ในหนังสือเรียนระดับมัธยมจะมีวรรณกรรมเรื่องหนึ่งที่วัยรุ่นทุกคนต้องเรียน คือ พ่อแม่รังแกฉัน แต่งโดยพระยาอุปกิตศิลปสาร ในเนื้อหากล่าวถึงลักษณะพ่อแม่ที่ทำให้ลูกหลานเดินไปในทางที่ผิด จนลูกกลายเป็นคนนิสัยไม่ดี ทำงานไม่ได้ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ฯลฯ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ หากไม่นับว่าเป็นพ่อแม่ของใครสักคนที่ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก จริงๆ ก็อาจเป็นนิสัยของคนทั่วไปที่แตกต่างกันไปในสังคม แต่เมื่อกลายเป็นพ่อแม่จึงเกิดผลกระทบต่อลูกหลานมากขึ้น


           เนื้อหาในซีรีส์วัยรุ่นชื่อดัง
Hormones วัยว้าวุ่นเอง นอกจากการนำเสนอเรื่องปัญหา ของวัยรุ่นปัจจุบันแบบตรงไปตรงมา ตามสโลแกนในใบปลิวของเรื่องนี้แล้ว ก็ยังเสนอถึงที่มาของปัญหาในมุมของครอบครัวด้วย และนี่คือรูปแบบของพ่อแม่และผู้ใหญ่แบบหนึ่ง ที่อาจจะเรียกว่า รังแก หรืออาจไม่รังแกลูกก็ได้ค่ะ 








               ของขวัญ สาวperfect นักเรียนตัวอย่างสมบูรณ์แบบทั้งเรื่องพฤติกรรม การเรียน และหน้าตา กลับมีแม่ที่เป็นภรรยาน้อย และพ่อแม่ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งไปรู้ความจริงเข้า  แม่ของขวัญเลือกที่จะรอเวลา ไม่เล่าเรื่องจริงมุมมืดของครอบครัวให้ขวัญฟังแต่แรก และเมื่อขวัญรู้เรื่องก็เลือกที่จะนิ่งเฉยก่อนที่จะพยายามอธิบายทันที พอขวัญที่เชื่อมั่นในความถูกต้องดีงามในชีวิตตัวเองมาตลอดมาเจอกับความจริงข้อนี้เข้า ก็ถึงขั้นการเรียนเสียหาย หาทางออกไม่ได้ และหนีออกจากบ้านในที่สุด

           สมัยนี้เรื่องการมีหลายบ้านหรือการมีพี่มีน้องต่างพ่อหรือต่างแม่ก็เกิดขึ้นในหลายครอบครัว แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นปัญหาเสมอไป ตราบใดที่เด็กเข้าใจและได้รับคำอธิบายแต่แรกๆ ในต่างประเทศมีนักจิตวิทยาครอบครัว
ติดตามดูแลจิตใจของเด็ก ในกรณีที่พ่อแม่ต้องหย่าร้างหรือปัญหาครอบครัวต่างๆ นักจิตวิทยาจะมุ่งอธิบายว่่าทำไมพ่อแม่ต้องมีปัญหาหรือทำไมจู่ๆ ถึงมีพี่น้องโผล่มาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คนที่พ่อแม่หย่าร้างแต่ตอนวัยเด็กหรือรู้มาว่าพ่อแม่แอบไปมีลูกที่อื่นอีก มักมีปมฝังอยู่ในใจเสมอๆ ว่า "เพราะเรามันเป็นเด็กไม่ดี พ่อ/แม่ เลยหนีเราไป" ดังนั้นถ้าไม่อธิบายเรื่องดำมืดในครอบครัวเหล่านี้ให้เข้าใจก่อนที่เด็กจะไปรู้เรื่องเอง เด็กก็จะเตลิดแบบที่ขวัญเป็น และไม่อาจกลับมาอีกก็ได้นะคะ อยากให้บอกมากกว่า เพราะเด็กสมัยนี้รู้เรื่องและเข้าใจเรื่องความไม่สมบูรณของครอบครัวมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว 




               สไปร์ท สาวแรงของเรื่อง กับคำถามส่วนตัวว่า "ที่เราเป็นอย่างงนี้ เราแxดหรือ" และคำคมเด็ดว่า "ถ้าอยากกินสไปร์ท ต้องใส่ถุง(ยาง)" สไปร์ทมาจากครอบครัวไม่สมบูรณ์แม่เลิกกับพ่ออย่างตั้งใจ และมีกิ๊กใหม่เป็นคนหนุ่มกว่า  มองภายนอกดูเหมือน สไปร์ทจะมีปัญหาครอบครัว แถมแม่ยังทำตัวไม่สมผู้ใหญ่ที่ดี(ตามบรรทัดฐานสังคม) แต่กลับกลายเป็นว่า แม่ของสไปร์ทเป็นแม่ที่ให้ความอบอุ่นกับลูกได้ดี สนิทสนมกับลูกสาว ไม่ปกปิดเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองกับลูก นั่นทำให้สไปร์ทเป็นเด็กที่มีความมั่นใจ เข้าใจโลก และสามารถเอาตัวเองรอดจากปัญหาได้ดีคนหนึ่ง แต่ก็เพราะเป็นแม่คนเดียว จึงไม่มีเวลาดูแลตลอด นิสัยแย่ๆ ของสไปร์ทอาจจะมาจากพฤติกรรมอยากรู้อยากลองตามวัยรุ่นบวกความมั่นใจในตัวเอง แต่ลึกๆ แล้วเชื่อว่าอาจเกิดจากการต้องการหาความรักที่ขาดหายไปบ้างจากพ่อตั้งแต่เด็ก เพราะมีบางช่วงที่สไปร์ทรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน แต่ด้วยความเข้าใจจากแม่ สไปร์ทก็เลือกที่ จะไม่สร้างปัญหากับตัวเอง หาทางออกได้ และยังมีความถูกต้อง มองโลกในความจริงได้เร็วกว่าวัยอีกด้วย 

            จากกรณีของสไปร์ท ทำให้เห็นว่าแม้จะมีปัญหาใดๆ ในครอบครัวก็ตาม แต่การพูดจากเปิดใจอย่างตรงไปตรงมา สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้วัยรุ่นได้ วัยรุ่นจะยังเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่ตลอดไป และเลือกที่จะหันเข้าปรึกษาพ่อแม่ในเวลาที่เจอปัญหา




             ดุจดาว ดาวมาจากครอบครับที่สมบูรณ์ดี พ่อไม่ค่อยมีบทบาทนักตามท้องเรื่อง แต่แม่ของดาวเป็นแม่ที่วางกรอบให้ลูกสาวทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องความชอบความสนใจของดาว แต่ก็มีความเชื่อมั่นในตัวลูก ยังพร้อมให้โอกาสหากได้รู้จักรับรู้ด้วย (กรณีเพื่อนเรียนพิเศษของดาว) แต่ก็แทบไม่ฟังเหตุผลของลูกเลย เพราะสำหรับแม่ของดาวแล้ว อะไรที่ตัวเองคิดว่าดี ก็จะดีสำหรับลูกด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งเพราะครอบครัวดาวมีหน้ามีตาในสังคม พฤติกรรมคนในครอบครัวจึงอาจส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ครอบครัวได้ ทำให้แม่ของดาวยิ่งตีกรอบเรื่องต่างๆ ในชีวิตตดาว มีความคาดหวังว่าดาวจะเป็นเด็กที่ดี แต่ที่แน่ๆ คือดุจดาวไม่รู้จักโลกระวังภัยจากโลกภายนอก เพราะกรอบที่แม่วางไว้ให้มาตลอด โลกของดุจดาวจึงมีแค่จิตนาการและความสมบูรณ์จนแทบไม่ระแวดระวังโลกภายนอกจริงๆ

           การให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก เป็นเรื่องปกติสำหรับพ่อแม่ และเป็นเกราะระวังภัยสิ่งชั่วร้ายได้ด้วย แต่หากเกราะแน่นหนาเกินไป ลูกอาจไม่ได้เรียนรู้ที่จะสัมผัสโลกจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าเด็กสมัยนี้จะเข้าใจสังคมด้านมืดได้มากขึ้น แต่ก็อาจเป็นการเข้าใจผ่านสื่ออื่นๆ อย่างทีวี หรืออินเทอร์เน็ตมากกว่า



             นอกจากพ่อแม่สามสี่ตัวละครนี้แล้ว ตัวซีรีส์ยังให้ภาพของพ่อแม่แต่ละครอบครัว ที่แทบไม่ต่างจากลักษณะพ่อแม่ทั่วไปในสังคม แม่เต้ย ที่เชื่อใจลูกตามบรรทัดฐานของพ่อแม่ทั่วไป ใส่ใจแต่ไม่คาดคั้นเอาความ พ่อไผ่ ที่ไม่แสดงออกถึงความรักต่อไผ่ พ่อแม่ต้าที่เป็นมิตรเฟรนลี่สุดๆ จนลูกรำคาญ พ่อหมอก ที่มีภูมิหลังไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพ จนพลอยบังคับให้หมอกต้องเลือกเรียนบัญชีที่น่าจะดีตัวหมอกเองและครอบครัว  เชื่อว่าที่หมอกเป็นคนเงียบๆ มีโลกส่วนตัว เพราะผ่านช่วงเวลาปัญหาอาชีพที่ล่มสลายของพ่อนี้มาด้วย แม่ภูที่ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ยังรัก

          ตัวละครหลักในเรื่องอย่าง วิน
บุคลิกก็น่าจะมาจากพ่อตามบทเช่นกัน พ่อวินที่ให้เงิน ให้อิสระ แต่ก็ทำเรื่องแย่ๆ ให้วินเห็น โดยไม่สนใจคนอื่นๆ ทำให้วินมีบุคลิกแบบกล้าได้กล้าเสีย ชอบทำเท่ ไม่สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง จนกระทั่งได้รับก็ได้รับผลของพฤติกรรมตัวเอง ตั้งแต่เพื่อนสนิทโกรธ เพื่อนสาวที่สนใจยิ่งไม่ ชอบหน้า เพื่อนทั้งพาลจะโรงเรียนรังเกียจในที่สุดเช่นกัน 




       

           ผู้เขียนเชื่อว่า บทละครต้องการให้พ่อแม่ของแต่ละตัวละคร แสดงถึงตัวแทนของพ่อแม่จริงๆ แต่ละประเภทด้วย ซึ่งตอนแรกๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องสร้างให้มีตัวละครหลักหลายตัว อีกทั้งต้องมีครอบครัวของตัวละครอีกหลายคน เยอะแยะจำแทบไม่ถูก แต่รวมๆ ไปแล้ว ตัวซีรีส์ก็สามารถสะท้อนภาพของครอบครัวที่แตกต่างกันไป และทุกตัวละครก็สามารถคิดไปถึงลักษณะการเติบโตขึ้นมาเป็น ขวัญ วิน สไปร์ท ดาว เต้ย ต้า หมอก ไผ่ ภู อย่างที่เรารู้จักกัน เพราะตัวประกอบหลักที่ชื่อว่า ครอบครัว นี่เองค่ะ



             เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น จะนำเสนอมุมมองมืดของวัยรุ่น จนกระทั่งมีกระแสจะถูกแบน มีผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบก็ตาม แต่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมองว่าผู้ใหญ่ควรดูไปพร้อมๆ กับลูกหลานนะคะ เพราะมันสะท้อนตัวตนของคนที่เป็นพ่อแม่เท่าๆ ที่สะท้อนปัญหาของวัยรุ่น ในขณะที่ก็หวังไว้ว่า วัยรุ่นที่ดูทุกคนจะไม่มองว่า ถ้าไม่ได้ทำแบบที่ตัวละครเหล่านี้ทำ เช่่น ติดบุหรี่ มีเซ็กส์ ไปตีกับคนอื่น ลุกขึ้นมาเถียงครูอย่างจริงจัง ฯลฯ จะกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างไม่คุ้มค่า เพราะไม่ว่าจะวัดจากกฎหมายหรือมารยาทตามสังคมก็ตาม สิ่งที่ไม่ดีก็คือสิ่งที่ไม่ดีอยู่นั่นเอง  เพียงแต่ว่าหากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ก็ต้องแก้ไขให้ถูกทางค่ะ แต่อย่าหวังว่าพลาดแล้วจะโชคดีไม่มีใครรู้ไปทุกคนนะคะ



แล้วบ้านคุณเป็นแบบครอบครัวไหน แสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ

บทความฝากบอกผู้ใหญ่ แต่ก็ชวนวัยรุ่นคิด  "คอลัมน์มุมผู้ใหญ่"
เด็กดีดอทคอม :: โหวตเลย เรื่องเพศพูดได้ไหม!
ลูกเถียงปกป้องเพื่อน แต่แม่เสียใจนะ!
เด็กดีดอทคอม :: โหวตเลย เรื่องเพศพูดได้ไหม!
ลูกข้าดี ลูกข้าเก่ง "หยุดเถอะ" หนูเจ็บนะ
เด็กดีดอทคอม :: โหวตเลย เรื่องเพศพูดได้ไหม!
อยากไป...แต่จะขออย่างไร ควรให้ไปไหม? 
เด็กดีดอทคอม :: โปรดเข้าใจ! ในลีลาของวัยรุ่น เมื่อรุ่นใหญ่ปะปะรุ่นเล็ก!
เถียงให้เป็น ดีกว่าดื้อเงียบนะ มองมุมใหม่กันเถิด
เด็กดีดอทคอม :: โปรดเข้าใจ! ในลีลาของวัยรุ่น เมื่อรุ่นใหญ่ปะปะรุ่นเล็ก!
Twitter @kiatkarine


ขอขอบคุณ
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ: 
gth.co.th/films-and-series/hormones-วัยว้าวุ่น/
gth.co.th/?s=ฮอร์โมน+วัยว้าวุ่น

พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ฉันเองสวย 14 ส.ค. 56 15:50 น. 4
ชีวิตจริงมันร้ายแรงกว่าในซีรีย์อีก สังคมไทยควรเปิดเรื่องแบบนี้ตั้งนานแล้ว ควรยอมรับความเป็นจริง นำเสนอสิ่งที่สิ่งที่เป็นจริง และใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล บอกตรง คนไทยชอบหลอกตัวเอง แถมรับความเป็นจริงไม่ได้ จุดนี้ก็เพราะสื่อต่างๆ ที่พยายามปกปิด พยายามแบนนั่นแหละ เลิกแบนเถิด แล้วช่วยกันคิดทบทวน มองเหตุและผล ชีวิตจะดี
0
กำลังโหลด
Amper MinJi Member 15 ส.ค. 56 02:43 น. 8
คือ...เรามีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีนัก พ่อกินเหล้าแล้วก็ตีแม่ตลอด จนพวกท่านเลิกกัน เราก็ต้องย้ายที่อยู่ไปอยู่กับญาติๆ ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เลย ตอนนั้นเพื่อนก็ไม่ค่อยมี มีเพียงพี่สาวที่เป็นญาติกันเท่านั้น ที่ดูแลเราเหมือนทั้งแม่ ทั้งพี่ แล้วก็เพื่อน เวลามีอะไรก็คุยกันตรงๆ ให้คำปรึกษาได้อย่างดี แต่กับแม่ของเรา เราไม่ค่อยสนิทกับท่านนัก เราไม่กล้าและไม่อยากปรึกษาอะไรกับท่านเลย เพราะทุกๆครั้งจะได้ยินแต่คำว่า "เหรอ" "อืม" ตลอด เหมือนท่านคิดว่าสิ่งที่เราทำหรือคิด มันไร้สาระตลอดเวลา เราเลยเลือกที่จะคุยกะพี่สาวแทน

ส่วนตัวเรา เราคิดว่าเราเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เพราะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็เลยติดเพื่อน แต่เราก็ดูแลตัวเองได้ ถ้าเปรียบเทียบเราก็คงเหมือนสไปรท์อ่ะนะ...(บุคลิกใกล้เคียงแต่ไม่ แ*ด นะ)
0
กำลังโหลด
แวปมา 14 ส.ค. 56 15:40 น. 3
เราเกิดมาจากครอบครัวที่กำหนดกรอบมาให้เราชัดเจนนะ
ในวัน วันหนึ่ง เราต้องทำแบบนั้น แบบนี้ ตรงตามที่พ่อแม่กำหนดมา
แต่ทุกวันนี้ ก็ใช้ชีวิตนอกกรอบมา สามปีแล้ว ช่วยเหลือตัวเองมาตลอดสามปี มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
อันนี้คิดว่าน่าจะอยู่ที่วฒิภาวะทางความคิดของแต่ละคนมากกว่า
0
กำลังโหลด
editor_nong Member 14 ส.ค. 56 13:05 น. 1
จริงนะ
เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ตีกรอบไว้ตลอด พอหลุดออกนอกกรอบแล้วจะเสียผู้เสียคนมากกว่าเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้อยู่นอกกรอบอยู่แล้ว เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ...

แต่บางทีก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วยว่าคิดเองได้มากน้อยแค่ไหน...

/เอ๊ะ เราบ่นอะไร?
0
กำลังโหลด
Mr.x 20 ม.ค. 57 08:27 น. 29
พ่อ-ออกแนวไปทางพ่อวิน แม่-ออกไปทางแม่เต้ย แม่ภู แม่สไปร์ เรา-เต้ย ครอบครัวเราเองก็ไม่ได้ดำเนินไปด้วยความสุขตลอด บ้านเราค่อนข้างไปแนวขวัญคือพ่อมีมากกว่า 1 บ้านแต่ต่างตรงแม่เราเป็นหลวง แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่แต่งงานกับพ่อคนแรก ยังดีที่แม่เลือกจะบอกเรา เรื่องตีกรอบเกินไปจะทำให้ลูกไม่ค่อยทันโลกทันคนนี่จริงๆนะ เพราะตอนแรกเราก็คงรับไม่ได้ ถ้าเราไม่ต้องมาใช้ชีวิตคนเดียว ด้วยความทที่พ่อค่อนข้างรักเด็กผู้หญิงก็เลยดูแลเรา แต่ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่น้องชายเลย เราสงสารน้องมาก ไม่ค่อยอยากจะเข้าใจเหตุผลของพ่อด้วย แม่เราเองก็ดีนะ แต่อาจจะเพราะว่าพ่อเอาแต่มองด้านเสีย ทั้งๆที่อายุก็มากแล้วก็ยังคิดมีน้อย เราโกรธพ่อมากในตอนแรก แต่ไม่ถึงกับร้องไห้หรอก ตอนแรกยังไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ แต่พอได้มาเจอสังคมที่บ้าน เจอความอดทนของแม่ก็เขื่อนแตก พ่อพยายามปิดกั้นไม่ให้ลูกรู้(แต่เราคิดว่าไม่อยากให้เรารู้มากกว่า) ไม่ยอมคุยดีๆ สิ่งแย่ๆที่ตัวเองทำก็โยนให้แม่เราหมด คือ ณ จุดนั้นเกลียดพ่อมาก แต่ก็ยอมลดทิฐิกับความรู้สึกลงเพียงเพราะแม่พูดว่าอย่าเกลียดพ่อนะ เราไปเจอแล้วสติแตกแทบจะฆ่าน้องตาย(โหดไปมั้ย? มันกวนและทำร้ายร่างกายแม่(แบบงุ้งงิ้งข้างตัวนะ ไม่ได้รุนแรง)เราเห็นเลยโกรธ เรื่องก็ไร้สาระมากเพราะมันอยากไปซื้อขนมให้เราแต่ไม่กล้าไปเอง - - เราอุตส่าห์บอกว่าไม่แล้วนะ เฮ้อออ) สุดท้ายก็ปลงตก แต่ก็ไม่ได้ว่าจะไม่เสียใจนะ ตั้งแต่วันนั้นเรารักน้องกับแม่มากขึ้น อคติกับพ่อลดลง(นิดนึง) แต่สุดท้ายเราก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องปิดปังเรื่องที่พ่อทำ(ไม่สนเรื่องพ่อมีใหม่แล้ว) ความลับมันไม่มีในโลกหรอก ยิ่งพ่อไม่อยากเปิดยิ่งทำให้ลูกๆ(อย่างเรา)โกรธเกลียดนะ ปล.แม่กับเราค่อนข้างจะคล้ายกัน ทั้งๆที่เกิดเรื่องแบบนี้บางครั้งสันดานเดิมๆของเรากับแม่ก็หลุดนะ 555 เราเข้าใจแม่ อยากให้แม่ระบายนะแต่บางครั้งก็มากไป - - ปกติเราไม่ได้อยู่บ้านแล้วทีนี้เราก็ไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์ เลยรำคาญหูนิดหน่อยเวลาคุยนาน แหะแหะ พ่อก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่ดูประเหลาะเรามากขึ้น - - เพราะมันเคยมีโมเม้นท์นึงที่เราเถียงพ่ออย่างจริงจัง(?)จนทำให้พ่อเขวไปเลย(ไม่ใช่เรื่องนี้อ่ะ แต่เพราะพ่องี่เง่า เราไม่ชอบ - - แก่แล้วน่าจะมีวุฒิภาวะดิวะ? นี่อะไร - - ไร้สาระว่ะ เฮอะ!) คือหนังหน้าเราไปเหมาะกับการเถียงไง อีกอย่างคือเพราะไม่ได้ทำมาหลายปีแล้วอ่ะนะ -[]- หึหึ คำพูดก็ไม่เป็นคำพูดทั้งๆที่ตัวเองศักดิ์ศรีอยู่บนบ่า พูดต้องทำ ถุย! เรื่องแย่ๆมันมีเยอะกว่าเรื่องดีแบบนี้ อย่าให้ชั้นเอาคืนละกัน เชอะ! รักชั้นเข้าไป ระวังเถอะ...หึหึ น้อง....โอ๊ยสงสารมัน มันคงสับสนน่าดู เป็นน้องชายที่แต๋วชิบ - - พ่อไม่ให้นอนด้วยก็ร้องไห้ พ่อขู่ว่าจะตีถ้ากลับบ้านช้าก็ร้องไห้ โดนแย่งขนมก็ร้องไห้ เฮ้อ...จะบ้าตาย นี่แกอายุ 12 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กน้อย ไหนจะเรื่องที่ทั้งรักทั้งอิจฉาเราอีกล่ะ - - เชื่อว่ามันรักเรานะแต่มันก็รักพ่อด้วย ประเด็นคือพ่อสนใจแต่เราไง - - สงสารมันจริงๆ เคยพูดกับพ่อเรื่องมันนิดๆ แต่พ่อก็ทำตัวแย่ๆเหมื๊อนเดิม - - ปลล.เรายืนยันกว่าเกลียดพ่อน้อยลง - - แต่โทษนะพ่อ พอดีสันดานหนูก็คล้ายพ่อไง เจอคนประเภทเดียวกันแบบนี้โชคร้ายจังเลย เย้ คิคิ อีกไม่กี่ปี รอก่อนน้าาาา >< จะเอาให้แสบทรวงเลยคอยดูสิ! หึ! ปลลล.พล่ามอะไรเนี่ยฉัน - - ขอโทษค่ะ พอดีเก็บกดนิดนึง ไม่ได้เล่าให้แม่ฟัง แค่นี้ก็ไม่สบายใจละ แม่ก็ดันไม่ค่อยก้าวก่าย อิสระสุดๆจนบางทีก็เซ็ง รำคาญตัวเองเหมือนกันที่โรคจิตชอบเก็บเรื่องแย่ๆไว้คนเดียว - - ขอบคุณสำหรับพื้นที่ค่ะ *โค้ง
0
กำลังโหลด

36 ความคิดเห็น

editor_nong Member 14 ส.ค. 56 13:05 น. 1
จริงนะ
เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ตีกรอบไว้ตลอด พอหลุดออกนอกกรอบแล้วจะเสียผู้เสียคนมากกว่าเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้อยู่นอกกรอบอยู่แล้ว เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ...

แต่บางทีก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วยว่าคิดเองได้มากน้อยแค่ไหน...

/เอ๊ะ เราบ่นอะไร?
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แวปมา 14 ส.ค. 56 15:40 น. 3
เราเกิดมาจากครอบครัวที่กำหนดกรอบมาให้เราชัดเจนนะ
ในวัน วันหนึ่ง เราต้องทำแบบนั้น แบบนี้ ตรงตามที่พ่อแม่กำหนดมา
แต่ทุกวันนี้ ก็ใช้ชีวิตนอกกรอบมา สามปีแล้ว ช่วยเหลือตัวเองมาตลอดสามปี มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
อันนี้คิดว่าน่าจะอยู่ที่วฒิภาวะทางความคิดของแต่ละคนมากกว่า
0
กำลังโหลด
ฉันเองสวย 14 ส.ค. 56 15:50 น. 4
ชีวิตจริงมันร้ายแรงกว่าในซีรีย์อีก สังคมไทยควรเปิดเรื่องแบบนี้ตั้งนานแล้ว ควรยอมรับความเป็นจริง นำเสนอสิ่งที่สิ่งที่เป็นจริง และใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล บอกตรง คนไทยชอบหลอกตัวเอง แถมรับความเป็นจริงไม่ได้ จุดนี้ก็เพราะสื่อต่างๆ ที่พยายามปกปิด พยายามแบนนั่นแหละ เลิกแบนเถิด แล้วช่วยกันคิดทบทวน มองเหตุและผล ชีวิตจะดี
0
กำลังโหลด
suzete Member 14 ส.ค. 56 15:50 น. 5
เฮ้อ  นานาจิตตัง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
(ธรรมะไปไหม ??)

หนังเรื่องนี้ก็สะท้อนภาพสังคมของจริงอย่างจังเลยนะเนี่ย

เห็นแล้วยังแอบท้อเลย
0
กำลังโหลด
Crazy G Member 14 ส.ค. 56 19:03 น. 6
ดูไปดูมาก็เหมือนกับมองตัวเองค่ะ อย่างครอบครัวของ "ดาว" เนี่ย เหมือนชีวิตเราเกือบทั้งหมดเลย

ถ้าซีรีย์เรื่องนี้มาไวกว่านี้นะ เราก็คงจะทันโลก-ทันคนได้ไวกว่านี้ (แอบเสียใจ)
0
กำลังโหลด
Rolla Member 14 ส.ค. 56 20:09 น. 7
สิ่งที่สร้างนิสัยเด็กอย่างแรกคือครอบครัวนี่แหละค่ะ -0-
ทั้งลูกและแม่ ต่างต้องเข้าใจกันอ่ะ
0
กำลังโหลด
Amper MinJi Member 15 ส.ค. 56 02:43 น. 8
คือ...เรามีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีนัก พ่อกินเหล้าแล้วก็ตีแม่ตลอด จนพวกท่านเลิกกัน เราก็ต้องย้ายที่อยู่ไปอยู่กับญาติๆ ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เลย ตอนนั้นเพื่อนก็ไม่ค่อยมี มีเพียงพี่สาวที่เป็นญาติกันเท่านั้น ที่ดูแลเราเหมือนทั้งแม่ ทั้งพี่ แล้วก็เพื่อน เวลามีอะไรก็คุยกันตรงๆ ให้คำปรึกษาได้อย่างดี แต่กับแม่ของเรา เราไม่ค่อยสนิทกับท่านนัก เราไม่กล้าและไม่อยากปรึกษาอะไรกับท่านเลย เพราะทุกๆครั้งจะได้ยินแต่คำว่า "เหรอ" "อืม" ตลอด เหมือนท่านคิดว่าสิ่งที่เราทำหรือคิด มันไร้สาระตลอดเวลา เราเลยเลือกที่จะคุยกะพี่สาวแทน

ส่วนตัวเรา เราคิดว่าเราเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เพราะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็เลยติดเพื่อน แต่เราก็ดูแลตัวเองได้ ถ้าเปรียบเทียบเราก็คงเหมือนสไปรท์อ่ะนะ...(บุคลิกใกล้เคียงแต่ไม่ แ*ด นะ)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kanidta Chambers Member 15 ส.ค. 56 16:26 น. 10
อัตตา หิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ตนก็ไม่ได้พึ่งตนได้ตลอดเวลาหรอกนะ สิ่งที่จะพึ่งได้เป็นอย่างแรกคือ "พ่อแม่" เพราะฉนั้นถ้าใครมีลูกหลานก็ช่วยให้ความสนใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย อย่าเอาแต่ความคิดของท่าน เพราะท่านเลือกที่จะมีลูกของตัวเอง ก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุดเท่าที่ท่านและลูกของท่านจะทำได้ ถ้าท่านไม่พร้อมหรือคิดว่าลังเล แนะนำว่าอย่ามีเลยค่ะ 
0
กำลังโหลด
เด็กนอก 15 ส.ค. 56 19:09 น. 11
บุคลิกเราไม่ค่อยเหมือนตัวไหนในเรื่อง
คือเราเป็นเด็กเรียน แต่เราก็คล้ายๆสไปร์ทเพราะเราอยากลอง
ครอบครัวเราไม่อบอุ่น พ่อมีเมียมีลูกหลายคน เลิกกับแม่นาน ไม่ค่อยได้เจอแม่ รู้ว่าแม่รัก แต่เราไม่สนิทกัน พ่อไม่สนใจเรื่องส่วนตัวในชีวิตเราเลย เค้าสนแต่เงินกับงาน คล้ายๆพ่อไผ่ แม่เราอาจจะคล้ายๆแม่ดาว

อยากได้แม่แบบสไปร์ทมากๆ อยากได้พ่อแบบขวัญก็ยังดี ถึงมีอีกบ้านแต่ก็สนใจในตัวลูก

แต่เพราะเราเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ เราบอกตัวเองว่าจะไม่เป็นอย่างที่ผู้ใหญ่เป็น ถึงเราจะไม่ได้มาจากครอบครัวที่อบอุ่นแต่เราก็สามารถสร้างครอบครัวที่อบอุ่นของเราเองได้ เราเรียนรู้มาเยอะจากพ่อแม่ของเรา ว่าสิ่งไหนที่เราจะไม่ทำกับลูกของเราเอง
ปล.เราเรียนจบทำงานแล้วนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
BB Zaa Member 16 ส.ค. 56 10:23 น. 13
**ของเราจะเหมือนครอบครัวดุจดาวมากกว่า เพราะแม่ ยายน้าจะเป็นคนวางกรอบให้เรา ทำทุกอย่างที่ตัวเองว่าดี ก้ต้องดีตามไปด้วย จนทำให้เราไม่รู้เท่าทันทุกอย่าง แม้แต่กระทั่ง ที่ดินเข้ามาในชีวิตดาว ของเราก้อเป็นแบบนี้เหมือนกัน ได้แต่จินตนาการแบบดาวไง
0
กำลังโหลด
Sasu_Nara Member 16 ส.ค. 56 14:01 น. 14
มันสะท้อนปัญหาของสังคมก็จริงนะ แต่แอบคิดว่ามันน่าจะมีเด็กธรรมดาๆกับเค้าบ้าง เด็กไม่ได้มีปัยหาทุกคน น่าจะมีแบบที่พ่อแม่เลี้ยงลูกมาแบบนี้แล้วลูกก็ได้ดีอะไรทำนองเนี้ย =w=
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Poppa-Chan Member 17 ส.ค. 56 08:39 น. 17
 แม่เราเฟรนด์ลี่ พ่อเราดุๆหน่อย แต่เราก็โอเคนะ เเค่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง โดนส่งมาอยู่ต่างประเทศเลย #นอกเรื่อง 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
SilverOfDarkmoon Member 17 ส.ค. 56 20:53 น. 19
ครอบครัวคล้ายๆของขวัญอะคะ แต่แม่เราเป็นหลวง ค่อนข้างมีปัญหาเยอะส่วนนึงก็เป็นเพราะเราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมพ่อต้องมีคนอื่น

#แต่ที่เราเข้มแข็งเพราะได้เพื่อนๆและคนรอบข้างนี่แหละคะ

0
กำลังโหลด
แมว01 Member 17 ส.ค. 56 22:17 น. 20
พ่อแม่ที่รักลูกส่วนใหญ่นั้นจะวางกรอบให้ลูกเดิน โดยลืมไปว่าลูกนั้นเหมาะสมกับกรอบที่วางเอาไว้ไหม ลูกๆส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตแบบนี้ก็จะอยากใช้ชีวิตนอกกรอบบ้าง อะไรบ้าง
แต่ ที่พ่อแม่ทำแบบนี้ก็เพื่ออนาคตของเรานะ ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไร อยากใช้ชีวิตยังไง ก็ลองปรึกษาพ่อแม่ดูนะ
อย่า ทำให้พวกเขาเสียใจเพราะเรา
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด