คุณเตย

[JLS14] Voiceless Love รักนี้ที่ไร้เสียง

เชื่อไหมคะ? ว่ารักของฉันไม่ต้องใช้เสียง

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 7/7 :: CHAPTER 6 - บอกแล้วว่าคำพูดไม่จำเป็นสำหรับโลกใบนี้



-6-

บอกแล้วว่าคำพูดไม่จำเป็นสำหรับโลกใบนี้

 

       ล้อเล่นเหรอคะ?

            หลังจากที่ฉันยืนอึ้งไปหลายนาที ก็คิดได้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไปสักอย่าง เพราะทำสีหน้าไม่ถูก ฉันจึงได้แต่ เม้มปาก นิ้วมือขยับพิมพ์ข้อความแล้วยื่นให้อีกฝ่าย พี่เซบเท็มอ่านข้อความนั้นก่อนจะหรี่ตาลงทำเอาฉันใจไม่ดี หัวใจที่เต้นลุ้นระลึกหวังให้พี่เขาพูดว่าล้อเล่น.. แต่ถ้าเกิดมันเป็นจริงขึ้นมา..ฉันควรจะ..

            แน่นอนครับ..”

            “…”

            “ว่าพี่..ล้อเล่น!! มันเป็นมุขนะครับ ฮะฮ่าฮ่า!” พี่เขาแกล้งทำเสียงสาวแตกพร้อมสีหน้าล้อเลียน ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง พลันรู้สึกในอกโล่งเหมือนยกหินหนักออกไป ฉันถอนหายใจก่อนจะนึกถึงใครบางคนที่มีพฤติกรรมน่าเหนื่อยใจเหมือนกันราวเชื้อไม่ทิ้งแถว

          เฮ้อ..

          พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ..

            มุขนี้พี่เคยเอาไปแกล้งรุ่นน้อง ยังเกือบเชื่อตั้งหลายคน..มองแบบนั้นทำไม? พี่เซบเท็มบอกด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ฉันได้แต่มองอย่างเซ็งๆพร้อมถอนหายใจให้กับความขี้แกล้งอันเป็นนิสัยเสียของอีกฝ่ายอีกรอบ แบบนี้คนที่แอบชอบพี่เขาจริงๆไม่ร้องไห้ตายเหรอเนี่ย?  

            “ว่าแต่ตะกี้เสียใจนะเนี่ย พี่ออกจะหล่อขนาดนี้ สายรุ้งยังไม่ยอมเขินเลยอ่ะพี่เซบเท็มบ่นน้ำเสียงน้อยใจ คำพูดนี่หลงตัวเองสุดๆจนฉันเผลอมองด้วยสายตาเย็นชา ถ้าถามว่าไม่เขินเหรอ?..ก็จริงที่ฉันไม่ได้รู้สึกเขินเลย แต่ตอนแรกกลับรู้สึกตกใจเสียมากกว่าว่าพี่เขาเป็นคนแบบนี้เหรอ

            “ขอถาม ถ้าพี่สารภาพรักน้องจริงๆ น้องจะทำยังไง? คำถามของพี่เซบทำเอาฉันชะงัก

            “…”

            “พี่ถามเฉยๆ อยากรู้อ่ะ อย่าทำหน้าระแวงสิ เห็นแบบนี้แต่พี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว”  หืม? ฉันเบิกตาเล็กน้อยเมื่อได้รับทราบข่าวใหม่ ฉันพึ่งรู้ว่าคนตรงหน้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่หน้าตาระดับพี่เขาจะมีแฟนก็ไม่แปลก คงต้องเป็นคนที่สวยมากแน่ๆ

            ก็คงปฏิเสธค่ะฉันพิมพ์ตอบยื่นให้ พี่เซบเท็มขยับมือกอดอกพร้อมขมวดคิ้วแน่น

            เพราะ?

          ‘เพราะไม่ได้ชอบพี่เซบค่ะ

            ฉันพิมพ์ตอบกลับหน้าตาเฉย จากนั้นพี่เซบเท็มก็เบ้หน้าเจ็บปวดเหมือนโดนของแหลมแทงทะลุกลางอก ฉันไม่เคยคิดอะไรกับพี่เขาจริงๆนะ มองยังไงอีกฝ่ายก็เป็นแค่พี่ชายเท่านั้น พอโดนเข้าไปแบบนี้ก็เลยไม่เขิน แล้วก็ไม่คิดจะเขินด้วยแม้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ก็ตาม คำพูดโคตรตัวร้ายขนาดนั้นไม่ได้ชวนเคลิ้มสักนิด

            ตรงโคตร..พี่เจ็บนะเนี่ย..” พี่เซบเท็มกุมเสื้อบริเวณหน้าอกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันได้แต่ยิ้มแห้งมองอีกฝ่าย  พอเห็นทำหน้าเสียใจนี่เล่นเอาฉันรู้สึกผิดเลย

            ตั้งแต่เด็กฉันก็ไม่เคยคิดเรื่องความรักจริงจังเลย มีแต่แอบใจเต้นกับเพื่อนบ้างแต่มันก็เป็นแค่ความชอบแบบเด็กๆ  พอหลังจากอุบัติเหตุครานั้นฉันก็ไม่ได้ยุ่งกับใคร และก็คงไม่มีใครคิดจะมารักคนใบ้หรอก

          งั้นขออีกคำถามเสียงของพี่เซบเท็มแทรกเข้าโสตประสาท ฉันเงยหน้ามองคนที่กำลังคลี่ยิ้มแฝงเลศนัยดูน่าสงสัย เล่นเอาฉันไม่อยากฟังคำถามของเขาเลย

            “น้องคิดยังไงกับออกัสเหรอ?

            น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับคมราวใบมีดตวัดเฉือนอากาศให้หายไปจากช่วงลมหายใจ ฉันเบิกตากว้าง หัวสมองพยายามทำความเข้าใจในคำถามนั้น แวบแรกนึกสงสัยว่าพี่ออกัสเกี่ยวอะไรด้วย ฉันทวนคำถามซ้ำ ในใจพลันปรากฏภาพใบหน้าของคนทะเล้นฉายอยู่ในหัว

            คิดยังไงกับพี่ออกัส?

          คิดอะไร?

          ฉันเงยหน้ามองพี่เซบเท็มประมาณว่าไม่ค่อยเข้าใจคำถาม แต่อีกฝ่ายกลับขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งกลับมา มันยิ่งชวนให้ฉันสงสัยเข้าไปอีกว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

            ก็ถ้า..คนที่ขอน้องคบไม่ใช่พี่..แต่เป็นออกัส..น้องจะว่ายังไง

            ฉันขมวดคิ้วกับคำถามนั้น ก่อนสมองจะพยายามสร้างภาพสมมุติขึ้นมาในหัว พี่ออกัสที่คลี่ยิ้มส่งมาให้ฉันพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานว่า คบกับพี่ไหม?

          ตึกตัก

อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจนใบหน้าร้อนผ่าว พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นดังไม่ยอมหยุดทำเอาฉันเบิกตากว้าง  มันทำให้ฉันแน่ใจว่าความรู้สึกต่อพี่เซบเท็มและพี่ออกัสไม่เหมือนกัน กับพี่เซบเท็มฉันสามารถตอบได้ในทันทีว่าไม่รู้สึกอะไร แต่กับพี่ออกัส..เสียงหัวใจมันกลับดังจนทำลายระบบประมวลความคิดในหัวสมอง

ทำไมฉันถึงไม่สามารถตอบได้ในทันที..?

คำถามมากมายที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวสมอง ฉันก้มหน้างุด ในอกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสันผสมปนเป ไหนจะอุณหภูมิความร้อนเจ้ากรรมที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ยอมหยุด ทำให้ไม่ได้สังเกตว่าในตอนนั้นเองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจในปฏิกิริยาตอบรับของฉัน

ถ้ากับพี่เซบเท็มฉันบอกว่าไม่ชอบ

แล้วกับพี่ออกัส..

หรือว่าฉัน..

ก๊อกๆๆ!!!

“!!” เสียงที่แทรกเข้ามาทำเอาความคิดในสมองแตกกระเจิงไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง ฉันตวัดสายตาหันมองที่มาของเสียงนั้น เสียงเคาะประตูห้องที่พี่เซบเท็มล็อคเอาไว้ในตอนแรก มือของฉันเผลอขยับเข้ามากุมกันแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจที่เริ่มเต้นเร็วขึ้นเพราะกลัวว่าเจ้าของเสียงเคาะประตูจะเป็น..

น้องสายรุ้งอยู่ข้างในรึเปล่า!? ว่าแต่ใครล็อคประตูเนี่ย

พี่ออกัส

ฉันเบิกตากว้างเมื่อคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูคือคนที่ไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน..ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเอง..แต่แค่คิดว่าจะต้องสบตากับคนๆนั้น..หัวใจมันก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว

ฮะฮะ เอายังไงต่อดีล่ะทีนี้?ไม่รู้ทำไมพี่เซบเท็มดูมีความสุขสุดๆจนน่าหมั่นไส้  เขาหัวเราะพลางเอ่ยถามฉันที่กำลังทำสีหน้าลุกลี้ลุกลน   

พี่เซบเท็มเขาต้องแกล้งฉันแน่ๆ!

โทษทีๆพี่ล็อคเองแหละ กลัวศรีทรวารวดีของเจ๊ตังเมหลุดหายอ่ะ พี่เซบเท็มกระตุกยิ้มชอบใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้พี่ออกัส ฉันพยายามบอกว่าอย่าเปิดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เดี๋ยว!

ฉันยังไม่อยาก..

แกร๊ก

พี่ก็อยู่ด้วยเหรอ?ร่างกายของฉันแทบโดนแช่แข็งเมื่อพี่ออกสก้าวเข้ามาในห้อง เส้นผมสองสีเป็นเอกลักษณ์พร้อมใบหน้าทรงเสน่ห์หันมองพี่ชายของตัวเองก่อนจะหันมาทางฉัน..

แล้วเราก็สบตากัน

น้องสายรุ้ง J

น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อฉันเป็นการทักทายพร้อมขยับยิ้มกว้าง คำเรียกชื่อที่ทำเอาสมองขาวโพลน หัวใจของฉันแทบหยุดเต้นไปชั่วครู่ก่อนมันจะกลับมาเต้นรัวมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า พี่ออกัสเดินเข้ามาหาฉันที่ตัวแข็งค้างจนขยับไปไหนไม่ได้ อีกฝ่ายเอียงศีรษะมองฉันเล็กน้อย แล้วทำไมฉันถึงเผลอคิดว่ามันน่ารักกันนะ

หืม? น้องสายรุ้งเป็นอะไรรึเปล่า? หน้าแดงๆนะน้ำเสียงห่วงใยของอีกฝ่ายส่งผลให้อุณหภูมิความร้อนบนใบหน้าสูงขึ้น ฉันเม้มริมฝีปากก่อนจะส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆที่กำลังพยายามควบคุมหัวใจตัวดีที่ไม่ยอมเชื่อฟัง

ตึกตักตึกตัก

อย่าเต้นดังมากได้ไหมเสียงหัวใจของฉัน

พี่ออกัสมองฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงขยับยิ้มกว้าง

แต่น่ารักดีนะ

ตู้ม !!

สิ้นคำพูดนั้นเหมือนมีอุกกาบาตพุ่งชนในหัวสมอง พื้นธรณีแตกสลาย ผืนน้ำแห้งเหือด ไดโนเสาร์สูญพันธุ์กันทั้งปางไปตามแรงระเบิด เหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันยืนเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง แอบได้ยินเสียงพี่เซบเท็มผิวปากหยอกล้อดังแว่วมา

ขอกลับก่อนนะคะ

อ้าว? เดี๋ยวสิ!? น้องสายรุ้ง!!” ฉันพิมพ์ข้อความด้วยความเร็วแสง พอยื่นให้พี่ออกัสอ่านจบฉันก็คว้ากระเป๋าสาวเท้าวิ่งออกมาทันที ฉันได้ยินเสียงพี่เขาโวยวายไล่หลังมา ขอโทษนะคะ..แต่ถ้าอยู่นานกว่านี้ฉันต้องเป็นบ้าแน่

อ่า..หยุดสั่นสักทีได้ไหม..

หัวใจของฉัน

 

AUGUS PART

บอกตามตรงผมอึ้ง หลังสายรุ้งกระแทกประตูเดินจากไปผมก็ได้แต่กระพริบตามองด้วยความงงงวย ทั้งนี้ด้วยท่าทางของน้องที่ทำตัวมีพิรุธแปลกๆ แถมหน้าแดงอีกต่างหาก  ถ้ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมาถึงล่ะก็ คนเดียวที่จะตอบมันได้ก็คือ..

พี่เซบ พี่ทำอะไรน้อง?

ผมหันมองพี่เซบเท็มตาขวาง อยู่ๆน้องสายรุ้งจะแปลกไปแบบนั้นมันต้องมีมูลเหตุแน่นอน และผมก็ขอเดาว่ามูลเหตุต้องเป็นคนตรงหน้าผมแน่ๆ

เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”  พี่เซบเท็มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมตอบเสียงสูง ดูยังไงก็มีอะไรแน่ๆ

พี่เซบเท็ม!” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเร่งเร้า พอคิดว่ามีเรื่องที่พี่รู้กับสายรุ้งแค่สองคนแล้วมันรู้สึกขัดใจชะมัดเลย ทว่าพี่เซบเท็มยังคงคลี่ยิ้มท่าทางไม่ยี่หระกับอารมณ์ร้อนรนของผมเลยสักนิด

เอากรงหมาทุบหัวดีไหมเนี่ย?

ในหัวของผมเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายแล้วครับตอนนี้ คนกำลังหงุดหงิดยังจะมาเล่นลิ้นอีก

พี่แค่ช่วยสาวน้อยไร้เดียงสาที่หลงทางเองนะประโยคที่ราวกับหลุดมาจากนิยายเชิงจิตวิทยา คำพูดแฝงนัยยะที่เหมือนจะบอกแต่ความจริงคือมันกลับไม่ช่วยอะไรเลย สรุปว่าผมงงหนักกว่าเดิม

หมายถึงอะไร?ผมเอ่ยถามพี่เซบเท็มที่เดินผ่านไป

เดี๋ยวนายก็รู้เองผมเม้มปากกับคำพูดนั้น จะไม่บอกใช่ไหม..ได้!

“’งั้นผมจะฟ้องชัชว่าพี่เต๊าะน้องสายรุ้ง!!” คำขู่ของผมได้ผล พี่เซบเท็มหันกลับมามองแทบในทันที แถมทำหน้าเหวอด้วย บอกดีๆไม่ชอบต้องให้เอาแฟนมาขู่

!

เดี๋ยวสิออกัส ชัชไม่เกี่ยวสักหน่อย!” ได้ยินดังนั้นผมก็พอใจที่พี่เซบเท็มเริ่มอารมณ์ขึ้นบ้าง ถ้าสงสัยกันว่าทำไมผมถึงเอาคุณเพื่อนซี้หัวเกรียนคนนั้นมาขู่น่ะเหรอ?

ถ้าพวกคุณกำลังเดาอะไรอยู่ก็ตามนั้นแหละครับ

พี่เซบเท็มกับชัชเป็นแฟนกัน

ให้เล่าย่อๆ พวกเขาก็คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วล่ะครับ ตอนแรกก็ความสัมพันธ์พี่น้องธรรมดาแต่ไม่รู้ตั้งแต่ตอน  ไหนที่มันเปลี่ยนไป มันเป็นธรรมชาติจนผมเองก็ไม่รู้ตัว ถ้าถามว่าตกใจไหม ผมก็ตกใจมากตอนที่พวกเขามาบอก ถึงผมจะ  พอเดาๆได้ว่าความสัมพันธ์มันพิเศษจากเดิม แต่ก็ไม่คิดมาพวกเขาจะมาถึงในขั้นนี้กัน   

แต่ผมไม่รังเกียจนะ ยังไงคนหนึ่งก็พี่ผม ส่วนอีกคนก็เพื่อนผม มันผิดตรงไหนที่พวกเขาจะรักกัน เพราะสำหรับผม ผมคิดว่าความรักไม่มีเพศ คนเราไม่ได้รักผู้ชาย ไม่ได้รักผู้หญิง แต่เรารักคนๆหนึ่ง  

เห็นบ้าๆโง่ๆแบบนั้น แต่ชัชนี่แหละไพ่ตายที่จะจัดการพี่เซบเท็ม !

เออ รู้แล้วๆในที่สุดพี่เซบเท็มก็ยอมแพ้พลางขยับมือเกาศีรษะด้วยท่าทางหัวเสีย ผมหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ

ฉันแค่ถามว่าน้องสายรุ้งคิดยังไงกับนายคำตอบของพี่ออกัสทำเอาผมเบิกตากว้าง หลังจากนิ่งไปหลายวินาทีผมก็ยกนิ้วชี้เข้าหาตัว

ผม?

ใช่ ก็นายกับสายรุ้งมองบรรยากาศยังไงมันก็ไม่ธรรมดา ฉันเลยอยากลองว่าสายรุ้งรู้สึกยังไงกับนาย ผลก็เป็นแบบที่นายเห็นเสียงของพี่ที่เอ่ยเข้าโสตประสาททำเอาผมนิ่งในหัวพลางนึกย้อนภาพสายรุ้งที่ใบหน้าขึ้นสีแดงท่าทางลุกลี้ลุกลน หรือว่ากำลังเขินงั้นเหรอ? พี่เซบเท็มเว้นจังหวะคำพูดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

แล้วนาย..คิดยังไงกับสายรุ้งกันแน่?

ไม่รู้ทำไมคำถามของพี่เซบมันถึงก้องอยู่ในหัวหลายครั้ง อะไรบางอย่างในอกมันกำลังแผ่ขยาย อุณหภูมิความร้อนที่ไม่ทราบสาเหตุกำลังเพิ่มขึ้น

คำตอบของคำถามนั้น

ผม..”


……………………………………………

 

            [วันต่อมา]

            SAIRUNG PART

ณ ห้องกว้างที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือเรียงราย หอสมุดในตอนเช้าไม่ค่อยมีคน บรรยากาศจึงสงบเงียบ กลิ่นของกระดาษเก่าและใหม่ผสมกัน แอร์จากเครื่องปรับอากาศที่ค่อนข้างเย็นเพราะด้านนอกอาคารฝนตก

ฉันไล่นิ้วไปตามชั้นหนังสือพร้อมมองด้วยสายตาเหม่อลอย วันนี้ฉันออกมาหอสมุดเพื่อหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม โดยระหว่างทางก็หวาดระแวงที่จะเจอใครบางคนที่ฉันยังไม่พร้อมเจอตอนนี้ เอาตามตรงเมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลย เพราะในหัวมีแต่เรื่องนั้น พอนึกทีไรหัวใจมันก็เต้นแล้วตาก็ค้างจนหลับไม่ลง เมื่อเช้าตอนเดินออกมาจากหอพักคุณป้าเจ้าของหอยังทักเลยว่า ตาบวมมากไม่ได้นอนเหรอ ฉันจึงทำได้แค่ยิ้มแห้งเป็นการตอบรับ

นิ้วชี้ไล่หนังสือตามชั้นไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับชื่อหนังสือเล่มหนึ่งมันทำให้ฉันหยุดชะงัก ขอบสันสีชมพูสว่างสดใส ฉันอ่านชื่อของหนังสือเล่มนั้นซ้ำในใจ

ถ้อยคำบอกรัก

เมื่ออ่านจบพลันปรากฏความมัวหมองภายในนัยน์ตาของฉัน ชื่อหนังสือที่บอกเล่าถึงความรักของผู้คนบนโลก ไม่ว่าจะเป็นคู่ไหนๆทั้งโลกจริงหรือนิยาย ฉากจบทุกคนก็ต่างเอ่ยคำบอกรักกัน ชอบใครก็บอก รักใครก็บอก

ทุกหน้านิยายล้วนมีคำว่ารัก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมต้องการฟังเสียง ฟังคำพูดที่สอดแทรกความรู้สึกห่วงใย มันชวนให้ฉันตั้งคำถามไม่ได้ว่า ถ้าความรักไร้เสียง ไร้คำบอกรัก มันจะเป็นยังไง?  โดยความคิดนี้ทำให้ฉันนึกย้อนกลับมาหาตัวเอง ตัวฉันที่ไม่มีคำพูด ไม่สามารถบอกรัก

แล้วถ้าฉันพูดไม่ได้ ความรักของฉันมันจะเป็นไปได้ไหมนะ?..

ฉันเผยยิ้มเศร้าให้กับความคิดตัวเอง ผู้หญิงมีปัญหาคนนี้คิดจะมีความรักงั้นเหรอ เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลยแท้ๆ..ยังคิดจะไปรักใครอีก.. ฉันเคยคิดว่าถ้าแม้แต่พ่อแม่ยังไม่รักฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องรักใคร คิดแบบนั้นมาตลอด สร้างกำแพงให้ตัวเอง ใส่หน้ากากที่จะปกป้องตัวเองเพราะไม่อยากเจ็บอีก..แต่ในโลกที่เงียบสงบนี้กลับมีผู้ชายบ้าๆ คนหนึ่งก้าวเข้ามา

ผู้ชายจอมหนวกหูที่ทำให้โลกแสนเงียบเหงาของฉันไม่สงบสุขอีกต่อไป ทุกครั้งที่พี่ออกัสอยู่ด้วยมักจะวุ่นวาย เต็มไปด้วยสีสัน หรือแม้จะไม่ได้พูดคุยกันแต่มันก็ไม่มีความรู้สึกอึดอัด ไม่ต้องฝืนและเป็นไปอย่างธรรมชาติ คนที่ทำลายกำแพงของฉันจนถล่มลงมา แทรกแซงเข้ามาในความคิดและหัวใจของฉัน..

พี่ออกัส

 

สายรุ้งใช่ไหม?


“?”

ฉันหันมองตามเสียงเรียกชื่อที่ไม่คุ้นเคย แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อมองเห็นหญิงสาวสี่คนในชุดนักศึกษารัดรูปกำลังยืนรายล้อมและจ้องมาที่ฉันอย่างเอาเรื่อง

เงียบทำไม? ทำไมไม่ตอบ? อ๊ะ ลืมไปว่าเป็นใบ้!น้ำเสียงก้าวร้าวที่ขัดกับใบหน้า ผู้หญิงผมสีบลอนด์ทองขยับมือกอดอกพร้อมแสยะยิ้มสมเพช

“…” ฉันไม่ได้ตอบโต้เพียงมองกลับไป

น่ารำคาญชะมัด เข้าเรื่องเลยแล้วกันผู้หญิงผมสั้นสีดำสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นพร้อมจ้องหน้าฉันเขม็ง ถึงจะไม่เข้าใจว่าพวกเธอต้องการอะไรแต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือพวกเธอไม่ได้มาดีแน่ๆ อีกสองคนมีเส้นผมสีแดงและสีส้มเข้มดูจากลักษณะภายนอกที่แต่งตัวจัดเต็มแล้วพวกเธอน่าจะเป็นรุ่นพี่ปีสามไม่ก็ปีสี่

พวกฉันมาขอเตือนเธอ..” ผู้หญิงผมสั้นเอ่ยต่อ ฉันวางหนังสือกลับเข้าชั้นเดิมโดยไม่ละสายตาจากพวกเธอ ในหัวพยายามนึกหาสาเหตุที่พวกเธอมายุ่งกับฉัน ฉันแน่ใจว่าไม่เคยทำเรื่องเสียมารยาทกับรุ่นพี่เพราะไม่เคยยุ่งกับใครอื่นเลย นอกเสียจาก..

หรือว่า..

เรื่องของออกัส

ใช่จริงๆด้วย

ได้ข่าวเธอสนิทกับออกัสงั้นเหรอ คิดเขาชอบเธอรึไง คิดว่าสวยเหรอ?คราวนี้คนผมแดงเอ่ยว่าฉันด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ดูท่าพวกเธอจะไม่พอใจที่ฉันเข้าไปสนิทกับพี่ออกัส ฉันไม่ได้เผยสีหน้าหวาดกลัวหรือหลบหนี นัยน์ตาของฉันมองตรงไปยังคนพูดแล้วนึกเถียงในใจ

ก็สวยกว่าคนที่สวยแค่หน้าแน่นอนค่ะ

ทำมามองหน้าหาเรื่องรึไง! รำคาญ!” ผู้หญิงผมแดงดูไม่พอใจที่ฉันจ้องหน้า ก่อนจะขึ้นเสียงดังขึ้นจนผู้หญิงผมส้มคนข้างๆต้องยกมือปรามให้เบาเสียง ว่าแล้วเธอก็พูดต่อ

คิดว่าออกัสจะชอบน้องเหรอคะ?

“…”

ตอนนั้น ฉันเทน้ำใส่หัวแล้วยังหลบได้อีกนะ!” พี่ผมส้มเอียงคอเล็กน้อยพร้อมเอ่ยถามฉัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจของคนที่เหลือ ฉันมองอย่างนิ่งๆ เดาไม่ผิดจริงๆด้วย..คนที่เทน้ำเกือบโดนหัวของฉันคือพวกเธอ

เฮอะ! ตอนแรกแค่จะขู่แท้ๆ แต่เธอก็ยังไม่เลิกยุ่งกับออกัส!” คนผมสีส้มกำหมัดแน่นพร้อมเอ่ยขึ้นมาก คำพูดนั้นทำเอาฉันเลิกคิ้ว

อะไรนะ?

ถ้าพูดตามจริง ฉันไม่เคยไปยุ่งกับพี่ออกัสก่อนด้วยซ้ำ มีแต่อีกฝ่ายที่มาตามวอแวฉันต่างหาก พวกเธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่านะ? แล้วถึงยังไง เรื่องที่ฉันจะคุยกับพี่ออกัส มันก็เป็นสิทธิของฉันนี่นา

พี่ขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน น้องไม่เหมาะกับออกัสของพวกเราหรอกรุ่นพี่ผมส้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำ ในประโยคสุดท้ายทำเอาฉันเกือบหลุดหัวเราะ ของพวกเรา? พูดออกมาได้ยังไง? ชีวิตมันเป็นของพี่ออกัสต่างหาก

นี่มันเรื่องบ้าอะไร?

ตอนนี้ภายในหัวสมองของฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกรำคาญใจกับสิ่งที่ต้องเจอตรงหน้า ฉันนึกว่ามันไร้สาระมากที่คนต้องทะเลาะด่าทอกันเพียงเพราะเรื่องผู้ชายคนเดียว พวกเธอไม่มีเรื่องอื่นจะทำงั้นเหรอ หรือชีวิตนี้มีแต่เรื่องของคนๆเดียว? ถ้าพวกเธอมารุมด่าฉันเพียงเพราะเรื่องนี้ ฉันขอพูดเลยว่ามันเป็นเหตุผลที่บ้าบอที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ

 “จะเงียบอีกนานไหม!?” ผู้หญิงผมทองขึ้นเสียง ถึงภายในใจฉันจะหงุดหงิดแต่ฉันก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าเพียงเหม่อมองพวกเธอด้วยสายตาเฉยชา

คนใบ้ก็แบบนี้แหละพูดไม่ได้ไง!”

ฉันคิดถึงคำพูดของพี่เบาหวิวที่เคยเตือนฉัน

เพราะเป็นเดือนคณะ ออกัสจึงมีแฟนคลับจำนวนมาก และมีกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างหัวรุนแรงทำร้าย.. พวกเธอจะคอยรุมกลั่นแกล้งทุกคนที่เข้าใกล้ออกัส

จับกลุ่มกันเพื่อเรื่องไร้สาระ?..ไม่สิ

ฉันนึกแบบนั้นขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะคิดใหม่ว่า ในโลกนี้ ต่างคนต่างก็มีมุมมองของโลกที่ต่างกัน ทุกคนมีของสำคัญในแบบของตนเอง ไม่มีใครอยากให้สิ่งสำคัญของตนถูกมองว่าไร้สาระ

แต่ว่า..ยังไงฉันก็ไม่พอใจในการกระทำนี้อยู่ดี..

อารมณ์ที่คลุกกรุ่นในจิตใจทำเอาฉันก้มหน้า ไม่ได้เจ็บใจที่โดนพวกเธอว่าร้าย แต่ในหัวของฉันกำลังเค้นหาสาเหตุต้นตอของพันธะแสนน่ารำคาญนี้

ยัยใบ้! คนอย่างเธอใครเขาจะอยากได้กัน!”

พูดก็พูดไม่ได้ แล้วยังมาเรียกร้องความสนใจจากออกัสอีกงั้นเหรอ!?”.

เป็นใบ้ก็ส่วนคนเป็นใบ้ไปสิ! เดี๋ยวออกัสก็เบื่อเธอแล้ว!”

            พอเห็นฉันก้มหน้านิ่งไป ดูท่าทางพวกเธอก็ยิ่งเหิมเกริมมากขึ้น น้ำเสียงสูงชวนแสบแก้วหูรุมด่าฉันไม่ยั้ง ถ้อยคำว่าร้ายพรั่งพรูออกมาจนนึกขยะแขยง ความสงสัยชักนำให้หาคำตอบว่าทำไมฉันต้องมาพบเจออะไรแบบนี้

            เหมือนช่วงแรกที่พยายามจะมีชีวิตอย่างสงบ แต่กลับทำร้ายฉันด้วยคำพูดด่าทอจนจิตใจบอบช้ำ ถ้าฉันเป็นใบ้จริงๆแล้วโดนว่ามาขนาดนี้ ฉันคงฆ่าตัวตายไปแล้ว

          ทำไม..

            ทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้..ทั้งๆที่ฉันอยากจะละทิ้งทุกสิ่ง แค่อยากจะมีความสุขในโลกใบเล็กๆ แล้วทำไมฉันถึงต้องมาโดนทำร้ายอีก?.. เพราะฉันเปิดโลกของตัวเองออกงั้นเหรอ? อ่า..เพราะแบบนี้สินะ ถ้าฉันอยู่ในโลกของตัวเองต่อไปก็จะไม่โดนทำร้าย จะไม่ต้องมาพบเจอเรื่องน่ารำคาญแบบนี้

            ยิ้มบ้าอะไร!? แล้วจะเงียบอีกนานไหม!?”

          คำด่า

            “หึ ต้องเงียบสิแก ก็เธอเป็นใบ้นี่! ฮะฮะ!”

          คำส่อเสียด

          คำนินทา

            ถ้าคำพูดนำมาซึ่งความทุกข์

แล้วเราจะพูดกันไปเพื่ออะไรล่ะคะ?

        บอกแล้วว่าคำพูดไม่จำเป็นสำหรับโลกใบนี้

        ถ้าฉันเกิดเป็นแฟนกับพี่ออกัสจริงๆ มันก็คงมีแต่เรื่องวุ่นวาย ถ้ามันจะทำให้ทั้งฉันและพี่ออกัสต้องมาเดือดร้อน จะให้มันเกิดขึ้นทำไม แล้วก็แน่นอนว่าเรื่องที่ฉันโกหกว่าเป็นใบ้ ถ้าสักวันที่ความลับนี้แตก..ถ้าพี่เขารู้ เขาจะรู้สึกยังไง จะรักคนขี้โกหกคนนี้ต่อเหรอ? หรือฉันจะหลอกลวงพี่เขาไปได้อีกนานแค่ไหน เห็นชัดๆว่าความรักของเรา ไม่ว่าเส้นทางไหนมันก็ไม่มีวันจบอย่างสวยงาม

            คนใบ้ที่หลอกลวงสมควรอยู่ในส่วนคนใบ้

            ไม่ควรก้าวเข้าไปในโลกที่สว่างไสว

          ฉันมันบ้าเอง ที่เสี้ยววินาทีหนึ่งหวังในความรักที่สดใส

            ทำอะไร?ผู้หญิงผมสั้นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความ ฉันพิมพ์ค่อนข้างยาวเพราะอยากจะพูดให้จบทีเดียว ไม่อยากอยู่เสวนาด้วยอีกแล้ว พิมพ์เสร็จฉันจึงหันมือถือให้พวกเธออ่านข้อความ

                ถ้าพวกคุณจะไม่มายุ่งยากกับฉัน ฉันก็จะเลิกยุ่งตามที่พวกคุณต้องการ ขอบอกไว้ก่อนคนที่เข้าหาฉันแต่แรกก็คือพี่ออกัส อีกอย่างชีวิตมันเป็นของพี่ออกัส ถึงเขาจะรักใครยังไงมันก็เรื่องของเขา พวกคุณไม่มีสิทธิ และต่อให้คุณขัดขวางไปจนตาย พี่ออกัสก็ไม่มองพวกคุณหรอกค่ะ

            นัดเดียวจบ

                “โห!!”

            กรี๊ดดด!! นี่แก!!”

หลังอ่านจบผู้หญิงผมบลอนด์ทองกรีดร้องลั่น ใบหน้าของเธอสั่นด้วยความโกรธ ขยับสองมือกำหมัดแน่น นัยน์ตาโกรธเคืองจ้องมาที่ฉันอย่างเชือดเฉือน

            ยัยยูแอลเสียงดังไปแล้ว เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ห้องสมุดก็โผล่มาเล่นพวกเราหรอก!”  ผู้หญิงผมส้มหันไปตวาดปราบ เพื่อนของตนที่ขึ้นเสียงดังเกินไป แต่ดูท่าคนห้ามก็โกรธไม่แพ้กัน เธอตวัดสายตามองฉันพร้อมเอ่ยเสียงต่ำ

            ปากดีนักใช่ไหม?ฉันยังคงนิ่งกับคำถามนั้น

          ก็ฉันพูดจริงนี่นา

          ฉันถอนหายใจอย่างรำคาญใจ ไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมาเจอกลุ่มตัวร้ายแบบในละคร บางคนชอบบอกว่านิยาย ไม่สมเหตุสมผล แต่ฉันคิดว่าโลกจริงมันบ้ายิ่งกว่าเสียอีก เพราะนิยายอาจจะมีหน้าจบแต่ในความจริง มนุษย์ไม่มีขีดจำกัด ความโลภ  โกรธ หลง ต้นเหตุแห่งความบ้าคลั่งมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน  เพื่อสิ่งที่ปรารถนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ทำได้--

                เพี๊ยะ!

            ใบหน้าของฉันหันไปตามแรงกระทบ ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง พร้อมความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านบริเวณข้างแก้ม ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะสะใจดังแว่วมา

              เธอตบฉัน?


            สมน้ำหน้าอยากปากดี!” คนที่ตบฉันคือผู้หญิงผมแดงที่ยืนหอบหายใจด้วยความโกรธ ริมฝีปากแดงเพราะลิปสติกขยับยิ้มเยาะที่ฉันโดนตบจนหน้าหัน

                “เฮ้ย! แกตบเป็นรอย เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก

                “ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ยัยนี่มันไม่มีเพื่อน! แล้วถ้าฟ้องใครแกโดนแน่!” คนผมแดงว่ากลับก่อนจะยืนหัวเราะสะใจ โดยอีกสองคนก็หัวเราะสะใจตามไปด้วย ฉันเหม่อมองพื้นก่อนจะนึก

          เพราะทำอะไรไม่ได้ เอะอะก็เลยใช่แต่กำลัง

            มองแบบนั้นทำไหม!? จะหาเรื่องเหรอ?ฉันไม่มีปฏิกิริยากับคำพูดนั้นเพียงมองเธอกลับไป ดูท่าสายตาของฉันมันจะทำให้เธอหงุดหงิด เจ้าของเส้นผมสีบลอนเตรียมง้างมือตบฉันอีกรอบ

          หมับ!

            “!!”   เมื่ออีกฝ่ายง้างมือเข้ามาใกล้ฉันก็คว้าเอาไว้ทันที เจ้าตัวเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงแล้วหันมาจ้องตาฉันเขม็ง เธอพยายามดึงมือออก แต่ฉันกำมือของอีกฝ่ายแน่น แรงฉุดยื้อทำให้แขนของพวกเราสั่น

            ปล่อยฉัน!” เธอกดเสียงต่ำลอดฟัน สายตาโกรธเคืองมองตรงมา เธอพยายามสะบัดมือฉันออกแต่น่าเสียดายที่เธอทำไม่ได้ ฉันเพียงมองการกระทำนั้นนิ่งๆก่อนจะเผยยิ้มบาง

            ใครเขาจะยืนโง่ให้ตบหลายรอบกัน

            ฉันไม่ใช่นางเอกน่าสงสารแบบในละครสักหน่อย

            ผลัก !

          กรี๊ดด!!” เสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อฉันปล่อยมือของอีกฝ่าย เจ้าตัวก็เผลอเซถอยไปตามแรงและชนเพื่อนของเธอให้ล้มลงไปตามราวโนมิโน่

          โครม!

            รุ่นพี่ทั้งสี่คนล้มลงไปกองกับพื้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ฉันมองพวกเธอนิ่งๆ ก่อนนึกว่าควรจะไปจากสถานการณ์นี้สักที

            ทำอะไรกันเนี่ย!?”

            ฉันเงยหน้ามองทางต้นเสียงปรากฏร่างของเจ้าหน้าที่หอสมุดมายืนมองพวกเราพร้อมร้องถามเสียงดังลั่น เขามองฉันสลับกับรุ่นพี่ทั้งสี่ที่กองอยู่กับพื้น ดูท่าจะเริ่มกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วสิ..

            ช่วยด้วยค่ะ เด็กคนนี้ทำร้ายพวกเรา!!” คนผมดำเสยผมขึ้น เธอนิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่พึ่งมาถึง น้ำเสียงอ้อนวอนกับท่าทางน่าสงสารผิดกับตอนแรกลิบลับ

            หา?

            ฉันมองอย่างตกตะลึงกับบทละครฉับพลันที่แนบเนียนจนน่าขัน

            หา!?” เจ้าหน้าที่หอสมุดชายร้องเสียงหลงก่อนจะหันมองฉันอย่างอึ้งๆ เขามองฉันประมาณว่า จริงเหรอ? ตอนแรกฉันไม่ได้ส่ายหน้าหรือยกมือบ่ายเบี่ยง แต่การเงียบแบบนี้ของฉันสำหรับคนภายนอกคงมองว่าเป็นการยอมรับในความผิดสินะ

            นี้หนูทำจริงเหรอ?เขาถามเพื่อของคำยืนยันฉัน ตอนนั้นฉันกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธแต่ทว่า..

            “น้องสายรุ้ง!!”

                นัยน์ตาของฉันเบิกค้างเมื่อเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยดังแทรกมา เสียงของคนที่ฉันไม่อยากเจอมาที่สุด เจ้าตัวดันโผล่มาจากทางไหนก็ไม่รู้

     อ้าว นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”  เจ้าของผมสองสีเป็นเอกลักษณ์ ก้มมองกลุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอยู่กับพื้นก่อนจะหันมามองห้าฉัน ดูท่าเขากำลังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับเสียงสูงหลากโทนก็ดังแทรกขึ้นมา

            ออกัส! เด็กคนนี้ทำร้ายพวกเรา!”

                “เราเข้ามาถามดีๆ แต่เธอก็เหวี่ยงฉันกลับมา

                “คนอุตส่าห์เป็นห่วง ทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย? ฮึก

      ถ้อยคำใส่ร้ายจอมปลอมพรั่งพรูเข้าใส่ฉัน ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว มนุษย์น่ากลัวเสมอที่สามารถใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อเอาตัวรอด อาศัยแค่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น กำหนดบทบาทและถ้อยคำเสแสร้งก็สามารถทำให้ฝั่งตรงข้ามกลายเป็นคนร้ายได้ในพริบตา

            พี่ออกัสส่ายหน้าช้าๆคล้ายจะบอกว่าไม่อยากเชื่อที่พวกเธอพูด ก่อนจะมองมาหาฉัน นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ

            สายรุ้ง..” เขายังไม่ทันได้พูดอะไรแต่มือของฉันไวกว่า

          ใช่ค่ะ ฉันทำเอง

            สายรุ้ง!” พี่ออกัสเบิกตากว้างพร้อมขบฟันของตัวเองก่อนจะเรียกชื่อของฉันห้วนๆ น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังปราม  ก็ฉันทำจริงๆนี่นา เพราะพวกเธอทำร้ายฉันก่อน ความจริงนี้มันเป็นแค่การป้องกันตัว แต่ถ้าในสายตาของคนอื่นฉันกลายเป็นตัวร้าย มันก็ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไรอีกแล้ว

            พอกันที

        ความรู้สึกแง่ลบถาโถมเข้ามาในหัวใจของฉัน พระเจ้ากำลังลงโทษที่ฉันมีความสุขงั้นเหรอ? คนโกหกแบบฉันสมควรจะอยู่ในโลกของตัวเองสินะ..ถ้าพระเจ้าต้องการให้ฉันเจ็บที่สุด ฉันก็ขอบอกว่าท่านทำสำเร็จแล้ว

          สายตาของพี่ออกัสที่มองมาตอนนี้..มันทำให้เจ็บปวดที่สุดเลย

            ฉันขยับกายเดินออกไปโดยไปสนเสียงเรียกของเจ้าหน้าที่หอสมุด ขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าว น่าแปลกทั้งๆที่ฉันไม่เคยร้องไห้มานานแล้วแท้ๆแต่ตอนนี้มันกลับอยากร้องออกมาดังๆ ฉันก้มหน้านิ่งและเดินสวนพี่ออกัส พี่เขาร้องเรียกฉัน แต่แน่นอนฉันไม่ได้หันกลับไป เพียงแค่ชูข้อความบนมือถือที่ทำให้เขาชะงักไป

                เรื่องนี้..มันสมควรจะจบลงได้แล้ว..

 

          ลาก่อนค่ะ พี่ออกัส

           

 

TBC.

 

Talk to me

สวัสดีค่ะทุกคน เราได้เจอกันครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดน้า

 

กว่าจะมาถึงตรงนี้บอกเลยว่าผ่านเรื่องมามากมาย ไหนจะติดสอบ เจอปัญหาดราม่า
เจอเรื่องบั้นทอนกำลังใจ แต่ก็มาถึงตรงนี้จนได้ ได้อะไรมากมายจากการแข่งครั้งนี้เลยค่ะ
ได้เพื่อนได้ประสบการณ์ได้ความแนะนำจากพี่ๆนักเขียนขอบคุณมากค่ะ

 

เดินทางถึงตอนสุดท้ายจนได้ หลังจากนี้ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็จะแต่งออกัสกับสายรุ้งต่อให้จบแน่นอนค่ะ
คงจะลงในเด็กดีนี่แหละค่ะ มีความสุขมากเลยที่ได้แต่งคู่นี้ออกมา
เป็นนอร์มอลออริเรื่องแรกของเราเลย ฮือ
T_T ผูกพันธุ์สุดๆ เหมือนลูกเหมือนพี่น้อง

 

ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะ ขอบคุณสำหรับเม้นสำหรับโหวต

ขอบคุณพี่อายมากๆเลยค่ะ คอมเม้นพี่อายเป็นกำลังใจให้เตยทุกครั้งเลย

เตยจะพยายามให้มากขึ้นนะคะ จะปรับตามที่พี่อายแนะมาค่ะ

 

สุดท้ายนี้มันอาจจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เตยอยากให้นิยายเรื่องนี้ให้อะไรมากกว่าความรัก
ให้ข้อคิด ให้กำลังใจผู้คนที่กำลังเจ็บปวด กำแพงแห่งความรักมันไม่จริง
เพียงแต่คุณเลือกที่จะสร้างมันขึ้นมาหรือไม่ 

และเตยอยากสร้างสิ่งที่มากกว่าความรักให้ทุกคนได้อ่านค่ะ

ความรักมีอะไรมากกว่านั้น

 

อ้ะๆแล้วสำหรับคู่วายคู่ใหม่ เปิดตัวสดๆของเรา เซบเท็มชัช

เตยเปิดเรื่องsidestoryของคู่นี้เอาไว้ในเด็กดีไปตามอ่านได้เลยนะคะ หึหึ

[YAOI] Nature Love เพราะมันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

วาร์ป >>  Nature Love 

 

ยาวอ่ะ ยังไม่อยากไปไหนเลยรักทุกคนนะคะ รักคนอ่าน รักคนโหวต รักคนคอมเม้น
รักพี่ๆเพื่อนๆที่ร่วมแข็งไปด้วยกัน รักพี่อาย รักแจ่มใส รักนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณที่มาพบกันนะคะ
J

 

6 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 Blue_umbrella (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 00:44:30
    ฮัลโหลเตยยย ฉันคือเม้นแรกของแกกกก

    นี่เป็นวีคสุดท้ายแล้วสินะ... เหงานิดหน่อยแฮะ T^T
    ต้องมาแต่งต่อด้วยกันนะรู้มั้ยยย

    อ่ะๆ เข้าเรื่องนิยายบ้าง อยากจะบอกว่าสงสารน้องสายรุ้งง่า ทำไมไม่พูดความจริงให้พี่เค้ารู้
    ทั้งที่เริ่มเปิดใจแล้วแท้ๆ เลยงือออ พี่ออกัสต้องไม่เชื่ออยู่แล้วล่ะ อย่าทิ้งเรื่องนี้นะเว้ย  อยากอ่านต่อ 555

    อยากรู้ปมของสายรุ้งเพิ่มด้วยง่ะ >0< แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มพูดซักที แงงง 

    ยังไงก็สู้ๆ น้า~ เราจะไฟต์ไปด้วยกันนน ย้ากกกก 

    สุดท้ายนี้ดีใจมากเลยที่ได้เจอกับเพื่อนที่รักการเขียนแบบแก จบงานนี้แล้วอย่าลืมกันล่ะ :) 

    #1
  2. #2 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 08:28:45
    ไม่ว่าผลจะเป็นไง เเต่ขอบอกว่ารักคู่นี้มากกกก
    สู้ๆ ค่ะ จะติดตามอ่านเสมอค่า
    #2
  3. #3 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 13:17:01

    สวัสดีค่า~ สาราพว่าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาอ่านเรื่องนี้เลย แต่เข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่อง (ก้มกราบขออัย)
    พออ่าน
    intro ตอนแรกไปคิดว่าเรื่องจะคล้ายๆ อนิเมะที่เป็นาพยนตร์เรื่อง Kokoro ga Sakebitagatterunda เพราะเกริ่นเรื่องใกล้เคียงกันแล้วนางเอกก็มีปมปัญหาทางครอบครัวและไม่ยอมพูดเหมือนกัน

