Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

TOP 5 MBA จุฬาฯ ครองตลาด...

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
TOP 5 MBA จุฬาฯ ครองตลาด...

จุฬาฯครองตลาด MBA ยอดนิยมแห่งยุค ทั้งความน่าเชื่อถือคนอยากเรียนมากที่สุดคุณภาพอาจารย์สุดยอด กำไรมากที่สุดส่วน ABACครองแชมป์ค่าเรียนสูงสุด ม.รามฯ ตลาดวิชามหาชนค่าเรียนถูกที่สุดหลักสูตร MBA สาขาการตลาดได้รับความสนใจสูงสุดทิ้งห่างสาขาการเงินเท่าตัวเลือกเรียนปริญญาโทจากชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเป็นคำตอบสุดท้าย

          หลักสูตรปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หรือ MBA ยังเป็นหลักสูตรการศึกษาที่บรรดาผู้ที่แสวงหาความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การถวิลหา นอกจากนี้ยังจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในหน้าที่การงานที่ดีขึ้น

          ที่สำคัญคนที่จบ MBA มีโอกาสตกงานน้อยที่สุดในตลาด...
          ความต้องการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นตามลำดับทำให้มหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน แห่กันเปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(MBA)สร้างความแตกต่างของหลักสูตรตอบโจทย์ตลาดความต้องการบุคลากรที่มีความเข้าใจการบริหารธุรกิจและการตลาดลึกซึ้ง

          ในตลาดการอุดมศึกษาของบ้านเราหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตเป็นทั้งแหล่งสร้างรายได้อย่างงดงามและยังเป็นหลักสูตรที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับสถาบันแหล่งกำเนิดชขององค์ความรู้สมัยใหม

          จนถึงปัจจุบันจะมีใครสักคนตอบได้ว่า MBA ของมหาวิทยาลัยใดอยู่ในความสนใจมากที่สุด น่าเชื่อถือมากที่สุด ราคาค่าเล่าเรียนสูงสุด/ต่ำสุด  อาจารย์สอนดีที่สุด เป็นต้น

          อาจารย์ราวีนา ซิงห์ อาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาโทนานาชาติ สาขาสื่อสารการตลาด มหวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ การเรียนหลักสูตรปริญญาโทจะเป็นการเสริมมุมมองใหม่เติมศักยภาพแก่ตัวเอง เพิ่มโอกาสในการทำงานให้ก้าวหน้า และเพิ่มโอกาสการได้งานที่ดีกว่า

           จากการสำรวจของบริษัท เออาร์. รีเสิร์ช จำกัด ในเครือเออาร์กรุ๊ป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีลงพื้นที่ี่สัมภาษณ์ตัวต่อตัวแบบ Intercept จากกลุ่มตัวอย่าง 144 ตัวอย่าง ผลการสำรวจพบว่า ผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท หลักสูตร MBA สนใจศึกษาในหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ (นานชาติ) ร้อยละ 64.6 ภาคภาษาไทยร้อย 35.4

        
           แบ่งเป็นเพศหญิงร้อย 62.5 เพศชายร้อยละ 36.8 ไม่ตอบอีกร้อยละ 0.7 มีรายได้ต่ำกว่า10,000 บาทไปจนถึงมีรายได้100,000 บาท รวมทั้งผู้ที่ไม่มีรายได้สูงพอสมควรร้อยละ23.6ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษาร้อยละ 43.8 พนักงานบริษัทเอกชนร้อยละ 29.9 นอกนั้นมีอาชีพรับราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจธุรกิจส่วนตัว อาชีพอิสระ หรือกลุ่มอาชีพเฉพาะ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก เป็นต้น  
          สำหรับเหตุผลที่เลือกศึกษาต่อปริญญาโทในสถาบันการศึกษาใดนั้นผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับ"ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย" สูงถึงร้อยละ 39.6 ขณะที่ให้ความสำคัญของความหลากหลายของสาขาวิชาที่เปิดสอนร้อยละ 17.4 ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเดินทางรร้อยละ 13.9
    
           ส่วนค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ 200,000-250,000 บาท มากที่สุดร้อยละ 31.9 แพงที่สุดตตั้งแต่ 400,000 บาท ขึ้นไปมีถึงร้อยละ 15.3 ขณะที่ระดับกลาง 300,000-350,000 บาทมีเพียงร้อยละ 7.6

           จุฬาฯคนอยากเรียน-น่าเชื่อถือมากสุด
           ผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าอยากหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(MBA)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมากที่สุดร้อยละ 30.6 รองมาเป็นลูกแม่โดมมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ร้อยยละ 25.7 มาหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร้อยละ 6.9 สถาบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA)ร้อยละ 6.3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเปิดตลาดวิชาน้องใหม่ในสาขา MBA ที่กำลังฮอตติดโผมาเป็นอันดับที่ 5 ด้วยส่วนร้อยละ 4.9 ตามลำดับ จี้ติดมหาวิทยาลัยปิดของรัฐเข้าไปทุกที
          
            หากพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตร MBA ผู้ตอบแบบสอบถามยังให้ความเชื่อถือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมากที่สุดร้อยละ57.6 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร้อยละ 9.7 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA)ร้อยละ 6.3 มหาวิเทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ร้อยละ 4.9มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร้อยละ 4.2 ตามลำดับ

            จะเห็นได้ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครองความเป็นหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามอยากเรียน และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดเป็นที่น่าสังเกตว่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงติดโผในอันดับต้นๆแซงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแหลายแห่ง

ABAC ค่าเรียนแพงสุด
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังระบุอีกว่า หลักสูตรบริการธุรกิจมหาบัณฑิต(MBA) ภาคปกติมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ราคาค่าเล่าเรียนสูงสุดร้อยละ 32.6 แซงจุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัยร้อยละ 16.7 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร้อยละ 11.8 มหาวิทยาลัยรังสิตขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆที่ค่าเล่าเรียนแพงวุดร้อยละ 10.4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพร้อยละ 9.0 ตามลำดับ

          ถ้าเป็นหลักสูตร MBA ภาคพิเศษ ค่าเรียนสูงสุดยังเป็นมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ร้อยละ 25.0 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร้อยละ 15.3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร้อยละ 13.9 มหาวิทยาลัยรังสิต ร้อยละ 9.7 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 9.0 ตามลำดับMBA ลูกพ่อขุนค่าเทอมถูกที่สุด

          เจตนารมย์ของมหาวิทยาลัยยรามคำแหงเปิดมาเพื่อเป็นตลาดวิชาของคนไทย แน่นอนว่าค่าเล่าเรียนจึงต่ำที่สุดหลักสูตรMBA ภาคปกติผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าราคาค่าเรียนต่ำที่สุดร้อยละ 34.0 มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ ร้อยละ 10.4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร้อยล 4.9 เป็นต้น

          ถ้าเป็นภาคพิเศษหลักสูตร MBA ที่ราคาค่าเทอมต่ำสุดยังเป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทิ้งคู่แข่งห่างร้อยละ 34.0 มหวิทยาลัยเหษตรศาสตร์ ร้อยละ 9.7  ส่วนมหาวิทยาลัยศรีนครรินทรวิโรฒร้อยละ 5.6 และมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ร้อยละ 4.9 ตามมาห่างๆ

          จุฬาฯ คุ้มค่า-กำไรมากสุด
          อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามยังมองว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นหลักสูตร MBA ที่คุ้มค่าที่สุดร้อยละ 38.9 ตามมาห่างด้วยมหาวิทยาลัยรามคำแหงร้อยละ 11.1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร้อยละ 10.4 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA)ร้อยละ 6.9ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เท่ากันร้อยละ 4.9 ที่ทำกำไรสูงสุดยังเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้อยละ 28.5 ตามมาห่างด้วยมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ร้อยละ 13.9


          การตลาดยอดฮิต MBA
          สำหรับหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) ยอดฮิตนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก "สาขาการตลาด" มีคนตอบแบบสอบถามให้ความสนใจถึงร้อยละ 20.1 รองลงมาเป็นสาขาการเงิน ร้อยละ 11.8 การจัดการธุรกิขจระหว่างประเทศ ร้อยละ 11.1 บริหารธุรกิจ ร้อยละ 9.0 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ร้อยละ 8.3 ตามลำดับ เป็นต้น

           และจุฬาฯยังเป็นสถาบันที่ผู้ตอบแบบสอบถามเทคะนนให้ถึงร้อยละ 44.4 ที่หลักสูตร MBA ที่อาจารย์สอนดีที่สุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามมาห่างร้อยละ 13.2 มหาวิทยาลัยมหิดล ร้อยละ 6.9 ล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันการศึกษาของรัฐบาล

           จุฬาฯ MBA ยอดฮิตของไทย
           ทางด้านหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(MBA)จากมหาวิทยาลัยยอดนิยมแห่งยุคจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทิ้งห่างคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น ผู้ตอบแบบสอบถามเทคะแนนให้ ร้อยละ 52.1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพตามอยู่ห่างๆร้อยละ 10.4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร้อยละ 9.0 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA)และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ร้อยละ 7.6

           สรุปว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันอุมศึกษาเก่าแก่ของไทย ผลการวิจัยยังมาเป็นเบอร์ 1 ทั้งคุณภาพ และความนิยม แม้จะมีมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งดาวรุ่งพุ่งแรงก็ไม่สามารถแซงผ่านไปได้...

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

huttewa20 24 มิ.ย. 52 เวลา 00:56 น. 1

อันนี้คือตอบแบบสอบถามจากความเห็นใช่ป่ะครับ

เกี่ยวกับการวัดคุณภาพโดยรวมด้วยรึเปล่าครับ

0
มีแต่กทม 24 มิ.ย. 52 เวลา 01:24 น. 2

ผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าอยากหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(MBA)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมากที่สุดร้อยละ 30.6
มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ร้อยยละ 25.7
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร้อยละ 6.9
สถาบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA)ร้อยละ 6.3
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร้อยละ 4.9 ตามลำดับ

0
^*^Unnamed=ข่อยบ่มีชื่อดอก^*^ 24 มิ.ย. 52 เวลา 19:24 น. 4

แต่ถ้า BBA
เราเลือก BBA มธ.
5555+


PS.  Destiny is no matter of chance. It is a matter of choice. It is not a thing to be waited for, it is a thing to be achieved. // อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...
0
คนตั้งกระทู้ 25 มิ.ย. 52 เวลา 17:42 น. 6

ไม่จริงอ่ะ&nbsp &nbsp จุฬา อาจชื่อชื่อเสียงได้&nbsp แต่คุณภาพ ความทันสมัย&nbsp ความเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก แลอาจารย์ที่มีไฟแรง ไม่ใช่อาจารย์ที่หมดไฟ&nbsp  ปีนี้ ปี 2009&nbsp ถ้าจุฬา อยากครองเด่นอันดับ 1 ต้องเปลี่ยนระบบแบบเดิมๆ&nbsp มีเด็กเก่ง แต่ถ้าผลิตคนไม่เก่ง ประเทศชาติจะเป็นยังไง&nbsp จุฬา อาจจะเป็นอันดับ 1 หรือเปล่า อันนี้ไม่รู่ แต่ถ้าวัดความสามารภของคน&nbsp ไม่จำเป็นเสมอไป ต้องจบจุฬา&nbsp ประสบการณ์การทำงานเป็นตัวการันตีว่าอนาคตตัวเองจะดีหรือลงเหว&nbsp ส่วนมหาลัยอื่น คุณภาพ กการเรียน ถือเป็นระดับมาตราฐาน แค่คณาจารย์ ต้องทันสมัย และต้องคิดอะไรนอกกรอบ อย่ายึกชดติดกับสถาณการณ์เดิมๆ เพราะวันเวลาเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนเดิมหรอก ส่วนเอกชนอย่างเอแบค เอง ถือว่าเป็นแบบอย่างของนานาชาติจริงๆ&nbsp มีความร่วมมือกับอเมริกาตลอด อาจารย์ทั้งไทยและเทศที่สอน ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ&nbsp ค่าเรียนอาจจะแพง&nbsp แต่ถ้าเปรียบเทียบค่าเงินบาทระหว่างเงินไทย และเงินนอก&nbsp ถือว่าถูกกว่าทีอื่น หลักสูตรที่ใช้เป็นหนังสือเมืองนอก ซึ่งได้รับมาตราฐาน ทั้งคุณภาพของนานาชาติ&nbsp ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนก็ผลิตนักศึกษาออกมาเป็นคนสู่ความเป็นมืออาชีพในอนาคต&nbsp ไม่มีสถาบันด การันตีความสำเร็จของชีวิต&nbsp มีแต่ตัวเองที่ทำให้มีความมั่นใจและอยากที่จะก้าวหน้าของชีวิต มันอยู่ที่ตัวเอง ไม่ใช่หรือครับ

0
คนผ่านมา 26 มิ.ย. 52 เวลา 11:34 น. 7

ขอโทดนะ&nbsp นี่มันปี 2007 ไม่ใช่หรอ&nbsp เอาข่าวเก่ามาลงนี่&nbsp ไม่เชื่อ คุณลองเปิดไปดู

http://www.bcm.arip.co.th/bt/content.php?data=410513_R&D%2520Plus

0
5555 3 ก.ค. 52 เวลา 10:13 น. 9

จบที่ไหนมาก็เหมือนกันนั่นแหละ ขึ้นอยุกับว่าคุนมันเจ๋งจิงป่าว 555

ปล. เอามาโพสบอก เพื่อให้คนทะเลาะกันเหรอจ๊ะ

0
Fah 15 เม.ย. 56 เวลา 22:13 น. 12

ลองหาข้อมูลมหาวิทยาลัยของไทยที่ติดอันดับในเอเซียดูนะคะ จะได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยอะไรของไทยที่ติดอันดับมีที่ไหนบ้าง

0
KKKK 18 ก.พ. 58 เวลา 09:54 น. 14

ผมจบ MBA Chula มาครับ ที่อื่นเป็นอย่างไรไม่ทราบนะครับ แต่ขอยืนยันว่าที่จุฬาเนื้อหาหลักสูตรเขาดีจริงๆ อาจารย์ทุกท่านสอนสนุกและสอนดีมาก (เนื่้อหาการสอนก็ทันสมัย) ถือว่าคุ้มค่ามากที่ได้เรียนที่นี้ครับ ความรู้เอาไปใช้ในชีวิตการทำงานได้จริงๆครับ

0
naneer 8 ก.ค. 58 เวลา 22:28 น. 15

MBA ของที่นี่ก็น่าเรียนค่ะ
http://goo.gl/94btAM
ลองสมัครรับข้อมูล
อ่านรายละเอียดดูค่ะ
เยี่ยม

0
Nattapat 22 พ.ย. 59 เวลา 06:54 น. 16

จะเทียบ abac ก็ต้องเอาอินเตอร์มาเทียบนะ ค่าเรียนอะ เทียบแบบนี้มันไม่แฟร์นะ ถ้าเทียบหลักสูตรอินเตอร์ด้วยกัน เอแบคถือว่าไม่แพงจนแซงหน้าแซงตา เทียบอินเตอร์กับไทย มันก็ต่างกันสุดขั้ว เรื่องปกติ

0