รักของเรามันต่างกัน! 6 กิจกรรมวาเลนไทน์หลายร้อยปีก่อนของชาวตะวันตกที่ไม่น่าเชื่อ

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com น้องๆ น่าจะเคยได้ยินที่มาของวันวาเลนไทน์กันมาบ้างแล้ว เรื่องราวโศกนาฏกรรมของนักบุญวาเลนไทน์ แต่จากวันนั้นจนถึงธรรมเนียมวาเลนไทน์ในทุกวันนี้ คงต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงระหว่างทางบ้านแหละ วันนี้ พี่พิซซ่า เลยจะพาน้องๆ ไปดูธรรมเนียมและกิจกรรมของคู่รักสมัยก่อนว่าทำอะไรในวันวาเลนไทน์กันบ้าง แต่ย้อนไปในระดับไม่กี่ร้อยปีก่อนก็พอ ไม่ได้ถึงขั้นเป็นพันปีค่ะ


ประวัติวันวาเลนไทน์


     ก่อนไปดูกิจกรรมของคู่รักเมื่อร้อยปีก่อน มาย้อนดูที่มาของ "วันวาเลนไทน์" กันซักนิดค่ะ จะได้เข้าใจว่าทำไมพี่ไม่พาย้อนไปเป็นพันปี

     ในศาสนาคริสต์ วันแต่ละวันจะมีนักบุญประจำอยู่ค่ะ อย่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ถือเป็นวันที่มีนักบุญวาเลนไทน์เป็นนักบุญที่ได้รับการยกย่องประจำวันนั้น จึงเรียกวันนั้นว่า Saint Valentine's Day (ต้องมี 's เสมอ เพราะเป็นวันแห่งนักบุญนั้นๆ) จริงๆ ในศาสนาคริสต์ยุคแรกๆ มีคนชื่อ "วาเลนไทน์" เยอะมากเลยนะคะ แต่คนที่ได้รับการยกย่องในวันที่ 14 กุมภาพันธ์คือ "วาเลนไทน์แห่งโรม" และ "วาเลนไทน์แห่งเทอร์นี"

     วาเลนไทน์แห่งโรมเป็นนักบวชอยู่ที่กรุงโรมค่ะ ท่านเสียชีวิตในปี 269 และถูกเพิ่มเข้าไปในปฏิทินแห่งนักบุญในปี 496 กะโหลกที่สวมมงกุฎดอกไม้ของท่านถูกจัดเป็นรีลิกสำคัญทางศาสนา และเป็นหนึ่งในรีลิกที่ผู้แสวงบุญต้องมาทำความเคารพในช่วงยุคกลาง ส่วนวาเลนไทน์แห่งเทอร์นีเป็นบิชอปแห่งเทอร์นีค่ะ ท่านเสียชีวิตในปี 273 ส่วนรีลิกของท่านเก็บไว้ที่เมืองเทอร์นี ฉะนั้นทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์จึงเป็นวันระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ทั้ง 2 ท่านนี้เป็นหลักค่ะ

     ส่วนฝั่งออร์โธด็อกซ์จะระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์แห่งโรมในวันที่ 6 กรกฎาคม และระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์แห่งเทอร์นีในวันที่ 30 กรกฎาคม


แล้วตำนานเกี่ยวกับความรักล่ะมาจากไหน


     สังเกตว่านักบุญวาเลนไทน์ทั้ง 2 ท่านเสียชีวิตช่วงปี ค.ศ. 200 ปลายๆ ใช่มั้ยคะ แต่ตำนานโศกนาฏกรรมที่เราเคยได้ยินกันเกิดหลังจากทั้ง 2 ท่านเสียชีวิตเป็นร้อยๆ ปีเลย

     ในช่วงศตวรรษที่ 5 หรือ 6 มีงานเขียนชิ้นนึงค่ะมีชื่อว่า Passio Marii et Marthae ได้ตีพิมพ์เรื่องราวการพลีชีพของนักบุญวาเลนไทน์ แต่ถ้าเทียบในยุคนี้ก็จะออกมาคล้ายๆ แฟนฟิคค่ะ คือเอาเรื่องราวความทรมาน การเสียสละ ความมีโชคหรืออับโชค และจุดจบของนักบุญวาเลนไทน์หลายๆ คน นักบุญอื่นอีกหลายคน รวมถึงคนธรรมดาชื่อวาเลนไทน์ในยุคนั้นมารวมๆ กัน โดยมีพื้นฐานตัวละครเดิมเป็นวาเลนไทน์แห่งโรมค่ะ  ซึ่งวิธีการรวมเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่ผิดในตอนนั้นนะคะ เพราะยุคนั้นงานเขียนเกี่ยวกับบุคคลสำคัญหลายคนก็ใช้วิธียืมเรื่องเด็ดๆ ของคนอื่นมารวมด้วยบ้างอยู่แล้วค่ะ

     พอถึงช่วงศตวรรษที่ 8 มีงานเขียนอีกชิ้นค่ะ ในเล่มนี้มีเรื่องเล่าที่เราน่าจะคุ้นหูอยู่ด้วยแล้ว นั่นคือเล่าว่านักบุญวาเลนไทน์ถูกจับเนื่องจากนับถือศาสนาคริสต์ เมื่อจักรพรรดิสอบสวนเป็นการส่วนตัวก็รู้สึกประทับใจและพยายามขอร้องให้นักบุญเปลี่ยนศาสนาเพื่อรักษาชีวิต แต่นักบุญวาเลนไทน์ปฏิเสธและจะโน้มน้าวให้จักรพรรดิเปลี่ยนมานับถือคริสต์แทน สุดท้ายเลยโดนประหารชีวิต


     และในศตวรรษที่ 13 ก็มีงานเขียนอีกชิ้น The Golden Legend ค่ะ เอาเรื่องจากศตวรรษที่ 8 มาเล่าต่ออีกทีว่าก่อนโดนประหาร นักบุญวาเลนไทน์ช่วยรักษาลูกสาวของผู้คุมในคุกให้ตาหายบอด และท่านก็เขียนจดหมายถึงลูกสาวผู้คุมโดยลงชื่อท้ายจดหมายว่า "Your Valentine" แทนที่จะเขียนแค่ชื่อตัวเองเฉยๆ

     ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงกับความรักชัดๆ ใช่มั้ยคะ ต้องข้ามมาที่ศตวรรษที่ 14 ค่ะ ยุคนั้นเป็นยุคที่แนวคิดของ "ความโรแมนติก" เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ จะมีการเกี้ยวพาราสีกันก่อนซึ่งจะมาในแนวอัศวินไปสู้รบหรือผจญภัยเพื่อสาวงามผู้เป็นที่หมายปอง ผู้ชายต้องเป็นลูกผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษและกล้าหาญ ส่วนผู้หญิงก็จะเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้จะเริ่มมีวรรณกรรมที่โยงวันวาเลนไทน์เข้ากับความโรแมนติกค่ะ ดังๆ เลยก็ผลงานของชอเซอร์ค่ะ

     แต่ถ้าชัดเจนที่สุดก็ต้องประมาณศตวรรษที่ 18 ค่ะ ที่มีธรรมเนียมการแสดงความรักผ่านสิ่งของ ทั้งมอบดอกไม้ ให้ขนม หรือเขียนการ์ดหวานๆ ให้กัน ทั้งหมดนี้ก็โยงกลับไปเข้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พร้อมกับตำนานของนักบุญวาเลนไทน์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลาจนกลายเป็นว่าท่านลงท้ายจดหมายเพื่อบอกลาคนรัก

     เล่าซะเพลินเลย เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หรืองานเขียนในช่วงเวลาที่นักบุญวาเลนไทน์มีชีวิตอยู่ ที่สามารถคอนเฟิร์มเรื่องราวความรักได้ค่ะ งานเขียนเหล่านี้เกิดขึ้นหลังท่านเสียชีวิตไปนานมากแล้ว แถมแต่เดิมนักบุญวาเลนไทน์ถือเป็นนักบุญแห่งฤดูใบไม้ผลิด้วย นักบุญแห่งความรักจริงๆ คือนักบุญแอนโธนี ที่วันของท่านคือวันที่ 13 มิถุนายน แต่ถึงอย่างนั้น เราย้อนไปดูยุคร้อยกว่าปีก่อนกันค่ะว่าในยุคที่เพิ่งมีค่านิยมเรื่องความโรแมนติกกัน ผู้คนทำอะไรให้กันในวันวาเลนไทน์บ้าง


6 กิจกรรมวันวาเลนไทน์ที่ผู้คนหลายร้อยปีก่อนนิยมกัน


1. มอบไข่นกกระทาให้คนที่คุณรัก


     ในสมัยยุคกลางของยุโรปมีตำนานว่าบรรดานกต่างๆ จะเลือกคู่กันในวันที่ 14 กุมภาค่ะ แถมบางที่มีตำนานเล่าต่อด้วยว่าถ้าสาวเห็นนกอะไรเป็นอย่างแรกในวันที่ 14 กุมภา ก็จะใช้นกพันธุ์นั้นทำนายถึงสามีในอนาคตได้ ในเมื่อมีอะไรเกี่ยวกับนกเยอะขนาดนี้ การมอบไข่นกกระทาให้คนที่ชอบก็เป็นวิธีแสดงความรักเหมือนมอบช็อคโกแลตในยุคนี้ค่ะ มอบไข่แล้วฝ่ายหญิงก็นำไข่ไปทำอาหารมากินร่วมกันอีกที เพราะยุคนั้นไข่นกกระทาถือเป็นของที่ไม่ได้มีโดยทั่วไป ถ้าได้กินร่วมกันก็จะทำให้รักเบ่งบาน


2. มอบยาเสน่ห์ที่ทำจากไส้เดือนบด


     สมัยยุคกลางก็มีการใช้ยาเสน่ห์ค่ะ ซึ่งสูตรทำยาส่วนมากก็จะง่ายๆ เอาของที่มีในครัวทั่วไปมารวมๆ กัน แต่มีสูตรนึงในสมัยศตวรรษที่ 16 ที่อาจจะแหวกแนวซักนิดค่ะ นั่นคือเอาไส้เดือนมาทุบๆ ให้ละเอียดแล้วผสมกับกระเทียมต้นจนกลายเป็นยา จากนั้นก็นำไปให้คนรักหรือคนที่หลงรักกิน รสชาติดูไม่น่าจะทำให้ใครมาหลงรักได้เลยนะคะ แต่รสนิยมทางการกินสมัยนั้นอาจจะไม่เหมือนตอนนี้ก็ได้


3. มอบการ์ดที่เขียนบนผ้าลูกไม้


     การ์ดป๊อปอัพมีไฟวิ๊งๆ พร้อมเพลงเพราะๆ ในยุคนี้ดูธรรมดาไปเลยค่ะเมื่อเทียบกับการ์ดในสมัยวิคตอเรีย (ศตวรรษที่ 19) ยุคนั้นนิยมใช้ผ้าซาตินหรือผ้าลูกไม้ในการเขียนจดหมาย หนุ่มๆ แต่ละคนเขียนถึงสาวที่รักอย่างตั้งใจสุดๆ พร้อมประดิดประดอยตกแต่งการ์ดผ้าได้เว่อร์วังมากๆ เลยด้วย บางคนวาดรูปสาวลงไปบนผ้าด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ยากสุดๆ เลยค่ะ พลาดทีนึงผ้าเลอะและส่งให้คนรักไม่ได้แน่นอน นับถือความพยายามเลย (แต่หลังๆ ก็มีการ์ดสำเร็จรูปขาย โดยเว้นที่ว่างให้หนุ่มๆ เติมเฉพาะข้อความเอง)


4. ให้ดินเหนียวทำนายกัน


     สมัยก่อนมีวิธีเสี่ยงทายหาเนื้อคู่มากมายค่ะ (ทุกวันนี้ก็ยังมากมายเหมือนเดิม 555) หนึ่งในวิธีที่น่าสนใจในช่วงศตวรรษที่ 18 คือวิธีดินเหนียวเสี่ยงทายค่ะ วิธีก็คือให้เขียนชื่อเพื่อนและคนที่เราเล็งๆ ไว้อยู่ ขอหลายๆ คนเลยนะคะ จากนั้นเอาดินเหนียวมาปั้นครอบกระดาษชื่อแต่ละคนให้มิดค่ะ พยายามทำให้ดินเหนียวแต่ละก้อนมีขนาด รูปทรง และน้ำหนักเท่าๆ กันนะคะ อย่าโกง! แล้วก็ทิ้งไว้ให้แห้งจนเป็นลูกบอลแข็งๆ เสร็จแล้วก็โยนลงน้ำพร้อมกันทุกลูก ถ้าลูกไหนลอยขึ้นมาข้างบนก่อนก็แปลว่าคนนั้นคือคนที่เราจะได้แต่งงานด้วยค่ะ ลองกันเลยมั้ย 5555


5. จัดปาร์ตี้วาเลนไทน์ประดับตะเกียงหัวผักกาด


     ปาร์ตี้วาเลนไทน์มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลางแล้วค่ะ โดยไฟประดับในงานปาร์ตี้จะนำต้นหัวผักกาด (turnip) มาคว้านข้างในออกแล้วจุดเทียนไว้ในนั้นเพื่อใช้แทนตะเกียง คิดว่าแสงไฟที่ออกมาน่าจะสีสวยและสร้างบรรยากาศความโรแมนติกได้ดี ผู้เข้าร่วมงานจะมาเป็นคู่หรือมาหาคู่ในงานก็ได้ ทุกคนก็จะแต่งตัวจัดเต็มกัน และมักสวมเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับความรักมาด้วย เช่นเสื้อผ้าเย็บลายหัวใจ เข็มกลัดรูปเครื่องหมายนิรันดร์ หรือลายปักเป็นข้อความเกี่ยวกับความรัก อาหารในงานก็จะเป็นอาหารที่เชื่อกันว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์รักและหลงใหลด้วยค่ะ ส่วนกิจกรรมในงานก็มีเกมจับคู่ด้วยนะ


6. เล่นเกมจับคู่ผสมเล่นบัดดี้


     น้องๆ น่าจะคุ้นเคยกับการเล่นบัดดี้อยู่แล้วเนอะ ที่ให้เราจับฉลาก ถ้าได้ชื่อใครเราก็คอยเทคแคร์คนนั้นไปเรื่อยๆ สมัยก่อนก็มีเกมแนวนี้ค่ะแต่จะออกแนวเกมจับคู่ซะมากกว่าค่ะ ว่ากันว่าอาจมีมาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เจอหลักฐานชัดๆ ย้อนไปถึงแค่สมัยศตวรรษที่ 17 วิธีการคือจะเขียนชื่อทุกคนที่ร่วมเล่นเกมนี้ไว้ จากนั้นแยกเป็นกล่องชื่อผู้ชาย กับกล่องชื่อผู้หญิง แล้วแต่ละคนก็จับสุ่มจับชื่อเพศตรงข้ามขึ้นมา แต่ก็มีความงงๆ หน่อยตรงที่ตกลงจะให้จับคู่กับใครกันแน่

     สุดท้ายด้วยความที่เป็นสังคมชายเป็นใหญ่ เลยกลายเป็นว่าฝ่ายชายมักเป็นคนตามดูแลผู้หญิงที่ตัวเองจับชื่อได้อยู่ฝ่ายเดียว ก็ตามเทคแคร์ไปเรื่อยๆ ชอบและอาจได้ลงเอยแต่งงานกันจริงๆ แต่ก็มีบางเคสที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเทคแคร์ผู้ชายที่ตัวเองจับชื่อได้ และสุดท้ายก็ได้แต่งงานกันค่ะ


     บางธรรมเนียมก็ดูน่าสนใจนะคะ อย่างเขียนการ์ดบนผ้าลูกไม้ก็ทำให้เห็นความพยายามและตั้งใจของเขาเอามากๆ เลย แต่ยาเสน่ห์ไส้เดือนบดนี่คือดีแล้วค่ะที่เลิกฮิตแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ส่วนตอนนี้พี่ขอตัวไปลองใช้วิธีดินเหนียวเสี่ยงทายก่อนนะคะ แต่ใช้ดินน้ำมันแล้วมันจะเวิร์กเหมือนกันมั้ยเนี่ย 55555


อ้างอิง
www.bustle.com, time.com
www.dailymail.co.uk, www.bbc.co.uk
www.history.com, www.christianitytoday.com,books.google.co.uk
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น