    แต่พอได้อ่านตอนที่หนึ่งมาจนถึงตอนล่าสุด ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าแหวกไปไกลกว่าที่คาดไว้มากกกกกกก ตกใจมากตอนอ่านฉากกินหมากับเรื่องปอบ ฮาาาาาาา>_< เพราะเหมือนโทนเรื่องจะค่อยข้างเทาๆ กับปมนางเอก อ่านตอนแรกคิดว่าจะดราม่ามากด้วยซ้ำ แต่พออ่านๆ ไปสองสามตอน เหยยยยย ก็สนุกดีอ่ะ มีทั้งตลก ทั้งหน่วง อ่านไปก็ลุ้นตามสายรุ้งไป รอว่าจะเผลอพูดเมื่อไหร่ แล้วในเรื่องคือชอบคาร์แรกเตอร์ของออกัสมากกกกกก ฮ่าๆ มีความโลกสดใส อยากรู้ว่านางจะแต้มสีเทาของสายรุ้งให้เป็นสีสดใสได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ดูมีความพยายามเข้าหามาก ฮาาาาาา

    อ้อ แอบเห็นว่ามีช่วงที่บรรยายบุรุษที่หนึ่งต่อกับบุรุษที่สามแบบปุบปับด้วยนะคะ น่าจะเป็นตอนที่ห้า ฉากที่ผ่าตัดเสร็จ เซบเท็มออกมา อาจจะมีไม่กี่บรรทัดแต่อาจทำให้นักอ่านบางคนสับสนได้ (หรือเราคนเดียวที่สับสนไปเองก็ไม่รู้ ถถถ) แต่เท่าที่อ่านมาสำนวนดีมาก ลื่นสุดๆ แล้วตอนหก จบทิ้งไว้ได้แบบ... ฮืออออ ค้างอ่ะ ค้างมากกก อยากรู้ว่าออกัสจะไปสืบหาความจริงยังไง สายรุ้งจะจบไปแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ โถ่ๆๆ T^T

    แต่ว่าจริงๆ แอบเสียดายนิดหน่อย เพราะคิดว่านี่เป็นตอนสุดท้ายของวีคแข่งแล้วจะได้ยินเสียงสายรุ้งหลุดพูดบ้างสักคำงี้ แต่น้องก็ใจแข็งไม่ยอมพูดอะไรเลย ฮ่าๆๆ

     

    สุดท้ายนี้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ โชคดีค่า:)

    #3
  4. #4 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 16:34:31
    แงงงงงงงงงง จบแบบนี้เราไม่เอา เป็นพวกเลิฟเลิฟนิยม พอเห็นว่าไรต์จะแต่งต่อเลยดีใจมากค่ะ ส่วนคู่เซบเท็มกับพี่ชัช เดี๋๊ยนว่าเดี๊ยนก็จะไม่พลาดอีกเหมือนกัน สู้ๆนะคะ เรารอตอนต่อน้า
    #4
  5. #5 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-28 01:16:56
    สวัสดีค่ะน้องเตย
    ก่อนอื่นเลยจะบอกว่า ไม่ว่าตอนนี้จะเครียดอะไรอยู่ หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ แก้ทีละอย่างไปนะ อะไรแก้วันนี้ไม่ได้ก็อย่าไปเครียดกับมันมากเกินไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุดไปก่อน เรื่องอื่นบางทีปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตบ้างก็ได้ เป็นกำลังใจให้จ้า

    เข้าเรื่องเลย อ่านมานานแล้วแต่ไม่ได้มีจังหวะคอมเม้น อาทิตย์นี้อาทิตย์สุดท้ายก็เลยจัดหน่อยแล้วกันนะ ก่อนอื่นพี่ชอบคอนเซปนะ แต่การเล่าของเรายังไม่ค่อยสมูธเท่าไหร่ พี่ว่าเราอาจจะต้องลองร่างพลอตยาวๆ ก่อนว่าจะนำเสนออะไรในแต่ละพาร์ทของเรื่อง ตอนนี้เนื้อเรื่องมันวนไปวนมาไม่มีเนื้อหาอ่ะ อย่างเช่นมุกแฟนคลับพระเอกมาหาเรื่องนี่มันเก่ามาก แล้วจริงๆ พี่คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลมากพอจะให้นางเอกดราม่าขนาดนั้น นางเอกไม่ใช่ตัวละครที่เปราะบางขนาดนั้นอ่ะ จากที่อ่านมา ค่อนข้างเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ ก็มาพูดถึงหวังความรักที่สดใสอะไรไม่รู้ พี่ว่ามันไม่สมดุล ไม่ตอบโจทย์กันเลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ แล้วออกัสก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย มันไม่เหตุผลที่นางเอกต้องไปตัดเค้าออกจากชีวิตแค่เพราะผญที่ชอบเค้ามายุ่งกับนางเอกอ่ะ แล้วมันก็เป็นเหตุการณ์แค่ครั้งแรก แถมยังเป็นเรื่องผิวเผิน ไม่ได้ฝังรากลึก จากคาแรคเตอร์นางเอกเค้าเป็นคนที่เจออะไรหนักกว่านี้มาแล้ว พีว่ามันเบาไปหน่อยที่จะถอดใจ ดราม่าขนาดนี้แค่เพราะเรื่องแค่นั้น

    รวมๆ แล้วพัฒนาการที่เห็นชัดคือเราเขียนบรรยายดีขึ้นนะ อ่านแล้วลื่นตามากขึ้น ลองกลับไปอ่านตอนแรกๆ ของตัวเองดิ เราต้องรู้นะว่าตัวเองพัฒนาขึ้นแล้ว แต่เหมือนที่บอก สิ่งที่พี่ยังติดใจอยู่คือพลอตเรื่อง คอนเซปดีแต่การวางพลอตไม่ดีก็ส่งผลเหมือนกันน้า เป็นกำลังใจให้แล้วกัน หวังว่าทุกคำติจะไม่ทำให้ท้อใจแต่เก็บเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ไปไว้คิดต่อแทนนะคะ หวังว่าจะได้เจอกันสักงานนะคะ :D

    สู้ๆ!
    #5
  6. #6 FUNAMI-SAN (จากตอนที่ 7)
    2017-02-28 09:47:39

    แวะมาลงาพประกอบนิยายค่ะ 

    ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ 
    ขอบคุณคอมเม้นพี่ชุบมากนะคะ
    พี่ชุบพูดสิ่งที่เตยคิดตอนแต่งออกมาเลย
    เตยก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เตยจะเอาไปรีไรท์ให้ดีขึ้นค่ะ จะส่งตรงไปเลย


    [ชะนีทั้ง4ค่ะ]

    "พอกันที"
    สายรุ้งVer.ดาร์คค่ะ : ) 


    ขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ เตยพอรู้ตัวอยู่แล้ว

    ถึงไม่ได้ยังไงเตยก็จะลุยต่อแน่นอนค่ะ ^^

    #6
  • 1

แสดงความคิดเห็น