Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บรรยากาศสัมภาษณ์แอดมิชชั่น IT KMITL

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้กลับไปติดต่อธุระที่คณะ (ไอทีลาดกระบัง) แล้วก็ได้พบว่า วันนี้สัมภาษณ์น้อง ๆ แอดมิชชั่นนี่นา ก็เลยเสนอหน้าเข้าไปดูนิดนึง ซึ่งปกติเวลามีน้อง ๆ มาสัมภาษณ์เข้าคณะรุ่นพี่ที่นี่ก็จะมาดูแลน้อง ๆ ในห้องรอสัมภาษณ์ มีการแจ้งกำหนดการต่าง ๆ จัดการเรื่องเอกสารให้น้อง แล้วก็เล่าเรื่องคณะและสถาบันให้น้อง ๆ ฟัง รีวิววิชาเรียน รีวิวรุ่นพี่ (สมบัติคณะ) รีวิวอาจารย์ รีวิวร้านอาหารให้น้อง ๆ ฟังระหว่างรอเข้าสัมภาษณ์ วันนี้พี่ก็เลยมีโอกาสได้เข้าไปร่วมพูดร่วมคุยกับน้อง ๆ ด้วยเหมือนกัน เลยจะมาเล่าบรรยากาศให้ฟังครับว่าการสอบสัมภาษณ์ที่นี่เป็นอย่างไร
 
วันนี้น้องมีรายชื่อสัมภาษณ์ 25 คน มาจริงประมาณ 20 คน
 
การสัมภาษณ์ในวันนี้มีอาจารย์เข้าสัมภาษณ์ 3 คน น้อง ๆ จะรออยู่ในห้องรอสัมภาษณ์ที่พี่ ๆ จะเข้าไปสนทนาประสาเด็กไอทีให้ฟัง ห้องสัมภาษณ์จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยที่หน้าห้องสัมภาษณ์จะมีเก้าอี้ให้น้องนั่งรอคนนึง และก็จะมีพี่ ๆ (อีกแล้ว) มาคุยกับน้องที่รอหน้าห้องเป็นการให้กำลังใจและซักซ้อมความพร้อม
อาจารย์ที่มาสัมภาษณ์วันนี้มีแต่อาจารย์ที่ใจดี เป็นกันเอง สบาย ๆ คำถามค่อยข้างเรื่อย ๆ ชิว ๆ ไม่เคร่งเครียดหรือกดดัน 
แล้ว...น้อง ๆ อยากรู้มั้ยว่าอาจารย์แต่ละท่านถามอะไรบ้าง
 
1. คำถามยอดฮิต  "ทำไมเลือกคณะนี้"
ต้องบอกน้อง ๆ ก่อนว่าคำถามนี้ไม่ได้มาได้ง่าย ๆ นะครับ ไม่ใช่ถามเพราะถามไปงั้น หรือเพราะเป็นคำถามเบสิค แต่เพราะว่าคำถามนี้บอกอะไรได้หลายอย่างครับ เหตุผลที่เราตอบจะบอกว่าเรามีแรงบันดาลใจอะไรในการเรียน ตั้งเป้าหมายในการเรียนคณะนี้อย่างไร หรือมีแนวโน้มจะสนใจแขนงไหนในคณะ เช่นบางคนตอบว่าเลือกเรียนไอทีเพราะอยากพัฒนาเกม แปลว่าอาจารย์จะเห็นแล้วว่าเรามีความสนใจในการพัฒนาเกมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของด้านมัลติมีเดียที่อาศัยทักษะการเขียนโปรแกรมด้วย รวมถึงอาจสะท้อนว่าเราเหมาะกับการเรียนแขนงมัลติมีเดียและเกม
นอกจากนี้ อาจารย์ยังถามถึงความสนใจของเราเพิ่มเติม เช่นบางคนชอบดนตรี บางคนชอบศิลปะ อาจารย์ก็จะถามต่อว่าแล้วคิดว่าความชอบส่วนตัว หรืองานอดิเรกของเราจะมาเชื่อมโยงกับไอทีอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่อาจารย์อยากดูความคิดสร้างสรรค์ของเราว่าเราจะนำสิ่งเหล่านี้มาเกี่ยวข้องหรือสร้างประโยชน์ด้วยกันได้อย่างไร
 

 
2. ชอบหรือไม่ชอบวิชาอะไร เกรดแต่ละวิชาเป็นอย่างไร
อันนี้เหมือนจะจริงจัง แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ปกติอาจารย์จะถามอะไรเกี่ยวกับเราไปเรื่อย ๆ เพื่อดูลักษณะบุคลิก กล้าพูดกล้าสบตามั้ย เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์หรือเปล่า (แบบถามคำตอบคำไรงี้) อาจารย์ก็จะพยายามชวนคุยให้เราผ่อนคลายโดยการถามเรื่องของเราเนี่ยแหละ ถ้าเราเล่าเพลิน ๆ สนุกสนานอาจารย์ก็จะเฮฮาตามไปด้วย ซึ่งคำถามเกี่ยวกับตัวเราที่เจอกันบ่อย ๆ คือ 
 
"ตอนเรียนชอบหรือไม่ชอบวิชาอะไร "
 
จริง ๆ คำถามนี้นอกจากอาจารย์อยากจะฟังเราพูดแบบตรงไปตรงมาแล้ว ยังเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะถนัดหรือไม่ถนัดอะไรตอนเข้ามาเรียน เช่นถ้าไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชาแนว ๆ คำนวณ อาจารย์ก็จะบอกเลยว่าเข้ามาก็ยังมีวิชาคณิตศาสตร์อยู่นะ ยังมีวิชาที่ใช้การคำนวณนะ แล้วมาเรียนแล้วจะยังไม่ชอบอยู่มั้ย ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรแต่มหาลัยไม่เหมือนมัธยม ไม่ชอบก็ต้องใส่ใจขยันนะ ไม่งั้นเกรดตก อะไรแบบนี้ หรือบางทีอาจารย์ก็จะดูเกรดจากใบ ปพ.1 ที่น้องเอาไปสัมภาษณ์ด้วยแล้วหยิบถาม
"เอ…เคมีเกรดเทอมก่อนหน้าทำไมน้อยจังคะ ไม่ถนัดหรือว่าไม่ชอบคะ"
เราก็จะต้องตอบแบบมีเหตุมีผลหน่อย ถ้าไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็หาเหตุผลเพื่อให้อาจารย์เห็นว่าไม่ใช่เราไม่ถนัดแล้วไม่สนใจไม่ใส่ใจวิชานั้น กรณีข้างต้นอาจตอบได้ว่า อ๋อ เทอมนั้นกลางภาคมีเรื่องเคมีอินทรีย์ครับ พอดีเป็นคนจำไม่เก่ง ประเภทสารมีเยอะครับ จำรายละเอียดประเภทสารอินทรีย์ไม่ค่อยได้ตอนสอบเลยแย่หน่อยครับ แต่ปลายภาคก็พยายามขยันขึ้น ให้เพื่อนช่วยติวแล้วก็เลยได้มาเท่านี้ครับ ไม่งั้นอาจจะน้อยกว่านี้
 

อันถามเรื่องวิชาเคมีนี่ยกตัวอย่างนะครับ ไม่ใช่คำตอบของน้องคนนี้นะ นี่เเค่รูปประกอบ ^_^
 
3. เคยแข่งขันอะไร ได้รางวัลอะไรมาบ้าง
ด้วยความที่เป็นคณะไอทีน้องบางคนอาจจะรู้สึกเฟลเพราะไม่เคยแข่งขันด้านคอมพิวเตอร์มาก่อน มีแต่ด้านอื่น แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นไรการพูดถึงเรื่องรางวัลหรือการแข่งขันสะท้อนความเป็นตัวตนเรามากที่สุด ทำให้เห็นว่าเราชอบหรือเก่งด้านไหน เราแสวงหาความสำเร็จในด้านที่เราชอบนั้นมาแค่ไหน เพราะงั้นถ้าน้องเคยแข่งเขียนโปรแกรม เคยแข่งหุ่นยนต์ก็พูดอย่างภูมิใจได้เลย ส่วนถ้าไม่มีด้านนี้แต่เป็นอย่างอื่น เช่น เคยแข่งการประกวดวาดภาพ เคยแข่งการแต่งกลอน เคยแข่งโครงงานธุรกิจก็พูดให้อาจารย์ฟังได้แบบไม่ต้องกังวล เราต้องภูมิใจในตัวตนของเรา พูดถึงความชอบความถนัดของเราที่เราเอาไปแข่งขันให้เต็มที่เลย
 

 
นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นคำถามทั่วไป อย่างทานข้าวมาหรือยัง ทานข้าวที่โรงอาหารหรือเปล่า อาหารที่นี่อร่อยมั้ย เดินทางมายังไง ผู้ปกครองมาส่งหรือเปล่า มาจากโรงเรียนไหน จังหวัดอะไร แล้วถ้ามาเรียนจะอยู่บ้านหรืออยู่หอ ฯลฯ ซึ่งถ้าน้อง ๆ คุยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง ก็จะพบว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้ช่างไม่มีอะไรเลย สบาย ๆ เรื่อย ๆ แฮปปี้ดี

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น