สุดปัง! “ซ่งอู๋ซวง” นักศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้า เขียนนิยายเป็นโปรเจ็กต์จนขึ้นไปติดท็อป 1 ของทุกหมวด!

 

ช่วงที่ผ่านมาใครเปิดดูท็อปนิยายเด็กดีและท็อปนิยายขายดีประจำสัปดาห์ จะเห็นว่านิยายเรื่อง “การกลับมาของคุณหนูเจ็ด” ที่เขียนโดย “ซ่งอู๋ซวง” กำลังสนุกและมาแรงแซงทางโค้งสุดๆ เผลอแป๊ปๆ ก็ขึ้นไปติดท็อปอันดับ 1 ของทุกหมวดแล้ว! 

ทว่าจะมีใครรู้บ้างว่า นี่คือผลงานของ “น้องฟ้าใส” นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า นักเขียนมือใหม่วัย 19 ปี ที่มาเขียนนิยายเป็นโครงงานพัฒนาตัวเอง เพราะอยากต่อยอดความฝันการเป็นนักเขียนในวัยเด็กของเธอให้เป็นจริง ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ก็มีการวัดผลประเมินผลด้วยเหมือนกัน ทำให้น้องฟ้าใสตั้งใจวางพล็อต และวางแผนเขียนนิยายอย่างจริงจัง จนทำให้นิยายเรื่อง “การกลับมาของคุณหนูเจ็ด” ขึ้นไปติดท็อปอันดับ 1 ของทุกหมวด และยังติดท็อปนิยายขายดีประจำสัปดาห์ได้อีกด้วย! (ข้อมูลวันที่ 20 มิถุนายน 2565)

อ่านถึงตรงนี้ต้องมีคนร้องว้าวอยู่ในใจแน่นอน สงสัยกันใช่ไหมว่านักศึกษาสาวคนนี้ เธอทำยังไงถึงเขียนนิยายได้สนุกและขึ้นไปติดท็อปได้ขนาดนี้ มาค่ะ ไปทำความรู้จักนักเขียนมือใหม่คนนี้ พร้อมเรื่องราวดีๆ ที่เธอนำมาแชร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟในบทสัมภาษณ์นี้กันเลย!

ทำโครงงานแต่งนิยาย
เพราะอยากพัฒนาฝีมือตัวเอง

สวัสดีค่ะ ชื่อฟ้าใสนะคะ อายุ 19 ปี นามปากกา “ซ่งอู๋ซวง” ค่ะ เขียนนิยายเรื่อง “การกลับมาของคุณหนูเจ็ด” อยู่ค่ะ ตอนนี้ฟ้ากำลังเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าค่ะ

การเขียนนิยายเป็นทั้งความฝันและงานอดิเรกเลยค่ะ ฟ้าเป็นคนชอบอ่านนิยาย อ่านมาตั้งแต่เด็ก พออ่านมากเข้าก็อยากมีนิยายเป็นของตัวเอง เลยลองถ่ายทอดเรื่องราวออกมาดูค่ะ ฟ้าเริ่มคิดพล็อตนิยายเป็นของตัวเองมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว แต่ไม่ได้เขียนเนื้อหาจริงจัง เพิ่งเริ่มเป็นนักเขียนเต็มตัว มีการอัพนิยายลงบนเว็บจริงๆ เมื่อ 2 เกือนก่อนนี้เองค่ะ

จุดเริ่มต้นของนิยายเรื่อง “การกลับมาของคุณหนูเจ็ด” เริ่มมาจากในช่วงเปิดเทอมภาคการเรียนที่ 2 อาจารย์ที่มหาลัยได้สั่งงานให้เราทำโครงงานพัฒนาตนเอง เกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ ฟ้านึกขึ้นได้ว่าตัวเองพอจะเขียนนิยายได้ เลยเลือกที่จะทำโครงงานพัฒนาตนเองโดยการพัฒนาฝีมือการเขียนนิยายแบบจริงๆ จังๆ ฟ้าเลยตัดสินใจเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ  

 

กว่าจะเป็นนิยายเรื่อง 
“การกลับมาของคุณหนูเจ็ด”
ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

นิยายเรื่องแรกที่ฟ้าเขียน เคยเขียนเมื่อตอนอายุ 12 ขวบเลยค่ะ ช่วงนั้นอยากลองเขียนนิยายของตัวเองบ้าง ถึงจะเขียนได้ไม่กี่ตอน แต่ยอมรับเลยว่าเป็นการเริ่มต้นที่ยากมาก เพราะการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งต้องเรียบเรียงถ้อยคำให้คนอ่านเข้าใจ ทั้งการเกลาให้อ่านลื่นไหล ไม่ติดขัด ต้องใช้เวลาฝึกและวินัยพอสมควร จึงจะสามารถเขียนออกมาให้ดีได้ค่ะ แต่เพราะช่วงนั้นฟ้ายังเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ สุดท้ายจึงเขียนได้เพียง 5 ตอนแล้วล้มเลิกไป

แต่พอได้มาทำโครงงานนี้ มีการวัดผลประเมินจากการเก็บสถิติยอดผู้เข้าชม ผู้ติดตาม และคอมเมนต์จากนักอ่านทุก 2 วัน  นิยายเรื่องนี้จึงเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฟ้าคิดพล็อตเลยค่ะ มีการวางแผนจริงจัง และเผยแพร่ลงบนเว็บเป็นเรื่องแรกเลย 

นิยายเรื่อง การกลับมาของคุณหนูเจ็ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงงานพัฒนาตัวเอง
นิยายเรื่อง การกลับมาของคุณหนูเจ็ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงงานพัฒนาตัวเอง

ไอเดียและการวางพล็อต

ไอเดียก็มาจากการที่ฟ้าอ่านนิยายแนวดราม่า แก้แค้นแบบนี้เยอะมาก และคิดว่าทำไมนางเอกหลายเรื่องถึงไม่ย้อนกลับมาในวัยเด็กบ้าง? ฟ้าเลยเริ่มคิดว่า ถ้าหากนางเอกย้อนกลับมาในวัยเด็กก็จะมีโอกาสทำอะไรได้หลายอย่าง เป็นต้นทุนชีวิตในเรื่องของเวลาได้ เลยเป็นไอเดียให้ฟ้าเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ

ตอนเริ่มเขียนฟ้าจะวางพล็อตไว้คร่าวๆ ว่านิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร เนื้อหาโดยรวมจะเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้ระหว่างเขียนเนื้อหาไขว้เขว แต่ก็ไม่ได้วางพล็อตละเอียดขนาดนั้นค่ะ มีบ้างที่เนื้อหาบางตอนไทม์ไลน์สับสน แต่ฟ้าก็พยายามปรับแก้ไปทีละจุดให้ดูสมเหตุสมผลขึ้น 

แพลนการเขียนและการอัพนิยาย

ส่วนแพลนในการเขียน พอฟ้าวางเนื้อเรื่องคร่าวๆ ในส่วนของเหตุการณ์สำคัญแล้ว ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ ก็มีการด้นสดบ้างเพื่อเขียนบรรยายเชื่อมเรื่องราว แล้วฟ้าจะวางแพลนไว้เสมอว่าจำนวนคำต่อหนึ่งตอนจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 คำ หรือ 12,000 คำโดยเฉลี่ย เพื่อให้เนื้อหายาวกำลังพอดี ให้คนอ่านไม่รู้สึกว่าสั้นเกินไปค่ะ

ช่วงที่แต่งนิยาย ก็อิงจากชีวิตประจำวันของฟ้าเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเริ่มเรียนคาบแรกที่ 9 โมง เพราะงั้นฟ้าจะตื่นมาตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ เพื่อมาเขียนนิยายค่ะ การได้เขียนนิยายช่วงเช้าๆ สมองจะปลอดโปร่งมาก ทำให้คิดอะไรได้ลื่นไหล บางวันอาจเขียนได้เลย 1 ตอนก่อนไปเรียน บางวันก็ได้ครึ่งตอน พอไปเรียนกลับมาหอ ฟ้าจะทำธุระต่างๆ ให้เสร็จ 

