Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"ยุคสายลมและแสงแดด" ตอนนนี้เราสมควรใช้คำนี้แล้วแล้วหรือยัง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
"ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย

ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว..."

"สายลมแสงแดด ก็หมายถึง ยุคนั้นนักศึกษาเขาสนใจแต่ความสนุกสนาน ความบันเทิง ทุนนิยม บริโภคนิยม ชอบเต้นรำ ฟุตบอลประเพณี ไม่สนใจประชาชนและสังคม ตอนนี้บางส่วนก็เป็น แต่อาจเปลี่ยนเป็นแสงนีออน" อาจารย์วิทยากรกล่าวเปรียบเทียบด้วยอารมณ์ขัน ก่อนจะวิพากษ์สังคมปัจจุบันอีกว่า

ผ่านวันนั้น กลุ่มคนร่วมสมัยวัยเดียวกันต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองต่างๆ ในสังคม หลังจากที่เคยตั้งคำถามกับรัฐบาลฉาดใหญ่เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาว่า "รัฐให้อะไรกับสังคม" จนนำมาสู่การเรียกร้องประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516

มาวันนี้ สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นเหตุการณ์ที่เคยเกิด เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างคือ พลังนักศึกษาที่ยังเงียบและวางเฉย

แล้วเมื่อไร รุ่นเราจะเดินทางมาถึง "ยุคแสวงหา"

  "ฉันจึงมาหาความหมาย" ประกอบ เพื่อบ่งบอกถึงการตั้งคำถามกับเรื่องราวรอบตัว

ปัจจุบันก็ไม่ต่างจากอดีตมากเท่าใดนัก มีทั้งคนที่ให้ความสำคัญกับการทำงานเพื่อสังคม และคนที่หลงรื่นเริงกับความสุขทางกาย เพียงแต่ว่าอย่างหลังอาจจะมากกว่า 


นักศึกษาเป็นวัยที่ต้องแสวงหาในชีวิต ไม่ใช่เรียนไปแล้วก็ไปทำงาน แต่มีหน้าที่พิเศษ คือ ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาชุมชน ปัญหาประเทศ เพราะนี่เป็นการศึกษาระดับสูง เมื่อได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชนแล้วก็ต้องมองการณ์ให้ไกลกว่าเดิม และที่สำคัญต้องมองคนอื่นด้วย

ที่มา-- http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=854.0;wap2

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

อะซาฮัดดอน 18 เม.ย. 52 เวลา 20:15 น. 1

จะสื่ออะไรอะ คือไปก๊อบเค้ามาแล้วก็ลงความเห็นของตัวเองด้วยจะได้รู้ว่าเจ้าของกระทู้ต้องการจะสื่ออะไร จะได้ ถกประเด็นได้ถูกต้อง

ถ้าจะสื่อเรื่องการเมือง มันหมดยุคเดินขวนปาว ๆ แล้ว คุณแยกขาวดำได้หรอตอนนี้อะ ไม่มีทางทุกอย่างเป็นสีเทา อำนาจโยงใยไขว้กันไปมามั่วหมด ไม่มีใครดีเต็มร้อย ไม่มีใครชั่วสุดขีด ไม่มีใครไม่เคยเอี่ยวกับผลประโยชน์มืด และผลประโยชน์มืดบางทีก็กลายเป็นเงินบุญ มันเป็นสีเทา ๆ ขมุกขมัว เราไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนแต่ก่อน เราจะไปร้องเรียกป่าวประกาศเหมือนแต่ก่อนไม่ได้หรอก

แน่นอนเราต้องประคองตัวเองให้รอดด้วยในภาวะที่มหาวิทยาลัยพยายามลดบทบาทของกิจกรรมลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะมีโครงการส่งเสริมก็ตาม แต่โดยหลักสูตรแล้วไม่เอื้อให้เราทำกิจกรรมเลย กิจกรรมเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเราอาจจะทำมากที่สุดเลยก็ได้ สารพัดกิจกรรม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าให้เอามาเปรียบเทียบกันหรือทะเลาะกันว่าฉันทำน้อยเธอทำเยอะ

คุณปฏิดสธไม่ได้หรอกว่าการที่คุณจะทำงานใหญ่สักชิ้นคุณต้องการผู้นำที่เข้าแข็งการออกคค่ายใหญ่ๆแต่ละครั้งถ้าระบบไม่ดีผู้นำแย่คุณก็เอาเงินสนับสนุนไปสุญเปล่า นั่นยังไม่เท่าเอาความขายขี้หน้าและความไม่เอาไหนประจารตัวเองให้คนนอกเค้ารู้ถึงความหน่อมแน้มของตัวเองอีก

แม้แต่คนโพสต์เองคุณทำอะไรเพื่อสังคมมากน้อยแค่ไหนก่อนที่จะตั้งข้อสังเกตในเรื่องเหล่านี้ แน่นอนว่าเราไม่ยกยอปอปั้นว่าตัวเองวิเศษหรือ ทำเพื่อคนอื่นในเป็นคนดีในอุดมคติหรอก แต่กำลังจะสื่อว่า ถ้าคุณคิดจะทำเพื่อคนอื่นมันไม่ใช่แค่มีใจอย่างเดียว มันต้องมีสมอง มีความสามัคคี ทุกคนรู้ว่าเด็กธรรมศาสตร์(กำลังพูดถึงกรณีธรรมศาสตร์) ก่อนจะเข้ามาก็เก่ง ๆ ทั้งนั้น คุณในฐานะผู้นำจะทำยังไงให้เค้าฟังคุณเพราะอย่าลืมว่าเค้าก็ฉลาดเหมือนกัน แล้วคุณจะประคับประคอง องค์กรอย่างไร แล้วคุณจะทำอย่างไรกับอีโก้ที่แต่ละคนพกมา ยิ่งในกรณีที่ทำค่ายร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่น คุณจะทำอย่างไรให้บรรดาเพื่อนในรั้วเดียวกันกัยคุณวางตัวถูกไม่โดนคนอื่นเค้าหาว่าหยิ่งบ้างหล่ะ คุยด้วยไม่รุ้เรื่องบ้างหล่ะ อวดเก่งบ้างหล่ะ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ระบบของมหาวิทยาลัยมันต่างกัน ระบบเสรีภาพ กับระบบทีพากันภูมิใจนักหนา(sotus ผู้เขียนไม่ชอบเป็นการส่วนตัวผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย) ความมั่นใจของคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองมันย่อมมีมากกว่าคุณจะทำอย่างไรให้เพื่อนต่างมหาวิทยาลัยเข้าใจคุณ

แล้วชาวบ้านหรือ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของคุณเค้าพึงพอใจกับการช่วยเหลือแค่ไหน อย่าลืมว่าก่อนคุณมาช่วยเขาเขาก็อยู่กันมาตั้งนาน ลำบากก็จริงแต่ไม่ตาย ถ้าคุณมาด้วยความเต็มใจเค้าก็ต้อนรับคุณแต่ถ้าคุณมาแล้วเค้าเกิดรู้สึกว่าโดนหลอกมาคุณว่าเค้าจะเสียใจมั๊ย

เราไม่เถียงเลยว่ามันมีคนจำนวนมาก ที่ หลงไหลการเที่ยวเตร่และเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ก็ต้องหันมามองดูว่า ทุกครั้งที่มีกิจกรรมดี ๆ ต้องการอาสาสมัคร มันก็เต็มทุกครั้ง แสดงว่ามันก็ยังมีคนสนใจช่วยคนอื่นอยู่

เราเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดีพร้อมจะช่วยเหลือคนอื่นเมื่อมีโอกาสแต่ คุณตัองหาผู้นำมาคอยประคองเค้าให้ทำงานสำเร็จไป ซึ่งจะให้พูดตรง ๆ คือ มันมีไม่พอ คุณคิดว่าไงหล่ะ?

0