Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การเขียนบรรยายฉากต่อสู้ จุดอ่อนสำคัญของนักเขียนนิยาย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้แวะมาตั้งกระทู้คุยอีกครั้ง วันนี้มาพูดถึงการบรรยายฉากต่อสู้ในนิยายต่างๆมีหลายๆคนเคยบอกนิยายไทยอะไรก็ดีไปหมด แต่มักจะตายเพราะฉากต่อสู้เสียส่วนมาก ซึ่งหากมองดีๆแล้วจะเห็นนักเขียนนิยายไทยไม่สิหลายๆคนในโลกต่างๆมักจะพลาดเวลาต่อสู้กัน คือบางทีก็ไม่ได้อารมณ์เท่าไหร่นักแม้กระทั่งตัวเซจัง นิยายของเซจังยังยอมรับว่าดาดๆเรื่องการบรรยายฉากต่อสู้ ในขณะที่ดราม่าดันเน้นมากกว่าเีสียอีก ซึ่งดูเหมือนนิยายหลายๆเรื่องจะเป็นเช่นนั้น มันเพราะอะไรกัน

ลองมาถกกันค่ะ
PS.  ดาร์คแฟนตาซีคือสิ่งที่เราต้องการ ต่อต้านกองเซ็นเซอร์ เบื่อพันธมิตร เอวังกับนิยายแนวโรงเรียน สิ้นชีพเพราะสัปดาห์หนังสือ

แสดงความคิดเห็น

>

25 ความคิดเห็น

sasadao 31 พ.ค. 52 เวลา 09:24 น. 2

ยอมรับว่าการเขียนฉากต่อสู้นั้นเป็นสิ่งยาก นักเขียนไม่ควรจะบรรยายเยอะและยืดเยื้อครับ มันจะทำให้คนอ่านรู้สึกเบื่อ

โดยเฉพาะยิ่งเจอมุกซ้ำๆ แบบปล่อยพลังใส่กันไปมา ยังกับดราก้อนบอล แล้วก็รู้สึกว่า ยังไงตัวเอกมันก็ชนะอยู่แล้วล่ะ มันอาจจะสนุกถ้าได้ชมแบบเป็นภาพ ไม่ใช่แบบนิยาย !

ดังนั้น การเขียนฉากต่อสู้ที่ดี ควรจะแสดงให้เห็นถึงลูกเล่นชั้นเชิง สติปัญญา ความคิดของตัวละครในขณะนั้นด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้คนอ่านได้คิดตาม และมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร ราวกับเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆ

การสร้างสรรค์ไอเดีย และสิ่งใหม่ๆ ก็จำเป็นเหมือนกัน ดังที่พวกการ์ตูน บลีช มีปลดปล่อยสวัสดิกะ รีบอร์นมีกระสุนดับเครื่องชน ฮันเตอร์xฮันเตอร์มีใช้เน็น วันพีชมีผลปีศาจ อะไรทำนองนี้

การใช้สำนวนภาษา ค่อนข้างสำมะคัญมาก ไม่ควรจะบรรยายแบบตรงๆ ตรงตัว อย่างนั้น มันเข้าใจ แต่น่าเบื่อ ต้องรู้สึกใช้อุปมาอุปไมย เปรียบเปรยให้เกิดจินตนาการบ้าง

ตัวอย่างเช่น นายอาเบะรุกเข้าข้างหลังอีกฝ่ายรวดเร็วดุจสายฟ้า โหมกระหน่ำรุนแรงราวกับท้องทะเลที่บ้าคลั่ง ส่งมันผู้นั้นสู่สวรรค์ชั้นเจ็ดภายในพริบตาอย่างน่าอัศจรรย์

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 พฤษภาคม 2552 / 09:30

PS.  จันทราในราตรี อภิมหานิยายยูริผจญภัยเรื่องเยี่ยมแห่งปี สเปเชียลเอฟเฟคสุดอลังการงานสร้าง จินตนาการเหนือคำบรรยาย
0
signjang 31 พ.ค. 52 เวลา 09:31 น. 3

