02 น. 8

อ่าน ประวัติ เเต่ละคน คือมีจุดมุ่งหมายของเเต่ละคน คิดเเล้วทำ 

ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวสินะ  

0
กำลังโหลด

16 ความคิดเห็น

*CassEM~! Member 22 ก.ย. 57 12:29 น. 1

อื้อหืออ นอกจากเกรดสี่แล้วต้องมีประวัติการเรียนการทำกิจกรรมที่แบบเต็มที่ด้วย

อิจฉาจัง เสียใจ

0
กำลังโหลด
นท ธารา Member 22 ก.ย. 57 12:40 น. 2

มันน่าเศร้าที่เราไม่เป็นแบบพวกเขาบ้างนะ   แต่ก็ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะนำไปใช้ในชีวิตได้

ขอบคุณที่เขียนบทความนี้นะคะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ittipon pong Member 22 ก.ย. 57 23:02 น. 8

อ่าน ประวัติ เเต่ละคน คือมีจุดมุ่งหมายของเเต่ละคน คิดเเล้วทำ 

ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวสินะ  

0
กำลังโหลด
สรายุทธ 23 ก.ย. 57 09:31 น. 9
ไม่จำเป็นต้องได้เกรด 4 ตลอดครับ เขามีการสัมภาษณ์และดูความมุ่งมั่นการพัฒนาด้วย ... ศิษย์เก่าปี 1976 และอดีดผู้สัมภาษณ์
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เดินผ่านมา 24 ก.ย. 57 12:16 น. 11
ไม่มีรับน้องเหมือนไทยยังไงก็สู้เด็กมหาลัยเราไม่ได้หรอกครับ ^^ เชื่อเหอะ ถถถถถถถถถ //ขำๆครับ ผมได้อ่านประวัติแล้วนึกถึงคำพูด ไม่เข้ารับน้อง จะไม่มีสังคม เพื่อนไม่คบ แต่ทั้ง 5 คนสภาพชีวิตก็ผ่านอะไรมาเยอะกว่าคนอายุมากกว่าซ่ะอีก ยิ่งน่าสงสารตรงที่บ้านโดนเผา เพราะไม่เข้า Gangster = = แต่พวกเขาก็อยู่ในสังคมได้ดีไม่มีปัญหา แถมเอาอุปสรรคเป็นแรงผลักดันเดินต่อไป
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด