Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โครงการพิเศษ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ตอนนี้ผมอยู่ ม.3 จะขึ้น ม.4 ขอถามเกี่ยวกับ โครงการพิเศษ รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี หน่อยคับ

1.ห้องMEPกับSM english ต่างกันมากไหมคับ อันไหนเรียนยากกว่ากันอ่ะ


2.ได้ข่าวว่าปีที่แล้วมีโครงการที่คนมาสอบแค่8คนแต่ติด9คน จิงไหมคับ

3.ผมเห็นค่าเทอมค่อนข้างแพงแล้วมันดีจิงป่ะคับ

4.ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างคับ
รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะคับ ขอบคุณมากคับ

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

พรหส 3 ม.ค. 56 เวลา 10:24 น. 1

เราไม่ได้เรียนแต่ขอตอบแล้วกันเพราะมีเพื่อนเรียนอยู่หลายคนนะคะ
1.อันนี้เราไม่แน่ใจคะ เพราะว่าเอสเอมอัฃกฤษจะเรียนวิชาหลักเป็นอังกฤษแต่เอ็มอีพีจะเรียนอังกฤษทุกวิชาเลยคะ
2.อันนี้เราก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะว่าห้องพิเศษเด็กยัดเด็กเส้นค่อนข้างเยอะ บางคนสอบไม่ติดไปยัดเงินขอเข้าเป็นแสนๆเขาก็รับ
3.ไม่คุ้มคะ ถ้าน้องเรียนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษ สามารถอ่านหนัฃสือเองได้ ก็เข้าไปก็ได้น้า เพราะมันเรียนหลักสูตรจบภายใน5เทอมแต่เรียนค่อนข้างหนัก บางวันเลิกเกือบหกโมงเย็น วันเสาร์ก็ต้องมาเรียนที่ร.ร.
แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยคุ้มกับค่าเทอมอ่ะ เพื่อนพี่บอกเปลี่ยนอาจารย์บ่อยเลยเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง
พี่แนะนำเข้าห้องธรรมดาแล้วเอาเงินส่วนนั้นไปเรียนพิเศษดีกว่านะ
4.อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจ5555 (อีนี่มาตอบทำไม?) พี่ว่าถ้าอ่านเหตุผล3ข้อข้างบนแล้วน้องอยากเข้า ก็เตรียมเงินไว้เยอะๆอ่ะ
โชคดีจ้า

ปล.ที่พี่เขียนทั้งหมดไม่ได้หม่ยความว่าร.ร.นี้ไม่ดีนะ ต้องมาอยู่เอง รักสวนนนท์ จุ้บๆ

0
ผู้หวังดี 3 ม.ค. 56 เวลา 16:25 น. 2

ขอตอบตามที่รู้มาละกันนะคะ พอดีพี่มีเพื่อนที่เรียนอยู่โครงการพิเศษสวนนนท์
1.Mepกับsmอังกฤษ ค่าเทอมต่างกัน 5000 แต่ต่างกันแค่วิชาเดียวคือสุขศึกษา mepจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนที่เหลือก็เรียนเหมือนกันค่ะ
2.อันนี้พี่ไม่แน่ใจนะ แต่เท่าที่รู้คือโครงการพิเศษมีเด็กเซ่นเยอะมาก ได้ข่าวว่ามีคนโดนกาหัวข้อสอบแล้วยังสอบติด
3.ข้อนี้เห็นด้วยกับ คห.1 นะคะ พี่แนะนำน้องอย่าเสียเวลาเลย ห้องsmไทยเนื้อหาก็ละเอียดพอๆกับห้องธรรมดาที่เป็นห้องking ไม่ได้ละเอียดกว่า ส่วน mepกับsmอังกฤษ เพื่อนพี่บอกว่าไม่ค่อยได้ภาษาและเนื้อหาวิทย์คณิตภาคภาษาอังกฤษไม่เข้มข้นมากๆ ถ้าน้องอยากเข้าสายวิทย์จิงๆเพื่อแอดมิดชั่นก็อย่าเข้าเลย เพราะตอนนี้เพื่อนพี่ก็ต้องเรียนพิเศษข้างนอกเยอะมากแทนที่อยู่giftedแล้วจะไม่ต้องเรียนเพิ่มเยอะ ความเห็นพี่พี่ก็ว่ามันเสียทั้งเวลาแล้วก้เสียดายเงินด้วยนะ(แต่ก็แล้วแต่น้องนะคะ นี่แค่ความเห็นพี่)
4.ข้อสอบปีที่แล้วไม่ยากเลยนะ ถ้าน้องเป็นคนเก่งก้ไม่ต้องกังวลเลย ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากพี่ว่าหลับตาทำก้ติดได้นะ 55555 5

สุดท้ายก้อยากให้น้องคิดให้ดีๆนะคะ เพราะว่าเพื่อนพี่เข้าไปแล้วบอกว่าไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลย จะออกจากโครงการก้ไม่ได้ด้วย...สุดท้ายก้ขอให้น้องโชคดีนะคะ

0
Poogunexe 3 ม.ค. 56 เวลา 18:39 น. 3

เรียนอยู่ สวนนนท์ SM-Thai ครับ ม.4 ขอตอบตามประสบการณ์ละกัน
1. ห้องโครงการมอปลายมันมีอยู่สามแบบ ถ้าเรียงระดับความยากก็ sm,thai >sm,eng>mep ครับ เรื่องเนื้อหา เป็นดังนี้ครับ คือทางโรงเรียนเขาจัดหลักสูตรที่เรียกว่า หลักสูตรร่นระยะเวลาเรียนครับ หมายความว่าจะจัดเนื้อหาของ ม.4-ม.6 ให้เรียนจบใน 5 เทอม แทนที่จะเป็น 6 เทอมครับ ทำให้ต้องเรียนมากกว่าคนอื่นเขา ต้องมาเรียนตอนปิดเทอมด้วยครับ เช่น ในระดับชั้นม.4 ของโครงการพิเศษจะกินเนื้อหาไปจนจบบทที่สองของม.5 เป็นต้น ส่วนข้อสอบจะแตกต่างกันไปตามแต่ละห้องครับ ของSm,thai จะออกข้อสอบตามหลักสูตรแกนกลางเหมือนโรงเรียนอื่นทั่วไปครับ เป็นภาษาไทย ส่วนของSm,eng และ จะแบ่งข้อสอบเป็น 2 ส่วนครับ คือส่วนภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยจะเหมือนของSm,thai ทุกประการครับ ส่วนภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาอังกฤษครับ ออกโดยชาวต่าวชาติ (ชาวอังกฤษ อเมริกา ฟินแลนด์ อินเดีย ฟิลิปปินส์ จีนก็มีครับ) เนื้อหาในส่วนนี้จะไม่เข้มข้นนักครับ เป็นแนวพื้นฐาน เพียงแต่เป็นภาษาอังกฤษ) สามารถเลือกเรียนภาษาที่สามได้ คือ จีน หรือ ญี่ปุ่นครับ เวลาเรียนปกติเลิกสี่โมงเย็นครับ ห้าโมงเย็นเป็นบางวัน ส่วนหกโมงเย็นนี่ต้องโชคร้ายจริงๆครับถึงเจอ เทอมที่หกจะเป็นการติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยครูทั้งในและนอกโรงเรียนครับ ปีที่แล้ว ครูลิลลี่มา 0.0 สรุปว่าพี่ขอแนะนำ Sm,thai
2. อันนี้ไม่รู้จริงๆครับ แต่สมัยผมเวลาสอบเข้ามีสอบสองรอบครับ คือ เด็กเก่าสอบ กับ เด็กข้างนอกมาสอบ ปีปัจจุบันห้องโครงการ Sm,thai มี 40 คนครับ ส่วนเด็กเซ่น มีครับมี แต่ในส่วนนี้ต้องบอกกว่า ในห้องเรียนจะแบ่งนักเรียนออกได้เป็น 3 ประเภทครับ 1.แบบเก่งเว่อร์ ปีนี้เด็กสกน. ติดค่ายโอลิมปิกค่าย 2 รวม 14 คนครับ เป็นเด็กโครงการเกือบครึ่ง 2.แบบเก่งครับ สามารถไปแข่งแล้วได้รางวัลกลับมาเยอะแยะครับ 3.เด็กอ่อนถึงอ่อนมาก อันนี้ไม่ต้องพูดถึงครับ ปีนี้มีแนวโน้มจะดีขึ้นครับ เพราะเปลี่ยนผู้อำนวยการ
3 เรื่องค่าเทอม แพงจริงครับ ดีจริงมั้ย ผมตอบไม่ได้ครับ ยังเรียนไม่จบ แต่ที่เห็นตอนนี้ ในห้องเรียนจะติดแอร์ มีเครื่องฉาย ไม่รู้เรียกอะไร มีปริ้นเตอร์ คอมสามเครื่อง สแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร ไมโครโฟน&nbsp พวกนี้ล่ะครับ ว่ากันตามตรง มันแพงไปครับ อ้อ โดยปกติแล้วชีทที่เรียนที่สกน จะเป็นกระดาษโรเนียวครับ แต่ห้องโครงการจะเป็นกระดาษเอสี่ มีจัดค่ายปีละครั้งครับ ค่ายวิทย์ตอนมอสี่ ค่ายคณิตตอนมอห้า และ ค่ายอังกฤษตอนมอหก
4. การเตรียมสอบ เนื้อหาสอบไม่เกินม.3 ครับ แต่จะออกรายวิชาเพิ่มเติมมากกว่า อ่านพวกวิทย์เพิ่มเติมมาเยอะๆครับ
โชคดีจ้า

0
อยากรู้ 4 ม.ค. 56 เวลา 07:45 น. 4

อยากเข้าห้องโครงการเหมือนกัน อยากรู้ว่าเด็กห้องอื่นมองเด็กห้อง MEP ยังไงอะคะ
พอดีอยากเข้าคณะสายวิทย์แต่ยังเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเข้าโครงการอะไรดี

0
littleprincessmiley 4 ม.ค. 56 เวลา 16:14 น. 5

วิทย์เพิ่ม ม.3 โครตยากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เราลอกเพื่อนตลอดเลย  5555 เรา ม.3 สวนนนท์ ว่าจะสอบ mep 

1
la pluie tombe 12 พ.ค. 58 เวลา 11:30 น. 5-1

เธออยู่ห้องไหนหรือห้องพิเศษหรือห้องปกติที่สายวิทย์หรือ(3/4-3/10) เรารุ่น34นะ ตอนม.ต้นเราก็เรียนห้องปกติสายวิทย์ ซึ่งมันทำให้เรารู้ตัวเลยว่าไม่เหมาะสมกับสายวิทย์ม.ปลาย เพราะมันยากและเราไม่ชอบอยู่แล้ว และม.3ก็เจอวิชาวิทย์เพิ่มที่ไม่ใช่โครงงานแต่เป็น"ฟิสิกส์" เรานี่นะขนาดวิชาวิทย์-คณิต ที่เรียนตามหลักสูตรปกติ และเพิ่มตอนม.1-2 เรายังเป็นขาซ่อมกลางภาคเลยจ้า พอมาเจอฟิสิกส์นี่ เกรดทั้งสองเทอมของวิชานี้คือ1และ1.5(รอดมาเพราะส่งงาน) พอเลือกสายเรียนม.4 เรายิ่งรู้ตัวชัดเจนว่าเราไม่ชอบเรียนวิทย์เลข เราชอบภาษา สังคม และตอนนั้นเราไม่คิดอยากทำอาชีพสายวิทยา์เลยค่ะ เราอยากเป็นนักประวัติศาสตร์หรืออาจารย์สอนประวัติศาสตร์(อยากเป็นจนถึงตอนนี้ และกำลังจะสอบเข้าสาขาวิชานี้ในปีนี้) อาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศส อัยการ นักการทูต จึงรู้เลยว่าสายศิลป์ตอบโจทย์เราได้ดี และสายที่ตอบโจทย์เราได้ดีมากที่สุด คือ "ศิลป์ภาษาฝรั่งเศส" เราเลยเลือกฝรั่งเศส เพราะว่าฝรั่งเศสเก่งในด้านวิชาการของสายงานอาชีพที่เรากล่าวมา และในด้านประวัติศาสตร์เราสนใจประวัติศาสตร์ไทยมาก ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับเรามานาน และเขาจารึกเรื่องราวของเราตอนที่เขาเข้ามาไว้มากและหลักฐานของเราบางอันก็ยังอยู่ที่บ้านเขาอีกทั้งฝรั่งเศสก็มีทุนเรียนด้านนี้ด้วยนะ และถ้าไม่นับการเรียนต่อ การเรียนรู้เพิ่มอีก1ภาษาก็เป็นภาษีให้แก่เราเอง ทั้งในการทำงาน การเปิดโลกกว้างแก่ตัวเอง อีกทั้งตอนนี้เรามีความสุขกับการเรียนภาษาฝรั่งเศสมากๆ และได้ผลการเรียนวิชานี้ และอีกหลายในระดับที่เราพอใจมากๆ พอถึงเวลานี้ จากที่เราไม่เคยรักวิชาวิทย์-เลขทั้งพื้นฐาน และเพิ่มเติมตอนม.ต้น รวมถึงฟิสิกส์ม.3ทั้งสองเทอม เรากลับอยากขอบคุณวิชาเหล่านี้ ที่ทำให้เรามาเรียนสายฝรั่งเศสค่ะ^^

0
ห้องธรรมดา 5 ม.ค. 56 เวลา 10:07 น. 6

ไม่แน่ใจค่ะเพราะอยู่ห้องธรรมดา แต่ที่แน่ๆ เด็กกิฟเตดจะเป็นที่เชิดชูบูชาของครูสวนนนท์ม๊ากกมากกกก ไม่รู้ทำไม แอบอิจฉา 5555

0
momay55 5 ม.ค. 56 เวลา 11:32 น. 7

ดีจ้าพี่เรียนอยู่ SM Thai ม.5 แต่ปีนี้พี่มาแลกเปลี่ยนปีหน้ากลับไปซ้ำ ไม่แน่เราอาจได้เจอกันนะคะน้องคห.3

คห.ก่อนหน้าเขาตอบคำถามกันไปแล้วพี่จะลองสรุปข้อดี-ข้อเสียให้แทนละกัน 

ข้อดี
1.การเรียนการสอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอาจารย์จะถือว่าน้องเป็นเด็กโครงการเรียนรู้เร็ว โดยเฉพาะตอนม.4 พี่เรียนคณิตแต่ละบทจบใน 2 อาทิตย์ แต่รู้สึกปีนี้เปลี่ยนอาจารย์ไปแล้ว เพราะหมวดคณิตครูเกษียณไป อาจารย์แกเลยไปสอนห้องธรรมดาแทน(จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจ)
2.เรียนจบภายใน 5 เทอม ตามหลักสูตรร่นเวลานั่นแล
3.เวลามีกิจกรรมแข่งขัน สอบแข่งต่างโรงเรียนจะได้รับโอกาสมากกว่าห้องธรรมดา พี่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ตอนม.ต้นพี่ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีการแข่งเพชรสวนกุหลาบ(อะไรสักอย่าง) จนขึ้นม.ปลายมานี่ล่ะ แต่ก็สอบไม่ได้แล้ว
4.เรียนในห้องแอร์ อุปกรณ์ทันสมัย มันจะมีเครื่องฉายแบบในมหาลัยเค้าใช้กัน พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร คอม 3 เครื่อง และห้องเรียนสีสันสดใสราวกับอยู่ในโรงเรียนอนุบาล
5.บรรยากาศในห้อง คือจะไม่ค่อยมีพวกแก็งค์ต่างๆ(เด็กเก่าคงรู้นะ) นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่พี่เลือกโครงการด้วยอ่ะ เพราะไม่อยากเรียนในห้องที่วันๆครูไม่สอน แต่เข้ามาด่า

ข้อเสีย
1.แอร์เย็นชวนนอน 555
2.บางวันเรียนตั้งแต่ 7.30-16.50 น. เหนื่อย และมักหิวตอนบ่าย
3.ไปเรียนพิเศษไม่ทันเพราะเลิกเย็นเกิน เพื่อนๆพี่มันเก่งๆทั้งนั้นอ่ะน้อง แล้วพวกนี้มันชอบเรียนพิเศษเป็นกิจวัตร ต่อให้เก่งแล้วแต่ก็ยังเรียนพิเศษอยู่ดี
4.พอบ่ายทีไรเพื่อนชอบชวนไปหาอะไรกินหน้ารร. <<ไม่รู้รุ่นน้องเป็นกันรึเปล่า
5.มักโดนเปรียบกับห้องธรรมดา(ห้องเก่งอ่ะนะ)

ปล.ถ้าน้องเป็นเด็กเก่าน้องก็รอฟังจากครูดีๆ เพราะเด็กเก่ามันจะมีโอกาสสอบ 2 รอบ คือรอบเด็กเก่ากับรอบทั่วไป แนวข้อสอบพี่จำไม่ได้แล้ว ยังไงก็ขอให้น้องสู้ๆนะ ถ้าเราพยายามแล้ว ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว


PS.  ความรักของฉันเหมือนกลิ่นตด แม้มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ :: Love Knock Down (by may112 & แสตมเบอรี่)
0
bbm 5 ม.ค. 56 เวลา 17:00 น. 8

สวัสดีจ้า พี่เรียนSM อังกฤษ ม.5 นะ(:
พวกเนื้อหาหลักสูตร ก็เหมือนที่คห.ข้างบนพูดไปน่ะแหละ แต่พี่ว่าจะดีหรือไม่ดีอย่างไรมันขึ้นอยู่กับเพื่อนในห้องนะ
ถ้าเพื่อนพากันเรียน มันก็เรียนอ่ะ. ค่าเทอมแพงจริงค่ะ แต่มันแลกกับกลุ่มเพื่อนที่ถือว่าดีเลยอ่ะ แล้วก็แลกกับการได้เจอครูฝรั่งทุกๆวัน(อันนี่หมายถึงห้องพี่นะคะ) ได้คุ้นเคย กล้าพูด. มันได้ตรงภาษาเนี่ยแหละ. ภาษาอังกฤษมันสำคัญนะ
เพื่อนพี่บางคนแบบ ตอนเข้ามายังไม่ค่อยกล้าพูด ไม่กล้าสบตากับฝรั่ง แต่เดี๋ยวนี้เค้ากล้าขึ้น เพราะมันได้เจอทุกวัน น้องจะเห็นความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของน้องเลยนะ. แต่ถ้าน้องเรียนภาษาอังกฤษเก่งอยู่แล้ว ก็แนะนำSMไทย ไม่ก็เรียนห้องธรรมดาก็โอนะ แต่ พี่ว่าเรียนห้องนี้อ่ะคุ้ม เพราะ มันเรียนทั้งแบบภาษาอังกฤษแล้วก็ครูไทยก็สอนนะ เรียนแบบภาษาไทยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับตัวน้องแล้วก็เพื่อนๆในรุ่นเดียวกับน้องอ่ะ ว่าจะรับได้แค่ไหนนะ พี่กล้ารับประกันได้นะ ว่าเรียนห้องนี้ไป3ปี น้องจะกล้าสบตา กล้าพูดกับฝรั่ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่เก่ง แต่น้องจะไม่กลัวฝรั่งอ่ะ จริงๆ. ส่วนเรื่องกวดวิชา พี่ว่าไม่จำเป็นนะ เพื่อนพี่ในห้องที่เมพๆหลายคนที่ไม่เคยเรียนกวดวิชาเลย แต่อาศัยอ่านเอง+เรียนที่รร. อย่างที่น้องรู้ว่าหลักสูตรมันจะไปเร็วกกว่าห้องธรรมดา พี่ก็เคยไม่เรียนพิเศษอยู่พักนึง เน้นเรียนที่ รร.แล้วทวนเอา พี่ว่ามันก็ได้ผลนะ คะแนนก็ไม่ได้แย่อ่ะ โครงการพิเศษหลายคนก็ติดโอลิมปิกวิชาการเยอะแยถไปนะ คิดดีๆนะ มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียล่ะ. แต่อยู่โครงการ มันจะได้เพื่อนที่ค่อนข้างเหนียวแน่นอ่ะพี่ว่า เพราะเราจะได้ไปค่ายด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างน้อยเทอมละครั้งค่ะ
เตรียมตัว : พี่ก็อ่านทำโจทย์พวกข้อสอบเตรียมอ่ะ คือความจริงมุ่งเตรียมอ่า แต่มันไม่ติด555555 ช่างมันเถิด แต่ก็อ่านหนังสือนะ พวกข้อสอบทำให้หมด สมัยพี่ข้อสอบไม่ยากนะ มันเป็นสิ่งที่เราเรียนมาตอน ม.3อ่ะ แต่ทำแข่งกับเวลา แนะนำว่าน้องต้องแม่นเนื้อหา แล้วน้องก็จับเวลาทำดู ทำบ่อยๆ เล่มเตรียมอุดมและ2ภาษา สีชมพูดีมาก(ไม่รู้มันยังมีอยู่เปล่า) อันนั้นอ่ะดิ ทำไปให้ทั้งเล่มเลย เล่มเตรียมอุดม เล่มสีเขียวๆของเดอะบุ๊ค อันนั้นก็ดี ทำไปทั้งเล่มอีกเหมือนกัน55555 2เล่มก็เอาอยู่ละ. ถ้าผิดข้อไหนอ่านเฉลยให้ละเอียด เราต้องรู้ให้ทุกข้อ คิดซะว่า ข้อที่เราผิดอาจจะเป็นข้อสอบวันที่เราสอบจริง ถ้าไม่อ่าน น่าเสียดายตายเลย. เวิ่นมาเยอะเหลือเกิน5555555 ไปล้า โชคดีนะค้า

0
SM#1SKN#31 6 ม.ค. 56 เวลา 20:45 น. 9

เรียนอยู่คะ เป็นรุ่นแรกด้วย&nbsp รุ่นแรกที่ไม่มีห้อง MEP
ขอตอบคำถามข้อแรกเลย
1. MEP ต่างกับ SM Eng ตรงที่ มีวิชาที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า คือ วิช่าสุขศึกษา ถ้าถามว่าอันไหนเรียนยากกว่ากัน คิดว่า มันพอ ๆ กันคะ การเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ต้องยอมรับว่าทำให้ได้ภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แต่วิชาการก็จะสู้คนที่เรียนเป็นภาษาไทยไม่ได้ (เด็กต้องเรียนพิเศษเองอยู่ดี)ถ้าให้แนะนำ ขอแนะนำห้องธรรมดา เพราะ ค่าเทอมมันแพงเกินไป รุ่นแรก SM Eng เทอมละ 20000 บาท แต่รู้สึกว่าปีต่อมา (รุ่นน้อง ๆ) ค่าเทอม SM Eng เทอมละ 25000 บาท ส่วน MEP 35000 บาท และยังมีค่าแรกเข้าอีก 30000 บาท ภาษาอังกฤษที่ได้มา มันช่วยในการพูดกับชาวต่างชาติ แต่ไม่ค่อยช่วยในการสอบซะเท่าไหร่ เพราะ เวลาคุยกับอาจารย์ผู้สอน มักผู้กันไม่ตรงแกรมม่า เหมือนชาวต่างชาติเขาคุยกัน เอาเงินที่เสีย 3 ปี เกินแสนบาท ไปเรียนคอรสอังกฤษเอาข้างนอกก็ได้คะ คุ้มค่ากว่ากันเยอะเลย
2.เรื่องที่บอกว่าสอบ 8 คน ติด 9 นี่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ แต่อาจจะเป็นเรื่องจริง การยัดเงินเข้าเรียนพบได้ทั้งห้องธรรมดาและห้องโครงการพิเศษคะ
3.ค่าเทอมแพงแล้วมันดีจริงเปล่า ให้รุ่นแรกตอบมันอาจจะมีข้อเสียเยอะไปหน่อย เพราะรุ่นทดลอง 555
ข้อดี
- ได้ภาษาอังกฤษเพิ่ม (ออกแนว survival เวลาคุยกันชาวต่างชาติ ถ้าไปสอบไม่ศึกษาแกรมม่า+คำศัพท์เพิ่มอาจตายได้)
- ได้ไปค่ายเทอมละครั้ง เห็นตอนจบจะจัดงานแฟร์เววให้ด้วย
- เพื่อนในห้องอบอุ่น มีหลายแนววิทย์ทั้งศิลป์ปนกัน เพราะ เพื่อนบางครั้งเข้ามาด้วยอังกฤษ บางคนเข้ามาด้วยวิทย์-คณิต
- ทำให้กล้าคุยกับชาวต่างชาติ
-&nbsp ภาษาอังกฤษรับรองว่า เข้ามาแล้วจะฟังออกหลายสำเนียงมาก ๆ ทั้งสำเนียง อินเดีย british อเมริกัน ฟิลิปปินส์ ฯลฯ
ข้อเสีย
- โครงการพิเศษนี้ทำไม่ค่อยได้ตามสัญญาสักเท่าไหร่ (ขอบ่นเล็กน้อย) เขาบอกว่า โครงการพิเศษเรียน 5 เทอม นี้เทอมที่ 6 แล้วคะ ยังเรียนยังสอบไม่จบบทเลย (บางวิชา) เรียนได้พอ ๆ กับห้องคิงเลย
- เพราะให้ชาวต่างชาติสอนทำให้บางเรื่องบางเนื้อหา ไม่ลึกพอที่จะนำไปใช้สอบ สุดท้ายนักเรียนก็ต้องไปอ่านเอง หรือเรียนพิเศษเพิ่มอยู่ดี
- มักโดยเปรียบเทียบกับห้องธรรมดา
4. การเตรียมตัวล่วงหน้า แนะนำให้ อ่านเลขกับอังกฤษเยอะ ๆ เพราะ มันจะตัดกันตรงนี้

สรุป เรียนห้องธรรมดาหรือห้องเรียนโครงการพิเศษ ก็ได้พอ ๆ กัน ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนจะขวนขวายมากแค่ไหน ห้องเรียนพิเศษทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า ก็จริงแต่เนื้อหาทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ อาจจะได้น้อยกว่าห้องธรรมดา (มีเรียนเป็นภาษาไทยด้วยก็จริง แต่ครูไทยมาสอนสัปดาห์ละคาบ 2 คาบ กับห้องธรรมดาที่เรียนกับครูไทย 7-8 คาบ) เรื่องเด็กโครงการพิเศษคิด สอวน. เยอะ เป็นเรื่องจริง แต่เด็กห้องธรรมดาเขาก็ติดจำนวนคนพอ ๆ กับเด็กโครงการพิเศษคะ

0
Sm#1 9 ม.ค. 56 เวลา 08:09 น. 10

พี่อยู่ม.6แล้ว เป็นรุ่นทดลอง 55555 ตอนแรกพี่ติดเตรียมอุดมแต่มาเลือกมาเรียนห้องโครงการเพราะใกล้บ้าน และคิดว่าที่ไหนเราก็เก่งได้ พอมาเรียน เพื่อนในห้องตอนแรกมีอยู่36คน ตอนนี้เหลือ27 ไม่ใช่ว่าหายไปเพราะเรียนไม่ไหว แต่หายเพราะไปแลกเปลี่ยน พอคนน้อย เราก็สนิทกันมากกกกกกกกกก อบอุ่น และเด็กก็มีหลากหลายทำให้ห้องออกมาเพอเฟค (เว่อไปป่าว 55)

มีทั้งเด็กสอวน.รวมๆก็มี สอวน.คณิต(เหรียญทองแดง) ชีวะ(ค่าย2รึเปล่าไม่แน่ใจ) คอม (มี2หรือ3คนไม่แน่ใจ)
อันนี้คือห้องพี่แต่เด็กโครงการอีก2ห้องก็อาจจะมีเหมือนกัน
ถ้าใครอยากได้ภาษาอังกฤษ ห้องเราก็เคยมีเด็กต่างชาติมาอยู่ในห้อง ทำให้ได้เพื่อนเพิ่ม ได้ภาษาอย่างแรงกล้า 555 จากที่พูดภาษาอังกฤษไม่เป็นประโยคตอนม.3 พอมาเรียนพี่เปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งสำเนียงและการพูด แต่แกรมม่าก็ต้องอ่านเอง :)&nbsp 

ส่วนเรื่องการเรียน ตามปกติที่วไป เด็กทุกคนเรียนพิเศษ น้อยคนจะเรียนในห้อง ถ้าเราเรียนพิเศษและเรียนในห้องด้วย รับรองความรู้เราก็จะมี ภาษาก็ได้ พอเรียนกับครูไทยก็ถือว่าทบทวนไปด้วย ก็ถือว่าโอเค

รุ่นแรกถือว่ามีข้อเสียเยอะ แต่รุ่นต่อไปจากที่คุยกับรุ่นน้อง ดีขึ้นมากและระบบจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ที่ตัวน้อง ว่าน้องตั่งใจและอยากเรียนรึเปล่า น้องจะพึ่งห้องโครงการอย่างเดียวโดยไม่พยายามด้วยตัวเองก็ไม่ได้:)

และอยากเล่าสู่กันฟังอีกอย่างหนึ่ง คือ ห้องโครงการไม่ได้แต่เรียนน้า 555
อย่างกีฬาสี ห้องพี่ทำพาเหรดได้ที่1 และรุ่นน้องห้องโครงการสีเดียวกันก็ได้ที่1 พอน้องใหม่ ม.4ก็ได้ที่1อีก :)
เพื่อนพี่ก็เป็นหลีดถึง3คน ก็ได้ที่1
มีโบกธงสามคน ก็ได้ที่1มา

เรื่องกิจกรรมก็ไม่แพ้ห้องไหน ส่วนเรื่องเรียนอาจจะด้อยกว่าบ้าง แต่ก็ปรับปรุงมาเยอะมากจนระบบตอนนี้น่าอิจฉารุ่นน้องจริงๆ ส่วนเรื่องเพื่อน พี่บอกได้เลยว่า อบอุ่น สนิทกันทั้งห้อง นี่แหละคือของดีที่ได้จากห้องโครงการ
. เออ มีโครงการติวสำหรับคนเป๊นหมอโดยเฉพาะด้วยแต่เด็กที่อยากเข้าอย่างอื่นก็เรียนได้สอนครบ7วิชาเลย สอนดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รุ่นพี่เรียนไม่ทัน เพิ่งมีมา ขนาดพี่เรียนไม่กี่วัน เข้าใจอะไรๆหลายเรื่องจริงๆ คนสอนชีวะเป๊นหมอจุฬา สอนดีจริงๆจ้า สอนแบบให้เข้าใจแจ่มแจ้ง แบบไม่ต้องจำ เรื่องยากๆอย่างเช่น สค.ส หายใจ ก็กลายเป็นเรื่องง่าย จำน้อย :)
เรื่องกีฬา ห้องโครงการก็ร่วมมือกัน รวมตัวแข่งบอลมีทั้งม.5ม.6 ได้ที่2น้า ของม.ปลายเลย (ซึ่งยากมาก) มีแข่งบาส แข่งวิ่งได้หลายเหรียญทองมากกก
เรื่องดนตรี ห้องโครงการก็มีหลายวงที่ออดิชั่นผ่านไปเล่folk songของโรงเรียน

จากที่พูดมา ไม่เสียใจเลยที่เลือกห้องนี้แทนเลือกเตรียมอุดม อาจมีข้อเสียเพราะเป็นรุ่นแรก ระบบยังไม่คงที่ แต่ข้อดีที่ได้มาคุ้มค่ากว่ามาก ^^

0
Inwsunnoy 20 ม.ค. 56 เวลา 21:30 น. 11

พี่เรียนอยู่sm thai ม.4 แอร์เย็นดีน้อง มีคอมให้น้องเอาเกมมาลงด้วย ส่วนโปรเจ็คเตอร์ไม่ต้องพูดถึงกากมากน้อง ส่วนความปลอดภัยมีกล่องวงจรปิดตลอด24ชม เรื่องการสอนก็เหมือนห้องปกติแต่นำห้องอื่นไปหน่อยค่าเรียนนี้แพงโคตร
สรุป แม้มแพงน้อง 555555

0
เด็ก mep 16 ก.พ. 56 เวลา 08:13 น. 13

ปีนี้ MEP เปลี่ยนเป็นศิลป์คำนวณแล้วนะคับ แต่ค่าเทอม 35000 เท่าเดิม
1.พี่อยู่ MEP ซึ่งยังเป็นวิทย์-คณิต-อังกฤษอยู่ แต่บอกตามตรง ทางด้านเนื้อหา
ส่วนใหญ่อาจารย์จะสอนไม่ค่อยทัน เรียนช้าที่สุดและง่ายสุดเทียบกับห้องอื่น&nbsp เพราะว่าจำนวน
ชั่วโมงของครูไทยน้่อยมาก และเนื้อหาของอาจารย์ต่างชาติกับอาจารย์ไทยไม่เชื่อมโยงกัน
แต่รุ่นปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็นศิลป์คำนวณแล้วอาจจะดีขึ้น(รึเปล่า)
2.เป็นเรื่องธรรมชาติไปเลยคับ ในชั้นพี่อ่ะ มีคนที่เข้ามาเรียน เป็นเด็กใหม่ แต่ไม่มีชื่อในรายชื่อสมัครสอบ
3.ดีไม่ดีต้องใช้ดุลพินิจดูเองนะคับจากข้อมูลด้านบน
4.ถ้าจะเข้าโครงการพิเศษก็เตรียมเงินไว้เยอะๆก็พอ5555 5

0
ส.ก.น.34(เก่า) 23 มี.ค. 56 เวลา 08:45 น. 14

เราขอให้โชคดี และถ้าเข้าร.ร.เราได้ ขอให้นายเป็นคนดีของครู เพื่อนๆ รุ่นพี่ และรุ่นน้องโรงเรียนเรา และอย่าทำอะไรที่จะทำให้ส.ก.น.เราเสียชื่อเสียง&nbsp และหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับเพื่อนส.ก.น.รุ่น34คนใหม่อย่างนายนะ&nbsp 

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  จากเด็กเก่าส.ก.น.รุ่น34

0
ส.ก.น.34(เก่า) 8 เม.ย. 57 เวลา 14:14 น. 16

ขอตอบให้ตอบrep15นะคะ ขอโทษที่ตอบช้า แต่เห็นว่าไม่มีใครตอบเธอ เราเลยอาสาตอบให้ เรื่องสายที่โรงเรียนเรา(รวมห้องพิเศษ) ของปี56เป็นดังนี้

-โครงการพิเศษ3โครงการ 3ห้องเรียน จำนวนประชากรเป็นที่3รองจากศิลป์-คำนวณ
1.โครงการภาคภาษาอังกฤษ(MEP) เป็นห้องพิเศษของศิลป์คำนวณ เรียนวิชาจำพวกไทย สังคม เป็นภาษาไทย ที่เหลือเรียนเป็นเป็นภาษาอังกฤษ(รึเปล่าไม่แน่ใจ) ห้องม.4/1
2.โครงการsm eng(เราไม่รู้ว่าชื่อในภาษาไทยและอังกฤษคืออะไรนะ) เรียนทุกวิชาเหมือนสายวิทย์ภาคปกติ แต่จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษเกือบหมด ห้องม.4/2
3.โครงการsm thai(เราไม่รู้ว่าชื่อในภาษาไทยและอังกฤษคืออะไรนะ) เรียนทุกวิชาเหมือนสายวิทย์ภาคปกติ แต่ครูอาจสอนเร็วกว่านะ ห้องม.4/3

และโครงการพิเศษทุกโครงการ จะเรียนเป็นหลักสูตรร่นเวลาเรียนอย่างที่หลายคนในนี้บอก กล่าวคือจากที่ม.ปลาย ที่ตามปกติต้องเรียนทั้งหมด3ปี6เทอม แต่โครงการพิเศษเขาจะเรียนจบเนื้อหาม.ปลายภายใน5เทอม นั่นแปลว่าจะเรียนเร็วและหนักกว่าห้องธรรมดา ปิดเทอม ก็ต้องมาเรียนด้วย แต่ห้องเรียนประจำของโครงการพิเศษ เป็นแอร์ทุกห้อง ค่าเทอม25,000ขึ้นไปทุกห้อง แต่พวกนี้มีสิทธิ์เลือกเรียนสาระเพิ่ม ในส่วนของภาษาที่3 จำนวน1หน่วยกิตได้ว่าจะเรียนภาษาจีน หรือภาษาญี่ปุ่น

-โครงการภาคปกติ 17ห้องเรียน
โครงการปกติมี6สาย และเรียน6ภาคเรียนตามปกตินะคะ
1.สายวิทย์-คณิต จำนวนประชากรมากสุดในระดับชั้น มี9ห้อง คือม.4/4(ห้องน.ร.ใหม่)และม.4/5-ม.4/12 ห้องต้นๆถึงห้องกลางๆจำนวนผู้หญิงจะเท่ากันหรือใกล้เคียงกับผู้ชาย แต่ห้องท้ายๆ ผู้ชายจะเยอะกว่าผู้หญิง โดยสายนี้จะเรียนวิชาหลักเหมือนสายวิทย์ร.ร.อื่น คือ เรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตพื้นฐาน คณิตเพิ่มเติม รวม8หน่วย วิชาอื่นก็คล้ายๆสายศิลป์-คำนวณ
2.สายศิลป์
โรงเรียนเรามีสายศิลป์3ศิลป์ รวม8ห้อง คือศิลป์-คำนวณ ศิลป์-สังคม(ทั่วไป) และศิลป์-ภาษา(มี3ภาษา รายละเอียดเราจะบอกทีหลัง)

2.1.ศิลป์-คำนวณ จำนวนประชากรเยอะเป็นอันดับ2 รองจากสายวิทย์ มี5ห้อง คือม.4/13-ม.4/17 ทุกห้องจะมีจำนวนผู้หญิงเยอะหรือใกล้เคียงเรียนวิชาหลักคือภาษาอังกฤษ ภาษาไทยเหมือนศิลป์-ภาษา เเละคณิตพื้นและเพิ่มเหมือนสายวิทย์ แต่น่าจะได้เรียนวิชาพวกบัญชีด้วย

2.2.ศิลป์-สังคม(ทั่วไป) จำนวนประชากรเป็นที่5รองจากศิลป์-จีน มีประชากร44คน เป็นผู้ชาย35คน และผู้หญิง9คน(น่ากลัวนะ ห้องนี้)มีแค่1ห้อง คือ ม.4/18 จะว่าวิทย์ก็ไม่ใช่ ศิลป์ก็ไม่เชิงอะ สายนี้เรียนวิชาทั่วไปเหมือนสายอื่นๆในโรงเรียน
แต่สิ่งที่สายวิทย์ ศิลป์-คำนวณ และศิลป์-สังคมเหมือนกันคือ โดนบังคับเรียนสาระเพิ่มในส่วนของภาษาที่3(จีน) จำนวณ1หน่วยกิตกันถ้วนหน้า
2.3.ศิลป์-ภาษา มี3ภาษา 2ห้องเรียน(แปลกใจป๊ะ เดี๋ยวจะเฉลยนะ)
ขอบรรยายเรื่องทั่วไปของสายภาษาก่อนนะ
1.สายภาษา บังคับวิชาสาระเพิ่มภาษาที่3ที่เลือกเรียน จำนวน3หน่วยกิต และเรียนวิชาภาษาอังกฤษ3หน่วยกิต และภาษาไทย2หน่วยกิต(รวมวิชาภาษา8หน่วยกิต)
2.วิชาภาษาที่3 ของสายอื่นซึ่งเรียน2คาบ/สัปดาห์ มักจะจอครูคนไทยสอน แต่สายภาษา(ทุกภาษา) ซึ่งเรียนภาษาที่3ที่เลือก6คาบ/สัปดาห์ โดยเรียนกับครูคนไทย5คาบ(ไวยากรณ์และอ่านเขียน) และเรียนกับครูที่เป็นเจ้าของภาษา1คาบ/สัปดาห์(อ่านเขียน และสำเนียงภาษานั้นๆ) และไม่ว่าเรียนกับครูคนไทย
หรือครูที่เป็นเจ้าของภาษา ท่านก็มักจะแทรกเนื้อหาวัฒนธรรมของประเทศที่เป็นเจ้าของภาษานั้นๆด้วย
3.สายภาษาได้ไปค่ายด้านวิชาการเกี่ยวกับภาษาที่3ที่เรียนปีละ1ครั้ง ขณะที่สายอื่น(ยกเว้นห้องพิเศษ) ไม่มีโอกาสไปค่ายด้านวิชาการนะ เป็นเรื่องที่เพื่อนสายอื่นอิจฉาพวกเราทีเดียว
4.สายภาษา ถ้าไม่นับวิชาภาษาที่3 ที่ได้เรียนห้องแอร์อยู่แล้ว วิชาที่เราจะได้อยู่แอร์ก็ คณิตพื้นฐาน พระพุทธศาสนา ศิลปะ คอม เศรษฐศาสตร์ แนะแนว ขณะที่ห้องธรรมดาสายอื่น ไม่มีโอกาสใช้ห้องแอร์สูงขนาดนี้นะ

และต่อไปนี้ คือเรื่องของห้องเรียนสายภาษา
สายภาษา ที่เราบอกว่ามี2ห้องคือ
1. ม.4/19 เป็นสายศิลป์-จีนทั้งห้อง โดยมีประชากรทั้งสิ้น50คน ผู้ชาย17คนและผู้หญิง33คน จำนวนประชากรเป็นอันดับที่4ของระดับชั้น รองจากโครงการพิเศษทั้ง3ห้องรวมกัน เรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกับสายศิลป์-ฝรั่งเศสและศิลป์-ญี่ปุ่น แต่สายนี้เรียนภาษาจีน6คาบ/สัปดาห์
2. ม.4/20(ห้องเราเอง) เป็นสายศิลป์-ฝรั่งเศสอยู่กับสายศิลป์-ญี่ปุ่น(เราเรียนฝรั่งเศส) ห้องเรามี52คน เป็นผู้ชาย19คน และผู้หญิง33คน แยกเป็นสายศิลป์-ฝรั่งเศส9คน(ผู้ชาย1คน ผู้หญิง8คน เราเป็น1ใน8คน)จำนวนประชากรเป็นที่สุดท้าย(ที่7)ของระดับชั้น รองจากสายศิลป์-ญี่ปุ่น และสายศิลป์-ญี่ปุ่น43คน(ผู้ชาย18คน ผู้หญิง25คน) เราเรียนวิชาพื้นฐานด้วยกันตามปกติ แต่พอถึงคาบเรียนภาษาที่3 เราจะแยกย้ายกันไปเรียนตามห้องของแต่ละภาษาค่ะ

อีกอย่างที่จะบอก คือ
1.หลายปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสจะอยู่ห้องเดียวกันกับจีน แต่ปีนี้ จีนคนเต็ม ทางโรงเรียนจึงให้พวกเราอยู่ห้องเดียวกันกับญี่ปุ่น
2.ความที่สายภาษามีแค่2ห้อง กับสามสาย นั่นแปลว่า ถ้าม.4 อยู่ห้องไหน ก็ต้องอยู่ห้องนั้นจนจบม.6นะ ภายใน3ปี เราจะรู้จักเพื่อนเยอะเลย ทั้งเพื่อนร่วมสายของเรา เพื่อนในห้องเรา และเพื่อนสายภาษาอีก2สายอย่างดี
3.ค่าเทอมห้องภาษา(ทุกภาษา) เทอม1ปีนี้ คือ4,900บาท แต่ขณะที่ค่าเทอมห้องปกติสายอื่นๆทุกสาย ค่าเทอมแค่2,900บาทเท่านั้นนะ



ขอโทษอีกครั้งที่สาธยายเสียยาวขนาดนี้ แต่หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับเธอไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ



โชคดีนะ :) bonne chance























ว๊าวเหอะๆจ๊ะเอ๋

0
ส.ก.น.34(เก่า) 24 เม.ย. 57 เวลา 16:08 น. 18

ก็แล้วแต่ตัวน้องเค้าเองนะคะ ถ้าตั้งใจเรียน+ทบทวนดี ขยันทำโจทย์ ไม่เรียนพิเศษยังได้ แต่หนูสังเกตว่าเพื่อน+รุ่นพี่ที่เรียนสายวิทย์ และSM บางคนเขาก็เรียนเคมี อ.อุ๊ เพราะเคมีเป็นวิชาค่อนข้างโหด(เพื่อนที่เรียนสายวิทย์บอก) แต่เดี๋ยวนี้ ข้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ชอบออกข้อสอบเกินเนื้อหาม.ปลายเล็กน้อย อาจต้องเรียนพิเศษด้วย เพื่อรู้แนวข้อสอบมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะพี่ก็ลองช่วยน้องเค้าตัดสินใจดูแล้วกันนะคะ


น้ำตาจะไหลซึ้งขำ

0
มะปราง 4 พ.ค. 57 เวลา 20:42 น. 19

ดีจิงค่ะเพราะค่าแรกเข้าแค่ 5หมื่นๆนี้ใช้ไป3ปีน่ะ แล้วคุ้มมากๆๆๆค่ะ มีอุปกรณ์เตรียมพร้อมดีห้องเรียนสะอาด มีครูที่ใส่ใจที่ดี

0
ลา นูแวล 5 ก.ย. 57 เวลา 18:55 น. 20

ร.ร.เรา ห้องปกติ(รุ่นเรา) มี

1.วิทย์-คณิต 9ห้อง เป็นเด็กใหม่ม.4 1ห้อง และเด็กม.3เดิม 8ห้อง
2.ศิลป์-คำนวณ 5ห้อง
3.ศิลป์-สังคม 1ห้อง
4.ศิลป์-ภาษา 2ห้อง
4.1.ศิลป์-จีน 1ห้อง
4.2.ศิลป์-ญี่ปุ่น+ศิลป์-ฝรั่งเศส 1ห้อง

0