แล้วพอช่วง 3 ทุ่มจะเริ่มเขียนนิยายอีกครั้งจนถึงช่วงเที่ยงคืนค่ะ ถ้าวันไหนหัวลื่นไหลก็อาจเขียนได้วันละ 3 ตอน แต่ถ้าปกติก็ 1-2 ตอน ซึ่งฟ้ากำหนดไว้ว่าจะอัพมากสุดวันละ 2 ตอน ส่วนตอนที่เขียนได้ที่เหลือจะเขียนเก็บไว้อัพในวันที่เราติดธุระจนไม่มีเวลาเขียนตอนใหม่ เราจะได้นำตอนที่เขียนเก็บไว้ก่อนหน้านี้มาอัพ เพื่อไม่ให้นักอ่านขาดช่วงค่ะ

อุปสรรคที่นักเขียนมือใหม่ต้องเจอ

ฟ้ายอมรับว่าเคยมีช่วงที่เครียด ที่กดดันตัวเองค่ะ เพราะฟ้าเป็นมือใหม่ เพิ่งเคยลงนิยายแบบจริงจังเรื่องแรก ฟ้าเองก็กลัวว่านิยายของฟ้าจะไม่สนุก กลัวคนอ่านจะเบื่อ หรือกลัวคนอ่านจะรู้สึกไม่คุ้มค่ากับการเสียเหรียญเพื่ออ่านนิยายเรื่องนี้ ฟ้าเลยพยายามพัฒนาตัวเองตลอด ถ้าเมื่อไหร่ที่มีคนแนะนำหรือติอะไร ฟ้าก็จะนำคำวิจารณ์พวกนั้นไปปรับปรุงเสมอ อาจมีบ้างที่น้อยใจ แต่แป็ปเดียวก็หาย แล้วนำคำติเหล่านั้นไปพัฒนาฝีมือการเขียนให้ดีขึ้น เพื่อให้นักอ่านมีความสุขและอยากติดตามนิยายเราต่อค่ะ

อีกเรื่องคือ เขียนนิยายไม่ทันอัพค่ะ ฟ้าเห็นนักอ่านรออยากอ่านฟ้าก็เข้าใจเลยอยากจะอัพทุกวันวันละหลายๆ ตอน แต่ทีนี้ฟ้าต้องเรียนด้วย ทำกิจกรรมด้วย ทำให้มีเวลาเขียนนิยายน้อย บางวันก็ติดธุระอัพไม่ได้ ฟ้าก็มีเครียด เพราะฟ้ารู้ว่าคนอ่านรอเยอะ แต่พอฟ้าไม่ได้อัพลงวันไหนหรืออัพน้อยไม่ได้ตามที่ตั้งใจ ก็เลยกังวลกลัวว่านักอ่านจะผิดหวัง 

ต่อมาพอฟ้าได้พูดคุยกับนักอ่านที่ติดตามหลายท่าน ได้อ่านคอมเมนต์ให้กำลังจากนักอ่านหลายคน ฟ้าเลยคิดได้ว่าบางทีที่ตัวเราไม่ว่างจริงๆ ก็สามารถมาชดเชยทีหลังได้ ถ้านิยายเราสนุก คนที่ติดตามเราย่อมไม่หายไปไหนแน่นอน แต่หากเราฝืนตัวเองจนล้มป่วยไปหลายวัน คนอ่านเองก็คงต้องรอนานกว่าเดิม เพราะงั้นฟ้าเลยตัดสินใจทำเท่าที่ไหว อัพเท่าที่ไหวและมีการเขียนสำรองเผื่ออัพในวันที่ติดธุระเอาค่ะ

นิยายเรื่อง การกลับมาของคุณหนูเจ็ด ติดท็อปอันดับ 1 ของหมวด (ข้อมูลวันที่ 20 มิถุนายน 2565)
นิยายเรื่อง การกลับมาของคุณหนูเจ็ด ติดท็อปอันดับ 1 ของหมวด (ข้อมูลวันที่ 20 มิถุนายน 2565)

ฟีดแบ็กหลังจากอัพนิยาย

ตอนแรกฟ้าตกใจมากจริงๆ ค่ะที่นิยายเรื่องนี้ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด ฟ้าไม่คิดเลยว่าคนจะชอบและเข้ามาติดตามอ่านมากขนาดนี้ ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย ในช่วงแรกที่ลงนิยาย คนยังไม่รู้จักเยอะ ยังคงมีผู้ติดตามน้อยอยู่ ฟ้าก็รู้สึกดีใจแล้วที่มีคนมาอ่านนิยายเรา แต่พอช่วงหลังๆ ที่คนเริ่มอ่านเยอะ เริ่มสนใจกันเยอะจนติดอันดับ 1 ฟ้าคือตะลึงไปแล้ว ทั้งตกใจทั้งดีใจจริงๆ ค่ะ

ผลลัพธ์จากการทำโครงงาน สรุปออกมาว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้น จากการสรุปข้อมูลที่รวบรวมได้ทำเป็นกราฟแสดงผล ซึ่งตัวกราฟสูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงถึงการพัฒนาค่ะ ซึ่งหลังจากที่นำเสนอโครงงาน อาจารย์ได้ให้คำชมว่าผลลัพธ์ออกมาดีมาก มีการพัฒนาตัวเองที่เห็นได้ชัด โครงงานนี้จึงถือว่าประสบความสำเร็จค่ะ

 

จากโปรเจ็กต์เขียนนิยายส่งอาจารย์
กลายเป็นช่องทางหารายได้แบ่งเบาภาระครอบครัว

ตอนแรกฟ้าไม่เคยมีความคิดที่จะเปิดขายนิยายเลยค่ะ เพราะฟ้ากลัวไม่มีคนซื้อ ฟ้าทั้งเป็นมือใหม่ ทั้งไม่มีฐานคนอ่าน อีกอย่างยังไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองด้วย เลยไม่มีความคิดที่ขายนิยาย แต่พอลงนิยายมาได้ช่วงหนึ่ง ที่บ้านฟ้าเกิดปัญหาเรื่องการเงินค่ะ คุณแม่ที่ทำการค้าขายเลี้ยงดูฟ้าคนเดียว อีกทั้งยังต้องส่งฟ้าเรียนมหาลัยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในยุคโควิดค่อนข้างมาก ทำให้ที่บ้านประสบปัญหาทางการเงิน ฟ้าเลยอยากหาหนทางหารายได้ช่วยคุณแม่และเลี้ยงดูตัวเองขณะเรียนอยู่ค่ะ 

ช่วงนั้นฟ้าลองทำหลายอย่างเลย ทั้งรับทำงาน รับทำการบ้านต่างๆ เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ แต่พอลองทำก็รู้สึกไม่ใช่แนวตัวเองเลย คุณแม่เลยแนะนำว่าลองขายนิยายดีมั้ย เพราะฟ้าแต่งนิยายได้ ทำไมไม่ลองเปิดขาย ฟ้าก็มีลังเลไม่กล้าขาย แต่เพราะความกดดันจากหลายเรื่อง ฟ้าเลยตัดสินใจลองขายนิยายบนเว็บเด็กดีค่ะ

แล้วช่วงนั้น นักอ่านเป็นคนเสนอให้ฟ้าเปิดขายนิยายแบบตอนอ่านล่วงหน้าเองด้วยค่ะ (หัวเราะ) เพราะนักอ่านหลายท่านอยากอ่านล่วงหน้าเยอะๆ อดใจรอแต่ละตอนไม่ไหว พอฟ้าเห็นหลายคนเห็นด้วยประกอบกับปัญหาทางด้านการเงินเลยตัดสินใจเปิดขายตอนล่วงหน้า โดยได้แจ้งบอกกับนักอ่านก่อนที่จะเปิดขายค่ะ ซึ่งหลายคนโอเคกับการตัดสินใจนี้ค่ะ

ตอนแรกฟ้าคิดว่าไม่น่าจะมีคนซื้อเลยด้วยซ้ำค่ะ แต่พอลองเปิดขาย ในใจก็แอบหวังไว้ว่าคงมีคนมาซื้ออ่านสักร้อยคนคงมากสุดแล้ว แอบลุ้นมากตอนเปิดขายครั้งแรก แต่ผลตอบรับคือทำให้ฟ้าอึ้งมากค่ะ ตะลึงในทุกๆ คืน เหมือนฟ้าได้เล่นรถไฟเหาะเลย (หัวเราะ) ลุ้นทุกชั่วโมงว่ายอดขายเป็นยังไงบ้าง ซึ่งผลตอบรับที่ได้เกินคาดมากๆ จนฟ้าเคยดีใจจนร้องไห้ออกมาเลย เพียงแค่ยอดขายเล็กน้อยก็ทำให้ฟ้ามีไฟในการเขียนนิยายต่อไปแล้ว แต่พอผลตอบรับดีเกินคาดแบบนี้ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ฟ้ามีแรงเขียนนิยายต่อในทุกๆ วัน และอยากต่อจนจบเลยค่ะ

รายได้จากส่วนนี้เป็นแรงใจที่ผลักดันทำให้ฟ้ามองเห็นอนาคตหลายๆ อย่างเลยค่ะ ฟ้าเอาไปใช้จ่ายค่าการศึกษาระดับมหาลัยของฟ้าเอง ทั้งค่าใช้จ่ายในการเรียน ค่าเทอม ค่ากินและค่าหอต่างๆ ถือว่าฟ้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายตัวเองทั้งหมด เพื่อไม่ให้แม่ต้องแบกรับภาระส่วนนี้ หลังจากที่ฟ้าแบ่งรายได้ส่วนนี้ไว้ใช้จ่ายเรื่องการเรียนแล้ว ส่วนที่เหลือของรายได้ทั้งหมดฟ้าได้มอบให้คุณแม่เก็บไว้ใช้จ่ายค่ะ ทั้งภาระหนี้สินและรายจ่ายต่างๆ ในครอบครัว เพื่อช่วยให้คุณแม่ได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายขึ้นค่ะ

พอมีรายได้ตรงส่วนนี้ คุณแม่ก็มักจะบอกฟ้าเสมอว่าภูมิใจที่ลูกสาวสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ท่านจะได้ไม่เป็นกังวล เวลาที่ฟ้าท้อหรือเครียด คุณแม่ก็มักจะให้กำลังใจฟ้าเสมอค่ะ

น้องฟ้าใส เจ้าของนามปากกา “ซ่งอู๋ซวง”
น้องฟ้าใส เจ้าของนามปากกา “ซ่งอู๋ซวง”

การเขียนนิยายทำให้เจอเป้าหมาย
ที่อยากทำในอนาคต

เมื่อก่อนตอนที่ฟ้ายังไม่แต่งนิยาย ชีวิตก็เลื่อนลอยมาก กลับจากเรียนก็ดูไม่มีเป้าหมายอะไรเลย แต่พอฟ้าได้แต่งนิยาย ชีวิตก็เริ่มมีเป้าหมาย เวลาที่เห็นยอดผู้เข้าชม ยอดคนติดตาม ฟ้าก็มีความสุข มีแรงกระตุ้นให้เขียนนิยายต่ออย่างไม่เบื่อเลยค่ะ อีกทั้งยังเปลี่ยนชีวิตที่เคยลำบากของฟ้าให้สุขสบายขึ้น ฟ้ามีความสุขที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้และสามารถเลี้ยงดูคุณแม่ให้สุขสบายขึ้นได้ค่ะ

ฟ้าตั้งเป้าหมายไว้ว่าต่อจากนี้ไป ฟ้าจะเริ่มเข้าสู่วงการนักเขียนแบบเต็มตัวแล้วค่ะ ระหว่างที่เรียนอยู่ ฟ้าจะทำอาชีพนักเขียนต่อไป เพื่อสร้างรายได้และสร้างความสุขให้กับตัวเองค่ะ ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนนิยายให้ได้ปีละหนึ่งเรื่อง เมื่อเขียนเรื่องนี้จบแล้วจึงค่อยเริ่มเขียนเรื่องใหม่ เพื่อที่จะได้ทุ่มเทให้กับผลงานได้เต็มที่ค่ะ

ส่วนความฝันที่ฟ้าอยากทำให้สำเร็จอีกอย่างก็คือ ฟ้าอยากมีนิยายเล่มเป็นของตัวเองค่ะ จะเอาไว้ชื่นชมบนชั้นวางหนังสือสวยๆ คิดไว้ว่าเมื่อเขียนนิยายเรื่องนี้จบจะสั่งพิมพ์เล่มของตัวเอง เก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ อีกทั้งยังอยากให้แม่มีชีวิตที่สุขสบาย ไร้กังวล ไร้ห่วง ฟ้าเลยฝันที่จะพัฒนาฝีมืองานเขียนตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้น เพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวค่ะ

สำหรับทุกคนที่อยากเขียนนิยายนะคะ ฟ้าอยากบอกกับทุกคนว่า ความกลัวเป็นเรื่องปกติ หลายคนอาจมีความรู้สึกอย่างที่ฟ้าเคยมี คือ ความกลัว กลัวไม่มีคนอ่าน กลัวขายไม่ได้ กลัวอะไรหลายอย่าง แต่ฟ้าอยากแนะนำว่า กลัวได้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องลงมือทำให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย หากเรากลัวที่จะไม่มีคนอ่านนิยายก็ให้ลองเขียนแล้วอัพลงบนเว็บเลย คนที่สนใจก็จะเข้ามาอ่านมาติดตามเราเอง แล้วสิ่งเหล่านั้นจะเป็นแรงกระตุ้นให้เราอยากเขียนนิยายต่อไป อยากพัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ นั่นจะช่วยทำให้เราเข้าใจฝีมือและทักษะตัวเองมากขึ้น เพราะแต่ละคนมีวิธีการถ่ายทอดไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้ที่สำคัญที่สุดคือ กลัวได้แต่ต้องลงมือทำ จะได้รู้ถึงผลลัพธ์ แต่ถ้ากลัวแล้วไม่ลงมือทำ เราจะไม่รู้อะไรเลยค่ะ

อ่านจบแล้วก็ยังรู้สึกอยากร้องว้าวอีกหลายๆ ว้าว เพราะเรื่องราวของ น้องฟ้าใส วัย 19 ปี นักเขียนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกอย่างจริงๆ จังๆ เพราะต้องทำโครงงานส่งอาจารย์ ใครจะคาดคิดว่าชีวิตกลับพลิกผัน นอกจากจะทำโปรเจ็กต์สำเร็จแล้ว เธอยังค้นพบความสามารถในการเขียนนิยาย และเจอช่องทางที่สามารถหารายได้มาแบ่งเบาภาระครอบครัวได้อีกด้วย

เชื่อว่าเรื่องราวดีๆ และเคล็ดลับการเขียนนิยายที่นักเขียนสาวมือใหม่นำมาแชร์ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดพล็อต การวางแพลนเขียนนิยาย จำนวนคำในแต่ละตอน หรือแม้แต่ช่วงเวลาการแต่งนิยาย และการอัพนิยายในแต่ละวัน จะเป็นไอเดียๆ ดี ให้นักอยากเขียนทุกคน เอาไปปรับใช้กับนิยาย และชีวิตประจำวันของเราได้นะคะ ^^

เริ่มต้นเขียนนิยาย

พี่แนนนี่เพน

 

ติดตามนักเขียนได้ที่ 

อ่านผลงานของ ซ่งอู๋ซวง

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น