มองมหาลัยเอพียู(APU)แบบเป็นกลาง
ตั้งกระทู้ใหม่
เป็นมหาลัยที่กำลังไต่เต้าให้มีชื่อติดอันดับอยู่ในทำเนียบมหาลัยเจ๋งๆของญี่ปุ่น
APU เป็นมหาลัยเอกชน อยู่บนเกาะคิวชู ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
ก่อตั้งเมื่อปี 2000 ด้วยการรวมทุนของบริษัทใหญ่ๆในญี่ปุ่น
ปัจจุบันจำนวนประชากรนักเรียนในมหาลัยมีอยู่มากกว่า 5000 คน
แบ่งเป็นนักเรียนในประเทศและต่างประเทศอย่างละครึ่งๆ
มีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีไปจนถึงปริญญาเอก
จุดเด่นของมหาลัยนี้คงอยู่ตรงที่การรวมนักเรียนเกือบจะทั่วทุกมุมโลก
(ที่จริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นประเทศใน Asia Pacific) ถึงมหาลัยจะพยายามโฆษณาความเป็น international ของมหาลัยด้วยใบปลิวรูปนักเรียนหัวทองฝั่งยุโรป หรือนักเรียนผิวดำแอฟริกาก็ตาม
สิ่งที่นักศึกษาจะได้รับอย่างแน่นอนจาก APU คือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การได้เจอกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ถ้าอยู่เมืองไทย คงมีโอกาสเจอได้น้อย
นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมหาลัยทุกแห่งที่ต้องมีคือแง่ของ Academics
ในช่วงแรกก่อตั้งมหาลัย ในระดับปริญญาตรี มหาลัยมีเพียง 2 คณะ คือ
APS - Asia Pacific Studies และ APM - Asia Pacific Management
และในภายใต้ 2 คณะ ยังแบ่งย่อยเมเจอร์หลักอีกมากมายให้นักเรียนได้ไปเลือกศึกษา
และคณะน้องใหม่ล่าสุด CAP (Crossover Advanced Programs
) ก็กำลังมาแรงแซงทางโค้งคณะอื่นๆ ด้วยเนื้อหาของคณะที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง APS และ APM
ในช่วงเวลา 9 ปีที่ผ่านมาของ APU ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ด้วยวิชาเรียนที่เพิ่มมากขึ้น จำนวนส่วนของวิชาภาคภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นที่มีส่วนแบ่งดีขึ้น (หมายถึง วิชานี้มีภาคภาษาอังกฤษ วิชานี้ก็มีในภาษาญี่ปุ่น) และจำนวนนักเรียนที่หลากหลายประเทศมากขึ้น
สำหรับการสมัครเข้าเรียนที่นี่ผู้ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็สมัครได้ ถือเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้นักเรียนต่างชาติที่สนใจในวัฒนธรรมหรือเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นหลั่งไหลและให้ความสำคัญกับมหาลัยนี้
นอกจากนี้อาจกล่าวได้ว่ามหาลัย APU เปรียบเสมือน มหาลัยบุญทุ่ม
เมื่อมหาลัยมอบทุนการศึกษาหลายหลายเวอร์ชั่นให้กับนักเรียนที่สอบผ่าน
ไม่ว่าจะเป็นเรียนฟรีกินฟรีอยู่ฟรี    เรียนฟรีกินอยู่ไม่ฟรี    หรือจะเป็นเรียนฟรีครึ่งกินอยู่ไม่ฟรี  หรือสอบผ่านจ่ายเต็ม
ซึ่งจากจุดนี้เองทำให้คำว่า scholarship คงไม่สามารถใช้ได้สำหรับทุกคน หากจะเรียกให้ถูกทุน 100% 65% หรือ 30% ควรเปลี่ยนเป็น Reduction Fee ซะมากกว่า
สำหรับการสอบในเมืองไทยใช้วิธีการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ ข้อเขียนคือการสอบที่มีลักษณะเหมือนโทเฟล การวิเคราะห์หรือตัดสินคะแนน ผู้เขียนไม่สามารถตอบคำถามจุดนี้ได้ จึงขอข้ามในส่วนเรื่องการสอบไป
บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของมหาลัย
มหาลัยตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพภูมิอากาศบนที่สูงย่อมแตกต่างจากที่ราบโดยสิ้นเชิง นั่นคือหนาวกว่า และร้อนกว่า ในที่ราบ
และอุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ลมที่พัดแรงในทุกช่วงฤดู
แต่นั่นเป็นเพียงในแง่ของภูมิอากาศและภูมิประเทศ หัวใจที่สำคัญของสิ่งแวดล้อมของการศึกษายังรวมไปถึง
ห้องสมุด
ห้องสมุดของมหาลัยเป็นห้องสมุดขนาดเล็กมีหนังสือหลากหลายภาษา ส่วนใหญ่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ภาษา และหนังสือในเครือวิชาบริหารจัดการ แต่หากต้องการค้นคว้าหนังสือเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้วนั้นจัดได้ว่ามีหนังสืออยู่น้อยมาก  ซึ่งดูจะไม่สอดคล้องกับจำนวนวิชาเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามนักศึกษายังสามารถยืมหนังสือจากมหาลัยในเครือได้ ซึ่งก็สามรถทดแทนกับปริมาณหนังสือที่ไม่พอเพียงภายในมหาลัย เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการขนส่งเท่านั้น
ห้องสารสนเทศ  ห้องคอม
เริ่มต้นเปิดใช้ให้นักเรียนเพียง 2 ห้อง ในจำนวนจำกัดจำเขี่ยกับจำนวนนักเรียน
ในปัจจุบันมีการเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้น แต่หากมองในแง่จำนวนคอมพิวเตอร์ต่อจำนวนนักเรียนทั้งมหาลัยแล้วคงตอบได้เพียงว่า ยังไม่เพียงพอ
จุดบกพร่องบางจุดของมหาลัย
ด้วยมหาลัยเป็นมหาลัยที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2000 ทำให้ระบบจัดการภายในของมหาลัยค่อนข้างไม่เป็นระบบ
เจ้าหน้าที่หรือสตาฟภายในมหาลัยมีความชัดเจนในรายละเอียด หากนักเรียนมีปัญหาอาจจะทำให้เกิดความยุ่งยาก จำเป็นต้องติดต่อหลายขั้นตอน
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ ภาษา
เมื่ออัตรานักเรียนต่างชาติมีเพิ่มมากขึ้นแต่สตาฟหรือผู้ประสานงานชาวต่างชาติหรือผู้ที่พูดภาษาต่างประเทศนั้นๆได้กลับมีไม่เพียงพอ บางครั้งการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนอาจนำมาซึ่งความผิดพลาดที่ยากจะแก้ไข
นั่นเป็นแง่ระบบของประชากรเจ้าหน้าที่ในมหาลัย ลองดูปัญหาในระบบเทคโนโลยีดูบ้าง
ระบบเทคโนโลยีในมหาลัยถือได้ว่ายังอยู่ในเกณฑ์เกือบปานกลาง ไม่ถือว่าดี
การเอื้ออำนวยโปรแกรมให้นักเรียนในภาควิชาที่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมเฉพาะยังไม่ทั่วถึง
ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ในมหาลัยยังเป็นระบบปฏิบัติการผูกขาดเพียงระบบปฎิบัติการเดียว ทั้งๆที่มหาลัยมีภาควิชาเชิงวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แต่ปัญหาสำคัญและปัญหาหลักในสังคมมหาลัย คือ จำนวนประชากรของนักเรียนแต่ละประเทศที่ไม่ลงตัว
จากจำนวนนักเรียนล่าสุด  ปัจจุบัน APU มีนักเรียนไทยอยู่ราวๆ 200 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากทีเดียวเมื่อเทียบกับอัตราส่วนพื้นที่มหาลัยเล็กๆที่ถูกจำกัดอยู่บนยอดเขา เรียกได้ว่าไหล่ชนไหล่เลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเดินไปที่ใดบนมหาลัยหรือในเมืองเบปปุที่จะได้ยินเสียงภาษาไทย
แต่เมื่อเห็นจำนวนนักศึกษาในชาติอื่นๆ เช่น จากเกาหลีที่มีอยู่ถึงเกือบ 700 คน และ จีนที่มีมากเกือบ 400 คน
ประเทศไทยถึงแม้จะมีนักศึกษามากถึง 200 คน ก็เป็นเพียงอันดับ 3 ของตารางรายงานจำนวนนักเรียนแต่ละประเทศในมหาลัย
จากปัญหาจำนวนนักเรียนนี้เอง ส่งผลให้การไม่กระจายตัวของนักเรียนแต่ละเชื้อชาติกลายเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
การไม่กระจายตัวของนักศึกษาต่างชาติและนักศึกษาท้องถิ่น (นักศึกษาญี่ปุ่น) เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับมหาลัยในปัจจุบันเมื่อเทียบกับแรกเริ่มที่ก่อตั้ง เมื่อครั้งแรกๆที่มีนักเรียนไทยเพียงไม่ถึง 10 คน
จากปัญหาดังกล่าว ก่อให้เกิดความไม่เป็นจริงทางการผสมผสานทางวัฒนธรรม และภาษา
ปริมาณนักศึกษาต่างชาติที่พูดภาษาญีปุ่นได้เมื่อจบการศึกษามีไม่มากนัก ซึ่งนั่นก็เป็นปริมาณเดียวกันกับนักศึกษาญีปุ่นเองที่เมื่อจบการศึกษาก็พูดภาษาอังกฤษได้ในปริมาณที่ไม่สมคำโฆษณาของมหาลัยเท่าไรนัก
แต่อย่างไรก็ตามปัญหาทางด้านจำนวนนักเรียนนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยแง่ของธุรกิจของมหาลัย
หากแต่ผู้ที่คิดจะไปเรียนควรเปิดใจให้กว้างและยอมรับให้มหาลัยแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้เปิดประตูสู่โลกกว้างอีกด้านหนึ่งของการเรียนรู้  การมีประชากรนักเรียนไทยอยู่มากก็มีผลดีในแง่ของการช่วยเหลือ ภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกัน การช่วยเหลือย่อมเข้าถึงจิตใจกว่าชาวต่างชาติ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้โอกาสไปศึกษาต่างประเทศแล้วก็ควรเปิดใจให้กว้างรับมุมมองใหม่ๆที่ต่างจากบ้านเราเพื่อให้คุ้มกับโอกาสที่เราได้รับแต่มีอีกหลายล้านคนที่ไม่มีโอกาสอย่างเรา คงจะดีกว่าการปิดกั้นไม่รับสิ่งใดเลย
และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การไปศึกษาต่อ เป้าหมายสำคัญคือการไปศึกษา การไปเรียนรู้
ถึงแม้การไปศึกษาต่อของนักเรียนไทยในญีปุ่นหลายๆคนจะเป็นเพราะการชื่นชอบวัฒนธรรม ดนตรี อะนิเมชั่น ภาพยนต์
จงอย่าลืมว่าสิ่งที่อยู่ในจอกับนอกจอนั้นมันไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ผ่านสื่อล้วนกลั่นกรองจากเรื่องราวที่มีบทนำและตอนจบ แต่ชีวิตคนเราไม่สามารถเห็นตอนจบได้ ฉะนั้นก่อนการตัดสินใจควรคำนึงถึงอนาคตไว้บ้าง การศึกษาข้อกำหนดมหาลัยนั้นๆ รายละเอียดของคณะที่ต้องการศึกษาต่ออย่างละเอียดก่อนไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าปล่อยให้ความคิดเพียงชั่ววูบ ทำให้เราเสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาสดีๆที่ควรจะได้รับเลย.
ที่มา http://kebenaran.exteen.com/
2 ความคิดเห็น
เท อรู้ จริง
  เทอ น่า มาก
    จาก เดก เบปปุ
ร๊าก ฮิโรเสะ ชอบ บุ๊คอ๊อฟ 
ขอขอบคุณ โตกิวา และ กอมซ่า
ร๊าก ก ไดจัง  และ ยามาดะ เดงคิ     
ขอบคุณ โคอพ และ มารุเล็ก
แอบชอบคนขับรด โออิตะ คตซือ และ คาเมะนอย ย ย ย ย
แอบรัก เคนจัง ลูกคุฯป้าขายผัก หน้าเอพีเฮ้า
แอบปลื้มน้ายาม ม ม ^_____________________^
ฮิ้ว วว ว ว ว ว ว ว ว ว ว วว ว
เอพียู  บึ๊ม !!!
แน่จริงอย่าลบ !!! 
รักราจิ๊บ บ บ จ้ว บบ บ บ บ บ บบบบ  ^3^1
APU เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีในสายตาผม
ในอีกไม่นานหากได้รับการพัฒนาที่ดีย่อม
มีศักยภาพที่จะเติบโตได้มากกว่ามหาลัยอื่นๆในญี่ปุ่น
เนื่องจากfacilities ที่เพียบพร้อม ทั้งห้องเรียน ห้องสมุด โรงอาหาร
โรงการแสดง และหอพัก อยากให้คนที่อยากรู้จักมหาลัยนี้จริงๆ
เข้ามาได้เรียนรู้กันจริงๆ ทุกที่มีจุดดีจุดด้อยด้วยกันทั้งนั้น7
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?