รู้จัก ‘Alter Ego’ การสร้างตัวตนใหม่อีกเวอร์ชัน เพราะเขาคนนั้นก็คือฉันอีกคน!

สวัสดีค่ะชาว Dek-D เชื่อว่าหลายคนเคยตกอยู่ในภาวะประหม่า กังวล ไม่มั่นใจเมื่อต้องยืนท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่เรา เช่น การพรีเซนต์งานหน้าห้อง การนำเสนอในที่ประชุม หรือกิจกรรมใดก็ตามที่ต้องอาศัยความกล้าแสดงออก บางคนเลือกแก้ปัญหาโดยการหายใจเข้าลึกๆ บ้างก็ปลีกวิเวกไปทำสมาธิเงียบๆ คนเดียว หรือไม่ก็เลี่ยงสถานการณ์นี้ไปซะเลย

แล้วถ้าเป็นดาราศิลปินที่ต้องแสดงต่อหน้าผู้ชมนับพันนับหมื่นล่ะ? พวกเขามีวิธีรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ยังไง? การหายใจเข้าลึกๆ ที่เราใช้จะได้ผลสำหรับเขารึเปล่า? ครั้งนี้พี่มายมิ้นท์ก็เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Alter ego แนวคิดทางจิตวิทยาที่เป็นกุญแจสำคัญเสริมสร้างความมั่นใจกันค่ะ เค้าทำกันอย่างไร และจะมีอะไรน่าสนใจบ้างเรามาติดตามกันเลย // แอบกระซิบว่าศิลปินระดับหลายคนใช้วิธีนี้และผลลัพธ์ก็ปังมากเลยนะคะ ><

Photo by Craig Whitehead on Unsplash
Photo by Craig Whitehead on Unsplash

  ‘Alter ego’  = ตัวเราในเวอร์ชันที่อัปเกรดแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้พี่มายมิ้นท์ได้มีโอกาสอ่านบทความแนวจิตวิทยาของ BBC นักจิตวิทยาหลายท่านกล่าวว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์จะมีตัวตนอีกด้านหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับความรู้สึกเครียด กังวล หรือประหม่า โดยเฉพาะสถานการณ์ที่มีผู้คนมากมายจับจ้อง แนวคิดดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกว่า alter ego

Photo by Giulia Bertelli on Unsplash
Photo by Giulia Bertelli on Unsplash

คุณเรเชล ไวต์ (Rachel White) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจาก Hamilton College ของสหรัฐฯ กล่าวว่า alter ego เป็นขั้นกว่า self-distancing (การเว้นระยะห่างจากตัวตนเดิม) ซึ่งก็คือการละทิ้งตัวตนและความรู้สึกของเราชั่วขณะหนึ่งเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ที่สร้างความยากลำบาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสมมติตัวตนของเราขึ้นมาใหม่เพื่อให้เลิกยึดติดกับวิธีการคิดแบบเดิมๆ รวมถึงเสริมสร้างความมั่นใจและทัศนคติใหม่ๆ เข้าไปนั่นเองค่ะ 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนที่ดูมีบุคลิกเงียบๆ พูดไม่เก่ง พอลองขึ้นแสดงละครเวทีกลับตีบทแตกกระจุยอย่างกับคนละคน แถมบางคนยังสลับโหมดกลับไปมาระหว่างตัวตนจริงกับ alter ego ได้ด้วย

“การละทิ้งตัวตนเดิมชั่วคราวจะทำให้เรามีมุมมองใหม่ๆ ต่อสถานการณ์ที่ยากจะรับมือ อีกทั้งยังสามารถลดความเครียด เพิ่มความอดทนให้กับงานที่ท้าทาย และสร้างความมั่นใจให้เราอย่างเห็นได้ชัด” 

- ราเชล ไวต์ -

 Alter ego กับทฤษฎี Batman effect 
“ลองสมมติว่าเราเป็น Superhero ดูสิ”

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

ในปี 2016 สเตฟานี คาร์ลสัน (Stephanie Carlson) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cognitive Development จาก the Institute of Child Development ได้ทดสอบระดับสมาธิของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งก็คือเด็กอายุ 5 ปี โดยให้ลองทำ 'ภารกิจสำคัญ'  บางอย่างที่ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับเด็กวัยนี้ และพวกเขาจะได้รับรางวัลเมื่อทำภารกิจสำเร็จ

ในการทดลองได้แบ่งกลุ่มเด็กๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเด็กที่ทำการทดสอบด้วยการให้คิดว่า ‘ตัวฉันกำลังทำอะไร?’ และ ‘ฉันทำได้ดีหรือยัง?’ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้ลองสมมติว่าตัวเองเป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโรที่ชอบ อย่างเช่น ‘แบตแมน’ และให้คิดว่า ‘แบตแมนควรทำอย่างไรหากเจอเรื่องน่าเบื่อแบบนี้?’ ซึ่งก็คือการนำเอา alter ego มาใช้นั่นเองค่ะ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

ผลปรากฏว่าเด็กๆ ที่รับบทเป็นแบตแมนสามารถจดจ่ออยู่กับกิจกรรมได้มากกว่า อีกทั้งยังทำภารกิจสำเร็จได้ก่อนเด็กอีกกลุ่ม ดังนั้นนักจิตวิทยาจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘Batman effect’ ทั้งยังกล่าวอีกว่าการที่เราสวมบทบาทเป็นคนอื่นซึ่งแตกต่างจากตัวเรานั้นจะส่งผลต่อกระบวนการคิดและแก้ปัญหาของเรา ตัวเราคนเดิมอาจจะเคยมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก แต่เมื่อลองละทิ้งตัวตนเดิมออกไปเรื่องนี้อาจจะง่ายขึ้นมาก และยิ่งตัวตนใหม่ที่เราสร้างขึ้นมีความมั่นใจหรือแนวคิดที่ดีก็จะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้ดีขึ้นอีก

......................

มาอัปเกรดเวอร์ชันใหม่ของ ‘เรา’ กันเถอะ!

สำหรับใครที่อยากลอง ‘รับบท’ ใหม่ๆ หรืออยากลองครีเอตตัวตนเอาไว้รับมือกับสถานการณ์ยากๆ บ้าง นักจิตวิทยาเขาก็แนะนำวิธีมา 3 วิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

1.  อยากเป็นใครให้ลองตั้งชื่อ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

ถ้าอยากเลี่ยงความรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือความประหม่า ลองมองหาคาแรกเตอร์หรือบทบาทที่ชอบเพื่อมาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วตั้งชื่ออีกตัวตนของเราขึ้นมา จากนั้นก็ลองแทนตัวเองด้วยชื่อใหม่ดู วิธีนี้จะช่วยให้เราก้าวข้ามความรู้สึกเดิม เหมือนกับหลอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ตัวฉัน แต่เป็นใครอีกคนที่กล้าแสดงออกและมั่นใจมากๆ ต่างหากล่ะ “เรื่องแค่นี้สำหรับฉันมันง่ายนิดเดียว!” 

2. อย่าลืมเลือกพลังพิเศษด้วยล่ะ

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

สร้างตัวตนใหม่ทั้งทีก็ต้องมีอะไรแตกต่างจากเราเวอร์ชันเดิมด้วย ดังนั้นขั้นตอนต่อไปคือการเลือกทักษะความสามารถที่เรายังขาดไป เช่น ถ้าเป็นคนไม่มีความมั่นใจ ตัวตนใหม่นี้ก็ควรจะเป็นคนที่มีความมั่นใจมากๆ หรือถ้าเราเป็นคนอดทนไม่ค่อยเก่งก็ให้ครีเอตตัวเราอีกคนที่มีความอดทนกับเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการชดเชยสิ่งที่เรายังขาดอยู่นั่นเองค่ะ

3. บทบาทใหม่ต้องใช้ให้ถูกเวลา

Photo  credit:  www.unsplash.com
Photo  credit:  www.unsplash.com

แต่อย่าลืมว่าคนเราไม่ได้เจอสถานการณ์เหมือนกันทุกวัน นักจิตวิทยาแนะนำว่าเราควรสวิตช์ปุ่มบทบาทให้ถูกเวลา ควรกำหนดว่าจะใช้ alter ago ที่เราสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ สถานการณ์ไหน เพื่อป้องกันความสับสนนั่นเองค่ะ

......................

รวม 5 เซเลบริตีที่มี alter ego สุดปัง!

 

1. I am Sasha Fierce:
ตัวตนสุดเฟียสของ Beyoncé

Photo  credit:  www.theguardian.com
Photo  credit:  www.theguardian.com

เซเลบตัวแม่ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ Beyoncé ศิลปินผู้มีเสียงอันทรงพลัง ในปี 2008 เธอก็ปล่อยอัลบั้มที่มีชื่อว่า I am Sasha Fierce ออกมาและก็ดังเป็นพลุแตกชนิดที่ใครๆ ก็รู้จัก ส่วนเหตุผลที่ตั้งชื่ออัลบั้มแบบนี้ก็เพราะว่า Sasha Fierce คือ alter ego หรืออีกตัวตนหนึ่งของสาว Beyoncé นั่นเองค่ะ 

ซึ่งก็หมายความว่าตลอดเวลาที่แสดงเพลงนี้ คนที่เราเห็นผ่านหน้าจอไม่ใช่ Beyoncé แต่เป็น Sasha เพราะจะเห็นว่าบุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันมากทีเดียวค่ะ และแน่นอนว่า Sasha ก็ทำให้เพลงฮิตอย่าง Single ladies กลายเป็นภาพจำของหญิงสาวสุดแซ่บยืนหนึ่งในวงการ ไม่ว่าจะมีผู้ชมจับจ้องมากมายแค่ไหนก็ไม่มีคำว่าประหม่า เรียกได้ว่าเธอพกความมั่นใจมาเกินร้อยจริงๆ ค่ะ

2. Sasha Carter: 
ตัวตนของ Adele ที่มาจาก 2 คน!

Photo credit:  www.independent.ie
Photo credit:  www.independent.ie

ต่อกันที่นักร้องเจ้าแม่ R&B อีกคนที่เป็นเจ้าของรางวัล Grammy Award ซึ่งก็คือ Adele เจ้าของเพลงฮิตอย่าง Rolling in the deep, Someone like you และ Hello เธอมี alter ego ที่ค่อนข้างพิเศษเลยทีเดียวค่ะ โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากตัวตน Sasha Fierce ของ Beyoncé และ June Carter ซึ่งเป็นนักร้องแนวเพลงคันทรีชื่อดังในยุค 60s เธอได้กล่าวว่า

“ฉันได้พบกับบียอนเซ ขณะที่ฉันก็อยู่ในภาวะเครียดอย่างหนัก แล้วบียอนเซก็บอกกับฉันด้วยท่าทางมั่นใจว่า ‘เธอเก่งมาก! ตอนที่ฉันฟังเธอร้องเพลงน่ะเหมือนฟังเสียงจากพระเจ้าเลยนะ’ คุณเชื่อมั้ยหลังจากได้ฟังคำนั้นฉันเดินออกไปร้องไห้ที่ระเบียงเลย ร้องไห้หนักมากๆค่ะ...แล้วฉันก็พูดว่าถ้าเป็นซาชา เฟียส (alter ego ของบียอนเซ) จะทำยังไงนะ? ตั้งแต่วันนั้น ซาชา คาร์เตอร์ (Sasha Carter) ของฉันก็เกิดขึ้นมา” 

-  อเดล -

3. Jo Calderone: 
เขาคือ Lady Gaga เวอร์ชันผู้ชาย

Photo  credit: www.vogue.it
Photo  credit: www.vogue.it

Lady Gaga ก็เป็นหนึ่งในศิลปินแถวหน้าของโลกดนตรีสากลและมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะแนวแฟชันการแต่งตัวของเธอเรียกว่ายืนหนึ่งในวงการเลยก็ว่าได้ ในปี 2010 เลดี้ กาก้า ก็ได้ฉีกกรอบของวงการแฟชันโลกอีกครั้งเมื่อเธอเปลี่ยนเป็น โจ คาล์เดอโรน (Jo Calderone) ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์และความลึกลับ alter ego ของเธอที่ชื่อว่าโจ ปรากฏในนิตยสาร the Vogue Hommes Japan: volume 5 จนกลายเป็นที่ฮือฮากันไปทั้งโลกโซเชียลเลยทีเดียวค่ะ โดยกาก้าให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสารในปี 2011 เอาไว้ว่า

“ในวัฒนธรรมที่พยายามจะตีกรอบคำว่าความสวยงาม ด้วยการมองแค่รูปลักษณ์จนเกือบจะคำนวณออกมาเป็นตัวเลข ทำไมเราไม่เปลี่ยนมันซะล่ะ? เปลี่ยนด้วยมายเซ็ตที่ยืดหยุ่นและลองกลับมุมมองของโลกความงามดู ฉันถามตัวเองแบบนี้แล้วเขา (โจ คาล์เดอโรน) ก็เกิดขึ้นมา”

4. Roman Zolanski: 
ตัวตนสุดโหดของ Nicki Minaj

Photo  credit:  www.zimbio.com
Photo  credit:  www.zimbio.com

ต่อกันที่ Alter ego ของแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง นิกกี้ มินาจ (Niki Minaj) เธอมีอีกตัวตนหนึ่งคือ โรมาน โซลานสกี (Roman Zolanski) ซึ่งเป็นผู้หญิงข้ามเพศ หรือ transgender ชาวลอนดอน และสื่อถึงความดุดันรวมถึงโกรธเกรี้ยวของเธอ อาจเรียกได้ว่าเป็นด้านมืดของตัวนิกกี้เลยก็ได้ โดยตัวตนนี้ปรากฏครั้งแรกในเพลง Roman Holiday ซึ่งคำว่า Roman ในชื่อเพลงก็มาจากชื่อตัวตนของเธอนั่นเอง 

นอกจากนี้ตัวตนโรมานก็ยังปรากฏในหลายๆ ผลงานเพลงของนิกกี้ เช่น Roman's Revenge", "Roman Holiday", "Roman Reloaded", "Stupid Hoe" เรียกได้ว่าตัวตนนี้พาเธอไปสู่จุดสูงสุดของเส้นทางอาชีพศิลปินเลยทีเดียวค่ะ

5. Agust D: 
ปลดปล่อยความฝันไปกับตัวตนของ Suga (BTS)

MV  เพลง  대취타
MV  เพลง  대취타

เมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ชูก้า หรือ Suga วง BTS ก็ปล่อยเพลงใหม่ที่ชื่อว่า  แทชวีทา (대취타) โดยใช้ชื่อศิลปินว่า Agust D หลังจากฝากผลงานสุดปัง mixtape ที่ปล่อยมาเมื่อปี 2016 หนุ่มชูก้าเคยให้สัมภาษณ์ว่าได้ชื่อนี้มาจากการกลับตัวอักษร DT Suga ชื่อที่ใช้ตอนอยู่วง D Town สมัยที่เคยอยู่เมืองแทกู และเขาอยากจะเผยให้เห็นตัวตนอีกด้านที่แตกต่างจากเดิมแต่ยังคงความตรงไปตรงมาของความรู้สึกอยู่ เพราะปกติแล้วหลายๆ คนอาจจะมองว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก Agust D จึงสื่อถึงความมีชีวิตชีวา ความฝัน และแพสชันในเสียงดนตรีของชูก้า อีกทั้งเพลงแทชวีทาก็เป็นการผสมผสานระหว่างแนวเพลงใหม่กับวัฒนธรรมของเกาหลีได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกการันตีด้วยยอดวิวใน YouTube มากถึง 183 ล้านวิวเลยทีเดียวค่ะ! 

 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวเกี่ยวของ alter ego ในทางจิตวิทยาถือว่าเป็นการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดีมากเลยล่ะค่ะ แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการถูกที่ถูกเวลาด้วย สำหรับใครที่รู้สึกประหม่า ขาดความมั่นใจ หรือไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนยังไง พี่มายมิ้นท์ก็แนะนำให้ลองนำ alter ego ไปปรับใช้กันดูนะคะ บางทีการคิดว่าเราเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความมั่นใจมากกว่าเดิม ฉีกกรอบความคิดที่บอกว่า ‘เราทำไม่ได้’ อาจจะพาเราไปสู่โอกาสดีๆ อีกมายมายเลยก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องราวในครั้งหน้าจะเป็นอะไร ฝากติดตามได้ที่เว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ ของ Dek-D นะคะ ^^

 

Source:https://www.theguardian.com/music/2018/aug/06/beyonce-reveals-she-is-descended-from-a-slaveowner https://www.bbc.com/worklife/article/20200817-the-batman-effect-how-having-an-alter-ego-empowers-you https://www.independent.ie/opinion/comment/adele-sings-out-the-positives-of-weighty-subject-39694972.html https://www.vogue.it/en/people-are-talking-about/obsession-of-the-day/2010/08/jo-calderone-who-s-that-boy https://www.zimbio.com/The+Best+Celebrity+Alter+Egos/articles/uVNl8t4yWRr/Nicki+Minaj+Roman+Zolanski https://unsplash.com/photos/NaTzgXieUlohttps://unsplash.com/photos/Ak5c5VTch5Ehttps://unsplash.com/photos/OLzlXZm_mOwhttps://unsplash.com/photos/lMLG68e4wYkhttps://unsplash.com/photos/meqVd5zwylI https://unsplash.com/photos/p6rNTdAPbukhttps://unsplash.com/photos/E72ZUYd6VoY 
พี่มายมิ้นท์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น