Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บทความซึ้งๆ จากเดือนแห่งวันแม่ที่ทำให้คุณน้ำตาไหล!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

       พอดี จขกท ได้ไปเจอบทความซึ้งๆมา

          เลยอยากให้หลายๆคนได้อ่านกัน

          เผื่อจะรักแม่มากขึ้นกว่าเดิมนะ>__<

          ถ้าหากใครอ่านแล้วก็ขอโทษด้วยนะจ้ะ
                        อยู่เป็นเพื่อนแม่


เมื่อแม่อายุ 75 ปี ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว

   ลูกผู้ชายคนหนึ่งตระเวนทั้งเรียน ทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะเติบ



กล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลงแต่พ่อแม่ที่อยู่บ้าน



เดิมในเมืองจีนเริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยุ่ต่างประเทศไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยม



พ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย และโทรศัพท์ทุกครั้งแม่จะคอยเตือนเรื่อง



สุขภาพของตัวเอง  ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ



เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง เขารู้ดีว่าแม่คิดถึงเขามาก เมื่อแม่อายุ 75 ปี เขาตั้งใจ



กลับไปเยี่ยมแม่และจะพักอยุ่ด้วยซัก 1 เดือน ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอ



บอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวต้อนรับ



การกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม เตรียม



รายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่ สำหรับคน



อายุ 75 ปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เขา



ตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า  ผอม



แห้ง หน้าตาเ่ยวย่น ไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย แม่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเตรียม



อาหารที่ลูกเคยชอบ โดยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และแม่ตา



ไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มาก บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่



อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอน



ห้องแอร์ และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไรเพราะเขาตั้งใจจะกลับมา



เป็นเพื่อนแม่จริงๆ สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน 



พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่พูดแต่ปรัชญาเกาๆ ซึ่ง 10 กว่าปี



ก่อนก็เคยพูดมาแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่าปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่ม



นิ่งเงียบและเศร้าซึม เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง  โดย



เฉพาะสายตา อาหารบางจานก็มีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่



จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่



สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน  แม่



ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถเลี้ยงดูเด็กให้คนอื่นได้เลย  ผมเลยพูดไม่ออก พอผม



จะออกไปช้อปปิ้งเลย... พอเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย ผมก็บอกแม่อย่างไม่ค่อย



เกรงใจว่า"แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง.." ช่วงครึ่ง



เดือนหลับที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น  แต่



เราไม่เคยทะเลาะกัน พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จาเหม่อลอย โลกซึม



เศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อได้เวลาที่ผมต้องเดินทางกลับ แม่ดึง



กล่องกระดาษใบหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผม



ไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปเมืองนอก ทุกครั้ง



ที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้  แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอก



บ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้าน และข่มเหงคน


จีนมีการปะทะกันด้วย  แม่เป็นห่วงมากถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่


ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมา



อย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มักหนักมาก ผมเริ่มรู้สึก


ลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บ


มันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 


หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ แต่มีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อม


ไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิมแม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผม


รู้สึกเอะใจ เลยถามว่า "แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ" แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง 


จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น  แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที ผมหยิบแผ่น


ข่าวนั้นขึ้นมาดู เป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า"เมื่อฉันแก่ตัวลง"   ตัดจากหนังสือ


พิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบท


ความนั้นคัดมาจากนิตยาสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่าน


บทความนั้นทันที

        เมื่อฉันแก่ตัวลงไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉัน

เพิ่มขึ้นอีกซักนิด

            ถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง... ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิด

ถึงตอนเธอเด็กๆที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง

            ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเบื่อ... ขอให้อดทนสักนิด อย่า

เพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำ ๆ ซากๆ จนเธอหลับ

            ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลย ยังจำตอนที่เธอยัง

เล็ก ๆ ได้ไหมฉันยังทั้งกอดทั้งปลอบ เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำ

           ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทน

ตอบคำถาม "ทำไม ทำไม" ทุกครั้งที่เธอถามฉันได้ไหม

            ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมา

ช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดิน ตอนที่เธอยังเล็กๆ

             หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่


จริงสำหรับฉัน กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญ ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจ


แล้ว
       

            ตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง  ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉันสนับสนุนฉัน


ให้เหมือนกับที่ฉันสนับสนุนเธอ ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตอนนั้น ฉันพาเธอ


เข้าสู่เส้นทางชีวิต
   

     ตอนนี้ ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิตโปรดให้ความรัก


และความอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจใสตาอันฝ้าฟางของฉัน มีแต่


ความรักอันหาที่สุดมิได้ ให้เธอ
     
     
   ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู๋ตอนนั้นแม่เดิน


ออกมาพอดี ผมแกล้งทำเป็นไม่มาอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่าน


บทความนั้ หลังจากผมกลับไปแล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอน


ผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่า


นั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภ


ของผม และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น ผมได้กลับมาเป็น


เด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยทีเดียวหนังสือพิมพ์ที่


ผมนำกลับมา ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ
"เมื่อฉันแก่ตัวลง"



บทนั้น ผมตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวตลอดไป  ผมขออุทิศบทความนี้ให้กับ


ลูก ๆ ทั้งที่พเนจร และไม่ได้พเนจรทั้งหลาย ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่านหรือไม่ก็


โทรไปหาท่านล้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอท่านไม่ได้ต้อง


การอะไรจากเรามากไปกว่าแค่ได้รับรู้ว่า เราสุขสบายดี หากเราไม่สามารถไปเยี่ยม


ท่านได้ ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน โปรดยิ้มให้กว้าง ๆ และยิ้มบ่อยๆ แม้ท่านจะมอง


ไม่เห็นแต่ท่านรู้สึกได้

        เป็นไงบ้างซึ้งกันมั้ย  จขกท ได้อ่านแล้วน้ำตาซึมขึ้นมาทันที

มีใครเป็นเหมือนเราบ้างมั้ยเอ่ย?>_<
             

        



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 2 สิงหาคม 2552 / 23:39

PS.  ___________ รัก จ่ง จ๊ง โอ้วเย้ ไอ แอม ชายนี่เวิร์ล !! _________

แสดงความคิดเห็น

13 ความคิดเห็น

Rome_Filano 2 ส.ค. 52 เวลา 21:40 น. 1

                ลืมบอกเครดิต

   จาก หนังสือ แม่พระยุคใหม่ค่ะ

          >_______________<


PS.  ___________ รัก จ่ง จ๊ง โอ้วเย้ ไอ แอม ชายนี่เวิร์ล !! _________
0
Goddess Madoka 2 ส.ค. 52 เวลา 23:19 น. 4

Tarzan : ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหน แม่จะเปนแม่ของลูกเสมอ

Carla : ลูกอยู่ในใจแม่เสมอจ้ะ

เครดิต Tarzan 

((การ์ตูนเรื่องแรก ที่เราดูแล้วร้องไห้ กับ2ประโยคนี้))


PS.  รับรองว่าเด็ดเผ็ดมันส์เกินร้อย อ๊าว อ๊าว ^0^
0
Halloween_phoenix 3 ส.ค. 52 เวลา 02:01 น. 6

ก็เฉยๆ ครับ
แบบว่าอ่านมาเยอะจนชาชินไปแล้ว

แต่ชอบสัญลักษณ์ห้ามใช้ภาษาวิบัติน่ะครับ
ถูกใจมาก บางทีอาจจะยืมไปใช้นะครับ ^ ^


PS.  คนเราไม่มีวันหนีสิ่งใดพ้น..
0
กฤตภาส 27 มี.ค. 56 เวลา 00:37 น. 13

ตอนนี้ผมมาเรียนต่า
ประเทศแคนนาดา ม4คิดถึงแม่มากกอะแต่อีกแค่สามเดือนก็ได้เจอแล้วดีใจจ

0