Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พบสัตว์สปีชีส์ใหม่ใต้ทะเลออสซีเพียบ แต่น่าเป็นห่วงโลกร้อนทำสูญพันธุ์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
พบสปีชีส์ใหม่ใต้ทะเลออสซีเพียบ แต่น่าเป็นห่วงโลกร้อนทำสูญพันธุ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ปะการังสีแดงสดใสเรียกว่า ปะการังหัวกอร์กอน (gorgons-head coral) หรือแอนโธมาสติด (anthomastid) เป็นสปีชีส์ที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งพบอยู่ที่ความลึก 1,700 เมตร ทางใต้ของทัสมาเนีย (CSIRO)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ฟองน้ำชนิดหนึ่ง (waffle-cone sponge) ขนาดกว้างราวครึ่งเมตร สูงเกือบ 2 เมตร อยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 2,000 เมตร แถบทัสมาเนีย (เอเอฟพี)

เพรียงหัวหอมสูงประมาณครึ่งเมตร อยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 4,000 เมตร คอยดักจับกินสัตว์ทะเลขนาดเล็กที่ผ่านเข้ามาติดกับบริเวณกรวย คล้ายกับต้นกาบหอยแครงหรือหม้อข้าวหม้อแกงลิง (เอเอฟพี)

ซากฟอสซิลแนวปะการังอายุไม่ต่ำกว่า 10,000 ปี ที่ความลึกกว่า 1,500 เมตร ส่วนตัวสีเหลืองๆที่เห็น คือดาวทะเลชนิดหนึ่ง (brisingoid) (CSIRO)

นักวิทยาศาสตร์ยังคงสำรวจพบความมหัศจรรย์ ของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกแถบเกาะทัสมาเนีย ของออสเตรเลีย ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต รูปร่างหน้าตาสวยงามแปลกตาเพียบ สปีชีส์ใหม่ๆ ก็มีเยอะแยะ พร้อมฟอสซิลปะการังหมื่นปี ที่ชี้ว่าโลกร้อนกำลังคุกคามสัตว์โลกใต้ทะเล
       
       ทีมนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียร่วมกับสหรัฐฯ สำรวจใต้ทะเลลึกบริเวณทิศใต้จากชายฝั่งของเกาะทัสมาเนีย ออสเตรเลีย ซึ่งลงลึกกว่าครั้งใดๆ ที่เคยสำรวจมาแล้วก่อนหน้า ทั้งพบสิ่งมีชีวิตหน้าตาสวยงามแปลกประหลาดมากมาย หลายชนิดจัดเป็นสปีชีส์ใหม่ที่ยังไม่เคยมีอยู่ในสารบบการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิต ตามหลักวิทยาศาสตร์ และได้ข้อมูลบ่งชี้ว่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเหล่านี้ กำลังถูกคุกคามจากภาวะโลกร้อน
       
       ทั้งนี้ ทีมวิจัยส่งหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำนามว่าเจสัน (Jason) ซึ่งมีขนาดประมาณรถเก๋ง ดำดิ่งลงไปสำรวจใต้ทะเลบริเวณที่เป็นรอยแยกของเปลือกโลกใต้สมุทรที่เรียกว่า ทัสมัน แฟรคเชอร์ โซน (Tasman Fracture Zone) อยู่ลึกจากผิวน้ำประมาณ 4,000 เมตร
       
       รอน เธรชเชอร์ (Ron Thresher) หัวหน้าทีมวิจัยจากองค์การการวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งสหพันธ์รัฐ หรือ คริสโร (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation: CSIRO) เปิดเผยว่า สัตว์ใต้ทะเลที่ลึกที่สุดที่พบนั้น มีทั้งเพรียงหัวหอม (sea squirt) หน้าตาพิลึกพิลั่น, แมงมุมทะเล (sea spider) และฟองน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ รวมทั้งปะการังอ่อนสปีชีส์ใหม่ๆ และชุมชนสัตว์ทะเลที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอีกหลายชนิด ที่อิงอาศัยอยู่ร่วมกับเพรียงคอห่าน (gooseneck barnacle) และดอกไม้ทะเล
       
       อดัม ซับแฮส (Adam Subhas) หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า พวกเขาสังเกตการณ์การสำรวจอยู่บนเรือผ่านจอมอนิเตอร์ และเห็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเพรียงหัวหอมเกาะอยู่ตามแนวร่องนั้น ส่วนสภาพทางธรณีวิทยาบริเวณนั้นก็ดูสวยงามน่าหลงใหล ดินตะกอนละเอียดอ่อนและทับถมกันอย่างบางเบาราวกับปุยหิมะ
       
       นอกจากนี้ยังพบฟอสซิลแนวปะการังโบราณที่ความลึก 1,400 เมตร มีอายุมากกว่า 10,000 ปี ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศในสมัยนั้น และนักวิจัยสามารถใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์หรือสถานการณ์ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันได้
       
       "แม้ปัจจุบันเรายังพบแนวปะการังน้ำลึกอยู่บ้าง แต่ก็มีหลักฐานแน่นหนา บอกว่าปะการังเหล่านั้นกำลังจะตาย เพราะพบว่าปะการังที่อยู่ลึกกว่า 1,300 เมตร จำนวนมากเพิ่งตายไปเมื่อไม่นานมานี้เอง อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจะต้องศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดมากกว่านี้ แต่จากการศึกษาแบบจำลองก็บ่งชี้ได้ว่าเกิดภาวะความเป็นกรดในมหาสมุทร
       
       ส่วนในเดลีเทเลกราฟ อธิบายเพิ่มเติมว่าภาวะโลกร้อนซึ่งเกิดจากการที่มีก๊าซเรือนกระจกอยู่ในชั้นบรรยากาศมากเกินไป ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดภาวะน้ำทะเลเป็นกรดด้วย เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีมากเกินไปนั้น จะถูกดูดซับไว้ในน้ำทะเลมากถึง 25%
       
       "ถ้าเราวิเคราะห์ได้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นสาเหตุทำให้ปะการังเสียหายหรือตายลงจริงแล้วล่ะก็ ผลกระทบที่เราเห็นที่ความลึก 1,300 เมตร ในวันนี้ จะขยายไปสู่แนวปะการังส่วนอื่นๆ ที่อยู่ตื้นกว่านี้ในอีก 50 ปีข้างหน้า รวมทั้งสังคมสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใกล้แนวปะการังก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยกันทั้งหมด" เธรชเชอร์ กล่าว
       
       ทั้งนี้ จากรายงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อปี 2551 ระบุว่า เกรต แบริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) หรือ แนวประการังใหญ่ ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแนวประการังขนาดใหญ่ และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเล ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจถูกสภาพความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทำลายจนหมดสิ้นได้ภายในไม่กี่สิบปีนี้.



       

             
       

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

bank 20 ม.ค. 52 เวลา 12:52 น. 2

สุด ยอด&nbsp  เลย คับ แปลกดี น้ะ มีอะไร ใหม่ๆมากมาย บน โลก ที่เรายัง ไม่รู้

0
Mr.Em 20 ม.ค. 52 เวลา 13:29 น. 4

ถูกครับ... สมควร ที่ จะ รักษา ไว้ แต่ ว่ามันกำลังจะตายเพราะสภาวะโลกร้อน

และคนที่ทำไม่ใช่ใครแต่เป็นเราไม่ใช่หรอ ครับ

ถ้าต้องการรักษาธรรมชาติหรือสิ่งสวยงามของโลก

เราควรช่วยกันรณรงค์เรื่อง"สภาวะโลกร้อน"

ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้นก็ยังดี ครับ

ปล. ขอบคุณสำหรับความรู้ รอบตัวนะครับ





PS.  (^/\^)หวะดีๆ~*~."ชั่วชีวิตของ"ผู้ชายคนหนึ่ง"...จะ...หยุด"น้ำตา"ของผู้หญิง!!!ได้สักกี่ครั้ง".~*~
0
ืnana 24 ก.ค. 52 เวลา 11:11 น. 8

ฮือ ๆ ๆ ๆ



น่า่า สงสาน..ประ กา รัง จัง...



ช่วย กัน .ๆ ๆ ๆ&nbsp  โลก จะ ได้ ไม่ร้อน...อ่าน่ะ7

0