สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน วันนี้พักเรื่องไวยากรณ์แล้วมาอ่านอะไรเบาสมองกันหน่อยดีกว่า
น้องๆ ที่กำลังท้อกับการเรียนภาษาอังกฤษ พี่น้องขอบอกเลยว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าภาษาอังกฤษมันยากค่ะ แม้แต่เจ้าของภาษาเองก็ยังรู้สึกว่าภาษาอังกฤษนี่มีอะไรให้ประหลาดใจอยู่เสมอ เวลาเรียนไวยากรณ์ก็จะเจอข้อยกเว้นอยู่บ่อยๆ เวลาจำคำศัพท์ก็มักจะเจอคำศัพท์ที่ควรจะมีความหมายแบบนี้ แต่กลับมีความหมายอีกแบบ
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เติบโตมาในช่วงที่เกาะอังกฤษถูกรุกรานโดยเผ่านั้นเผ่านี้ แต่ละเผ่าก็มีกฎเกณฑ์การใช้ภาษาไม่เหมือนกัน พอมันมาผสมกันเลยดูงงๆ
มาดูตัวอย่าง "ความติสท์" ของภาษาอังกฤษกันดีกว่าค่ะ
น้องๆ ที่กำลังท้อกับการเรียนภาษาอังกฤษ พี่น้องขอบอกเลยว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าภาษาอังกฤษมันยากค่ะ แม้แต่เจ้าของภาษาเองก็ยังรู้สึกว่าภาษาอังกฤษนี่มีอะไรให้ประหลาดใจอยู่เสมอ เวลาเรียนไวยากรณ์ก็จะเจอข้อยกเว้นอยู่บ่อยๆ เวลาจำคำศัพท์ก็มักจะเจอคำศัพท์ที่ควรจะมีความหมายแบบนี้ แต่กลับมีความหมายอีกแบบ
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เติบโตมาในช่วงที่เกาะอังกฤษถูกรุกรานโดยเผ่านั้นเผ่านี้ แต่ละเผ่าก็มีกฎเกณฑ์การใช้ภาษาไม่เหมือนกัน พอมันมาผสมกันเลยดูงงๆ
มาดูตัวอย่าง "ความติสท์" ของภาษาอังกฤษกันดีกว่าค่ะ
ทำไมตึกที่สร้างเสร็จแล้วถึงเรียกว่า Building?
เราเรียกตึกที่ตั้งสูงๆ ว่า building
build เป็นกริยา แปลว่า สร้าง ถ้ากำลังสร้าง เราก็ต้องเปลี่ยนกริยาให้เป็นรูป building เช่น
build เป็นกริยา แปลว่า สร้าง ถ้ากำลังสร้าง เราก็ต้องเปลี่ยนกริยาให้เป็นรูป building เช่น
He is building a snowman.
เขากำลังสร้างตุ๊กตาหิมะ
แต่ถ้าตึกนั้นสร้างเสร็จแล้ว เราจะเปลี่ยนไปใช้รูป V.3 เช่น
He has already built a snowman.
เขาสร้างตุ๊กตาหิมะแล้ว
งั้นทำไมเราถึงเรียกตึกที่สร้างเสร็จแล้วว่า building ล่ะ ทำไมเราถึงไม่เรียกว่า built
จริงๆ แล้ว building ตัวนี้เป็นการเอากริยาไปเติม -ing เพื่อทำให้กลายเป็นรูป gerund ค่ะ
gerund คือการทำกริยาให้กลายเป็นคำนาม คล้ายๆ กับการเติม การ, ความ ในภาษาไทยนั่นเอง เช่น
จริงๆ แล้ว building ตัวนี้เป็นการเอากริยาไปเติม -ing เพื่อทำให้กลายเป็นรูป gerund ค่ะ
gerund คือการทำกริยาให้กลายเป็นคำนาม คล้ายๆ กับการเติม การ, ความ ในภาษาไทยนั่นเอง เช่น
run = วิ่ง, running = การวิ่ง
read = อ่าน, reading = การอ่าน
ดังนั้น building จึงหมายถึงการสร้าง หรือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ทำไมส่งพัสดุทางรถขนส่งยังเรียกว่า shipment
การจัดส่งสิ่งของต่างๆ ทั้งทางรถ ทางเรือ ทางอากาศ ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า shipment ค่ะ พอได้ยินคำว่า ship เราก็จะนึกถึงเรือ ทำให้เราสงสัยว่า เอ๊ะ ถ้ามันเป็นสิ่งของที่ส่งโดยรถของไปรษณีย์ไทย ทำไมถึงเรียก shipment
คำตอบคือ เรามักจะคุ้นเคยกับ ship ที่เป็นคำนาม ซึ่งแปลว่าเรือ ใช่มั้ยคะ แต่ ship ยังใช้เป็นกริยาเพื่อแปลว่า ส่งสิ่งของต่างๆ ทั้งทางเรือ ทางอากาศ หรือทางรถทั่วไปนี่ได้เหมือนกัน
ดังนั้น shipment ในที่นี้จึงเป็นการเอากริยา ship มารวมกับ ment เพื่อทำให้กลายเป็นคำนามว่า "การขนส่งสินค้า" นั่นเองค่ะ
คำตอบคือ เรามักจะคุ้นเคยกับ ship ที่เป็นคำนาม ซึ่งแปลว่าเรือ ใช่มั้ยคะ แต่ ship ยังใช้เป็นกริยาเพื่อแปลว่า ส่งสิ่งของต่างๆ ทั้งทางเรือ ทางอากาศ หรือทางรถทั่วไปนี่ได้เหมือนกัน
ดังนั้น shipment ในที่นี้จึงเป็นการเอากริยา ship มารวมกับ ment เพื่อทำให้กลายเป็นคำนามว่า "การขนส่งสินค้า" นั่นเองค่ะ
ทำไมนาฬิกาปลุกดังถึงใช้คำว่า goes off
The alarm goes off.
นาฬิกาปลุกดังซะแล้ว
นาฬิกาปลุกดังซะแล้ว
ปกติเราจะเห็นคำว่า off บนสวิตช์ที่หมายถึงการ "ปิด" ใช่มั้ยคะ? แต่ทำไมเวลานาฬิกาปลุกดังเราถึงใช้คำว่า goes off แทนที่จะเป็น goes on
อันนี้มีคนอธิบายไว้ว่าเป็นเรื่องของกลไกค่ะ นาฬิกาที่กำลังเดินอยู่ปกตินั้นเราจะถือว่ามัน on อยู่ มันทำหน้าที่ของมันตามปกติ แต่เมื่อมันมาถึงจุดที่เราตั้งให้มันปลุก มันจะต้องส่งเสียงปลุกเรา ไม่ได้เดินเงียบๆ เหมือนปกติ เราจึงถือว่าสถานะนี้เป็นสถานะ off ของนาฬิกาปลุก
เช่นเดียวกับพวก fire alarm หรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ เวลามันส่งเสียงเราจะเรียกว่า goes off เพราะเดิมทีมันควรจะอยู่เงียบๆ คอยดักจับสัญญาณควันใดๆ เมื่อใดก็ตามที่มันดักจับสัญญาณได้มันจึงหยุดหน้าที่เดิมของมัน แล้วมาส่งสัญญาณแทน
off จึงหมายถึงการที่นาฬิกาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะเดิมของมันนั่นเองค่ะ
อันนี้มีคนอธิบายไว้ว่าเป็นเรื่องของกลไกค่ะ นาฬิกาที่กำลังเดินอยู่ปกตินั้นเราจะถือว่ามัน on อยู่ มันทำหน้าที่ของมันตามปกติ แต่เมื่อมันมาถึงจุดที่เราตั้งให้มันปลุก มันจะต้องส่งเสียงปลุกเรา ไม่ได้เดินเงียบๆ เหมือนปกติ เราจึงถือว่าสถานะนี้เป็นสถานะ off ของนาฬิกาปลุก
เช่นเดียวกับพวก fire alarm หรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ เวลามันส่งเสียงเราจะเรียกว่า goes off เพราะเดิมทีมันควรจะอยู่เงียบๆ คอยดักจับสัญญาณควันใดๆ เมื่อใดก็ตามที่มันดักจับสัญญาณได้มันจึงหยุดหน้าที่เดิมของมัน แล้วมาส่งสัญญาณแทน
off จึงหมายถึงการที่นาฬิกาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะเดิมของมันนั่นเองค่ะ
ทำไมเราเรียกกางเกงว่า pants แต่เรียกชุดชั้นในว่า bra
กางเกงเรานับขาสองข้าง มันเลยต้องเป็น pants อยู่ในรูปพหูพจน์ตลอด
แต่ทำไม bra ที่หมายถึงชุดชั้นในถึงไม่ใช่ bras ล่ะ ก็ในเมื่อเรามีหน้าอกสองข้างเหมือนกันนี่นา?
อันนี้ก็ต้องไปโทษคนฝรั่งเศสเลยค่ะ เพราะ bra ในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า brassiere (บราสเซียร์) ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสอีกที
brassiere นี้เดิมเป็นคำนามเอกพจน์ พอย่อให้เหลือ bra ก็ยังคงอยู่ในรูปเอกพจน์ ไม่มีการเติม s ให้มัน
เวลาใช้ก็อย่าเผลอเติม s ให้มันนะคะ
แต่ทำไม bra ที่หมายถึงชุดชั้นในถึงไม่ใช่ bras ล่ะ ก็ในเมื่อเรามีหน้าอกสองข้างเหมือนกันนี่นา?
อันนี้ก็ต้องไปโทษคนฝรั่งเศสเลยค่ะ เพราะ bra ในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า brassiere (บราสเซียร์) ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสอีกที
brassiere นี้เดิมเป็นคำนามเอกพจน์ พอย่อให้เหลือ bra ก็ยังคงอยู่ในรูปเอกพจน์ ไม่มีการเติม s ให้มัน
เวลาใช้ก็อย่าเผลอเติม s ให้มันนะคะ
ทำไมใช้ take a dump ทั้งๆ ที่ความหมายมันคือทิ้งระเบิด
สำนวน take a dump เอาไว้ใช้พูดว่าเราปวดท้องหนักค่ะ เช่น
I have to take a dump.
ฉันต้องเข้าส้วมแล้วล่ะ (ข้าศึกมาแล้ว)
เอาไว้พูดกับเพื่อนสนิทพอนะคะ เพราะไม่ค่อยสุภาพเท่าไร
สังเกตว่าสำนวนนี้จะใช้กับกริยา take ทั้งๆ ที่ take มักแปลว่า เอาไปด้วย เช่น
สังเกตว่าสำนวนนี้จะใช้กับกริยา take ทั้งๆ ที่ take มักแปลว่า เอาไปด้วย เช่น
Take me with you.
เอาฉันไปด้วยสิ
Take the dog outside.
เอาหมาไปวิ่งเล่นข้างนอกหน่อยสิ
แต่เวลาที่เราไปเข้าห้องน้ำ เราเข้าไป "ทิ้งระเบิด" ใช่มั้ยคะ เราไม่ได้เอาอะไรออกมาจากส้วมสักหน่อย (อุ่ย...)
ความจริงก็คือกริยา take เป็นกริยาที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์มากค่ะ มันไม่ได้แค่ใช้แปลว่า เอาไปด้วย อย่างเดียว แต่ยังใช้คู่กับคำอื่นๆ เพื่อแปลว่า "ทำกริยานั้น" ได้ด้วย ความหมายจึงไม่ได้อยู่ที่ take แต่อยู่ที่คำที่ตามมาต่างหาก เช่น
ความจริงก็คือกริยา take เป็นกริยาที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์มากค่ะ มันไม่ได้แค่ใช้แปลว่า เอาไปด้วย อย่างเดียว แต่ยังใช้คู่กับคำอื่นๆ เพื่อแปลว่า "ทำกริยานั้น" ได้ด้วย ความหมายจึงไม่ได้อยู่ที่ take แต่อยู่ที่คำที่ตามมาต่างหาก เช่น
take down = ดึงลง, รื้อถอน (เน้นที่ down แปลว่าลง)
take after = ดูเหมือน (เน้นที่ after แปลว่าตามมา)
take a dump = อุจจาระ (เน้นที่ a dump แปลว่าของเสียหรือขยะที่ต้องทิ้ง)
เป็นยังไงบ้างคะ น้องๆ เคยสงสัยคำศัพท์พวกนี้บ้างหรือเปล่า ถ้าเคยสงสัยวันนี้ก็คงได้คำตอบแล้วเนอะ ว่าทำไมมันถึงออกมาในรูปแบบนี้
ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันยาก ก็อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าฉันไม่เก่ง แต่ภาษาต่างๆ ในโลกนี้มันยากจริงๆ ค่ะ แต่ละภาษาต่างก็มีกฎเกณฑ์หลัก กฎเกณฑ์ย่อย และข้อยกเว้นอีกมากมาย จึงต้องอาศัยระยะเวลาและการฝึกใช้บ่อยๆ เพื่อให้เราใช้ภาษานั้นได้เก่งขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันยาก ก็อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าฉันไม่เก่ง แต่ภาษาต่างๆ ในโลกนี้มันยากจริงๆ ค่ะ แต่ละภาษาต่างก็มีกฎเกณฑ์หลัก กฎเกณฑ์ย่อย และข้อยกเว้นอีกมากมาย จึงต้องอาศัยระยะเวลาและการฝึกใช้บ่อยๆ เพื่อให้เราใช้ภาษานั้นได้เก่งขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
quora.com
funnytab.net
ภาพประกอบจาก
pixabay.com
quora.com
funnytab.net
ภาพประกอบจาก
pixabay.com
5 ความคิดเห็น
คำว่า everyday กับ every day นี่ก็ตัวดี !
sometimes กับ some times นี่ก็น่าปวดหัว !
forget forgot forgotten ชวนหลงผิดเพราะเวลา !
ไหนมีอะไรอีก !
#ภาษาอังกฤษยิบย่อย
จำได้เลย Shipment กับ Cargo เป็นศัพท์ invert ของภาษาอังกฤษ
Shipment (อย่างที่บอก อาจแปลว่าเรือ) ส่งทางรถ
Cargo (มีคำว่ารถเนอะ) บรรทุกส่งทางเรือ -..-