Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

---->ศึกษา "เรียวขา" ผู้หญิงพม่า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ศึกษา "เรียวขา" ผู้หญิงพม่า


หมายเหตุ ผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า "บุ๊ก โซน" ได้เขียนบทความภาษาอังกฤษวิเคราะห์ปรากฏการณ์เรื่องเรียวขาของผู้หญิงพม่าในนิตยสารยุคต่างๆ ลงในเว็บล็อกนิว มันดาลา (นวมณฑล) มติชนออนไลน์เห็นว่านี่เป็นบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ จึงขออนุญาตแปลสรุปความและนำมาเผยแพร่ต่อดังนี้


เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าได้สั่งห้ามนิตยสารที่มีชื่อว่า "ป๊อปปิวลาร์ เจอร์นัล" ออกจำหน่ายเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในข้อหาตีพิมพ์รูปภาพของนางแบบที่ถูกมองว่ามีลักษณะเข้าข่าย "อนาจาร" ตรงหน้าคู่กลางของวารสาร ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


แม้ว่ารูปภาพลักษณะนี้จะเริ่มถูกพบเห็นได้ทั่วไปมากยิ่งขึ้นในประเทศที่ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ของภาคเอกชนกำลังแพร่หลาย แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่าก็ยังแสดงท่าทีไม่พึงพอใจเมื่อ "ความจริง" และ "จินตนาการ" เริ่มซ้อนทับกัน


หลังจากนั้น "ป๊อปปิวลาร์ เจอร์นัล" ก็ดูเหมือนจะตระหนักถึงบทเรียนที่ได้รับ และหันกลับมาสงวนหน้าหนังสือของตนเองไว้ให้กับรูปภาพของสาวๆ ที่แต่งกายอย่างมิดชิด


แต่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นิตยสารอีกฉบับอย่าง "ลิฟวิ่ง คัลเลอร์" ก็นำเสนอบทความที่มีเนื้อหาว่าด้วยสไตล์การแต่งตัวของวัยรุ่นพม่ากับวัฒนธรรมที่เป็น "ประเพณีดั้งเดิม" ซึ่งสำรวจความเห็นของวัยรุ่นเกี่ยวกับลักษณะการแต่งกายในรูปแบบเก่าและใหม่ ก่อนจะประเมินว่ากระแสการแต่งกายในพม่ายุคปัจจุบันนั้นเทียบได้กับลักษณะการแต่งกายของชาวกรุงเทพฯเมื่อหลายปีก่อน


โดยบรรณาธิการของนิตยสารฉบับดังกล่าวได้ปรุงแต่งให้บทความมีความร้อนแรงมากขึ้น ด้วยการใส่รูปของสาวๆ ที่เปลือยหัวเข่าและต้นขาตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ประกอบเข้าไป


คำถามที่น่าสนใจได้แก่ การปรากฏภาพท่อนขาของสตรีพม่าในพื้นที่สื่อและพื้นที่สาธารณะอื่นๆ นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ซึ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ชาวพม่าจริงหรือไม่? เรียวขาเหล่านี้กำลังบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลง? หรือสุดท้ายแล้ว เรียวขาเหล่านี้จะมีสถานะเป็นเพียงภาพจำนวนมากมายที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คน หากไม่ได้บ่งชี้ถึงความหมายใดๆ ตามมา?


จึงน่าสนใจไม่น้อย ที่เราจะลองเปรียบเทียบภาพปกของนิตยสารพม่าในยุคต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าภาพของผู้หญิงที่ปรากฏในนิตยสารเหล่านั้นผันแปรไปอย่างไรบ้าง


ซึ่งผู้เขียนบทความชิ้นนี้ได้ยกตัวอย่างของนิตยสารที่มีอายุเก่าแก่อย่าง "เมียวดี" มาเป็นกรณีศึกษา


เริ่มต้นจากภาพปกของเมียวดี ในปี ค.ศ.1958 (พ.ศ.2501) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สื่อพม่าในยุค 50 ปีก่อน สามารถเผยแพร่ภาพท่อนขาเรียวงามของสตรีแบบเต็มๆ ได้

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางทศวรรษ 1960 (ราวปลายทศวรรษ 2500) ภาพถ่ายผู้หญิงที่มีลักษณะดึงดูดทางเพศกลับจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยภาพถ่ายซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมที่ถูกประกาศใช้ภายในประเทศ


ดังนั้น ผมของเหล่านางแบบจึงถูกตัดให้สั้นหรือมัดไว้ด้านหลังศีรษะ ส่วนเสื้อผ้าก็มิได้ไร้ซึ่งความหมายใดๆ แบบไม่มีสาระ แต่สตรีเหล่านี้มีงานที่ต้องทำ ภาพปกของเมียวดีในยุคดังกล่าว จึงเป็นรูปหญิงสาวชาวนากำลังกวัดแกว่งเคียวเกี่ยวข้าวอย่างกระตือรือร้น ขณะที่รูปของนักเรียนหญิงกลับดูลงตัวมากกว่า แต่ก็ยังต้องแต่งกายในลักษณะมิดชิดอยู่ดี
 

 

เข้าสู่ทศวรรษ 1980 (ราวทศวรรษ 2520) อุดมการณ์สังคมนิยมได้เบาบางลงไป นางแบบตามหน้านิตยสารในยุคนี้จึงมีลักษณะเป็นผู้หญิงทำงานน้อยลง พวกเธอเดินทอดน่องไปมา พวกเธอเป็นตัวแทนคุณสมบัติเฉพาะของสตรีเพศที่มีความหมายไม่เด่นชัดนัก พวกเธอสวมใส่นาฬิกาแบบดิจิตอลและตัดผมทรงสปอร์ต-ดิสโก้


อย่างไรก็ตาม การแต่งกายของนางแบบเหล่านี้ยังมีลักษณะอนุรักษ์นิยมและสุดแสนจะมิดชิดอยู่เช่นเคย

 

ล่วงเข้าสู่ศตวรรษใหม่ปี 2000 นิตยสารเมียวดีได้เปลี่ยนผ่านยุคของเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ด้วยการหวนกลับไปสู่การแต่งกายแบบ "ประเพณี" อีกครั้งหนึ่ง ผ่านการปฏิเสธกระโปรงแบบมินิสเกิร์ต แต่หันไปสนับสนุนการแต่งกายของสตรีที่เป็นต้นแบบในการยอมรับอำนาจและถูกจำกัดอยู่ในกรอบของรัฐ

 

นักมานุษยวิทยาชาวต่างชาติผู้มีนามว่า "โมนีค สคิดมอร์" เคยเสนอไว้ว่า ในประเทศพม่านั้น มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับบางประการ ซึ่งส่งผลให้เรือนร่างของผู้หญิงต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของอำนาจรัฐ ที่พยายามจะสร้างความชอบธรรมให้แก่ระบอบการปกครองแบบเผด็จการอันต่อเนื่องยาวนานของเหล่าบุรุษซึ่งเริ่มประสบความไม่แน่นอน ว่าจะจัดการกับอำนาจในการต่อต้าน (รัฐ) ของผู้หญิงอย่างไร ไปพร้อมๆ กับการค้ำยันสถานะของรัฐแบบผู้ชายให้ยังมีความมั่นคงอยู่


นี่เป็นบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ ท่ามกลางยุคสมัยที่รูปแบบการแต่งกายของผู้หญิงพม่าซึ่งได้รับอิทธิพลจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ละครโทรทัศน์เกาหลี หรือวัฒนธรรมฮิป-ฮอป (ไม่ใช่นิตยสารเมียวดี) กำลังแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว


จนอาจไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในพม่า?

 


 


 

ฝากคระ
V
V
กดตามสบาย
    
ฝากอีกนะ

เรื่องแปลกแต่จริงที่สุดเก๋ ไม่ซ้ำใคร


ผู้หญิงอย่าหยุดสวย






แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 6 ธันวาคม 2553 / 10:58

PS. � คัยเปงเพื่อนในไอดี เก่าช่วยแอด มาด้วย ต้องการเพื่อนเก่าๆๆๆๆๆ คืนๆ //ME หยุดเกรียนมาทำดีซะพัก คริคริ มาชมบล็อค เดิ๊ยนได้นะคระ http://minwoo2020.tumblr.com/

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

.__ HaniShidae *__. 6 ธ.ค. 53 เวลา 13:24 น. 1

เอ่ออ แค่เห็นเรียวขา? ต่างประเทศต่างวัฒนธรรมเนอะ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 6 ธันวาคม 2553 / 13:27


PS.  @ Persephone >> TEPPO << OH! fIGHTING!!! >> เจ๋ง
0
OKT_N 7 ธ.ค. 53 เวลา 19:06 น. 6

มันก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ
เหมือนไทยอ่ะ ทำไมสมัยสุโขทัย อยุธยา
คนตะเบงมาน เปลือยอก. แล้วถูกมองว่าไม่อนาจาร ไม่โป๊.

น่าคิด.
แต่งตัวเรียบร้อยไม่เรียบร้อยขึ้นอยู่กับ กาลเทศะ ล่ะเนอะ

0
*~+LP*LucK+PalM+~* 8 ธ.ค. 53 เวลา 09:29 น. 8

ก้อสมัยก่อน ผู้ชายมันคงไม่หื่นเท่าสมัยนี้ เค้าก้อเลยแต่งตัวแบบนั้นได้ และผู้หญิงก้อไม่ได้แต่งตัวให้ท่าผู้ชายแบบนี้ มันก้อเลยไม่ค่อยจะมีเรื่องข่มขื่น(ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกฏหมายและการดูแล)

แต่สมัยนี้ ทั้งหญิงและชาย ต่างมีศีลธรรมที่ลดลง เลยเกิดเรื่องได้ง่ายขึ้น

การแต่งตัวในสมัยนี้ จึงดูล่อแหลมมากเกินไป

0
B.B.butter 8 ธ.ค. 53 เวลา 18:06 น. 9

โลกเราก้าวหน้าไปฉันใด ผู้หญิงเราก็ก้าวไกลไปฉันนั้น

ฮี้ฮ่า


PS.  ลัลลา...ประสาคนโฉดดด
0
หลุมมืด 9 ธ.ค. 53 เวลา 04:56 น. 10

สมัยการมองสรีระร่างกายมนุษย์ถึอเป็นเรื่องของความงาม ในเมื่อร่างกายมนุษย์คือความงามจะปกปิดไปทำไม บ้านเราเมืองร้อนด้วย แถบยุโรปเมื่อก่อนสมัยกรีกโรมันก็ถึอว่าร่างกายมนุษย์คือความงามจะเห็นได้จากรูปปั้นที่เน้นปั้นรูปเปลือยสรีระของทั้งชายหญิง จะมาเริ่มแต่งตัวมิดชิดก็ตอนยุคกลาง ซึ่งเราก็ตามเขา แต่ก่อนเราเองก็ไม่ถือเรื่องสรีระเป็นเรื่องหน้าอายต้องปกปิด เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมชาติคือความงาม เช่นเดียวกับกรีกโรมัน พอเขาปิดเราก็ปิดตาม


PS.  ps.ไม่ว่าเราจะต้องการยิ่งใหญ่แค่ไหน มีเงินทองชื่อเสียงมากแค่ไหน มีความรู้มากแค่ไหน ไม่เท่ารู้หนทางหลุดพ้น ทุกอย่างล้วนอยู่ใต้กฎแห่งกรรม
0