สวัสดีค่ะ กลับมาเจอคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น วันอังคารแบบนี้เรามีนัดกันเหมือนเดิม น้องๆ เชื่อมั้ยว่าคนที่เทพระดับ GAT 280 แถม PAT3 1/2558 ยังมากถึง 284!!! จะเคยเกเร ซ้ำชั้นมาก่อน วันนี้ "บลัม" นเรนทร์ฤทธิ์ เทพเกษตรกุล พร้อมเปิดใจ แถมบอกสูตรลับความสำเร็จให้เราได้ฟังกัน ไปดูกันเลย
แนะนำตัว
สวัสดีครับ ชื่อนายนเรนทร์ฤทธิ์ เทพเกษตรกุล ชื่อเล่นชื่อ "บลัม" ครับ เพิ่งจบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ชั้น ม.6 สายการเรียน วิทย์ฯ - คอมฯ ครับ เป็นเด็กแอดฯ 58 ที่กำลังรอประกาศผลรับตรงของวิศวะฯ จุฬาฯ ครับ คือ ก็ลุ้นเหมือนกันครับ ถ้าเข้าไปได้จริงๆ ก็อยากเรียนสาขาเครื่องกลครับ ถ้าทำได้นะ เพราะจริงๆแล้ว ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนมา 1 ปี ทำให้เพื่อนร่วมรุ่นตอนนี้ก็อยู่ปี 1 กำลังจะขึ้นปี 2 ครับ ซึ่งเพื่อนๆ ก็ไปอยู่จุฬาฯ กันครับ แล้วกลับมาขู่ว่าเราเรียนยากนะ เราเลยอยากลองพิสูจน์ตัวเราครับ
(นิสัย) จริงๆ เป็นคนเรื่อยๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก ไม่ใช่คนคร่ำเครียดเลยครับ ผมว่าผมใช้ชีวิตคุ้มค่ามากนะครับ คือไม่ได้ใช้ไปกับการอ่านหนังสืออย่างเดียว มีทำกิจกรรม อยู่กับเพื่อนด้วย
(กับอีกด้าน : รับจ๊อบเป็นคุณครู) ครับ มีสอบพิเศษเหมือนกัน จริงๆ แล้วเริ่มจากเราเคยอธิบายเพื่อนๆ แล้วเพื่อนเข้าใจ ก็เลยรู้สึกว่า เราอยากให้คนเข้าใจ ไม่อยากให้แค่จำบ้าง เลยรับสอนพิเศษอยู่บ้างเหมือนกัน
ประสบการณ์ซ้ำชั้น เรียนช้า เกเร ไม่ตั้งใจเรียน!!
ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา 1 ปี ตอนช่วง ม.4 ในแคลิฟอเนียร์ กลับมาเลยเรียนช้ากว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันไป 1 ปี เพราะเรียนซ้ำตอน ม.4 ไปอีกรอบนึงในไทย ซึ่งที่นู่นเรียนง่ายกว่าเรามากนะครับ พวกวิทย์ฯ คณิตฯ บอกเลยว่าประเทศเราชนะขาด เลยเน้นทำกิจกรรมที่อย่างพวกกีฬาทีมโรงเรียนมากกว่าตั้งใจเรียน
แถมกลับมาแล้วก็ยังติดนิสัยเล่นอยู่ แถมคิดว่าเรียนไม่สำคัญ เพราะตอนอยู่อเมริกา เรียนยังไงก็เกรดดีแน่ อย่างที่บอกว่าเราเรียนหนักกว่าที่นู่นมาก ก็เลยชิวแบบเดียวกับตอนอยู่อเมริกา เรียนๆ เล่นๆ มาเรื่อยๆ พอเอาตัวรอดทั้งๆ ที่มันควรดีกว่านี้
พอ ม.5 เทอม 1 เราก็เป็นประธานแผนการเรียนวิทย์ฯ -คอมฯ เท่ากับว่าเรียนไป ทำงาน ทำกิจกรรมไป เลยใช้เวลาช่วงนี้อยู่กับเพื่อนใหม่ เพราะเพิ่งย้ายห้องมา คราวนี้สนุกเลยครับ เล่นกันทั้งกลุ่ม 555 แต่ก็พยายามอ่านหนังสือมากขึ้นนิดนึง ซึ่ง ม.5 เทอม 1 ที่เตรียมเรียนยากขึ้น คราวนี้เกรดตกลงไปนิดนึงละครับ เริ่มตั้งสติคิดว่าเราเป็นอย่างงี้ไม่ได้ละ เอามาเป็นบทเรียน
จน ม.5 เทอม 2 เราก็ปรับตัว แบ่งเวลามากขึ้น ตั้งใจทำเกรดให้ดี แล้วก็พยายามทำชีทจริงจัง จนเกรดออกมาโอเคขึ้น พอจบ ม.5 เทอม 2 ผมก็รู้สึกตัวว่าหมดเวลาเล่นแล้ว เล่นมาเยอะแล้ว ต้องตั้งใจเรียนสักที ตอนนั้นผมตั้งใจสอบทุนเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศครับ
ช่วงที่ขึ้น ม.6 ผมเลยตั้งใจ เปลี่ยนตัวเอง เตรียมตัวทุกอย่างโดย
- เรียนพิเศษวิชาภาษาไทยกับสังคมฯ เผื่อไว้ เพื่อสอบทุน
- เรียนเนื้อหาคอรส์เคมี เพื่อพื้นฐานที่แน่น เตรียมพร้อมสอบ 7 วิชาสามัญ
- เรียนคณิตศาสตร์ เนื้อหากับข้อสอบใช้เตรียมสอบ PAT1 พร้อมกับ เรียน PAT3 ไปด้วย จะได้ไปด้วยกันพอดี
- ทบทวนวิชาฟิสิกข์ด้วยตัวเอง
- ซื่อหนังสือมาทำ GAT ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เน้นทำโจทย์
ทั้งหมดนี้ผลคำนวณว่าเรียนจบก็สอบ 7 วิาสามัญ กับ GAT PAT พอดี ความรู้จะได้ยังครุกรุ่น ไม่งั้นเราก็อาจจะลืม อีกอย่าง ผมเชื่อว่าควรอ่านหนังสือตลอดเวลา หมายถึง อย่าพักจนลืมไป ถ้าเราอ่านทุกวันมันจะให้ความรู้สึกว่าความรู้มีทุกวัน เตรียมตัวอยู่ทุกวัน เราจจะพร้อมกว่า
เทคนิคทำ PAT 3 : 284!!!
ผมมีเป้าหมายมานานแล้วครับว่าอยากเรียนวิศวะฯ ก็เลยตั้งใจเรียนมาโดยตลอด พอเรารู้ว่าเราอยากเรียนอะไร การเตรียมตัวมันก็ง่ายขึ้น เพราะเราเตรียมตัวแค่วิชาที่เราจะใช้ อย่าง GAT PAT1 และก็ PAT3
(รู้ได้ยังไงว่าอยากเรียนวิศวะฯ) เอาจริงๆ เด็กเตรียมฯ ส่วนใหญ่จะอยากเรียนหมอใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่ชอบชีวะฯ ครับ ไม่เคยอ่านเข้าหัวได้เลย ซึ่งเรารู้ว่า ถ้าไปเป็นหมอ เราต้องเจออีกเยอะเลย แค่ขนาดตอนนี้เราก็รู้สึกว่ายากแล้ว แล้วต่อไปที่จะเยอะกว่านี้อีกล่ะ?
อีกอย่างผมเป็นคนเป็นคนชอบสร้างอะไรใหม่ๆ เลยมองว่า การจะรู้ว่าตัวเองชอบอะไรมันสำคัญมาก อย่าปล่อยตัวเองไปตามกระแส เราอาจจะมีเส้นทางเป็นของตัวเอง ซึ่งมันดีกว่าการปล่อยตัวเองไปตามน้ำเรื่อยๆ
ส่วนวิธีเตรียมตัวแบบละเอียดยิบ! ของผมคือ
GAT : 280
ผมไม่ได้เรียนพิเศษเพิ่มเลยครับ เน้นทำโจทย์ ซื้อหนังสือมาทำเอง อีกอย่างผมอ่านหนังสือกับเพื่อนก็มีการแลกเปลี่ยนหนังสือกัน ช่วยกันดูครับ (มีหวงความรู้บ้างมั้ย) ไม่มีครับ เพราะทุกคนอยากเข้าไปด้วยกัน อยากมีเพื่อน เลยชวนอ่านไปพร้อมๆ กันครับ
PAT3 : 284
- มีเรียนเพิ่มเติม พวกความรู้พื้นฐานต้องแน่น
- ทำโจทย์ อันนี้เน้นเลย ต้องทำจนคล่อง มีประสบการณ์ในการทำข้อสอบ
- มีโชค อันนี้จริงๆ ครับ เพราะข้อสอบแต่ละข้อ เราไม่เคยเจอเลย บางทีต้องใช้เซนส์ว่าข้อนี้เราควรใช้วิธีไหนแก้ จริงๆ แล้ว เซนส์ที่ว่าก็มาจากการทำโจทย์เยอะๆ นั่นแหละครับ เราถึงจะรู้ว่าควรจัดการโจทย์นี้ยังไง
ถ้ายังไม่ชัดเจนพอผมแยกให้ทีละวิชาเลยละกันครับ ข้อสอบ PAT3 ประกอบด้วย ฟิสิกส์ เคมี คณิต และก็ความถนัดทางวิศวะฯ
ฟิสิกส์
- ก่อนจะไปเรียน ผมทำโจทย์ของทุกเรื่องไปก่อน เอาเฉพาะเรื่องที่ออกนะครับ อย่าทำกวาดไปหมด
- ไปเรียนเนื้อหาเพิ่มเติม เพื่อตกผลึกความคิดและย่อยความรู้ให้เข้าใจจริงๆ แล้วก็ทบทวนไปในตัว
เคมี กับ คณิต
- ตั้งใจเรียนที่โรงเรียน เพราะใน PAT3 มันเป็นอะไรที่พื้นฐานมาก โดยเฉพาะคณิตฯ อันนี้ง่ายกว่าใน PAT1 เยอะเลยครับ
ความถนัดทางวิศวะกรรมศาสตร์
- เน้นทำโจทย์เลยครับ เพราะการทำโจทย์เยอะๆ ทำให้เรารู้ว่าควรใช้วิธีไหนทำโจทย์
สุดท้ายผมก็ทำโจทย์ PAT3 ย้อนหลังอีกครั้ง โดยกะเวลาสัก 1 เดือนครึ่ง ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ แต่อย่าลืมจับเวลานะครับ (จับเวลาสำคัญมั้ย) คือตอนฝึก ผมพยายามทำให้เร็วที่สุดครับ พอทำบ่อย เรื่องจับเวลาก็ไม่สำคัญแล้วครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ ทำข้อสอบไม่เร็ว ต้องจับเวลาครับ จะได้ทำข้อสอบได้ทันเวลาแน่ๆ
เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตเด็กม.ปลาย
ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องการเรียนนะ ผมว่าทุกคนรู้ตัวว่าต้องทำยังไง แต่อยากฝากเรื่อง "ติดเพื่อน" มากกว่า เพราะอันนี้นิสัยวัยรุ่นเลย ต้องแบ่งให้เป็นครับ เพื่อนดีๆ ต้องชวนกันอ่านหนังสือ กิจกรรมต่างๆ ถ้าจัดเวลาได้ ก็ทำได้ครับ แค่แบ่งเวลาให้เป็น ทุกอย่างจะลงตัว
อีกอย่างนึงคือ "ความรัก" ครับ รักในวัยเรียนมีทั้งสมหวังผิดหวัง ก็อยากให้เพื่อนๆ มองถึงอนาคตครับ อย่าเสียใจกับมันนานถ้าผิดหวัง และก็อย่าดีใจกับมันนานถ้ามีความสุข เรามีเรื่องให้ต้องคิดอีกเยอะครับ ทุกอย่างเป็นอนาคตของเราถึงต้องจัดการมันให้ได้ครับ โฟกัสเรื่องสอบไว้ครับ มันสำคัญกับชีวิตที่สร้างเส้นทางใหม่ให้เราเลยนะครับ
ฝากถึงเพื่อนที่จะแอดมิชชั่น
ผมอยากให้ทุกคนโฟกัสก่อนว่า เราจะไปไหน เอาให้แน่ เราจะได้มีจุดหมายที่ชัดเจนว่าเราควรทำตัวยังไงบ้าง
อีกอย่างเรื่องเวลาครับ บางคนไม่ให้ความสำคัญเรื่องเวลา ปล่อยไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีตอนสายไป อ่านยังไงก็อ่านไม่ทัน พลาดจากคณะที่หวังไปเพราะประมาท ที่สำคัญผมกล้าบอกเลยว่าเก่งไม่เก่งไม่สำคัญครับ ถึงไม่เก่ง เราก็ใช้เวลาที่มีไปทำให้ตัวเองเก่งได้ เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ
สุดท้ายวันสอบ ถ้าเราเตรียมตัวมาเต็มที่แล้ว ไม่ต้องกังวลครับ จะไปลนทำไมในเมื่อเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ต้องเต็มที่แล้วจริงๆ นะ เพราะถ้าเราทำจนสุดความสามารถแล้ว วันสอบไม่ต้องกลัวอะไรเลย เราทำดีที่สุดแล้วครับ
นี่แหละคะ Admission Idol อีกคนในเด็กแอดฯ 58 ที่เก่ง แถมใช้ชีวิตวัยรุ่นคุ้มค่าสุดๆ ไปเลย พี่เมษ์ว่าอธิบายเรื่องการเตรียมตัวละเอียดยิบขนาดนี้แล้ว น้องๆ น่าจะเอาไปเป็นตัวอย่างในการเตรียมตัวได้เป็นอย่างดีเลยแหละ
สุดท้าย พี่เมษ์และพี่บลัม เชื่อเหมือนกันว่า คนที่ทุ่มเทและจริงจังเท่านั้นที่จะคว้าโอกาสเข้าในคณะที่ต้องการได้ น้องๆ ลองถามตัวเองดูนะคะ ว่าที่ผ่านมาใช้เวลาคุ้มค่า ทุ่มเทกับการเรียน และการสอบพอรึยัง ถ้ายัง ยังพอมีเวลา สู้ๆนะคะ ,,, แล้วกลับมาเจอกับพี่เมษ์และไอดอลคนต่อไปได้สัปดาห์หน้า วันอังคารกับคอลัมน์ Admission Idol ที่เว็บ Dek-D.comนะคะ บ๊ายบาย!
26 ความคิดเห็น
ตามความคิดเรานะ สอบเข้าเตรียมได้นี่ก็เก่งแล้ว ซ้ำชั้นเพราะไปแลกเปลี่ยนก็ปกติ ตอนแรกคิดว่าซ้ำเพราะติด 0 ร มผ ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร แถมไปแลกเปลี่ยนมาก็ได้ภาษาดีอยู่แล้ว (สอบไปแลกเปลี่ยนได้แกรมม่าก็ต้องดีพอสมควร) GAT ถึงได้เยอะมาก อันนี้ชื่นชมค่ะ แถมติดเกมในแบบฉบับเด็กเตรียมคงไม่ถึงขนาดเล่นข้ามวันข้ามคืนมั้งงง สรุปง่ายๆ คือเค้าเก่งอยู่แล้วค่ะ -0- อธิบายไม่ถูกเลย ปล. วิศวะ ฬ ไม่ต้องลุ้นจ้า ติดชัวร์
ดูจะจั่วหัวผิดจริงๆน่า 5555 เอาเถอะเข้ามาอ่านก็ดีนะ รู้สึกมีกำลังใจ + ฟิตมากขึ้น
พาดหัวแบบไม่สนความจริงเลย
เน้นให้คนเข้ามาอ่านเข้าว่า
สุดยอดมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ
จะพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดค่ะ!
ขอบคุณมากค่ะ