Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

19 เทคนิคในการรักษาตัวจากโรคทรัพย์จาง!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
1.เงินสดเท่านั้น แทนที่จะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ผมขอแนะนำให้ลองใช้เงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน การเติมน้ำมัน การซื้อของตามซูปเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ การใช้จ่ายด้วยเงินสดจะทำให้การใช้จ่ายในแต่ละครั้งดูเป็นการใช้จ่ายจริงๆ มากขึ้น นอกจากนี้ การใช้จ่ายด้วยเงินสดยังสามารถป้องกันการใช้จ่ายเกินรายได้ของคุณอีกด้วย

2.เก็บทุกสัปดาห์ ผม ได้ความคิดนี้มาจากเพื่อนของผมคนหนึ่ง ซึ่งได้ทำการหักเงินจำนวน 800 บาทจากเช็คของเขาทุกสัปดาห์และนำเงินจำนวนนั้นโอนเข้าไปในบัญชีที่เปิดขึ้น เพื่อนการออมโดยเฉพาะของเขา ตัวผมเองเลยเอาบ้าง หักทุกสัปดาห์ๆละ 1,600 บาท เพียงเท่านี้ มันกลายเป็นผมสามารถมีเงินเก็บได้ถึงปีละเกือบ 80,000 บาท ทั้งๆที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

3.บ้านคือวิมานฟรีๆนี่เอง การ เดินทางออกไปนอกบ้านเป็นการยั่วให้เราใช้จ่ายในหลายๆสิ่งโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการทานข้าวตามภัตตาคาร การเดินดูเสื้อผ้า (ตอนแรกแค่คิดว่าจะดู ไปๆมาๆ กลายเป็นซื้อแทน) หรือแม้กระทั่งการแว๊บไปซื้อขนมขณะกำลังเติมน้ำมันอยู่ในปั้ม กิเลสมันมีอยู่เต็็มไปหมดนับตั้งแต่วินาทีที่ก้าวเท้าออกจากบ้าน การอยู่บ้านไม่ออกไปไหนก็ใช่ว่าจะน่าเบื่อเสมอไป คุณสามารถหาอะไรสนุกๆทำกับ

4.อย่าซื้อของโดยไม่ได้ไปเดินดูสินค้าด้วยตัวเอง การซื้อของที่ขายทางแค็ตตาล็อก อีเมล์ ebay ฯลฯ มักจะมีการโฆษณาที่แพรวพราวเป็นอย่างมาก ซึ่งสุดท้ายก็กระตุ้นต่อมกิเลสจนเราต้องเผลอตัวจับจ่ายใช้สอยในหลายๆอย่างที่จำเป็น (กลายเป็นไม่ได้ซื้อของ แต่กลับเป็นการซื้อความเท่ห์ ความเก๋ ความทันสมัย ฯลฯ แทน) แต่ถ้าหากคุณยึดคติการไม่ซื้อของผ่านช่องทางเหล่านี้ คุณจะพบว่าตัวคุณเองจะใช้จ่ายเงินได้น้อยลงมากเลยทีเีดียวครับ

5.ทำลิสต์กำหนดเวลา 30 วัน ถ้าคุณเกิดรู้คุณกำลังอยากจะซื้ออะไรที่มันเกินความจำเป็นละก็ อย่าพยายามฝืน (ผมรู้ว่ามันยาก) แทนที่จะทำเช่นนั้น ให้คุณเขียนสิ่งที่คุณจะซื้อลงบนสมุดสักเล่ม หลังจากนั้น สิ่งที่คุณต้องทำ คือ รอให้วันเวลาผ่านไปสัก 30 วัน ถ้าคุณยังอยากได้อยู่ คุณสามารถซื้อได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว ความอยากมักจะหายไปหมดจนคุณไม่คิดอยากจะซื้ออีกแล้ว

6.ทำอาหารทานที่บ้าน มันอาจจะฟังดูยาก (แม้แต่ในสายตาของผู้หญิงหลายๆคน) แต่ผมรับรองได้ว่า การเรียนหนังสือ หรือ การทำงาน ยากกว่าการทำอาหารเยอะ เมนูอาหารที่ทำง่ายๆอร่อยๆ ก็มีอยู่เยอะแยะ (โดยเฉพาะพวกยำๆทั้งหลาย) การทำอาหารทานเองที่บ้านจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดโอกาสท้องเสีย (หรืออาจจะเพิ่มโอกาสก็เป็นได้) แถมเรายังสามารถเลือกวัตถุดิบและปรุงรสชาติได้ถูกปากอีกด้วย

7.ออกกำลังกาย การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยลดจำนวนครั้งที่เข้าโรงพยาบาลได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

8.ใช้ระบบการจัดสรรงบประมาณ มันก็คล้ายๆกับการใช้เงินสดแทนบัตรเครดิตนั่นแหละครับ แต่ในข้อนี้ เราได้นำเอาเทคนิคนี้ขึ้นสู่อีกขั้น กล่าวคือ หนึ่ง เรากำหนดเงินสดจำนวนหนึ่งที่คิดว่าเพียงพอต่อการใช้จ่ายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สอง ถามตัวเองดูว่า หากจะแบ่งการใช้จ่ายทั้งหมดในชีวิต เราจะแบ่งออกมาได้เป็นกี่ประเภท สาม จัดสรรเงินสดที่กำหนดไว้ในข้อหนึ่งไว้สำหรับการใช้จ่ายในประเภทต่างๆ... แต่พอเวลาเงินสำหรับใช้จ่ายในประเภทใดประเภทหนึ่งหมดลงก่อนเวลาที่กำหนดไว้แล้ว อย่าแอบเอาเงินไปใส่เพิ่มนะครับ :)

9.ตกลงคุยกับแฟนของคุณทุกสัปดาห์ถึงแผนการใช้จ่าย มันจำเป็นอย่างมากที่คุณและแฟนของคุณต้องมีความเข้าใจตรงกันในเรื่องของเป้าหมายทางการเงิน การวางแผนการใช้จ่ายโดยทั่วไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายการจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่เกินจำเป็น สัปดาห์หนึ่งๆใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ก็สามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้หมดทุกประการ

10.จัดการกับหนี้สินและการออมก่อน คนส่วนใหญ่มักจะจัดการกับสองสิ่งนี้เป็นลำดับสุดท้าย (หลังจากที่ได้ใช้เงินไปจนแทบหมดแล้ว) ผลลัพธ์ส่วนมาก คือ การจ่ายหนี้ได้ไม่หมด หรือหมด แต่มักจะไม่มีเงินเหลือไว้ออม แต่ถ้าคุณจัดการกับสองสิ่งนี้เป็นลำดับแรก ลำดับต่อมา คุณก็จะเผื่อเงินไว้ใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นโดยอัตโนมัติ และคุณก็จะใช้เงินที่หลงเหลืออยู่กับการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น (คุณอาจจะซื้อได้ไม่เต็มที่นักในส่วนนี้ แต่อย่างน้อย มันก็ยังดีกว่าการที่คุณต้องติดหนี้เดือนแล้วเดือนเล่า ใช่มั๊ยครับ)

11.ออกกำลังกายที่บ้าน ผมเชื่อว่าคงมีหลายๆคนไม่เห็นด้วยกับผมในเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ยอมรับครับว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะผมคิดว่าทุกคนควรจะทำในสิ่งมัน work สำหรับแต่ละคน แต่จากประสบการณ์ของผมส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าผมเหลือเงินเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับหลังจากที่ผมหยุดออกกำลังกายที่ Fitness เดี๋ยวนี้ ผมวิ่งออกกำลังกายที่รางรถไฟแถวบ้าน (เฉพาะรางที่ไม่มีรถวิ่งแล้วนะครับ) วิ่งจนกลับมาบ้าน ผมก็จัดการวิดพื้น เล่นโยคะ 12 ท่า กระโดดเชือก ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ผมมีสุขภาพดีขึ้นและรูปร่างดีขึ้นได้โดยที่ผมไม่ต้องเสียค่าสมาชิก Fitness แม้แต่บาทเดียว

12.No Cable TV ผมเองก็เป็นคนหนึ่งครับที่ดูทีวีเป็นประจำ เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมดู DVD แทนการนั่งจิ้มรีโมทไปเรื่อยๆโดยหวังว่าจะเวียนมาเจอรายการดีๆสักช่องแล้วครับ อีกอย่างหนึ่ง ถ้า internet คุณแรงพอในระดับหนึ่ง คุณก็สามารถดูอะไรหลายๆอย่างได้เยอะแยะบน internet ฟรีๆ ขอเพียงคุณเสียเวลา search หาดูสักหน่อยเท่านั้น

13.อะไรไม่ใช้ ทิ้งไปซะ การทำเช่นนี้มีข้อดีที่เห็นชัดๆ คือ การทำให้บ้านของคุณไม่รก ดูโล่ง สะอาดตา แต่ข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ มันทำให้คุณชักจะรู้ึสึกลังเลมากขึ้น เวลาที่คุณอยากซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นสักอย่างขึ้นมา เพราะคุณไม่อยากให้บ้านของคุณกลับไปรกอีกครั้งนั่นเอง

14.ยืมและให้ยืม ถ้าคุณมีหนังสือ เสื้อผ้า และของเล่นที่คุณไม่ต้องการอีกแล้ว จงนำมันไปบริจาคเสีย และถ้าคุณต้องการอะไรสักอย่าง ก่อนที่คุณจะออกไปซื้อ ลองใช้เวลาสักเล็กน้อยส่งประกาศของคุณไปใน internet คุณจะพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่กำลังหาโอกาสยกสิ่งของมากมายที่เขาไม่ต้องการแล้วให้กับคุณฟรีๆ

15.จ่ายเป็นของแทนจ่ายเป็นเงิน เดี๋ยวนี้มักจะไม่มีคนทำกันแล้ว แต่หลายๆคนก็ยังคงยินดีที่จะยอมแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการของคุณแทนการจ่ายเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเป็นเพื่อนกันหรือรู้จักกัน รู้ตัวอีกที คุณอาจจะประหยัดเงินได้เป็นหมื่นๆเลยนะครับ

16.ฝากเงินกับธนาคารออนไลน์ ธนาคารออนไลน์ส่วนใหญ่มักจะให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารโดยทั่วไปถึงประมาณ 2 เท่า เพื่อแลกกับการไม่มีบริการ ATM แต่นี่ยิ่งดีใหญ่ เพราะมันทำให้คุณเบิกเงินมาใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นได้ยากยิ่งขึ้น

17.ทำของขวัญด้วยตัวเอง การให้ของขวัญเป็นประเพณีที่งดงามมาก มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนใจกว้างและความเอาใจใส่ห่วงใยโดยชัดเจน แต่หลังจากที่มีนักธุรกิจหัวหมอคิดทำเงินกับของขวัญแล้ว ราคาของขวัญก็พุ่งทะลุฟ้าออกไปนอกโลกเลยทีเดียว แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินเพื่อของขวัญที่ไม่ได้ทำมาจากใจเหล่านั้น ถ้าอยากจะให้ของขวัญ คุณก็สามารถใช้ทางเลือกอื่นๆได้ เช่น ให้เวลากับลูกเป็นพิเศษในวันเกิด (ลูกๆหลายคนอยากได้ตรงนี้มาก) ให้ภาพวาดที่เราวาดเอง (ไม่จำเป็นต้องสวยก็ได้ ขอแค่ให้ทำจากใจ) อบขนมเค้กให้เอง (แม้ว่ามันจะไม่อร่อยก็ตาม) ฯลฯ

18.สอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน ถ้าคุณมีลูก และคุณพูดกับลูกในเรื่องนี้ มันจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย (คุณก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ ส่วนลูกของคุณก็จะไม่มีปัญหาทางการเงินเมื่อเขาโตขึ้น) ถ้าลูกของคุณรู้เล่ห์เหลี่ยมของนักโฆษณาที่ต้องการขายของเล่น ลูกของคุณก็จะไม่โวยวายเรียกร้องอยากไ้ด้หุ่นยนต์รุ่นล่าสุด ถ้าลูกของคุณรู้เรื่องการออมเงินและการหาเงิน ลูกของคุณก็จะเคารพในเงินที่คุณหามาได้และพยายามที่จะเก็บออม ฯลฯ

19.หาความสุขโดยไม่เสียตังค์ หลายๆคนซื้อนู่นซื้อนี่เพราะคิดว่าการได้ใช้เงินเป็นการจ่ายเพื่อซื้อความสุข (ผมคิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นโดยจิตใต้สำนึก) หลายๆคนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีรถยนต์หรูๆ เสื้อผ้าทันสมัย เพราะมันทำให้พวกเขามีความสุข แต่หลังจากนั้นสัก 2-3 วัน ความสุขที่มีต่อสิ่งที่เพิ่งซื้อมาก็หายไปหมด กลายเป็นว่าถึงเวลาต้องหาซื้ออะไรใหม่ซะแล้ว มันจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ แทนที่จะทำเช่นนั้น ผมขอแนะนำให้เอาเวลาที่มีค่าของคุณไปเรียนรู้ที่จะรักชีวิตของคุณ รักธรรมชาติรอบๆตัวคุณ รักคนรอบๆตัวคุณ รักสิ่งที่คุณทำได้ดี รักการออกกำลังกาย รักการนั่งสมาธิ น่าจะดีกว่านะครับ ชีวิตสนุกจะตายครับ และมันทำให้เรามีความสุขได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องไปหาความสุขจากการใช้เงินสักนิด

\"ข้าพเจ้าต้องการใช้ชีวิตเป็นคนจนที่มีเงินเป็นตั้ง\" Pablo Picasso

ที่มา : http://zenhabits.net

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ตุลาคม 2552 / 15:46

PS.  หากคุณมุ่งมั่นและต้องการที่จะสร้างรายได้มหาศาลอย่างแท้จริง ผมสามารถช่วยคุณได้ครับ :) http://www.successfulife.ws

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

ตะวัน ตัณทัยย์ 11 ก.พ. 60 เวลา 18:21 น. 4

ผมจะทำใหัไดัชีวิตนีผมสร้างอะไรมากมายดัวยต้เองแต่สุดทัายมมันจะไม่เหลีออะไรมีแต่ความเคียดเป็นหนี้เขาหาเงินมาไม่ไดัใชัเลยเหมีอนจจะหมดหวังพยายเริมไหมลงทุนทำอะไรไม่ไดัผลตอบแทนมตีแต่ขาดทุนหมดตัวแลัวแต่ผมจะสู้ต่อแต่ไม่มีทุนเลยตอนนี้ ขอบคุณครับไดัอ่านขัอความหลายๆย่างทำให้มีความหวังจะสู้ต่อไปครับ

0