คุณคิดอย่างไรกับระบบ คะแนน GAT PAT ที่ใช้คะแนนดิบ
ตั้งกระทู้ใหม่
อย่างแรกที่ผมจะพูดคือ เรื่องคะแนน GAT PAT ที่เขาว่ากันว่าได้มาตรฐาน
ทุกคนคงเคยเรียนสถิติเรื่องค่ามาตรฐาน Z แล้วใช่ไหมครับ ทุกท่านเคยลองไปเทียบค่ามาตรฐานของการสอบแต่ละครั้งไหมครับ ว่าต่างกันเพียงไร
ผมจะยกตัวอย่างนะครับ
การสอบรอบมีนาคม 2553 คะแนนของผมเองครับ
GAT1 126.92 GAT2 74
GAT 200.92 คะแนนเฉลี่ย130.81 ส่วนเบี่ยงเบน 58.30 ผมได้ค่ามาตรฐาน 1.202
PAT1 156 คะแนนเฉลี่ย64 ส่วนเบี่ยงเบน 30.88 ผมได้ค่ามาตรฐาน 2.979
PAT2 105 คะแนนเฉลี่ย87.17 ส่วนเบี่ยงเบน 22.57 ค่ามาตรฐาน 0.789
การสอบรอบกรกฏาคม 2553
GAT1 126.48 GAT2 83.5
GAT 209.98 คะแนนเฉลี่ย 128.43 ส่วนเบี่ยงเบน 61.32 ค่ามาตรฐาน1.329
PAT1 141 คะแนนเฉลี่ย56.26 ส่วนเบี่ยงเบน 25.92 ค่ามาตรฐาน3.269
PAT2 132 คะแนนเฉลี่ย85.49 ส่วนเบี่ยงเบน 21.62 ค่ามาตรฐาน2.151
เห็นอะไรไหมครับ คะแนน PAT 1 ของผม รอบที่ 2 ผมได้น้อยลงอย่างชัดเจน แต่ ค่ามาตรฐานของผมกลับมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ค่ามาตรฐานคิดได้จาก คะแนนเรา - คะแนนเฉลี่ย หารด้วยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานครับ เห็นบางคนเรียนสานศิลป์อาจไม่รู้ แก้ไขเพิ่มาให้ครับ
มันแสดงถึงอะไรครับแบบนี้ ข้อสอบมาตรฐานสามารถใช้วัดได้จริงๆเหรอครับ แสดงว่าคะแนนน้อยลงกันทั้งประเทศจริงไหมครับ
แล้วการสมัครโควต้า ต่างๆ หรือแอดกลาง มันต้องใช้คะแนนGAT PAT ใช่ไหมครับ แล้วใช้เป็นตัวคะแนน แล้วแบบนี้
รอบไหนที่ข้อสอบมันง่ายกว่ารอบอื่น ทำให้คะแนนค่อนข้างเฟ้อ แล้วรอบนั้นคนที่สอบค่อนข้างไม่พร้อม แล้วรอบต่อมาข้อสอบยากขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
แล้วดันเป็นรอบท้ายๆที่จะสามารถรีบเก็บคะแนนได้แบบนี้ ถึงจะพร้อมแล้วแต่คะแนนก็ไม่ดีอย่างที่คนอื่นเขาคะแนนเฟ้อกันไปแล้ว
แบบนี้ไม่เสียเปรียบกันมากเกินไปหรือครับ รอบไหนข้อสอบง่ายคะแนนเฟ้อคนไม่พร้อมอดไป พอรอบต่อมาพร้อมแล้วแต่ข้อสอบกลับยากขึ้นจนคะแนนไม่ดีเท่าที่ควร
แบบนี้ มันจะเรียกว่าได้มาตรฐานได้อย่างไรกันครับ ผมว่าแบบนี้ ให้เอาค่ามาตรฐานมาวัดแทนดีไหมครับ
แทนที่จะใช้ตัวคะแนนซึ่งเป็นเลขที่หยาบมาก คะแนนมาตรฐานจะละเอียดกว่ากันพอสมควร ซึ่งไม่ว่าคะแนนน้อยคะแนนเยอะ ก็อาจจะไม่ต่างกัน ถ้าคะแนนเฉลี่ยสูงตามไปหรือต่ำตามไปด้วย
มันทำให้มีความารตฐานมากกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ ผมว่า
ไม่ใช่อะไรครับ ผมเคืองเรืองข้อสอบที่ยากขึ้นแล้วบอกว่าข้อสอบได้มาตรฐานมากครับ ดูได้จากคะแนนเลขผมที่ลดลง แล้วค่ามาตรฐานที่สูงขึ้นแบบนี้ ผมเคืองครับ เพราะเดียวผมจะต้องใช้คะแนนแล้ว
แต่คะแนนผมกลับสูงขึ้นต่ำลง แล้วมาตรฐานไม่มี ผมเลยคิดว่า ให้ใช้ค่ามาตรฐานแทนคะแนนดีไหมครับ ซึ่งมันจะวัดความเก่งได้ละเอียดมากกว่า คะแนนหยาบๆที่ไม่ได้เทียบคะแนนเฉลี่ยอะไรเลยแบบนี้
เพื่อนๆคิดว่าอย่างไรครับ
จาก เด็กนครสวรรค์
ท้ายที่สุด หัวข้อผมมันเกี่ยวกับคะแนนดิบ กับคะแนนมาตรฐาน ทำไมไม่เห็นพูดถึงเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของมันเลยละ - *- กลายเป็นมาพูดกันเรื่องข้อสอบยากบ้างผมเพ้อบ้างละ คุณที่ว่าผมเพ้อ ช่วยบอกเหตุผลของคุณด้วยครับ
ว่าคะแนนดิบมันดีกว่ามาตรฐานยังไง ผมจะได้ทราบครับ เพราะความคิดของผมตอนนี้มันยังไม่มี ช่วยสงเคราะห์กันบ้างเถอะครับ เพื่อผมจะได้ตาสว่าง
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 / 21:26
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 / 21:58
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553 / 22:44
PS. �[บีม 16] วะ วะ วะ วาโย~
34 ความคิดเห็น
คะแนนมาตรฐาน นี่คืออะไรเหรอ Si เหรอ ไม่ใช่หนิ
ดูไงอ่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับระบบที่ควรปรับปรุงซะก่อนล่มสลายไม่ได้มาตรฐาน
เห็นด้วยเราท่องศัพท์ไปแบบไม่พร้อมในการแกทเลยได้น้อย แต่ครั้งนี้มันเฟ้อ
แล้วคิดดูสิว่าถ้าทาง สทศ. เขาเห็นว่าข้อสอบง่ายไม่ได้มาตรฐาน จึงปรับให้ยากกว่าเดิมมากขึ้น
แล้วที่เราอ่านมาอย่างดี แต่กลับทำไม่ได้หละ นี่แหละความยุติธรรมมันหายไปไหน
และเรายังเห็นใจคนที่ไม่ได้มาสอบรอบนี้ด้วยทั้งที่ไม่พร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจความคิดความรู้ต้องพลาดข้อสอบง่ายๆ อย่างนี้หรอ
ต้องพลาดรอบคะแนนเฟ้อแบบนี้หรอ ทั้งๆที่เขาคนนั้นมีความรู้ความขยัน
เรียนให้ทุกคนเข้าใจตรงกันด้วยว่า ระบบนี้วัดคนได้ยากจริงๆ
                                                                                          ด้วยความเคารพและหวังดีจึงเตือนและแนะนำเพื่อทราบ
เห็นด้วยกับ คห.2 ผมก็ไม่ได้สอบรอบ ก.ค. 53
รอดูรอบ ต.ค. 53 สิว่าจะเป็นไง
คิดว่ามันยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?
คนที่สอบระบบนี้เป็นรุ่นแรก เอาตั้งแต่ ยังไม่รู้แนวข้อสอบ ยังเชื่อมโยงไม่เป็น ยังไม่รู้ว่าข้อสอบนี้ออกมาแนวนี้นะ
คนที่สอบโดยใช้ระบบนี้เป็นรุ่นแรกๆ เป็นคนที่เสียเปรียบที่สุด และอย่าได้แปลกใจว่าคะแนน Gat ที่มันพุ่งพวยออกมามากมายขนาดนี้เป็นเพราะอะไร
ลองมองหาหนังสือเก็งต่างๆตามร้านหนังสือแล้วบอกผมสิว่านั่นไม่มีส่วนช่วย
แน่นอนว่ารุ่นหลังๆมีแนวโน้มว่าคะแนนจะพุ่งสูงขึ้นอีก ยกเว้นว่า สทศ พยายามทำให้มันยากขึ้น หรือ ออกนอกมาตรฐาน
การที่คนรุ่นหลังมีหนังสือ Gat อ่าน มองให้ง่ายก็คือ ถ้าอีกสิบปีข้างหน้า ระบบนี้ยังใช้กันอยู่ และในแผงหนังสือประกอบไปด้วย
เฉลยต่างๆหลากเล่ม(แท้ที่จริงแล้วข้างในเหมือนกันทุกเล่ม)ประกอบไปด้วยพาร์ทเชื่อมโยง 60 บทความ
ลองเอามาเทียบกันสิว่ารุ่นแรก กับรุ่นหลัง ใครน่าจะได้คะแนนมากกว่ากัน เว้นเสียแต่(ย้ำ)สทศทำให้ข้อสอบมันยากขึ้น
กับอีแค่ เฉลยตอนนี้ที่มีอยู่ตามแผง มันก็ทำให้คนได้เต็มกันเกือบค่อนประเทศแล้ว ยังจะแปลกใจกันอยู่อีกเหรอ ว่าทำไมคะแนนมันเฟ้อนักเฟ้อหนา
เชื่อมโยงเป็นอะไรที่ใหม่ และบอกได้เลยว่าอีกไม่นานต้องเปลียน(เปลี่ยนให้มันยากขึ้นไง)
จะมีปัญหาก็ตรงที่คนสอบรอบนี้แล้วได้คะแนนน้อย หรือคนที่พลาดโอกาส, คนที่ยังไม่พร้อม พยายามจะ down คนที่ได้คะแนนเยอะโดยบอกว่าคะแนนเฟ้อเท่านั้นแหละ
และสิ่งนี้เองที่จะเป็นตัวจุดชนวนให้ ข้อสอบ Gat รอบต่อไปมันยากขึ้น.
(จะมีกี่ล้านคนกันที่จะคิดว่า 150 คะแนนของตนนั้นจะไปปรากฎอีกครั้งในประกาศผลสอบรอบต่อไป?)
คห.2 = =
งั้นครั้งที่ผ่านมารอบ ตุลา 52 มีนา 53
ผมไม่ได้สอบ เพราะไม่พร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ
ขอสอบใหม่ได้ไหมอ่ะ แบบผมก็มีความรู้นะ
คห.4
ผมคิดว่ารอบหน้าผมก็จะได้ 150 นะ GAT1 อ่ะ : D
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 / 21:34
แรกๆก็คิดแบบนี้แต่หลังๆมา
รู้สึกว่าเขาจะไม่ฟังใครเอาแต่ความคิดของตัวเองคนเดียว เราเลยปลงอ่ะแบบไม่มีปัญญาไปเรียนต่างประเทศด้วย ก็ต้องทนๆกันไป
PS. อยากให้โลกแตก > <
ผมถึงอยากให้คิดจาก คะแนนมาตรฐานไงครับ
เพราะมันจะได้ทุกคน ไม่มีใครเสียเปรียบได้เปรียบเรื่องคะแนนเฟ้อ หรือ ฟืดจนหดหาย
เพราะ เทียบกันทั้งประเทศในรอบๆนั้น ไม่ใช่เทียบกับรอบต่างเอารอบฟืดมาสู้รอบเฟ้อ มันคงจะไปชนะกันหรอกครับ
ถ้าผมได้คะแนน gat 240 เยอะสุดประเทศ 290 แต่รอบฟืด ผมได้ gat 180 แต่เยอะสุดประเทศ 185 มันคนละโลกเลยครับ ถ้าคิดค่ามาตรฐาน จะเห้นได้อย่างชัดเจนถึงความต่างของความสามารถครับ
ปกติคะแนนมาตรฐานจะใช้คิดในเกี่ยวกับคะแนนต่างวิชาว่าเรียนวิชาไหนได้ดีกว่ากัน
แบบนี้คะแนนรอบต่างกันใช้วิธีนี้ ก็น่าจะใช้ได้ประโยชน์สูงสุดนะครับ เพราะคะแนนเยอะใช่ว่าจะเก่งเสมอไปอยู่ที่ข้อสอบกับคนอื่นๆอีกครับ
PS. [บีม 16] วะ วะ วะ วาโย~
เป็นเพราะ จขกท. ได้ GAT น้อย PAT1 ใช้ได้หรือเปล่า
เลยออกมาเรียกร้อง
ป่าวครับ PAT ผมยังใช้ไม่ได้อยู่ดี ทั้ง 1 และ 2 อะละ โรงเรียนผมมันยังมีโหดกว่าผมอีกเยอะ - *-ผมยังไม่ติดท๊อป100เลย
ไม่ใช่GAT ง่ายอย่างเดยีวนะครับ แต่ PAT1 มันยากขึ้นนะครับเห็นได้ชัดดูจากคะแนนมาตรฐาน
ดังนั้น ผมคิดว่าใชคะแนนมาตรฐาน มันจะช่วยคนทุกคนที่สุดแล้วอะครับ เอาทศนิยม 10ตะแหน่งวัดกันไปเลย = [ ]=
PS. [บีม 16] วะ วะ วะ วาโย~
เราก็อยากให้ใช้คะแนนมาตรฐานเหมือนกัน
คะแนนดิบ...ไม่รู้สิ...มันเทียบไม่ได้ว่า คนนี้เก่ง คนนี้ไม่เก่ง เนาะ
เพราะข้อสอบแต่ละรอบมันไม่ได้มาตรฐานเลย
เช่น รอบปีที่แล้ว ได้อังกฤษถึงร้อยก็ถือว่าเยอะมาก เพราะข้อสอบยากสุด ๆ
แต่เดี๋ยวนี้ ร้อยต้น ๆ ได้สบายมาก เพราะข้อสอบง่ายกว่าเก่า
อะไรอย่างนี้เป็นต้น
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด(คะแนนผมจริงๆ)
ก.ค.52
Gat 220.00 คะแนนมาตรฐานผมได้ 74.82
ต.ค. 52
Gat 221.34 คะแนนมาตรฐานผมได้ 70.61
มี.ค. 53
Gat 231.96 คะแนนมาตรฐานผมได้ 67.35
ก.ค. 53
Gat 255.00 คะแนนมาตรฐานผมได้ 70.64
สรุปแล้ว ไอครั้งที่ได้ 220 รอบแรก มันดูมีค่ากว่ารอบล่าสุดอีก
เงินหนุน 600 ล้าน
ผู้สมัครสอบทั้ง 12 วิชา 600000+ ต่อรอบ
ไม่เกิน 150 ล้านต่อรอบ
ปีละ 3 รอบ
450 ล้าน
ทำเงินได้ปีละ 1000 ล้าน
ถามว่างบพันล้านนี่ กับโต๊ะนั่งสอบที่มันมีอยู่แล้วตามธรรมชาติมันแมชกันป่าวครับ
กระดาณข้อสอบก็ไม่ใช่เอสี่นะเออ
ใช้คะแนนมาตรฐานถึงจะเท่าเทียมกันที่สุดครับ
แต่คนที่ได้คะแนนรอบล่าสุดเยอะๆเพราะว่าคะแนนเฟ้อก็อยากจะใช้คะแนนดิบเป็นธรรมดา
ในเมื่อคะแนนมันเฟ้อแบบนี้ คะแนนแก้ทก็วัดกันแค่ว่า คนคนนั้นเก่งภาษาอังกฤษรึเปล่า
ส่วนเชื่อมโยง บางคนไม่เรียนมาก็ทำได้เต็ม ส่วนเพื่อนผมที่เรียนมา 90เปอร์เซน ได้เต็มทุกคน อาจมีตกไป 2-3 คะแนนบ้าง
ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องอดตายหรอก สอบตรงก็มี เดินเข้าไปเหอะ ปัญหาน้อยกว่าแทบไม่ต้องคิด
คห 12 ครับ
จะว่ามันแพงก็แพงครับ แต่อย่าลืมเงินที่ต้องจ้างครูมาเฝ้านักเรียนด้วยนะครับ มาเฝ้านักเรียนสอบหลายชั่วโมงอยุ่นะครับวิชาหนึ่ง
แล้วก็ค่าคนทั้งหลายแหล่ที่ทำงานในองค์กรสทศ.ด้วยครับ ค่าจัดส่งกระดาษข้อสอบ ต่วแม็กหนีบ ค่าฯลฯ เยอะอยู่ครับ
ถึง คห 16
ผมอ่านผิดครับผมเมาไปแล้ว ขออภัย คห14ด้วยครับ = = ผมนึกไปถึงสอบแอดมินชั่นกลาง
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 / 22:20
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 / 22:36
PS. [บีม 16] วะ วะ วะ วาโย~
ผมค่อนข้างไม่อยากเสี่ยงกับการรับตรงครับ ไม่ต้องการให้พ่อแม่ผิดหวัง ผมพยายามเต็มที่แล้วไม่ติดขึ้นมาเสียเวลาไปอีกปีหนึ่งเลย แล้วในเมื่อมีหนทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าก็น่าลองเลือกครับ
เอ้ย  งง
ผมได้ยินมาว่า Admission ไม่ใช่เหรอครับที่เค้าให้เลือก 4 อันดับ ถ้าไม่ได้แล้วให้ รอปี 1
สอบตรงนี่่คือสอบไม่ได้ ก็ค่อยไป แอดมิชชั่น
แอดมิชชั่นคือ ยื่นใบ คะแนน GatPat onet Gpax ใช่ใหมครับ
ผมเริ่มงงงละ
ตกลงผมเข้าใจผิดป่าวหว่า
เราก็เห็นด้วยนะที่จะใช้คะแนนมาตราฐานอ่ะ
เราจะพูดถึงส่วนของแพทภาษาแล้วกัน(ก็เราสอบนี่นะ)
ภาษามีทั้งหมด6-7ภาษาเนี่ยแหละ แต่ภาษาที่จะใช้ยื่นเข้ามหาลัย
กันจริงก็มี ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน แล้วแต่ละภาษาแน่นอนว่า
ความยากไม่เหมือนกัน ถ้าเพื่อนๆลองไปดูตารางคะแนนจะพบว่า
แพทญี่ปุ่นเป็นแพทที่คะแนนสูงมากถึงมากที่สุด ข้อสอบญี่ปุ่นอาจจะง่าย
หรือมีขอบเขตในการออกข้อสอบ (เราได้ยินมาว่าแพทญี่จะออกในหนังสือ...ไรเนี่ยแหละ)
ทำให้เด็กศิลป์ญี่ปุ่นได้เปรียบศิลป์อื่น(เพราะเหตุใดเราก็ไม่ทราบเพราะอ่านข้อสอบญี่ไม่ออก)
ส่วนเด็กศิลป์จีนซึ่งข้อสอบยากมากถึงมากที่สุด(ก็แค่จะอ่านให้ออกยังยากเลย)
กลับเสียเปรียบสายอื่น(ตาม คห ส่วนตัวเรานะ) แล้วพอคะแนนออกมา
แพทญี่เกิน 270 เป็นสิบๆคน บางที20กว่าคน ซึ่งแพทภาษาอื่นๆที่จะทำให้ถึง
240ก็ลำบากแล้ว T T ซึ่งมีแค่คะแนนมาตราฐานเท่านั้นที่ไม่ทิ้งห่างกัน
แต่คะแนนดิบห่างกันราวฟ้ากับเหว >.< เราว่าถ้าเค้าจะใช้คะแนนมาตราฐาน
มันก็จะเป็นการจุติธรรมสำหรับแพททุกภาษานะ เห็นใจกันบ้างเหอะว่าข้อสอบ
มันยากต่างกัน ต่างภาษาก็วัดอะไรกันไม่ได้แล้ว คะแนนมาตราฐานอ่ะดีสุด
ปล.เผื่อบางคนหาว่าที่เราโพสไปเพราะเราได้คะแนนแพทน้อย เราจะบอกว่า
สำหรับเราก็ถือไม่น้อย เราสอบแพทฝรั่งเศสได้คะแนน 260+ แต่เราอยาก
ให้ใช้คะแนนมาตราฐานมากกว่าเพื่อความเสมอภาค(ก็ข้อสอบความยากไม่เหมือนกันหนิ)
ปล.2 เด็กศิลป์ญี่ปุ่นที่ได้คะแนนเยอะๆ ขอความกรุณาอย่าว่าเรานะ เราไม่ได้ว่าพวกเธอ
ที่เราโพสไป เราแค่อยากแสดงความคิดเห็นในส่วนนี้เฉยๆ ส่วนตัวแล้วเราก็คิดว่า
เด็กศิลป์ภาษาหลายๆคนก็อาจจะอยากให้ใช้คะแนนมาตราฐาน
PS. La Faculté des Lettres de CU
เราสงสัยอ่ะ สอบตรงนี่ก้อต้องยื่น แกท แพท
ด้วยไม่ใช่เหรอ
มีปัณหาทุกปีแหละใช้ส่วนไหนตรงไหนก็มีปัญหา
เพ้อ อ่ะ
เราว่านะ GAT/PAT อ่ะดีนะ เราว่า . . . ได้มารตฐานแน่นอน
อย่างที่ได้อ่านๆ จขกท เพ้อมานิดๆ
เราคิดว่า การที่มีการสอบหลายรอบ ก้ดี และก้ไม่ผิดที่จะมีสอบหลายรอบ
*****การเข้ามหาวิทยาลัย คือการปรับตัวหลายๆอย่าง สำคัญๆคือความพร้อม แน่นอนความรู้ก้ต้องมีทุกคน แต่เมื่อคุณจะก้าวเข้าสู่ชีวิตนิสิต-นักศึกษา คุณก้ต้องมีวุฒิภาวะที่ดีในระดับหนึ่ง+++++ คือคุณควรที่จะพร้อมที่จะสอบในทุกๆรอบ ที่มีสอบ มันถูกต้องแล้ว  ถ้าคิดไม่พร้อมคุณก้ไม่ต้องสอบสิ (ไม่เสียเงินด้วย) เค้าไม่ได้บังคับให้สอบทุกรอบนิ  งุงิ  ชีวิตนิสิตมันมีอะไรมากกว่า ม.ปลายเยอะนะถ้าไม่รู้จักปรับตัวก้มีปัญหาตามมาอีก เช่น เรียนไม่จบ รีไทล์ "ซิ่ว" และทำให้ทางบ้านหนักใจ ,, เราไม่ได้ว่าใครนะ เราแค่แสดงส่วนหนึ่งในความคิด โอเคมะ ,, มหาลัยตอนเรียนมีสอบบ่อยและคะแนนสำคัญกว่านี้นะ GAT/PAT ยังเลือกคะแนนดีที่สุดได้แต่มหาลัยมีแต่คะแนน สอบ เต็มๆตัดเกรดสนุกสนาน ยังไงมองโลกกว้างๆหน่อยเนอะ  เด๋วก้โตเป็น นิสิต-นักศึกษากันแล้ว
+++การสอบ GAT/PAT ไม่ได้บังคับให้ทุกคนสอบ แต่เด็กที่จะสอบควรมีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอยู่เสมอ
ถ้าไม่ชอบ GAT/PAT ก้หาเข้ารับตรงที่ไม่ใช้ GAT/PAT สิอย่าง มศว ที่เพิ่งปิดรับสมัครไปก้ไม่ได้ใช้ ไม่ชอบก้ไปแนวนั้นสิ มาพูดเพ้อไรไม่รู้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?