เราก็มั่นใจว่าตัวเองเขียนดี
แต่จริงๆแล้ว ไม่รู้คนอ่านรู้เรื่องรึเปล่า ฮ่าๆ
บางทีเราอาจจะมันอยู่คนเดียว - - ฮึ่ยๆ


PS.  วิถีชีวิตของเจ้าทารก-->กินนม-->เรอ-->นอน-->ขับถ่าย-->ตื่น-->กินนม.....อืมมมมมม
0
Sirisobhakya 31 พ.ค. 52 เวลา 10:17 น. 4

จากที่คุณ Sasadao พูดว่าไม่ควรบรรยายตรงๆแต่ควรใช้คำเปรียบเปรย ผมว่ามันแล้วแต่สไตล์การบรรยายนะครับ และแล้วแต่คนชอบด้วย

ตัวผมเองไม่ค่อยชอบการบรรยายแบบหนังจีนอย่างนั้นเท่าไหร่ ชอบตรงๆ แทงเป็นแทง ฟันเป็นฟัน ตายเป็นตาย ชอบความรวดเร็วของฉาก เพราะถ้าเกิดบรรยายแบบนั้นความรู้สึกของการต่อสู้จะดูช้าลงและเบาลงทันที ไม่ได้อารมณ์ผมเท่าไหร่ แต่มันก็เกิดปัญหาแหละว่าการฟันการแทงการยิงมันมีอยู่ไม่กี่ท่า คราวนี้มันก็เลยซ้ำๆกันไปหมด สุดท้ายก็เลยแต่งได้ช้าเพราะกว่าจะหาคำมาได้

อีกอย่าง ผมว่าฉากต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับฉากสงครามเขียนยากกันคนละแบบเลยครับ การวางแผน ทักษะและการคิดภาพก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วย เหมือนเกมแนว Street Fighter กับเกม Red Alert 3 หรือ Warcraft III ต่างกันยังไงนั่นแหละ


PS.  Mju AERO [Who are We? INTANIA!!!] Boeing 747-4D7 Thai Airways GE CF6-80C2B1F HS-TGX Sirisobhakya
1
กุหลาบราชัน 6 พ.ค. 59 เวลา 05:15 น. 4-1

เห็นด้วยค่ะ สำหรับเราจะแบ่งฉากต่อสู้ออกเป็นสองแบบ
หนึ่งคือต่อสู้ทางกายภาพ ซึ่งใช้อาวุธกับร่างกาย(วิชาต่อสู้ป้องกันตัว)เข้าสู้ เน้นความรวดเร็ว เฉียบคม แม่นยำ ว่องไวของท่วงท่า รวมทั้งชั้นเชิง สติปัญญา ไหวพริบและความสามารถของตัวละคร การบรรยายจึงต้องกระชับ รวบรัด ใช้คำเฉพาะเข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดเจน ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ตัวละครจะดูเท่ห์และเก่งขึ้นทันที
อีกแบบคือการต่อสู้โดยใช้เวท/กำลังภายใน/พลังจิต เน้นความสวยงามอลังการ และความหมายลึกซึ้งของที่มาของพลัง ท่วงท่า รวมทั้งอาศัยจินตนาการคล้อยตามของผู้อ่าน การบรรยายจึงมักใช้คำอุปมาเปรียบเปรยเพื่อให้ผู้อ่านได้จินตนาการตาม
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ สภาพแวดล้อม ความคิดและอารมณ์ของตัวละครด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด ฉากต่อสู้ที่ดีนั้น ไม่ได้อยู่ที่การบรรยาย ฉากหรือท่วงท่าอันวิจิตรพิศดารหรอก เมื่อมันสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านได้ สิ่งสุดท้ายท่ีเป็นตัววัดคุณค่าก็คือ สิ่งที่ตัวละครได้รับนอกเหนือจากผลแพ้ชนะ เพื่อพัฒนาความสามารถให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เรื่องดำเนินต่อไป

0
Fae_i 31 พ.ค. 52 เวลา 11:24 น. 5

เท่าที่เห็นอยู่บ้าง มีดังนี้ครับ

- การใช้ซาวน์เอฟเฟ็ค (เช่น เฟี้ยว ฟ้าว ฉัวะ ตูม ฯลฯ เป็นต้น) มากและถี่เกินไป
- การตั้งชื่อให้ท่าโจมตี คาถา และใช้เอาดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น (ในบางกรณี มีชื่อการโจมตีที่ดูดีอยู่มาก แต่อ่านแล้วไม่เก็ตครับ ตัวละครตะโกนชื่อท่าเท่ห์ ๆ ใส่กันไปมา แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าเจ้าท่าพวกนั้นมันทำอะไรได้บ้าง รู้แค่ว่ามีสิ่งก่อสร้างเสียหาย ศัตรูบาดเจ็บ ฯลฯ รู้ตัวอีกทีพระเอกก็ชนะแล้ว)

สองข้อดังกล่าวนี้จะใช้สื่อทางภาพได้ดีกว่านิยาย สังเกตจากการที่เราอ่านการ์ตูนแล้วมีซาวน์เอ็ฟเฟ็คติดต่อกันทุกระยะแต่อ่านแล้วกลับไม่รู้สึกสะดุด ในขณะที่เมื่ออ่านนิยายคำเชิงนี้จะทำให้อ่านได้ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร

และที่สร้างปัญหาให้ผู้เขียนส่วนมาก รวมทั้งตัวผมด้วย คือการสื่อสาร

- การใช้คำบรรยายที่ห้วนเกินไป เช่น เขาต่อย เธอเจ็บ เขาล้ม เธอลุก
- การที่ไม่สามารถบรรยายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ จึงออกมาในรูปแบบถ้อยคำที่ค่อนข้างยืดยาว วกไปวนมา
- การเลือกใช้คำไม่ถูกสถานการณ์
- การเลือกใช้คำที่รุนแรงเกินไป อ่านแล้วรู้สึกสะดุด ไม่เป็นที่สมควร
- การแทรกคำตลกอย่างไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ จะตัดความตึงเครียดออก และในบางครั้งอาจไม่สามารถกลับเข้าไปในบทบาทเดิมได้
- การบรรยายตัวละครไม่หนักแน่นพอ อ่านแล้วไม่รู้ว่าใครโจมตีใครกันแน่
- การใส่วงเล็บ การให้ผู้เขียนมีส่วนร่วม หรือการใส่คำพูดเพื่อคุยหรือเอ่ยคำถามกับผู้อ่านอย่างไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ จะลดความจริงจังของฉากนั้น ๆ ลง
- การใส่คำอธิบายมากเกินไป หรือการใส่ศัพท์เฉพาะ จะทำให้อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าอะไรคืออะไร
- ในบางกรณี ผู้เขียนจะพยายามเขียนฉากต่อสู้ให้สั้นที่สุด เพราะความไม่ถนัด
- หากบรรยายแล้วไม่สามารถทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกไปกับฉากนี้ได้ ผู้อ่านส่วนมากจะอ่านข้ามหรือผ่าน ๆ มันไปเพราะความเบื่อหน่าย

สิ่งสำคัญคือผู้อ่านสามารถตีความหรือเพลิดเพลินไปกับฉากต่อสู้ของนิยายด้วยได้ยาก 
ต่างจากการมองภาพที่สามารถทำให้เราเข้าใจได้ง่ายกว่าในบางครั้ง
เช่นมีภาพของวงกลมสีเขียว เรามองผ่าน ๆ แล้วเราก็รู้ได้เลยว่ามันคือวงกลมสีเขียว
แต่สำหรับนิยายที่เป็นตัวอักษร ถ้าเราอ่านแค่คำว่าวงกลม เราก็เข้าใจว่ามันเป็นแค่วงกลม
ถ้าเราอ่านข้ามคำว่าสีเขียวไป เราก็จะไม่รู้ว่ามันคือวงกลมสีเขียว 
แล้วถ้าในภายหลังมีเรื่องที่โยงไปถึงสีของวงกลมวงนี้ เราก็จะไม่รู้ ไม่เข้าใจ

เรามองภาพแล้วรู้ได้ แต่สำหรับนิยาย เราต้องมอง อ่าน ตีความ จินตนาการ แล้วค่อยรับรู้
ขั้นตอนมันอาจมีมากกว่า

ฉะนั้นการจะเขียนฉากต่อสู้ให้ผู้อ่านคล้อยตามไปด้วยความไม่ติดขัดนั้น
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


PS.  Pensez avant que vous ecriviez.
0
ลูกศร ต้นนที 31 พ.ค. 52 เวลา 11:31 น. 6

ที่จริงฉากต่อสู้เหมือนการ์ตูนน่ะมันไม่ควรเขียนด้วยซ้ำ

ข้อเสียของนิยายไทยคือ ชอบทำเหมือนนิยายเป็นการ์ตูน ทั้งที่มันต่างกัน การ์ตูนเล่าเรื่องด้วยภาพ นิยายเล่าเรื่องด้วยตัวหนังสืออย่างไงก็คงเห็นภาพเหมือนการ์ตูนไม่ได้ แต่ตัวหนังสือดีกว่าตรงที่สามารถเขียนให้เข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้มากกว่า

แต่ก็ไม่ค่อยจะเขียนกัน


PS.  You may call me a freak, Or someone like me for that matter, But in our eyes, You are a freak too.
0
Doggiebiz 31 พ.ค. 52 เวลา 13:11 น. 7

บางเรื่องเห็นเขียนตอนแรกดี๊ดี  แต่พอเจอฉากพะบู๊กันแล้วใช้  พลัก  โพละ ตูม  แล้วพาลรู้สึกหมดสนุกไปเลย


PS.  เจ้าเป็ดน้อย เจ้าอยู่แห่งหนใด มาให้เราเซ็งเสียดี ๆ
0
กะรัต/กะรัตตา 31 พ.ค. 52 เวลา 13:11 น. 8

นี่แหละกะรัตตากำลังกลุ้มใจกับฉากนี้อยู่


PS.  อังศุธรฉานส่องฟ้าทั่วหล้า สิตางศุ์เต็มดวงแจ่มจ้าดาวเคียง สองร่วมนัมพรแต่มิอาจร่วมเรียง กาลต่างเพียงเวียนอยู่ได้เดียวดาย (หัวใจมีไว้เพื่อรัก ภักดีมีไว้เพื่อรบ...ฝากบัลลังก์เสน่หาด้วยค่ะ)
0
Deta 31 พ.ค. 52 เวลา 13:26 น. 9

หนึ่งจึ้กให้ปู่หมา - -"

เขียนบรรยายฉากสู้มันคงยากในการเลือกใช้คำ การบรรยายท่วงท่า(เฮือก!! พิมพ์เองจิ้นเองอีก!!)
แต่บางที...ข้าน้อยกลับคิดว่า ฉากสู้รบ มันง่ายกว่าฉากรักหวานๆอ่ะนะ - -"" (พยายามหวานทีไร มันกลายเป็นSMทุกทีสิ แย่!!!)

ปล.ข้าน้อยต้องการจะสื่ออะไรอยู่เนี่ย???

คุณดิท.เมื่อกี๊ลืมปล. - -""

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 พฤษภาคม 2552 / 13:34


PS.  อ๊ากกกกก ชิพมั้งค์!!! ธีโอดอร์ แอลวิน ไซม่อน!!! ข้าน้อยหลงรักซะแล้ว!!!///[โหมด:คลั่ง] เจฟฟ์ ลี...สุโก้ย///โจอาเกีย///อ๊ากกกก ฉันรักแก!!! อัคนี!!!///วิบัติฟีเวอร์!!! รักชาติ รักไทย อย่าใช่ภาษาวิบัติ!!!
0
ท่องโดดเดี่ยวหมื่นลี้ 31 พ.ค. 52 เวลา 14:42 น. 10

เขียนนิยายกำลังภายในอยู่ไม่รู้จะตอบยังไงดี

ฉากต่อสู้ของนิยายแฟนตาซีแสบตาเหลือเกิน


PS.  "กระบี่มีสองคม ทุกเรื่องราวมีทั้งด้านตรงและกลับ น่าเสียดายผู้ที่สามารถมองเห็นทั้งสองด้านมีน้อยยิ่ง"
0
marvolo 31 พ.ค. 52 เวลา 21:53 น. 12

อ่า...ลองเอาทริคบทภาพยนตร์แอคชั่นมาเลียบๆเคียงๆดูแล้วกันนะคะพี่น้อง^^"

1. อย่างเย่นเย่อ อย่ายืดเยื้อ ยิ่งเป็นแอคชั่นที่สู้กันด้วยหมัดด้วยมีดต้องชึบชับสักหน่อย

2. แอคชั่นทุกแอคชั่นต้องมีเหตุผล สมจริง มีที่มาที่ไป อย่างจะให้ระเอกหิ้งAR15ขึ้นโบอิ้ง747ที่สนามบินจอห์น เอฟ เคเนดี้ มันก็จะอ่านไปสงกะสัยไปว่ามันผ่านด่านตรวจไปได้ไงวะ?? หรือไม่ก็สู้ๆกันอยู่ในบ่อโคลนบ่อตมก็งัดโถส้วมขึ้นมาฟาดกัน(5555+) กลายเป็นหนังตลกไปเลย โธ่ พี่สปิริตของฉัน

3. จังหวะ! สำคัญที่สุด ในฉากแอคชั่นถ้าจังหวะไม่ชัดเจนจะไม่มีความหมายอะไรโดยสิ้นเชิง การสร้างฉากแอคชั่นเหมืิอนการขับรถแข่ง คือคุณต้องไปให้เร็วที่สุุดเท่าที่เครื่องจะพาไปได้ แต่ต้องบังคับให้รถอยู่ในลู่ในทางที่ปลอดภัยด้วย เบรคไม่เป็นจังหวะก็ชนท้าย เร่งไม่เป็นจังหวะก็แหกโค้ง

4. ฉากแอคชั่้นคือฉากโชว์การเคลื่อนไหว ดังนั้นเรื่องของภาษากาย มุมมอง การตัดสินใจ การกระทำของตัวละครต้องเด่นชัด สื่อความหมายและน่าสนใจ อ่า...ประเภทตีกันไปพูดกันไปขอให้มีแต่ในการ์ตูนเหอะพี่น้อง ในชีวิตจริงใครที่ไหนจะฟันกันไปต่อลำตัดกันไปอยู่นั่นคะ?

5. มีความหมายต่อเนื้อเรื่องและตัวละคร ฉากแอคชั่นต้องบอกตัวตนของตัวละคร บอกวิธีคิดของตัวละคร ถ้าเป็นคนโหดมก็ต้องโจมตีด้วยวิธีที่โหดม สุขุมก็ต้องต่อสู้อย่างสุขุม บ้าเลือดก็ต้องกราดยิงไม่เลือกหน้า อะไรทำนองนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นจากการแอคชั่นในครั้งนั้นต้องส่งผลต่อการดำเนินเรื่องต่อไปด้วย ไม่ใช่อยู่ๆอยากจะตีกันก็ตี ประมาณนั้น

อ่า...ประมาณนั้นมั้งคะ นี่คือการนั่งฟังไดเรคเตอร์คอมเมนท์ในดีวีดีหนังแอคชั่นหลายๆเรื่องและสรุปมาเป็นเอวังด้วยประการฉะนี้ ผิดพลาดอย่างใดโปรดอโหสิกรรมแก่กันด้วย สาธุ^^"

0
LittlePhantom 31 พ.ค. 52 เวลา 22:25 น. 13

ฉากต่อสู้เป็นอะไรที่มันล่มจมมากสำหรับข้าน้อย(ปกติก็ล้มแล้ว...)


PS.  ความบ้า ไม่เคยปราณี มีมากจนล้นและทะลักออกมา ปกปิดเท่าไรก็ไม่มิด
0
Myjay 31 พ.ค. 52 เวลา 22:33 น. 14

ไม่รู้สิ ไม่เคยอ่านเท่าไร แบบปล่อยพลัง แต่ฉากต่อสู้หาตัวอย่างได้จากนิยายพวก  action มีอเล็กไรเดอร์อยู่ 5 เล่ม ยอมรับว่าเวลาเขียนฉากนี้ต้องอ่านประกอบไปด้วยค่ะ จะช่วยได้มาก

0
Seberjung 1 มิ.ย. 52 เวลา 00:46 น. 15

เซจังเองกะจะไปหยิบ เจสัน บอนด์มาอ่านแล้ว ตอนนี้ไหนจะสู้กันอัดกันให้เละไปแบบนั้นดีกว่า


PS.  ดาร์คแฟนตาซีคือสิ่งที่เราต้องการ ต่อต้านกองเซ็นเซอร์ เบื่อพันธมิตร เอวังกับนิยายแนวโรงเรียน สิ้นชีพเพราะสัปดาห์หนังสือ
0
marvolo 1 มิ.ย. 52 เวลา 08:09 น. 16

^
^
^
อ่า...
ถ้าเป็นฉบับนิยายมันก็โอเคนะคะ แต่มันจะเป็นแนวบู๊เ้ก่าๆหน่อย ประมาณเดียวกันกะลุงหลองเลยนะคะ ระเบิดภูเขาเผากะท่อมกันเลยทีเดียว^^"

0
เจ้าชายพระจันทร์แสนเศร้า_LunLa 2 มิ.ย. 52 เวลา 00:47 น. 17
เห็นด้วยกับ Fae_i < My.iD >  นะ 

T_T ตอนนี้น้ำตาเป็นสายเลือดเพราะฉากต่อสู้นี่แหละ T^T สู้ๆ(ออกแนวบ่นแล้วให้กำลังใจตัวเอง - -'')

PS.  ผู้หญิงเฟ้ย!!!
0
dialme_911 2 มิ.ย. 52 เวลา 15:39 น. 18

ในความคิดผมผมมองว่า มันแล้วแต่ว่าผู้เล่าเน้นฉากไหนในเรื่องมากกว่ากัน  แล้วแต่แนวเรื่องด้วยครับ ถ้าเป็นแนวบ้าปล่อยพลังก็คงต้องให้ความสำคัญแหละ แต่ถ้าเป็นการเล่าแบบการใช้ยุทธการ (บรรยายวิธีการทำสงคราม) ก็คงไม่ต้องมีอะไรมากมาย (เช่น ตูม!!! ฟิ้ว จิ้ว ๆ!! วืด !! สารพัดเสียงใส่เข้าไป - -) นอกจากการบรรยายลงไปว่า ใครทำอะไร บรรยากาศเป็นยังไง น่ะครับ

กรณีเป็นแนวรัก ฉากต่อสู้คงจะเป็น ตบ ตี แย่งชิง คงจะมีให้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์คอลั่มละครในแต่ละเรื่อง...


PS.  ด้วยความเคารพ
0
กระบี่เย้ยภพ 21 ก.ย. 53 เวลา 00:03 น. 19
ขอบคุณครับที่แบ่งปัน ดีๆทั้งนั้นเลย
ฉากต่อสู้นี่เขียนให้สนุกยากแท้น่อ...
.


PS.  ความรักไม่เคยทำร้ายใคร มีเพียงเราที่ทำร้ายตัวเองเพราะมัน....
0
เกิดมาเพื่อหายใจ 5 ก.ค. 57 เวลา 14:51 น. 20

เห็นด้วยฮะ ฉากนี้เขียนลำบากอยู่

ทั้งเรื่องฉากที่ต้องสู้ตัวต่อตัว แบบซูมเข้าไปให้เห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองบุคคล

รวมถึงฉากสงครามใหญ่ ๆ ที่ต้องเขียนซูมออกมาให้เห็นสภาพ การกระทำ อารมณ์ ของกลุ่มคนจำนวนมาก ๆ 

แบบว่าบางทีต้อง นั่งคิด นอนคิด กันไปวันสองวันเลย กว่าจะได้ฉากต่อสู้มาซักย่อหน้านึง TwT


ก็ลองไปติเตียนกันได้ตามเรื่องนี้นะฮะ ฝากตัวด้วย ^w^

GOD LEAVE US
http://my.dek-d.com/asdfg2236/writer/view.php?id=1181894
0