'Hogeweyk' หมู่บ้านนี้มีแต่ผู้สูงอายุที่ความจำเสื่อม

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com โลกนี้มีหมู่บ้านแปลกๆ มากมายให้ค้นหาได้ไม่รู้จบเลยนะคะ ไม่ว่าจะหมู่บ้านที่ไม่มีถนน หมู่บ้านที่ห้ามใช้ยานยนต์ที่มีมอเตอร์ หรือแม้แต่หมู่บ้านที่ลูกบ้านทุกคนเคยก่อคดีทางเพศ วันนี้ พี่พิซซ่า มีอีกหมู่บ้านมาแนะนำให้รู้จักค่ะ เป็นหมู่บ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการความจำเสื่อมขั้นรุนแรงโดยเฉพาะ มาดูกันค่ะว่าความเป็นอยู่ในหมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไร



Photo Credit: www.vivium.nl


Hogeweyk


     Hogeweyk เป็นชื่อของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมือง Weesp ประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ มองเผินๆ จะเห็นว่าหมู่บ้านนี้ก็เหมือนหมู่บ้านสวยๆ แพงๆ ทั่วไป ที่มีบ้านหลังใหญ่เรียงกันหลายหลัง มีสวนสาธารณะภายใน สระว่ายน้ำ มีซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นของตัวเอง มีรั้วขนาดใหญ่ล้อมรอบหมู่บ้านและมีประตูใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแล แต่ที่จริงแล้วหมู่บ้านนี้เป็นบ้านพักคนชราในรูปแบบใหม่ค่ะ ออกแบบให้เป็นหมู่บ้านเนียนๆ ส่วนหมอ พยาบาล และคนดูแลต่างๆ ก็สวมบทเป็นแคชเชียร์บ้าง คนสวนบ้าง บุรุษไปรษณีย์บ้าง คล้ายๆ กับในภาพยนตร์เรื่อง The Truman Show ที่สร้างเมืองจำลองทั้งเมือง และทุกคนในเมืองคือนักแสดงที่จ้างมา ในขณะที่พระเอกเป็นคนเดียวที่ไม่รับรู้เรื่องความจำลองนี้


โมเดลของเมือง
Photo Credit:
hogeweyk.dementiavillage.com

     Hogeweyk เป็นบ้านพักคนชราที่อยู่ในเครือของ Vivium องค์กรของรัฐที่เชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาด้านความทรงจำในเนเธอร์แลนด์ค่ะ แต่โครงการ Hogeweyk ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ความจำเสื่อมในขั้นรุนแรง โดยเป็นการดูแลแบบ 24 ชั่วโมงเหมือนปกติ เพียงแต่มีเซ็ตติ้งใหม่นั่นเอง

     นั่นเพราะถึงจะมีปัญหาเรื่องความทรงจำ แต่ผู้อยู่อาศัยเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในการขยับร่างกาย ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้เองเหมือนคนทั่วไป จัดบ้านได้ เดินไปคุยกับคนข้างบ้าน เดินเล่นในสวน ซื้อของเข้าบ้าน ไม่ต้องพักในสถานพักฟื้นที่ต้องมีคนเดินมาดูแลตามเวลาเรื่อยๆ แค่มีคนเวียนมาดูเป็นระยะพร้อมระบบติดตาม 24 ชั่วโมงโดยไม่รู้ตัวก็โอเคแล้ว


มุมหนึ่งของเมือง
Photo Credit:
hogeweyk.dementiavillage.com


การออกแบบที่น่าอยู่


     หมู่บ้านนี้ออกแบบโดย Molenaar&Bol&VanDillen ทีมสถาปนิกฝีมือดีของเนเธอร์แลนด์ค่ะ กินพื้นที่กว่า 4 เอเคอร์ มีทั้งลานกลางเมือง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเสริมสวย โรงละคร ผับ และร้านอาหาร นอกจากนี้ก็มีบ้านใหญ่อีก 23 หลังค่ะ แต่ละหลังจุได้ 6-7 คน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีห้องส่วนตัวของตัวเองแยกจากกัน แต่ใช้ห้องครัวและห้องนั่งเล่นรวมกันภายในบ้าน ทำให้ทั้งหมู่บ้านจุผู้พักอาศัยได้ 152 คนค่ะ

     ตัวบ้านพักก็มีให้เลือกถึง 7 สไตล์นะคะ เพื่อให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์และพื้นเพที่มาของผู้พักอาศัยให้หลากหลายมากที่สุดค่ะ มาลองดูสไตล์บ้านแต่ละแบบกัน

     1. Gooi: เป็นบ้านสไตล์ไฮโซผู้ดีเก่าของเนเธอร์แลนด์ มีพวกโซฟาใหญ่ๆ แชนเดอเลียร์ ห้องเล่นเปียโนที่มีนักเปียโนมาเล่นให้ฟังแทบทุกสัปดาห์ การจัดโต๊ะอาหารในบ้านสไตล์นี้ก็จะเป็นตามธรรมเนียมชนชั้นสูง ที่วางส้อมกับมีดเยอะๆ และกินอาหารแบบเป็นคอร์ส ซึ่งต้องจัดจานในสไตล์ฝรั่งเศสรวมถึงเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสเป็นหลัก ชื่อ Gooi เป็นชื่อย่านหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ที่ถือเป็นย่านผู้ดีเก่าแก่ของประเทศ

     2. Ambachtelijk: บ้านสำหรับผู้ที่เคยเป็นช่างฝีมือมาก่อน เช่นช่างปั้น ช่างแกะสลัก ช่างไม้ รวมไปถึงงานที่ต้องใช้ทักษะส่วนตัวอย่างช่างประปา สไตล์บ้านก็จะเป็นเครื่องเรือนไม้ที่ดูอบอุ่นและเรียบง่าย เน้นการใช้สอยมากกว่าความสวยงามเปล่าๆ กิจกรรมหลักๆ ในบ้านก็จะเป็นการอบพาย อบขนม ส่วนสไตล์อาหารที่เสิร์ฟที่บ้านก็จะเป็นอาหารพื้นเมืองเนเธอร์แลนด์

     3. Cultureel: บ้านสำหรับคนที่คุ้นเคยกับสายอาร์ต ไม่ว่าจะชอบชมละครเวที อ่านหนังสือ หรือเดินแกลลอรี่ จะเหมาะกับบ้านหลังนี้ค่ะ ผู้พักอาศัยแต่ละคนที่ชอบบ้านสไตล์นี้ก็มักจะมีโลกส่วนตัวกันสูงกว่าคนที่ชอบบ้านสไตล์อื่นๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะแต่ละคนก็จะไม่ก้าวก่ายกัน อาหารมื้อหลักจะเป็นมื้อเช้าที่เริ่มเบาๆ กับมื้อเย็นที่จัดหนักและใช้เวลานานเพราะเปิดโอกาสให้ผู้อาศัยร่วมบ้านเดียวกันได้พูดคุยถึงสิ่งที่ตนได้ดูหรืออ่านมา พร้อมมีไวน์เสิร์ฟให้ด้วย

     4. Christelijk: บ้านสำหรับคนเคร่งศาสนา จะเปิดเพลงทางศาสนาอยู่ตลอดวัน มีมุมสำหรับสวดมนต์ขอพรภายในบ้าน อาหารที่เสิร์ฟมักเป็นอาหารพื้นเมืองชาวดัตช์ที่ทำง่ายๆ แต่ก็มีห้องดื่มชาสำหรับให้สมาชิกในบ้านได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันยามบ่าย

     5. Indisch: บ้านสำหรับคนที่เคยเกี่ยวข้องกับประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียเคยเป็นเมืองอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์จนถึงปี 1949 ทำให้ผู้สูงอายุหลายคนในตอนนี้เคยอยู่ที่อินโดนีเซียกับครอบครัวสมัยเด็กๆ หรือบางคนก็โตมาในครอบครัวที่ได้รับอิทธิพลทางศิลปะจากอินโดนีเซีย บ้านหลังนี้ก็จะตกแต่งด้วยภาพประกอบจากอินโดนีเซีย เปิดเพลงสไตล์อินโดนีเซีย และจุดเทียนหอมกลิ่นที่ทำให้นึกถึงอินโดนีเซีย มีกิจกรรมพิเศษคือทริปพาไปเที่ยวตลาดเอเชียและไปชุมชนอินโดนีเซียในเนเธอร์แลนด์ ส่วนอาหารที่เสิร์ฟในบ้านจะมี 2 มื้อต่อวัน ส่วนมากเป็นเมนูอินโดนีเซีย

     6. Stedelijk: บ้านสำหรับคนชอบสไตล์คนเมือง ตกแต่งแบบสมัยใหม่เน้นสีสันพร้อมมีพื้นที่เปิดโล่งเยอะกว่าบ้านแนวอื่น ผู้อยู่อาศัยจะมีทริปพาไปเที่ยวสวนสัตว์ สวนสนุก ดูภาพยนตร์ รวมถึงไปว่ายน้ำ นอกจากนี้ยังมีเกมให้เล่นด้วย อาหารจะเน้นมันฝรั่ง เนื้อสัตว์ และผัก เป็นอะไรเน้นง่ายแต่อิ่ม รวมถึงมีของว่างยามบ่ายให้กินระหว่างเล่นหมากรุกกัน

     7. Huiselijk: บ้านสไตล์ที่เหมือนอยู่บ้านปกติทั่วไปที่สุด มีแม่บ้านมาทำความสะอาดและทำอาหารในครัวที่นี่ให้ทุกวันซึ่งผู้พักอาศัยจะร่วมซักผ้าหรือทำกับข้าวด้วยก็ได้ การตกแต่งบ้านจะดูปกติธรรมดาที่สุดแต่ก็ให้ความอบอุ่นกับคนที่ชอบบ้านแนวนี้ อาหารเน้นเมนูดัตช์พื้นเมือง และมีเกมพื้นบ้านเก่าๆ สไตล์เนเธอร์แลนด์ให้เล่น


โลกเสมือนและโลกแห่งความจริง


     คอนเซ็ปต์ของโครงการคือ "โลกเสมือนจริง" ฉะนั้นผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะสวมบทบาทเป็นคนปกติทั่วไปในอาชีพต่างๆ ที่สามารถเจอได้ในหมู่บ้านทั่วไป ถ้าได้ยินผู้พักอาศัยเล่าเรื่องความทรงจำเก่าๆ ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ไม่ต้องไปแก้ให้ แต่ในขณะเดียวกัน หากผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร หรืออยากรู้ข้อมูลที่เป็นจริง เจ้าหน้าที่ก็ต้องตอบตามความจริงไปเลยว่าผู้อยู่อาศัยมาที่นี่เพราะมีปัญหาด้านความทรงจำ และต้องการการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว ผู้อยู่อาศัยก็อาจจะลืมคำตอบนี้ในวันรุ่งขึ้นอยู่ดี จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดค่ะ


ซูเปอร์มาร์เก็ตของหมู่บ้าน
Photo Credit: www.vivium.nl

     นอกจากนี้ด้วยความที่บ้านแต่ละหลังมีสไตล์ที่ต่างกัน ผู้ดูแลที่มาสวมบทบาทต่างๆ บางคนก็จะมีบทพิเศษเฉพาะสำหรับสไตล์บ้านแต่ละแบบด้วย อย่างบ้านสไตล์ Gooi ที่เป็นผู้ดีเก่า ผู้ดูแลก็จะสวมบทบาทเป็นแนวเมดที่มาดูแลคุณท่าน บ้านสไตล์ Stedelijk ที่เป็นสไตล์คนเมือง ผู้ดูแลก็จะมาในแบบเพื่อนบ้านที่เป็นคนเมืองเหมือนกัน หรือบ้านอื่นๆ ที่เป็นสไตล์ชนชั้นกลาง ผู้ดูแลก็จะเป็นชนชั้นกลางเช่นกัน

     หากผู้อยู่อาศัยไม่อยากกินข้าวที่มีเสิร์ฟให้ที่บ้าน ก็สามารถออกไปกินที่ร้านอาหารของเมืองได้เช่นกัน ซึ่งผู้อาศัยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่ะ เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องที่ถือว่าลำบากมากจริงๆ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหลงลืม ดังนั้นจะตัดการใช้เงินจริงออกไปค่ะ การช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและการดูการแสดงที่จัดในหมู่บ้านจะเพิ่มไปในค่าดูแลที่ลูกหลานจ่ายให้เป็นรายเดือน (แต่ก็มีผู้ดูแลคอยคุมไม่ให้ผู้อยู่อาศัยหยิบซื้อของเยอะเกินไปเพราะจำไม่ได้)


คาเฟ่กึ่งร้านอาหารในหมู่บ้าน
Photo Credit: www.vivium.nl


กระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม


     จริงๆ ในเครือของ Vivium ก็มีแนวคิดดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยในแบบที่ไม่ใช่สถานพักฟื้นหรือสถานพยาบาลทั่วไปหลายแห่งทั่วเนเธอร์แลนด์เลยค่ะ ส่วนมากก็เป็นชุมชนที่ให้ผู้พักอาศัยแต่ละคนได้มีห้องส่วนตัวในแบบที่ตัวเองตกแต่งเองหมด อยากทำอะไรก็ได้ แต่ที่ Hogeweyk แตกต่างจากที่อื่นๆ ก็น่าจะเป็นการที่ให้ผู้ดูแลสวมบทบาทอื่นมาดูแลแบบเนียนๆ และการที่สร้างชุมชนแบบครบเบ็ดเสร็จในตัวเองนี่แหละค่ะ ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการจริงเมื่อปี 2009 ก็ได้รับรางวัลรวมถึงความชื่นชมมากมาย

     เช่นรางวัล Winnaar van de Gastvrijheidszorg Award 2010 ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลดีเด่นด้านการดูแลผู้ป่วย และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Hedy d’Ancona Award ซึ่งเป็นรางวัลด้านสถาปัตยกรรมเพื่อการดูแลด้านสุขภาพในปี 2010 เช่นกัน

     อีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยก็คือ Hogeweyk ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลให้พัฒนาสถานที่และขยับขยายเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นค่ะ ได้งบจากรัฐบาลมากถึง 17.8 ล้านยูโร และยังได้เงินบริจาคจากประชาชนและองค์กรทั่วไปอีก 1.5 ล้านยูโร ตอนนี้ก็กำลังทยอยปรับปรุงสถานที่ทีละมุมๆ อยู่ค่ะ อีกไม่นานน่าจะได้เห็นโฉมใหม่ที่สวยยิ่งกว่าเดิม และยิ่งใหญ่ขึ้น


Photo Credit: www.vivium.nl


ค่าบริการที่สมเหตุสมผล


     เห็นโครงการดูอลังการแบบนี้ ค่าใช้จ่ายในการดูแลไม่แพงเลยค่ะ เพราะราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่คนละ 5,000 ยูโรต่อเดือน หรือประมาณ 200,000 บาทค่ะ ราคานี้คือพอๆ กับบ้านพักคนชราแบบทั่วไปในเนเธอร์แลนด์เลย ไม่ได้แพงต่างกันมากค่ะ แถมราคานี้รวมค่ากิจกรรมต่างๆ เช่นทริปไปพิพิธภัณฑ์ หรือการจ้างนักดนตรีคลาสสิกมาแสดงให้ชมภายในหมู่บ้านแล้วด้วย


     เห็นแล้วพี่ก็รู้สึกว่าอยากไปอยู่ตอนนี้เลยค่ะ (แต่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกแน่นอน) ดูเป็นชุมชนน่าอยู่มากๆ เลย แถมร้านอาหารของหมู่บ้านยังเปิดให้คนจากหมู่บ้านข้างเคียงมาใช้บริการได้ด้วยนะคะ เป็นการหารายได้อีกทางเพื่อจะได้ไม่ต้องเก็บค่าดูแลมากเกินไปค่ะ อยากให้มีแบบนี้ทุกประเทศเลย
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

蝶兰 Member 25 ม.ค. 61 18:59 น. 1

น่าสนใจมากเลยค่ะ อยากให้ในอนาคตประเทศไทยมีอย่างนี้บ้าง

ไม่แน่ว่า...นับจากนี้อีกครึ่งร้อยปีผ่านไป เราอาจต้องได้ใช้มันก็เป็นได้ค่ะ

1
PiZZaPeaCH Member 26 ม.ค. 61 19:54 น. 1-1
ตอนแก่พี่ก็อยากอยู่อะไรแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ก็ต้องรีบหาเงินตุนไว้เป็นค่าใช้จ่ายตอนนั้น 55555
0
กำลังโหลด
มิมมี่ (TwT TwT) Member 27 ม.ค. 61 10:26 น. 2

เคยอ่านมาอยู่ น่าจะจากนิตยสารคอนเน็คมั้ง


อยากให้ไทยมีแบบนี้บ้าง(แต่อาจจะเป็นไปได้ยากเพราะผู้ป่วยพวกนี้ไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าไหร่)

0
กำลังโหลด
มัณทนา Member 30 ม.ค. 61 17:02 น. 3

จองบ้านแบบที่ 3


นึกถึงนิยายชุด Wayward Pines ทั้ง 3 เล่มของ Blake Cruoch ที่สร้างเป็นซีรีส์

เมือง Wayward Pines เปิดเรื่องมาเป็นเมืองเล็กๆสงบสุข แต่มีความลับซ่อนลับอยู่

คนนอกเข้ามาได้ แต่คนในกับคนนอกกลับออกไม่ได้ เพราะหาทางออกไม่เจอ

ตอนท้ายๆของเล่ม 1 จะหักมุมกลายเป็นว่าโลกภายนอกแตกสลายไปแล้ว

ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่

ทุกคนถูกทำให้เป็นว่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำและถูกจับมาแช่แข็งหลายร้อยปี หลายพันปี

คนแปลกหน้าต่างครอบครัว ต่างอาชีพถูกจับให้มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน

สวมบทบาทให้ทำอาชีพอื่่นๆที่ไม่ใช่ตัวตนจริงๆที่คนสร้างเมืองนี้ยัดเยียดให้

0
กำลังโหลด
พลอยนิล-อะเมะยูคิ Member 31 ม.ค. 61 22:58 น. 4

เห็นค่าใช้จ่ายแล้วลาก่อยค่ะ แม่นิลก็เป็นอัลไซเมอร์ ขอดูแลเอาดีกว่า ท่านจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ ได้ใช้เวลาสุดท้ายร่วมกันน่าจะดีกว่า

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด