3 เมืองสุดแปลกใน "อเมริกา" ที่ชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนใคร

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ถ้าพูดถึงลักษณะชุมชนบ้านเมืองในอเมริกาเราก็จะเห็นภาพเป็นเหมือนหนังเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ไม่น่ามีใครเห็นภาพเป็นเมืองสวยๆ สงบๆ แบบบ้านเมืองในยุโรปซักเท่าไหร่ ฉะนั้นวันนี้ พี่พิซซ่า จะพาน้องๆ ไปรู้จักกับ 3 เมืองแปลกในอเมริกาที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ในประเทศกันค่ะ


Peachtree City


     เมืองพีชทรีซิตี้ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตฟาเยตต์ มลรัฐจอร์เจีย มีประชากรกว่า 35,000 คน พีชทรีซิตี้มีทะเลสาบในเมืองถึง 3 แห่ง ได้แก่ทะเลสาบเคดรอน (Lake Kedron) ทะเลสาบที่เป็นแหล่งน้ำหลักของเมือง ทะเลสาบพีชทรี (Lake Peachtree) ทะเลสาบที่มักแห้งขอดบ่อยๆ เมื่อเข้าหน้าแล้ง แต่ชาวเมืองสามารถใช้พื้นที่ทะเลสาบเวลาน้ำแล้งในการทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ และทะเลสาบแมคอินทอช (Lake McIntosh) ทะเลสาบน้องใหม่ล่าสุดพร้อมน้ำเต็มตลอดปีเพื่อให้ชาวเมืองใช้สันทนาการและเป็นอ่างเก็บน้ำสำรองอีกแห่ง

     เมืองนี้เป็นเมืองที่มีการวางแผนผังเมืองมาอย่างดีตั้งแต่ตอนเริ่มสร้างเมืองขึ้นมาในปี 1959 พีชทรีซิตี้ถึงกับได้รับรางวัลชุมชนยอดเยี่ยมในการวางผังเมืองตั้งแต่สมัยนั้นเลย พีชทรีซิตี้มีลักษณะคล้ายๆ กับหมู่บ้านจัดสรรที่มีสไตล์บ้านให้เลือกอยู่แล้ว แต่มีสถานที่สำคัญอีกหลายแห่งเป็นของตัวเอง ทั้งศาลาว่าการกลางเมือง ที่ทำการไปรษณีย์ สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง การไฟฟ้า การประปา โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และอีกมากมาย เป็นเมืองจริงๆ เหมือนเมืองอื่นๆ มีนายกเทศมนตรีและสภาปกครองท้องถิ่นด้วยค่ะ

     แต่ที่ทำให้พีชทรีซิตี้โดดเด่นไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ก็คือระบบรถกอล์ฟของที่นี่ค่ะ นอกเหนือจากถนนที่ให้รถวิ่งได้แล้ว ในเมืองยังมีถนนสำหรับรถกอล์ฟโดยเฉพาะตัดผ่านทั่วเมือง ทุกบ้านในพีชทรีซิตี้มีรถกอล์ฟเป็นของตัวเอง บางบ้านมีหลายคัน มีเยอะกว่ารถยนต์ด้วยซ้ำค่ะ ถ้าจะเดินทางไปไหนมาไหนในเขตเมืองคนก็จะนิยมใช้รถกอล์ฟกัน จะใช้รถยนต์กันก็เมื่อต้องขนอะไรเยอะๆ หรือต้องขับออกนอกเมือง รถกอล์ฟที่นี่ก็ตั้งมีป้ายทะเบียนด้วยนะคะ ต้องไปต่อทะเบียนทุก 3 ปี และต้องเอารถมาตรวจสภาพเป็นระยะกับทางการ หรือถ้าจะขายต่อก็ต้องมาแจ้งทางการก่อนด้วย

     ถนนสำหรับให้รถกอล์ฟวิ่งนั้นเรียกได้ว่าเข้าถึงสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้มากกว่าถนนใหญ่สายหลักสำหรับรถยนต์วิ่งอีกค่ะ และทุกสถานที่ในเมืองก็ต้องทำลานจอดรถสำหรับรถกอล์ฟโดยเฉพาะไว้ด้วย ปัจจุบันมีรถกอล์ฟในเมืองกว่า 10,000 คันแล้ว หน่วยตำรวจของเมืองก็ใช้รถกอล์ฟในการตรวจตราประจำวันเช่นกัน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่ารถกอล์ฟจะไปจับโจรทันหรอ เพราะเมืองนี้มีอัตราอาชญากรรมต่ำมากๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ

    ส่วนนักเรียนเองก็นิยมขับรถกอล์ฟไปโรงเรียนกัน บางคนขับตั้งแต่ป.6 เลยเพราะกฎของเมืองอนุญาตให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปขับรถกอล์ฟได้หากมีผู้ใหญ่นั่งหน้ามาด้วย และถ้าอายุ 15 ปีขึ้นไปและเป็นนักเรียนในเขตพีชทรีซิตี้ก็สามารถขับรถกอล์ฟมาโรงเรียนเองได้เลย ส่วนอายุที่สามารถขับรถกอล์ฟอย่างอิสระได้ถูกกฎหมายคือ 18 ปี ฉะนั้นเด็กๆ เมืองนี้จะฝึกขับรถกอล์ฟกันตั้งแต่ขาเหยียบคันเร่งถึงเลย

     พีชทรีซิตี้ยังเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพยนตร์ด้วย รวมถึงใช้เป็นเมืองในภาพฉากหลังอยู่บ่อยๆ อย่างในซีรี่ส์ The Walking Dead พวกภาพฉากหลังที่เป็นหมู่บ้านสวยๆ ก็ใช้ภาพจากเมืองนี้เยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ใครสนใจอยากย้ายไปอยู่เมืองนี้ก็สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.peachtree-city.org/


Magnolia Springs


     แมกโนเลียสปริงส์ เป็นเมืองขนาดเล็กในเขตบอลด์วิน มลรัฐแอละบาม่า มีประชากรประมาณ 800 คน (แต่ก็มีแผนขยายเขตเมืองเพื่อรองรับประชากรในอนาคตกว่าหมื่นคน) ตัวเมืองตั้งขนาบแม่น้ำแมกโนเลีย ตรงบริเวณปากแม่น้ำพอดี ทำให้แม่น้ำเป็นเหมือนทางหลวงเส้นใหญ่ของเมืองที่ผ่ากลางเมืองไปตลอดแนว นอกจากนี้น้ำในบริเวณนี้ยังถือเป็นน้ำในแม่น้ำที่มีความบริสุทธิ์มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยด้วย

     ริมแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่งนอกจากจะเป็นบ้านเรือนของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยดอกไม้ป่านานาพันธุ์ ทำให้เวลาสัญจรไปไหนมาไหนในเมืองเหมือนได้เที่ยวชมวิวไปด้วยในตัว อีกเรื่องที่ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์มากๆ เลยก็คือ เป็นเมืองเดียวในอเมริกาที่พนักงานไปรษณีย์ส่งจดหมายทางเรือค่ะ ทุกเช้าพนักงานไปรษณีย์จะนั่งเรือมาหย่อนจดหมายลงตู้ของแต่ละบ้านที่ตั้งบนชานบ้านที่ยื่นเข้าไปในแม่น้ำค่ะ เก๋ไก๋สุดๆ

     ส่วนประวัติศาสตร์ของเมืองนี้นะคะ เริ่มมีผู้มาอยู่อาศัยในบริเวณนี้ตั้งแต่ประมาณปี 1800 หลังสงครามระหว่างรัฐต่างๆ จบลง ชาวบ้านกลุ่มแรกจึงมีทั้งทหารทั้งจากฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ รวมไปถึงชาวพื้นเมืองที่อยู่บริเวณข้างเคียงมาก่อนแล้ว และเพราะเหตุนี้ทำให้แมกโนเลียสปริงส์ไม่เหมือนเมืองทางใต้เมืองอื่นซักเท่าไหร่ เพราะผู้อยู่อาศัยรุ่นแรกกึ่งหนึ่งมาจากรัฐทางเหนืออย่างเวอร์มอนต์และอิลลินอยส์ ทำให้ลักษณะนิสัยของผู้คนในเมืองมีความผสมผสานทั้งแบบคนทางเหนือและคนทางใต้ ไม่ได้สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งค่ะ


Ben Twingley, The Pensacola (Fla.) News Journal

     ด้วยความสวยและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของเมือง ทางการจึงขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวหรือผู้ย้ายมาอยู่ใหม่ของเมืองให้ช่วยดูแลรักษาความสะอาดของแม่น้ำให้มากๆ เพราะถือว่าแม่น้ำเป็นหัวใจหลักของเมือง ใครอยากไปเที่ยวหรือย้ายไปใช้ชีวิตชิลๆ ที่นี่ล่ะก็ เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.townofmagnoliasprings.org/


Mackinac Island



     เกาะแมกคินอว์เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบฮูรอน ใกล้กับช่องแคบแมกคินอว์ คั่นระหว่างมลรัฐมิชิแกนตอนบนกับมลรัฐมิชิแกนตอนล่างค่ะ เกาะนี้เคยเป็นทั้งค่ายพักของนักสำรวจ และยังเคยเป็นป้อมปราการของชาวอังกฤษในช่วงสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกาด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็ผ่านอะไรมาเยอะมาก จนในที่สุดเมื่อถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เกาะแมกคินอว์ก็กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนตากอากาศ รวมถึงเป็นเขตอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติด้วย


     แต่ที่ทำให้เกาะนี้มีเอกลักษณ์มากๆ เลยคือการห้ามใช้ยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์ทุกชนิดบนเกาะค่ะ ยานพาหนะที่นิยมกันจึงเป็นจักรยาน มีร้านเช่าจักรยานหลายร้านบนเกาะ แต่ถ้าอยากซื้อจักรยานถูกๆ หน่อยก็ต้องนั่งเรือข้ามไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อไปซื้อที่ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างวอลมาร์ต จากนั้นก็แบกจักรยานขึ้นเรือกลับไปยังเกาะอีกที (พี่ทำมาแล้ว 555) แต่ถ้าอยากใช้บริการแท็กซี่หรือถ้าต้องขนของเยอะๆ บนเกาะก็มีรถม้าไว้บริการค่ะ ทุกคนจะเห็นกองอึของม้าอยู่บนถนนเป็นระยะๆ จนชินตา (แต่ก็ไม่ชินกลิ่นซักที) แต่ห้ามใช้รองเท้าติดล้อ โรลเลอร์สเก็ต หรือสเก็ตบอร์ดในเมืองนะคะ


     ประชากรที่อาศัยบนเกาะจริงๆ มีประมาณ 500 คนค่ะ ที่เหลือจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีวันละประมาณ 15,000 คน แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบรอบๆ เกาะจะเป็นน้ำแข็งทำให้เข้า-ออกจากเกาะไม่ได้ ชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงจะออกจากเกาะไปพักที่อื่นก่อนจะกลับมาอีกทีหลังน้ำแข็งละลาย แต่ก็มีหลายคนเลือกที่จะพักบนเกาะตลอดช่วงหน้าหนาวเช่นกัน ส่วนนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถไปเกาะได้เลยในช่วงหน้าหนาว

     เกาะนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการปั่นจักรยานลัดเลาะตามเขา การเดินป่า รวมไปถึงกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ส่วนของกินที่เป็นของฝากขึ้นชื่อของเกาะก็คือช็อคโกแลตฟัดจ์ค่ะ ขายกันแทบทุกบ้านเลย


     เป็นยังไงกันบ้างคะแต่ละเมือง ลักษณะดูไม่เหมือนเมืองในอเมริกาอย่างที่คิดเลยเนอะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมืองที่มีเอกลักษณ์แบบนี้หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวเมืองไหนก็ถ่ายภาพมาฝากกันด้วยนะคะ
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

สืบสั้นสั้น Member 8 มี.ค. 60 01:13 น. 1

น่าอยู่ทุกเมืองเลยค่ะ ทั้งภาพบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเรื่องพาหนะขับขี่ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย


0
กำลังโหลด
ปัณณ์22 Member 12 เม.ย. 60 02:01 น. 2

มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆค่ะ น่ารักทุกเมืองเลย

เมืองแรกชอบตรงมีทางรถกอล์ฟเข้าถึง ดูสบายๆ ไม่เร่งรีบ

เมืองที่สองให้ความรู้สึกอบอุ่นมากๆ

ส่วนเมืองที่สามแอบย้อนยุคนิดหนึ่ง แต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบค่ะ

0
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

สืบสั้นสั้น Member 8 มี.ค. 60 01:13 น. 1

น่าอยู่ทุกเมืองเลยค่ะ ทั้งภาพบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเรื่องพาหนะขับขี่ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย


0
กำลังโหลด
ปัณณ์22 Member 12 เม.ย. 60 02:01 น. 2

มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆค่ะ น่ารักทุกเมืองเลย

เมืองแรกชอบตรงมีทางรถกอล์ฟเข้าถึง ดูสบายๆ ไม่เร่งรีบ

เมืองที่สองให้ความรู้สึกอบอุ่นมากๆ

ส่วนเมืองที่สามแอบย้อนยุคนิดหนึ่ง แต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด