พิธีจบการศึกษาที่จะทำให้คุณ....หลั่งน้ำตาและรักคนรอบข้างมากขึ้น

      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ตอนนี้ก็เข้าสู่เทอม 2 แล้ว เวลาผ่านไปเร็วซะจริงๆ เพราะฉะนั้นก็นับถอยหลังวันจบปีการศึกษาได้เลยโดยเฉพาะน้องม.6 ... สำหรับในต่างประเทศนั้น เมื่อเรียนจบมัธยมปลาย เค้าก็จะมีการจัดงานพิธีจบการศึกษา โดยเด็กๆ จะใส่ชุดครุยเต็มยศแบบรับปริญญากันเลย ซึ่งในบ้านเราก็เห็นได้บ้างในบางโรงเรียน นับเป็นวันที่ครอบครัวจะมาร่วมแสดงความยินดี เรียกว่าเป็นอีกวันที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

       แต่วันนี้ พี่เป้ จะพาน้องๆ ไปดู "งานรับปริญญาที่เศร้าที่สุดในโลก" เตรียมปาดน้ำตาได้เลย






เมแกน ซักก์ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแมรี่แลนด์ อเมริกา
เธอใช้ชีวิตของเด็กมัธยมตามปกติ



แต่วันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่แย่ที่สุดกับครอบครัวของเธอ นั่นคือ....
 

แม่ผู้เป็นที่รักป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ ซึ่งแม่ของเธอก็ได้อดทนและเข้มแข็ง
ต่อสู้กับโรคนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี


เวลาผ่านไป ในขณะที่วันเรียนจบมัธยมปลายของเมแกนได้ใกล้เข้ามา
อาการโรคมะเร็งของแม่ของเธอได้กำเริบอย่างรุนแรง



หมอได้บอกว่า แม่ของเธออาจมีชีวิตอีกได้ไม่นาน
และอาจจะไม่ทันอยู่ถึงวันงานพิธีจบการศึกษาของลูกสาว...


เมแกนได้บอกเรื่องนี้กับทางโรงเรียน
ในที่สุดโรงเรียนก็ได้ตัดสินใจจัดงานพิธีจบการศึกษามัธยมปลายในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
นั่นคือ เหล่าครูอาจารย์ได้จัดงานให้กับเมแกน....ในห้องพักผู้ป่วยของแม่ของเมแกนนั่นเอง
 

ขณะนั้น แม่ของเธอมีอาการที่อ่อนล้ามาก แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ว่า
บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยตอนนั้นคือบรรยากาศพิธีจบการศึกษาเมแกน 



เธอได้อยู่ร่วมงานสำคัญที่สุดของลูกสาว วันที่ทุกคนในครอบครัวรอคอยมาตลอด



ทางครอบครัวได้ขอบคุณไปยังโรงเรียนของเมแกนที่ได้ช่วยจัดงานขึ้นให้
เพราะทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อยู่ร่วมยินดีพร้อมหน้าพร้อมตากัน
แม้หลังจากนั้นได้เพียง 2 วัน แม่ของเมแกนจะได้จากไปอย่างสงบก็ตาม...









ลินซี ฟอร์ด วัย 17 ปี เป็นนักเรียนชั้นเกรด 12 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส อเมริกา



ลินซีเป็นคนน่ารัก อารมณ์ดี จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทั้งห้องและชมรมกีฬาที่เธอเป็นสมาชิก


ปกติแล้วโรงเรียนในอเมริกาจะจัดพิธีจบการศึกษาในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือประมาณเดือนมีนาคม
แต่ก่อนหน้านั้นเพียง 2 เดือน ลินซีก็ค้นพบว่ามีโรคร้ายแฝงอยู่ในร่างกายของเธอมาตลอด


มันคือโรคลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั่นเอง 
ซึ่งกว่าเธอจะรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ มันก็อยู่ในขั้นรุนแรงและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 เดือน
หมายถึง เธออาจอยู่ไม่ถึงวันงานพิธีจบการศึกษาพร้อมกับเพื่อนๆ 


บรรดาครูอาจารย์และเพื่อนๆ ร่วมระดับได้ปรึกษากันและลงความเห็นว่า
พวกเขายินดีที่จะเลื่อนจัดงานพิธีจบการศึกษาให้เร็วขึ้น
เพื่ออยากให้ลินซีอยู่ร่วมงานพร้อมกันด้วย



แน่นอนว่างานวันนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติและความเสียใจในเวลาเดียวกัน



 ในตอนแรกหมอบอกว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 2 เดือนคือจนถึงเดือนมีนาคม
แต่เธอก็อดทนจนลมหายใจสุดท้าย และเพิ่งเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง    
       
      

        อ่านแบบนี้แล้ว รู้สึกรักคนในครอบครัวและเพื่อนๆ มากขึ้นอีกหลายเท่าเลย TT คงทำให้ใครหลายคนอยากที่จะตั้งใจเรียนมากขึ้นเพื่อให้คนรอบข้างเรายิ้มได้เนาะ

ภาพประกอบ : buzzfeed.com

 


สุดยอดเด็กเก่ง! สอบติด 8 มหา'ลัยดังในอเมริกา!!
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Small Heart Member 5 พ.ย. 57 00:29 น. 19

คิดถึงย่า..

ย่าสัญญากับเราไว้ว่าจะอยู่ให้ถึงวันรับปริญญาทั้งของเราและของพี่ แต่ตอนนี้ย่าเราเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว สายตาก็ไม่ดี ความจำเลอะเลือน บางครั้งก็จำคนในบ้านไม่ได้ ถามว่าใคร? ตอนนั้นเราป่วยเป็นไข้เลือดออก ย่าเราจำผิดว่า คนที่ป่วยอ่ะคือพี่สาว ไม่ใช่เรา ขนาดย่าเราเห็นว่าเรานอนอยู่บนเตียง ย่ายังทักเป็นชื่อพี่สาวเราเลย. ย่าเคยไปตลาดใกล้ๆบ้านแค่เนี้ยะ ตอนกลับจำทางกลับบ้านไม่ได้ ตอนนั้นยังดีที่มีคนพามาส่งถึงบ้าน ย่ากินยาอะไรก็ไม่รู้ เราถามว่ายาอะไร? ก็ไม่ยอมบอก เราแยกอยู่กับย่านะเพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน บ้านย่าเราเป็นบ้านสวน อยู่ลึกเข้าไปในซอย ต้องนั่งมอไซค์เข้าไป หรือเข้าไปอีกทางใช้รถก็ได้ แต่ทางออกตรงมอไซค์อ่ะ เรากลัวย่าจะถูกรถเฉี่ยวเลย รถมันเยอะ แล้วทางเดินก็แคบ ย่าเราเดินไม่ค่อยไหวด้วยอ่ะ บ้านย่าเราค่อนข้างใหญ่ แต่ในตัวบ้านหลักๆ ทั้งวันย่าอยู่คนเดียว พี่สาวคนหนึ่งก็ไปเรียน พี่ชายคนหนึ่งเรียนจบแล้วแต่ก็ไปต่อโท เรียนต่อ พ่อก็ไม่อยู่บ้าน แยกตัวไปอยู่แถวที่ทำงานอีก ป้าก็ไปทำงานตั้งแต่เช้า ลุงก็อยู่ใต้นู้นนน อาๆทั้งหลายก็ไม่อยู่เพราะอยู่อีกหลังแล้วต่างก็มีลูก ในบ้านหลังเล็กมีแค่อาอีกคนกับย่าอีกคนที่น้องกับลูกของย่าเราอยู่เท่านั้น ซึ่งนั่นแปลว่า ในบ้านหลังใหญ่ ที่เดินกว้างๆ ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากย่าเรา ที่อายุก็ยังไม่ได้มากถึงขนาดนั้นแต่ร่างกายก็แทบจะไม่ไหวแล้ว

ย่ารักลูก คือพ่อ แต่พ่อก็ชอบแบบ.. นั่นแหละ. ระลึกได้แล้วก็เหมือนนํ้าตาจะไหล ที่สำคัญคือแม่เราห้ามไม่ให้ไปหาบ้านที่ย่าอยู่ด้วยนะ แต่เราก็แอบไปกับพี่บ่อยอยู่ แต่ก็กลัวถูกจับได้ ทุกครั้งที่ไป แล้วพอกลับมาก็จะระแวงตลอดเลย ..ชีวิต..

เรายังคิดอยู่ตลอดเลยเนี่ยว่า ย่าจะอยู่วันรับปริญญาของเรามั้ย? แต่ก็คิดกับตัวแหละ ย่าอยู่ไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เพราะย่าก็อยู่กับเราตลอดแหละ

รักย่าาาา ฮือออออออออ  ร้องไห้

ปล. เราอยู่แค่ ม.3 (เทอม2) คิดดู อีกกี่ปีล่ะ?

ปล2. ไม่ใช่เรื่องแต่ง เรื่องจริงเลยเนี่ย..

เศร้าจัง

4
Takahashi Nakisa Member 5 พ.ย. 57 19:43 น. 19-1
คล้ายๆกับเราเลย ยายเราบอกว่าจะอยู่จนถึงเรารับปริญญา แต่ยายเราเพิ่งเสียไปเมื่อกลางปีนี้เอง ...(ตอนนี้อยู่ม.1ค่ะ) มันน่าตกใจมาก เพราะยายเราก็รักษาสุขภาพ และดูแข็งแรงดี ยายเราจากไปเพราะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันค่ะ ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เพิ่งเกิดจนโตดูแลเราตลอด ยายใจดีมาก เวลาเรามีปัญหาอะไรก็จะปรึกษายาย แต่เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้อยู่กับยายเท่าไหร่เลย เพราะแยกบ้านกันอยู่เมื่อประมาณประถมต้น บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ไปหา เราเอาแต่ใจตัวเอง รักสบาย มารู้ตัวตอนสายไปแล้วว่าควรทำอะไร... แม้แต่คำว่ารักก็ยังไม่ได้บอก ... แต่พี่ยังมีคุณย่าอยู่ เพราะฉะนั้น ดูแล ให้เวลาแก ทำให้แกมีความสุขมากๆนะคะ บอกรักแก กอดแก อย่าอาย ก่อนที่มันจะสายไปแบบเรานะ ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้อยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะไม่ให้เกิดอะไรแบบนี้อีก พี่ก็สู้ๆนะคะ อย่าเศร้าเลย มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ คุยกับพ่อแม่ดูเถอะค่ะ อยากให้ได้เจอแกบ่อยๆ สู้ๆนะคะ ปล.พิมพ์ไปร้องไห้ไป 5555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
May505 Member 5 พ.ย. 57 20:12 น. 21

อ่านแล้วเศร้ามากน้ำตาซึมเลยกลัวเกิดขึ้นกะตัวเองเราจะเรียนจบปริญาตรีปีหน้าแต่รับปริญญาอีกปีหนึ่งและตอนนี้แม่เราก็เป็นเบาหวานแต่อาการก็ปกติกินยาและแม่เราก็ชอบพูดว่าอยากอยู่ให้ทันลุกรับปริญากลัวตัวเองเป็นอะไรไป เพราะเมือราวๆ5-6ปีก่อนลุงเราเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานอายุ48ปีซึ่งตรงกับคุณตาของเราที่เสียชีวิตอาย48ปีด้วยเช่นกันและคุณยายเราเสียชีวิต53ปีซึ่งปีหน้าอายุแม่เรา53ปีแม่เราชอบเพ้อชอบพูดตลอดเราก็เศร้ามากกลัวมากยิ่งเพื่อนสนิทแม่เสียเราเศร้ามากๆเลยเห็นเพื่อนร้องเราก็ร้องด้วย บางครั้งเราคิดๆไม่อยากรับปริญญาเลยพี่แถวบ้านไกล้จะรับปริญพ่อเสียชีวิต อีกคนโดนรถชน เมือได้อย่างเสียอย่างเรากลัวมากๆเราชอบไปเท่วใกลๆเช่นต่างจังหวัดค้าง3-4วันกะเพื่อน เด่วนี้พอเราใกล้ๆเรียนจบเราไม่ค่อยกล้าไปไหนนานๆคิดถึงบ้าน

0
กำลังโหลด

26 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เฮลซาช่า มิวากิ Member 3 พ.ย. 57 17:10 น. 7

ซึ้งมากๆ เลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่เขามีชีวิตรอดจนถึงวันที่ลูกหรือตัวเองจบการศึกษา

0
กำลังโหลด
~tamada~ Member 3 พ.ย. 57 17:21 น. 8

ซึ้งมากเลยค่ะทั้งสองเรื่อง ทั้งน่าเศร้าแล้วก็สวยงามมากๆในเวลาเดียวกัน

ชอบเรื่องที่สองมากเลย ประทับใจตรงที่เพื่อนๆ ครูอาจารย์ ช่วยกันเลื่อนวันจบการศึกษาให้เร็วขึ้นเพื่อให้ลินซีได้มีส่วนร่วมด้วย เสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เดอะ ลำพูน Member 3 พ.ย. 57 19:53 น. 10

เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เขาได้จบการศึกษา และน่าเศร้าที่หนึ่งชีวิตที่รอวันนั้นต้องมาจากโลกนี้ไป

ขอให้หลับให้สบายนะครับ

0
กำลังโหลด
7790 Member 3 พ.ย. 57 20:20 น. 11

ดีใจกับพวกเขาที่ได้จบพร้อมเพื่อน แต่ก็เสียใจ ที่ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความพยายามของตนเอง อ่านแล้วมีกำลังใจเรียนเยอะเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
JzBerryZ3 Member 3 พ.ย. 57 23:24 น. 14

ถ้าสมมุติว่าตัวเราเองเป็นแบบนี้..

ขอให้ได้ทำสิ่งใดที่อยากทำสำเร็จ ขอให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก่อนตาย ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลยล่ะ คิดแบบเค้ามั้ย?

#ร้องไห้แปบT^T

ฮือฮือเสียใจร้องไห้ร้องไห้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Dpk. Member 4 พ.ย. 57 19:18 น. 16

._. ถ้าหนูอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นบ้าง คงใจหายและทำใจลำบากมากๆเลยนะคะ มันเป็นความยินดีที่น่าเศร้าเหลือเกิน TOT!!!

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Small Heart Member 5 พ.ย. 57 00:29 น. 19

คิดถึงย่า..

ย่าสัญญากับเราไว้ว่าจะอยู่ให้ถึงวันรับปริญญาทั้งของเราและของพี่ แต่ตอนนี้ย่าเราเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว สายตาก็ไม่ดี ความจำเลอะเลือน บางครั้งก็จำคนในบ้านไม่ได้ ถามว่าใคร? ตอนนั้นเราป่วยเป็นไข้เลือดออก ย่าเราจำผิดว่า คนที่ป่วยอ่ะคือพี่สาว ไม่ใช่เรา ขนาดย่าเราเห็นว่าเรานอนอยู่บนเตียง ย่ายังทักเป็นชื่อพี่สาวเราเลย. ย่าเคยไปตลาดใกล้ๆบ้านแค่เนี้ยะ ตอนกลับจำทางกลับบ้านไม่ได้ ตอนนั้นยังดีที่มีคนพามาส่งถึงบ้าน ย่ากินยาอะไรก็ไม่รู้ เราถามว่ายาอะไร? ก็ไม่ยอมบอก เราแยกอยู่กับย่านะเพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน บ้านย่าเราเป็นบ้านสวน อยู่ลึกเข้าไปในซอย ต้องนั่งมอไซค์เข้าไป หรือเข้าไปอีกทางใช้รถก็ได้ แต่ทางออกตรงมอไซค์อ่ะ เรากลัวย่าจะถูกรถเฉี่ยวเลย รถมันเยอะ แล้วทางเดินก็แคบ ย่าเราเดินไม่ค่อยไหวด้วยอ่ะ บ้านย่าเราค่อนข้างใหญ่ แต่ในตัวบ้านหลักๆ ทั้งวันย่าอยู่คนเดียว พี่สาวคนหนึ่งก็ไปเรียน พี่ชายคนหนึ่งเรียนจบแล้วแต่ก็ไปต่อโท เรียนต่อ พ่อก็ไม่อยู่บ้าน แยกตัวไปอยู่แถวที่ทำงานอีก ป้าก็ไปทำงานตั้งแต่เช้า ลุงก็อยู่ใต้นู้นนน อาๆทั้งหลายก็ไม่อยู่เพราะอยู่อีกหลังแล้วต่างก็มีลูก ในบ้านหลังเล็กมีแค่อาอีกคนกับย่าอีกคนที่น้องกับลูกของย่าเราอยู่เท่านั้น ซึ่งนั่นแปลว่า ในบ้านหลังใหญ่ ที่เดินกว้างๆ ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากย่าเรา ที่อายุก็ยังไม่ได้มากถึงขนาดนั้นแต่ร่างกายก็แทบจะไม่ไหวแล้ว

ย่ารักลูก คือพ่อ แต่พ่อก็ชอบแบบ.. นั่นแหละ. ระลึกได้แล้วก็เหมือนนํ้าตาจะไหล ที่สำคัญคือแม่เราห้ามไม่ให้ไปหาบ้านที่ย่าอยู่ด้วยนะ แต่เราก็แอบไปกับพี่บ่อยอยู่ แต่ก็กลัวถูกจับได้ ทุกครั้งที่ไป แล้วพอกลับมาก็จะระแวงตลอดเลย ..ชีวิต..

เรายังคิดอยู่ตลอดเลยเนี่ยว่า ย่าจะอยู่วันรับปริญญาของเรามั้ย? แต่ก็คิดกับตัวแหละ ย่าอยู่ไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เพราะย่าก็อยู่กับเราตลอดแหละ

รักย่าาาา ฮือออออออออ  ร้องไห้

ปล. เราอยู่แค่ ม.3 (เทอม2) คิดดู อีกกี่ปีล่ะ?

ปล2. ไม่ใช่เรื่องแต่ง เรื่องจริงเลยเนี่ย..

เศร้าจัง

4
Takahashi Nakisa Member 5 พ.ย. 57 19:43 น. 19-1
คล้ายๆกับเราเลย ยายเราบอกว่าจะอยู่จนถึงเรารับปริญญา แต่ยายเราเพิ่งเสียไปเมื่อกลางปีนี้เอง ...(ตอนนี้อยู่ม.1ค่ะ) มันน่าตกใจมาก เพราะยายเราก็รักษาสุขภาพ และดูแข็งแรงดี ยายเราจากไปเพราะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันค่ะ ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เพิ่งเกิดจนโตดูแลเราตลอด ยายใจดีมาก เวลาเรามีปัญหาอะไรก็จะปรึกษายาย แต่เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้อยู่กับยายเท่าไหร่เลย เพราะแยกบ้านกันอยู่เมื่อประมาณประถมต้น บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ไปหา เราเอาแต่ใจตัวเอง รักสบาย มารู้ตัวตอนสายไปแล้วว่าควรทำอะไร... แม้แต่คำว่ารักก็ยังไม่ได้บอก ... แต่พี่ยังมีคุณย่าอยู่ เพราะฉะนั้น ดูแล ให้เวลาแก ทำให้แกมีความสุขมากๆนะคะ บอกรักแก กอดแก อย่าอาย ก่อนที่มันจะสายไปแบบเรานะ ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้อยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะไม่ให้เกิดอะไรแบบนี้อีก พี่ก็สู้ๆนะคะ อย่าเศร้าเลย มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ คุยกับพ่อแม่ดูเถอะค่ะ อยากให้ได้เจอแกบ่อยๆ สู้ๆนะคะ ปล.พิมพ์ไปร้องไห้ไป 5555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด