ยาสีฟันที่ทันตแพทย์ส่วนใหญ่
ตั้งแต่เข้ามาเรียนทันตแพทย์
คำถามที่นักศึกษาความรู้ยังน้อยรักษาคนไข้ไม่ได้ แต่ก็มีญาติมิตรสหายมาถามบ่อยที่สุดก็คือ
"ใช้ยาสีฟันยี่ห้อไหน ดีที่สุด"
มา...วันนี้ตาหนูได้ทำปฏิบัติการตรวจส่วนผสมยาสีฟัน+ทำยาสีฟันใช้เอง
จะแหล่ถึงลูกถึงมนุษย์ให้ฟังหมดจดไปเลย
คำเตือน : โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน บทความนี้ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการโฆษณาใดๆทั้งสิ้น
ในปัจุบัน ยาสีฟันนั้นมีหลายยี่ห้อเหลือเกิน แต่ล่ะยี้ห้อต่างก็อวดอ้างสรรพคุณทั้งลูกเล่นโฆษณา ทั้งสีสันบนกล่องยาสีฟัน ทั้งแจกชิงโชคโน้นนี้
จริงๆคนเราแปรงฟันไม่ต้องใช้ยาสีฟันก็ได้ ถ้าแปรงถูกวิธี ฟันก็ไม่มีวันผุ แต่ใช้เวลานานไปหน่อย ยาสีฟันจึงเป็นเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยเร่งให้ชีวิตยามเช้าอันเร่งรีบของวัยรุ่นหลายๆคนนั้นทำเสร็จเร็วขึ้น ดังนั้น เราจึงปฏิเสธิไม่ได้ว่ายาสีฟันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
ที่สำคัญ ยาสีฟันส่วนใหญ่ต้องอวดอ้างว่าเป็นยาสีฟันที่ทันตแพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้
จะเลือกใช้จริงหรือเปล่า แต่ในการแสวงหาข้อมูลว่าเลือกใช้ส่วนใหญ่ ก่อนจะนำมาโฆษณาลงโทรทัศน์เพื่ออวดอ้างว่าทันตแพทย์เลือกใช้จริงๆน่ะ ลองมาดูว่าเขาสำรวจข้อมูลกันอย่างไร
สมมติบริษัทหนึ่งผลิตยาสีฟันยี่ห้อ ยาสีฟัน ก แล้วลองไปไปสำรวจกับประชาชนทั่วไปมาซัก10คนว่าใช้ยาสีฟันอะไร ได้ผลมาดังนี้
คนที่1 ยาสีฟัน ข
คนที่2 ยาสีฟัน ก
คนที่3 ยาสีฟัน ค
คนที่4 ยาสีฟัน ข
คนที่5 ยาสีฟัน ข
คนที่6 ยาสีฟัน ค
คนที่7 ยาสีฟัน ก
คนที่8 ยาสีฟัน ง
คนที่9 ยาสีฟัน ข
คนที่10 ยาสีฟัน ข
จากผลทางสถิติข้อมูลที่ได้มา จะพบว่ามีคนใช้ยาสีฟัน ข เป็นอันดับ1
ฉะนั้น ถ้าบริษัทที่ผลิตยาสีฟัน ก ไปโฆษณาว่า "ยาสีฟันของเรามีคนใช้มากเป็นอันดับ2"
แล้วแบบนี้ใครจะซื้อไหมเนี่ย! -_-'
ฉะนั้น เขาก็เลยต้องทำข้อมูลใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ข้อมูลที่พอใจ
อย่างเช่น ช้อมูลชุดนี้
คนที่1 ยาสีฟัน ก
คนที่2 ยาสีฟัน ข
คนที่3 ยาสีฟัน ก
คนที่4 ยาสีฟัน ง
คนที่5 ยาสีฟัน ง
คนที่6 ยาสีฟัน ก
คนที่7 ยาสีฟัน ข
คนที่8 ยาสีฟัน ค
คนที่9 ยาสีฟัน ก
คนที่10 ยาสีฟัน ข
จะสังเกตได้ว่า ข้อมูลชุดนี้ มีคนใช้ยาสีฟัน ก มากที่สุด
บริษัทก็จะแฮป ในที่สุดก็ได้ผลตามสถิติที่ต้องการ
ดังนั้น เขาก็จะเก็บข้อมูลชุดนี้ ก่อนจะไปโฆษณาว่า "จากการสำรวจเร็วๆนี้ พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้ยาสีฟัน ก"
ซึ่งถ้ามีการฟ้องร้องว่าตอแหล บริษัทที่ผลิตยาสีฟัน ก ก็แค่ยื่นผลสำรวจนี้ไปให้ดู ก็เอาผิดอะไรไม่ได้แล้ว
ทั้งๆที่ความเป็นจริง การทำข้อมูลทางสถิติที่ใช้ข้อมูลแค่10คนจากประชาชนคนไทย60กว่าล้านคน นั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างรุนแรง
ไม่เพียงแต่ยาสีฟันเท่านั้น สังเกตุได้จากโฆษณาโทรทัศน์พวกแชมพู ครีมนวดผม ที่โฆษณาประมาณ "90%ของผู้ใช้พึงพอใจ"
บางทีก็จะมีตัวอักษรจางๆปรากฏบนโฆษณา "จาก30คน" แต่ตรง"90%"นั้นเน้นซะใหญ่โตเชียว
ดังนั้น อย่าไปหลงกลมุขโฆษณาแบบนี้กันอีกล่ะ... แค่ใช้ความรู้ทางสถิตินิดหน่อยก็แหกตาเราได้แล้ว แต่เรื่องอะไรเราจะไปยอมให้เขาแหกล่ะ...
เอาล่ะ...จบเรื่องสถิติสติแตกไปแล้ว ทีนี้ก็มาดูว่ายาสีฟันยี่ห้อไหน"ไม่ควรใช้!"
ตาหนูจะไม่ขอบอกว่าอันไหนควรใช้ เพราะเดี๋ยวโดนหาว่ามาโฆษณาให้เขาอีก
ยาสีฟันที่ดี ควรจะต้อง
1.มีฟลูออไรด์
ฟลูออไรด์จะมีประโยชน์หลักๆอยู่2อย่างก็คือ
- ไปเป็นส่วนประกอบของฟัน ทำให้ฟันแข็งแรงกว่าเดิม
- ยับยั้งขบวนการสลายน้ำตาลของแบคทีเรีย ทำให้ลดกรดในช่องปาก ซึ่งกรดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสลายน้ำตาลในแบคทีเรีย
ด้วยประโยชน์2อย่าง จึงสมควรที่จะมี"โซเดียมฟลูออไรด์"(ฟลูออไรด์สดๆเป็นพิษ เลยต้องมาทำในรูปสารประกอบ) ในยาสีฟัน
วิธีดูว่ามีฟลูออไรด์ ง่ายที่สุดก็คือดูข้างหลอดๆนั้นแหละ
เราจะพบว่า ยาสีฟันทุกยี่ห้อ มีฟลูออไรด์ ยกเว้น "ดอกบัวคู่"
2.ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงเกินไป
ยาสีฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจะกัดแบคทีเรียในช่องปากหมด ซึ่งแบคทีเรียในช่องปากที่ตายไปบางตัวก็เป็นแบคทีเรียที่ดีมีประโยชน์ต่อช่องปาก (ทันตแพทย์ส่วนใหญ่จึงไม่แนะน้ำยาบ้วนปาก เพราะมันฆ่าแบคทีเรียทุกตัวจริงๆ)
ยาสีฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแรง เวลาแปรงไปคนส่วนใหญ่จะรู้สึกชอบเพราะเหมือนได้ทำความสะอาดทุกซอกทุกหมด แถมการกัดกร่อนฟันทำให้ฟันขาวด้วย
แต่หารู้ไม่ว่า มันกัดฟันนานๆเข้า เหงือกจะพังเอาได้ง่ายๆเหมือนกัน
ดังนั้น วิธีทดสอบว่ายาสีฟันไหนมีฤทธิ์กัดกร่อน ก็ง่ายๆ
ให้เอากระดาษแข็ง(พวกกระดาษปฏิทินตั้งโต๊ะ) มาแผ่นหนึ่ง ก่อนจะบีบยาสีฟันเท่าเม็ดถั่ว แล้วลองใช้ช้อนถูๆไปมาแความแรงพอดีซัก20ครั้ง
ถ้ามีฤทธิ์กัดกร่อน ผิวของกระดาษจะมีรอยลอกคล้ายๆแผลถลอก
แสดงว่ายาสีฟันเหล่านั้นมีฤทธิ์ที่น่ากลัวเกินไป
ซึ่งจากการทดสอบของตาหนู ก็พบว่า ยาสีฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อนก็มีดอกบัวคู่ และคอลเกตทุกรุ่น(ยกเว้นทูทอลทเวล) โดยเฉพาะรุ่นลิควิดแคลเซียมนี้กัดจนกระดาษบางไปเลย
ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงยาสีฟันพวกนี้ซะ
3.แป้งเป็นส่วนผสมน้อย
ยาสีฟันในปัจจุบัน มักผสมแป้งลงไป เพื่อให้ได้เนื้อยาสีฟันมากๆ จึงเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคทางหนึ่ง
วิธีทดสอบก็เป็นการทดลองสมัยประถมที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดี ก็คือการทดสอบแป้งด้วยสารละลายไอโอดีน
วิธีก็คือ เอายาสีฟันเท่าเม็ดถั่ว มาละลายน้ำนิดนึง
ก่อนจะหยดไอโอดีนไปซัก3-4หยด
ถ้ายาสีฟันนั้นมีแป้งมาก สีก็จะเปลี่ยนเป็นดำหรือน้ำเงิน
ซึ่งยาสีฟันที่มีแป้งมาก ก็ได้แก่ดาร์ลี่ และคอลเกตทุกรุ่น
ถึงแม้ยาสีฟันเหล่านี้จะไม่ดีก็ตาม
แต่สิ่งสำคัญในการดูแลช่องปากของเรา ก็หลักๆก็อยู่ที่ตัวเรานั้นแหละ
ถึงแม้ว่าจะแปรงฟันวันล่ะ2หน แต่ถ้า
-แปรงครั้งล่ะไม่ถึง5นาที
-แปรงไม่ถูกวิธี
-แปรงไม่ทั่วถึง
เหล่านี้ก็เป็นปัจจัยทำให้ฟันผุได้ จะมาโทษยาสีฟันอย่างเดียวไม่ได้ ณ จ๊ะ
ป.ล.อย่าเอาไปทำเป็นFWD Mailล่ะ ตาหนูไม่อยากลดขั้นบทความนี้ไปอยู่ระดับเดียวกับFWD Mail
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 สิงหาคม 2551 / 20:02
PS. ตาหนูคอมเม้นจริงไม่มีตัดแปะ เพราะไม่มีอะไรต้องปกปิด แต่อยากให้เข้าใจว่ามันเป็นความลับ
8 ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ จะลองเอาไปทดสอบดู
PS. มียาอะไรที่กินแล้วฉลาดบ้างมั้ย~ จะไปเหมามาสักโหล
ดี มีประโยชน์
โหวดครับ
PS. ผมมันหนูน้อย ร้าย~เดียงสา
ขอบคุณนะมีประโยชน์มากๆ
อะไรกันว๊ะ103
เค้าตรวจสอบยาสีฟันด้วยวิธีการนี้จริงๆ เหรอ แล้วทดสอบทุกยี่ห้อในตลาดหรือเปล่าครับ ทำไมระบุยี่ห้อ มาสามยี่ห้อ
ไม่ทราบว่าได้ทดสอบ ใกล้ชิด ซิสเต็มม่า หรือยี่ห้อดังๆ อื่นๆ อีกหรือเปล่า
ที่จริงยาสีฟันที่มีขายในท้องตลาดเค้าก็ผ่านมาตราฐานสากล โดยเฉพาะยี่ห้อสากล เค้าได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์ ซึ่งไม่ใช่แพทย์คนเดียวนะคับ
เด็กขี้สงสัย104
ยาสีฟันแอลธยา ลดอาการปวดฟัน
แอลธยาเป็นยาสีฟันที่ไม่เน้นส่วนผสมจากสารเคมี สมุนไพรทั้งหมดที่มีอยู่ ช่วยขัดฟันอย่างนุ่มนวล โดยไม่ทำลายเคลือบฟันและทำให้คอฟันสึก ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการเสียวฟัน มีสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรที่ทั้งยับยั้งและทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปาก จึงช่วยลดอาการอักเสบของเหงือกที่เป็นรำมะนาด และแผลที่เกิดจากการร้อนในหรือถูกฟันขบ รวมทั้งช่วยระงับกลิ่นปากอย่างเห็นผล
***พิเศษสั่งซื้อด่วน ตั้งแต่ 1 โหลขึ้นไปจะได้รับราคาขายส่งจากโรงงานราคาหลอดละ 120 บาท (+VATแล้ว)
ติดต่อ คุณก้อย 083-8429141
1 โหล(+VAT) ราคาเหลือ 1,400 บาท + ค่าจัดส่งฟรี จ้า
อารัยวะ
ขอบคุณมาก จะไม่โดนคู่ตีแล้วโว๊ยยยย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?