Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หมอ วิศวะ บัญชี บริหาร ?! ข้อสงสัยในสายอาชีพ!!!???

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ พี่เพื่อนน้องชาวบอร์ดเด็กดี ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณมากครับ ที่คลิกเข้ามาดูกระทู้ของผม

สาเหตุที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพื่ออยากให้เพื่อนพี่น้องทุกคน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกคณะ ซึ่งผมคิดว่า หากให้พี่ๆที่มีประสบการณ์จริง มาช่วยตอบ ด้วยภาษาอย่างกันเอง จะเข้าใจกันง่ายกว่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งตัวผม เพื่อนๆ ที่มีแนวคิดคล้ายๆกับผม และบุคคลท่านอื่นที่สนใจ ไม่เดินหลงทาง และเสียเวลา อันนำไปสู่ทางสายตรงแห่งความสำเร็จ และพัฒนาประเทศไทยของเราต่อไป ...!(เหอๆ)


ปัจจุบัน ผมกำลังขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ครับ ซึ่งการสอบ Gat Pat ใหม่นี้ ก็จะต้องรู้จักตัวเองให้ได้แล้ว

:D เกริ่นมาซะยาวเชียว เอาเป็นว่าเข้าเรื่องดีกว่า (-*-...พี่ๆชักจะเบื่อแล้วน้า)

ผมกำลังสงสัยตัวเองอยู่ว่า อันที่จริง ผมอยากจะเป็นอะไรกันแน่

แพทย์ (หมอ) :จากการที่ผมเคยไปเข้าค่ายหมอตอน ม.4 ก็มีหลายคำถามลืมถามพี่ๆ ผมขออนุญาตมาถาม ณ ตรงนี้เลยนะครับ
1.    การเรียนกับอาจารย์ใหญ่นั้น ผมสนใจครับ แต่ว่า กลิ่นของอาจารย์นั้น คือกลิ่นอะไร เป็นโทษต่อร่างกายหรือไม่
2.    เบ็ดเสร็จแล้ว การเรียนหมอ เมื่อต่อเฉพาะทางแล้ว หากเป็นเฉพาะทางด้าน หมอผ่าตัด (ศัลยแพทย์) ต้องใช้เวลากี่ปี หมอผิวหนัง ใช้เวลากี่ปี และ หมอสูติฝ่ายทำคลอดให้คุณแม่ ต้องใช้เวลาเรียนกี่ปี
3.    **การไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องเรียนหมอจากเมืองไทย ให้สำเร็จก่อนหรือไม่ กี่ปี แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป**
4.    โดยปกติ หากพี่ๆคิดเป็นรายชั่วโมงต่อสัปดาห์ พี่ๆต้องใช้เวลาเรียนหนักขนาดไหน ในแต่ละปี
5.    อายุเฉลี่ยของหมอคือ 55 ปี จริงหรือ
6.    หมอเอกชน ต่างกับหมอรัฐบาลอย่างไร
7.    หมออะไรที่ท่านคิดว่า ทำงานสบายสุด และ ลำบากที่สุด
8.    โดยสรุปแล้วหมอต้องการอะไร แล้วความหวังที่จะได้จากอาชีพหมอ แท้จริงแล้ว เมื่อทำงานในชีวิตจริง เป็นอย่างที่คิดหรือไม่ ดีกว่า หรือ แย่กว่าอย่างไร
9.    พี่ๆที่เรียนหมอ หรือเป็นหมอแล้ว เจออุปสรรคอะไรบ้าง ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กัน หรืออยากให้ผมต้องทราบ

วิศวะ
1.    วิศวะคอม เรียนทั้ง Hardware และ Software ในขณะที่ วิทย์คอม เรียนหนักด้าน Software ใช่หรือไม่ อย่างไร
2.    ปัจจุบัน ท่านคิดว่า วิศวะ หางานทำง่าย หรือ ยาก ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อความยากง่ายในการหางาน
3.    ปัจจุบัน นักวิศวะจบทีเป็นร้อยเป็นพัน ตึกก็สร้างครั้งเดียวเสร็จ Software ก็Copy แล้วก็สร้าง Crack กันไป แล้วงานสายใดล่ะที่หาคนเก่งจริงยาก ทักษะใดที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น
4.    งานใหญ่ในคณะวิศวะ คือทำ Project คือคิดค้นอะไรขึ้นมาใหม่ใช่ไหมครับ แล้ววิศวะด้านอื่นๆล่ะ แต่ละสายเค้าทำอะไรกันบ้าง เช่น วิศวะคอม  โยธา เครื่องกล...
5.    ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับ วิศวะคอมพิวเตอร์

บัญชี
1.    การเรียนบัญชี คือการเรียนเพื่อไปทำงานอะไรบ้าง การรับผิดชอบทางด้านการเงินอย่างเดียวงั้นหรือ
2.    จริงหรือไม่ อาชีพนักบัญชี มักไม่มีความสุข เช่นวันหยุดพักผ่อน ได้ออกไปเที่ยว แต่เมื่อนึกถึงงานที่ต้องรับผิดชอบทีไร ก็จุกอก สนุกไม่สุด หัวเราะไม่สุด
3.    ดูจากในละคร งานบัญชี ทำงานหามรุ่งหามค่ำเลย มีการเอางานกลับมาทำด้วย จริงไหมครับ
4.    ทำไมถึงเป็นอาชีพที่หางานได้ง่ายที่สุด

บริหาร
1.    การเรียนคณะบริหาร คือการท่องหนังสือ สอบข้อเขียน แค่นั้นหรือครับ มีการสอบภาคปฏิบัติ เช่นฝึกการตัดสินใจหรือไม่ครับ
2.    คณะบริหาร เรียนอะไรครับ ความแตกต่างระหว่างบริหาร กับ บัญชี คืออะไร


คำถามนอกเรื่อง
1.    ภาษาที่ 3 ที่ท่านคิดว่า ควรจะเรียนเพิ่มมากที่สุด คือภาษาใด
2.    จากประสบการณ์ในการสัมภาษณ์หรือสมัครงาน สิ่งที่เค้ามักถามคืออะไร และมหาลัยที่จบ มีผลมากหรือไม่
3.    อาชีพที่ผมเห็นทีว่าจะรวย ไม่เหนื่อยคือ Tutor  ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร
4.    หากเราตั้งใจเรียน จะมีการขอล็อกตัวเข้าทำงานดีๆก่อนเรียนจบเหมือนสมัยคุณพ่อคุณแม่ผมหรือไม่ แล้วเขาคัดกันอย่างไร ทุกมหาวิทยาลัยหรือเปล่า
5.    มีเส้นทางลัดสู่มหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง ที่ท่านทราบ มาคุยกันครับ เช่น ผมทราบมาว่า คณะแพทย์จุฬา หากเราเข้ารอบการคัดเลือกชีวะโอลิมปิกรอบแรก (หรือสอง?) สามารถยื่นเรื่องเข้าตรงได้เลย ฉะนั้น ตอนนี้ต้องสมัครอะไร เตรียมพร้อมอะไร จึงได้เปรียบ
6.    มีค่ายวิศวะ ค่ายบัญชี ค่ายบริหาร หรือ ค่ายนิติ บ้างไหมครับ
7.    มีข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนเพื่อเป็นทูตทางเว็บใดบ้างครับ ต้องเรียนคณะไหน แข่งขันอย่างไร

WOW!... ยาวเฟื้อย ตาลายกันรึเปล่าครับ -*- ต้องขออภัยจริงๆ แต่ก็อยากทราบความคิดเห็นของพี่เพื่อนน้องอย่างจริงจังและรอบด้าน

ทั้งนี้ คำถามที่ผมถาม แม้ตอบเพียง 1 ข้อ ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

ยินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็นของทุกท่านนะครับ (ติผมก็ได้ ว่าถามทำไม ทำไมช่างสงสัยจริง!? *0*… 555+)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 เมษายน 2552 / 15:21
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 1 พฤษภาคม 2552 / 21:42

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

กูรู- -* 30 เม.ย. 52 เวลา 11:02 น. 1

ตอบให้ได้บางข้อนะ ทั้งหมดมาจากประสบการณ์ของผมเองผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วย(อย่าเชื่อผมฝ่ายเดียวลองไปดูของจริงเลยดีกว่า)

วิศวะ
1.ใช่ แต่ถ้าขยันหน่อยก็ฝึกเขียน+ซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มได้สบายสำหรับ software
2.ช่วงนี้ยังไม่ค่อยยากแต่อนาคตไม่แน่ จบมาเกลื่อนกลาดตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว
3.ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่ง และลงมือทำ
4.ไม่แน่ใจถ้าทำงานในต่างประเทศ แต่ถ้าวิศวะในเมืองไทยไม่ใช่แล้วครับ(วิศวะเมืองไทย
5.วิศวะคอมถ้าจะให้รุ่งยุคนี้ น่าจะไปทำด้านเกี่ยวกับ network ไม่ก็ไปพัฒนาเทคโนโลยีด้านIT(แต่ต้องไปอยู่ศูนย์วิจัยต่างประเทศ) เท่าที่เห็นประเทศไทยยังไม่มีสักศูนย์

ปล.วิศวะต้องชอบลุยงานลงงานจริงครับถึงจะรุ่ง มันไม่ได้นั่งคำนวนเอาเป็นเอาตายอย่างที่เรียนมาแต่แค่พอมีบ้างเป็นประปราย

0
กูรู- -* 30 เม.ย. 52 เวลา 11:07 น. 2

เวรกรรมพิมพ์ตก ...เอ่อข้อ4 ผมจะบอกวิศวะในเมืองไทยทำ project คิดค้นนู้นนี่ ผมยังไม่ค่อยเจอนะครับ เจอน้อยมากๆ(เท่าที่เห็นมาก็คิดแล้วแต่ว่าก็ไม่ดัง ไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ) ส่วนใหญ่งานก็จะทำตามแบบที่วางไว้อยู่แล้วไม่ต้องคิดไรมาก ทำเหมือนๆกับที่เรียนมา

0
กูรู- -* 30 เม.ย. 52 เวลา 11:12 น. 3

ลืม...
ตอบคำถามนอกเรื่อง
Tutor ก็เหนื่อยนะครับถ้าจะเอาให้รวยต้องเก่งจริง และหัดโฆษณาจะได้มีคนรู้จักและมาเรียนเยอะ และยิ่งเดี๋ยวนี้ผมว่าติวเตอร์เก่งๆมีมากมาย ถ้าคุณแน่พอที่จะไปแข่งกับเค้าก็ลองดูครับไม่ว่ากัน
ถ้าจะเอาให้รวยๆเลยเนี่ย ผมว่านักธุรกิจครับ(ทำธุรกิจเป็นเจ้าของบริษัท) แต่ถ้าจะเอาให้มั่นคงแล้วรวยก็ไปเป็นหมอเอกชนครับ


ปล.เจ้าของบริษัทไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ ลองไปอ่านประวัติเบื้องหลังของคนแวดวงธุรกิจหลายๆคนจะรู้ว่าแต่ละคนก็ไม่ได้เรียนสูง จบสูง ภาษาเก่งอะไรมา แค่ขอให้คุณ "คิดเป็น" พวกที่จบดอกตง ดอกเตอร์มาสุดท้ายก็มาเป็นขี้ข้าคุณทั้งนั้นแหละครับ

0
MiChan 30 เม.ย. 52 เวลา 11:19 น. 4

1.    ภาษาที่ 3 ที่ท่านคิดว่า ควรจะเรียนเพิ่มมากที่สุด คือภาษาใด
- จีน
2.    จากประสบการณ์ในการสัมภาษณ์หรือสมัครงาน สิ่งที่เค้ามักถามคืออะไร และมหาลัยที่จบ มีผลมากหรือไม่
- ถามเงินเดือนและตำแหน่ง - . - มหาลัยที่จบมีผลมาก โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของรัฐ ส่วนบริษัทเอกชันก็แล้วแต่ว่าเค้าจะมีค่านิยมแบบไหน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะพิจารณาด้วย เช่นถ้าเราเป็นวิศวะ คนพิจารณาเราจบวิศวะจุฬามา วิศวะจุฬาก็อาจเป็นตัวเลือก 1 แต่ถ้าสมมุติจบพระจอมมา เค้าอาจจะมองว่าพระจอมดีกว่า เพราะงั้น นานาจิตตังงับ
3.    อาชีพที่ผมเห็นทีว่าจะรวย ไม่เหนื่อยคือ Tutor  ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร
- ติวเตอร์เหนื่อยนะครับ เพราะพี่ที่เคยสอนผมนี่ก็ต้องไปสอนที่อื่นด้วย แต่ถ้าใช้ระบบการสอนแบบบันทึกสื่อเอา มันก็สบายอยู่ครับ แต่ถ้าเราไม่ดัง ถามว่าจะมีใครมานั่งเรียนไหม เพราะขนาดคอร์สนึงที่ผมลงกับอาจารย์ที่มีชื่อเ้สียง มีคนนั่งเรียน 2-3 คนครับ มันจะปวดกบาลเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเช่าที่เดือนๆนึง 2 แสนอัพ ถ้าเป็นทำเลดีๆอย่างสยาม หรือตึกอ.อุ๊ แต่ถ้าสอนไปตามยถากรรมก็ถือว่ารายได้ดีครับ แต่เป็นอาชีพที่ไม่ีค่อยมั่นคง ยกเว้นแต่จะเตรียมการไว้เป็นครูทีหลังด้วย ก็จะเป็นหลักประกันอย่างดี
4.    หากเราตั้งใจเรียน จะมีการขอล็อกตัวเข้าทำงานดีๆก่อนเรียนจบเหมือนสมัยคุณพ่อคุณแม่ผมหรือไม่ แล้วเขาคัดกันอย่างไร ทุกมหาวิทยาลัยหรือเปล่า
- มีครับ แต่ส่วนใหญ่สมัยนี้เค้าจะพิจารณาเอาจากตอนฝึกงานด้วย ซึ่งถ้าเราได้ฝึกงานที่ดีๆ ก็จะเป็นผลดีมากครับที่สามารถได้งานทำทันทีหลังจบมหาวิทยา่ลัย ส่วนการล็อกตัวก็ขึ้นอยู่กับสาขานั้นๆ แต่บางมหาลัยจะเปิดให้หน่วยงานมาเสนองานต่อนักศึกษาได้ และให้เราติดต่อเอาเอง
7.    มีข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนเพื่อเป็นทูตทางเว็บใดบ้างครับ ต้องเรียนคณะไหน แข่งขันอย่างไร
- รัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมั้งครับ ..
3.    ดูจากในละคร งานบัญชี ทำงานหามรุ่งหามค่ำเลย มีการเอางานกลับมาทำด้วย จริงไหมครับ
- แล้วแต่ที่นะครับ
4.    ทำไมถึงเป็นอาชีพที่หางานได้ง่ายที่สุด
- ขาดบุคลากรที่มีคุณภาพครับ ขนาดในประเทศพัฒนาแล้วยังขาดแคลนเลยครับ เพราะงั้นเค้าถึงว่าคนเรียนบัญชีไม่มีวันตกงาน (ถ้าไม่เรื่องมาก)

0
MiChan 30 เม.ย. 52 เวลา 11:19 น. 5

1.    วิศวะคอม เรียนทั้ง Hardware และ Software ในขณะที่ วิทย์คอม เรียนหนักด้าน Software ใช่หรือไม่ อย่างไร
- ประมาณนั้น แต่ก็มีเรื่องระบบด้วยครับ
2.    ปัจจุบัน ท่านคิดว่า วิศวะ หางานทำง่าย หรือ ยาก ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อความยากง่ายในการหางาน
- วิศวะคอมหางานไม่ยาก ถ้าไม่เลือกงาน แต่ถ้าเรียนพวกเรื่องระบบมา ทั้งวิทย์คอม วิศวะคอม ก็หางานง่ายพอประมาณเลยครับ แต่เพื่อนเราหนีไปทำงานไต้หวันแล้วน่ะ จบวิศวะคอม
3.    ปัจจุบัน นักวิศวะจบทีเป็นร้อยเป็นพัน ตึกก็สร้างครั้งเดียวเสร็จ Software ก็Copy แล้วก็สร้าง Crack กันไป แล้วงานสายใดล่ะที่หาคนเก่งจริงยาก ทักษะใดที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น
- การดูและระบบทั้งหลาย จำเป็นต้องใช้คน และซอฟท์แวร์ก็ยังมีงานหลายด้านนอกจากการเขียนโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Software Analyze Software Architect และอื่นๆ ซึ่งถ้าต่อไปบ้านเราพยายามพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอม ก็ถือว่าเป็นสาขาที่จำเป็นครับ
4.    งานใหญ่ในคณะวิศวะ คือทำ Project คือคิดค้นอะไรขึ้นมาใหม่ใช่ไหมครับ แล้ววิศวะด้านอื่นๆล่ะ แต่ละสายเค้าทำอะไรกันบ้าง เช่น วิศวะคอม  โยธา เครื่องกล...
- เพื่อนเราเรียนวิศวะคอม ก็ทำเป็นระบบอะครับ จำพวกตู้สาขาการบันทึกเสียง ก็ทำพวกโปรแกรม เขียนเวบมา แล้วก็บันทึกเสียงไว้ตรวจสอบในหน่วยงานที่มีการรับโทรศัพท์ แต่รายละเอียดอื่นไม่รู้อะ
5.    ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับ วิศวะคอมพิวเตอร์
- รู้สึกวิทยาการคอมหรือวิศวะซอฟท์แวร์น่าเรียนกว่า (เพราะเราเคยเรียนคล้ายๆมาแล้วเลยไม่ปลื้มสายนี้เท่าไร)

0
ณ นินนา 30 เม.ย. 52 เวลา 17:48 น. 6
หมอ
ถึงไม่ได้เรียนหมอ แต่ว่าพอรู้เรื่องหมอบ้างไม่มากก็น้อย  ตอบบางข้อแล้วกันนะ


2.    เบ็ดเสร็จแล้ว การเรียนหมอ เมื่อต่อเฉพาะทางแล้ว หากเป็นเฉพาะทางด้าน หมอผ่าตัด (ศัลยแพทย์) ต้องใช้เวลากี่ปี หมอผิวหนัง ใช้เวลากี่ปี และ หมอสูติฝ่ายทำคลอดให้คุณแม่ ต้องใช้เวลาเรียนกี่ปี
เรียนหมอหกปี เสร็จแล้วก็ไปใช้ทุนอีก 3ปี(ถ้าจำไม่ผิด) เมื่อใช้ทุนหมดแล้วจึงไปเรียนต่อได้ เฉพาะทางน่าจะประมาณ 4 ปีนะคะ
จบมาก็...
3.    **การไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องเรียนหมอจากเมืองไทย ให้สำเร็จก่อนหรือไม่ กี่ปี แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป**
มีหลักสูตรปริญญาควบของมหาวิทยาลัยที่ตราเป็นกราฟexponential เรียนคู่กับยูนอตติ้งแฮมด้านหมอค่ะ  จบหกปีแต่ได้สองปริญญา ได้ไปเรียนที่โน่นด้วยค่ะ
ส่วนมากคือ เรียนหมอที่เมืองไทยจบแล้วค่อยไปต่อต่างประเทศค่ะ

5.    อายุเฉลี่ยของหมอคือ 55 ปี จริงหรือ
ไม่ได้เกี่ยวกันนะคะ  หมอเพื่อนพ่อเพื่อนแม่เราอายุเกินหกสิบกันนะ
6.    หมอเอกชน ต่างกับหมอรัฐบาลอย่างไร
หมอรัฐบาลทำงานรัฐบาล  มีเงินเดือนที่แน่นอน  มีเวลาทำงานแน่นอนดังนั้นทำคลีนิคได้
หมอเอกชนได้เงินเดือนเยอะกว่า แต่ทำงานหนักกว่า  โรงพยาบาลบางแห่งไม่อนุญาตให้ทำคลินิค  และมีอัตราการแข่งขันระหว่างหมอด้วยกันเองสูงมาก (น่ากลัว!)
7.    หมออะไรที่ท่านคิดว่า ทำงานสบายสุด และ ลำบากที่สุด
หมอผิวหนัง!
9.    พี่ๆที่เรียนหมอ หรือเป็นหมอแล้ว เจออุปสรรคอะไรบ้าง ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กัน หรืออยากให้ผมต้องทราบ
เขาเล่าว่า ตอนคนไข้ในการดูแลของเรา death ครั้งแรก


(หมดเวลาซะล่ะ หวังว่าจะช่วยอะไรได้นะ = =)
0
Cheriez 1 พ.ค. 52 เวลา 19:37 น. 7

มาตอบให้เท่าที่รู้นะจ๊ะ พี่เพิ่งขึ้นปีสองอ่า

แพทย์ (หมอ) :จากการที่ผมเคยไปเข้าค่ายหมอตอน ม.4 ก็มีหลายคำถามลืมถามพี่ๆ ผมขออนุญาตมาถาม ณ ตรงนี้เลยนะครับ

1.    การเรียนกับอาจารย์ใหญ่นั้น ผมสนใจครับ แต่ว่า กลิ่นของอาจารย์นั้น คือกลิ่นอะไร เป็นโทษต่อร่างกายหรือไม่
กลิ่น"ฟอร์มาลีน"จ้ะ ไม่เป็นอัตรายต่อร่างกายแน่นอน เพราะนศพปีสองขลุกอยู่กับอาจารย์ใหญ่อาทิตย์อาทิตย์ละไม่ตํ่ากว่าสามวัน รวมไปถึงแพทย์นิติเวชที่กลิ่นฟอร์มาลีนอาจะเป็นกลิ่นประจำกายไปแล้ว

2.    เบ็ด เสร็จแล้ว การเรียนหมอ เมื่อต่อเฉพาะทางแล้ว หากเป็นเฉพาะทางด้าน หมอผ่าตัด (ศัลยแพทย์) ต้องใช้เวลากี่ปี หมอผิวหนัง ใช้เวลากี่ปี และ หมอสูติฝ่ายทำคลอดให้คุณแม่ ต้องใช้เวลาเรียนกี่ปี
เรียนหมอ 6 ปีจ้ะ ใช้ทุนอีกประมาณ 3 ปี ต่อเฉพาะทางอีกประมาณ 3-5 ปี (ถ้าเป็นศัลย์ฯจะนานหน่อย ส่วนผิวหนังถ้าจะไม่ผิดน่าจะ 3 นะ หมอสูติฯ 4 จ้ะ) ถ้าเป็นนักเรียนทุนไปเรียนนอก กลับมาก็ใช้ทุนอีกตามระเบียบการ
สรุปคือเรียนหมอเบ็ดเสร็จต่อเฉพาะทางตรวจโรคที่ไม่ใช่เวชปฏิบัติทั่วไปก็ไม่ตํ่ากว่า 10 ปีแล้วน้อ (ลูกโตพอดี) ถึงบอกไงว่าหมอแต่งงานช้า หรือไม่ก็แต่งด้วยกันเอง เพราะไม่มีใครรอ 55+

3.    **การไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องเรียนหมอจากเมืองไทย ให้สำเร็จก่อนหรือไม่ กี่ปี แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป**
หลักสูตรแพทย์ของเมืองนอก "ต้องเรียนจบปริญญาตรี" เป็นอย่างตํ่าจ้ะ ก็คือถ้าเรียนที่ไทยก็เรียนให้จบ 6 ปีก่อน เสร็จแล้วจะต้องเรียนหลักสูตรเพิ่มพูนภาคบังคับก่อนปี1(อันนี้ไม่แน่ใจ) จากนั้นถ้าไม่ใช้ทุนก็ไปต่อได้ เรียนจบกลับมาค่อยใช้ 
การไปเรียนนอกก็.. รู้สึกจะต้องสอบวัดระดับก่อน พี่จำชื่อไม่ได้ แต่เรียก "ยูสไมล์" ง่ะ = ='' คล้ายๆ ศรว บ้านเรา ต้องสอบให้ผ่านก่อน จากนั้นก็ยื่นเรื่อง อะไรไม่รู้จิปาถะ 55+ พี่ก็ลืมมั่ง ไม่เคยถามมั่ง อะไรมั่ง -*-

แล้วก็นะ อันนี้เพิ่มเติมจ้ะ คือหมอเมืองนอกอ่ะ หมายถึง"เรียนหมอ" ไม่ใช่ "ต่อเฉพาะทาง" นะจ๊ะ อย่างที่บอกคือ "ต้องจบปริญญาตรี" คือคุณจะเรียนบัญชีเรียนวิดวะมาก่อนแล้วค่อยมาเรียนหมอก็ได้ นั่นก็เพราะเมืองนอกเค้าเห็นว่าผู้ที่จะเรียนแพทย์มาช่วยชีวิตคนต้องมีวุฒิภาวะในระดับนึงก่อนแล้ว แล้วระหว่างที่เรียนนี่จะไม่เหมือนเมืองไทยนะ
นศพเมืองนอก "จะไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องผู้ป่วย" เลยทั้งสิ้น เวลาเรียนจะเรียนกับหุ่นจำลองน่ะ ไม่เหมืองของไทยที่ขึ้นวอร์ดปุ๊บก็ต้องเรียนกับคนไข้แล้ว มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปนะ


4.    โดยปกติ หากพี่ๆคิดเป็นรายชั่วโมงต่อสัปดาห์ พี่ๆต้องใช้เวลาเรียนหนักขนาดไหน ในแต่ละปี
เอ่อออ เอาคำนวณขนาดนั้นเลยเหรอ พี่มาตอบทีหลังได้มะ 55+  รู้แต่ว่าหน่วยกิตมันมโหฬารมากอ่ะน้อง เรียนหกปีทั้งหมดก็หน่วยกิตสองเท่าของวิดวะเลยล่ะ
เอาเป็นว่า เรียนแปดโมงเลิกห้าโมง สำหรับพรีคลินิก และ เจ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่มสำหรับคลินิก .. บวกลบได้ตามสมควร = ='' แต่มันหนักจริงๆ เวลาพักผ่อนเวลานอนของน้องจะหายไปเลยแหละ ปิดเทอมยิ่งปีสูงๆอย่างมากก็อาทิดนึง .. นี่คือปิดเทอมนะ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 พฤษภาคม 2552 / 19:47


PS.  ----- You are you, you were not born for my expectation, And I am I, I was not born for your expectation too, but if by chance we meet, it's beautiful. -----
0
Cheriez 1 พ.ค. 52 เวลา 19:39 น. 8

อืมมม ยาวไปแฮะ = =''


5.    อายุเฉลี่ยของหมอคือ 55 ปี จริงหรือ

แล้วแต่อ่ะจ่ะน้อง แต่ 55 นี่จะอายุเกษียณมากกว่านะ(มั้ง) มันแล้วแต่คนด้วย  อาจารย์หมอบางท่าน 60+ มาสอนยังมีเลย

6.    หมอเอกชน ต่างกับหมอรัฐบาลอย่างไร

หมอเอกชนเงินเดือนดีกว่า (ขึ้นอยู่กับความขยัน และค่าอัดฉีดที่รพให้) ก็ตรวจ OPD วันนึงตั้งกะห้าโมงถึงสองทุ่ม (อาทิดนึงสักสามวัน)
 คนไข้รายละประมาณ 10 นาที รายนึงคิดค่าหมอประมาณ 500 .. ลองคำนวณดูนะ บวกลบได้ขึ้นอยู่กับตรวจรักษาอะไร
ส่วนหมอรัฐบาลจะมั่นคง เงินเดือนแน่นอน และโตได้เรื่อยๆ ถ้าทำงานตามกระทรวง กรม ก็โตๆไปตามลำดับข้าราชการ แล้วก็ได้ออกไปดูงานเรื่อยๆด้วยแหละ :p

ในความรู้สึกพี่ยอมรับว่ามันต่างกันนะ ตามความเห็นของแต่ละคน ความรู้สึกของความเป็นแพทย์ก็ต่างกันด้วย (อย่างหมอคลินิก กะหมอรพ พี่ว่าความรู้สึกมันก็ต่างอ่ะ)
ส่วนหนักไม่หนักมันก็แล้วแต่การทำงานอ่ะ เอกชนก็เบากว่าของรัฐได้เหมือนกัน (ขึ้นอยู่กับว่าวันๆทำแต่งานรึเปล่า)


7.    หมออะไรที่ท่านคิดว่า ทำงานสบายสุด และ ลำบากที่สุด

อันนี้ก็แล้วแต่อีกเหมือนกันงิ บางคนก็คิดว่าผิวหนัง(ซึ่งมันก็จริง) อย่างหมอตาผ่าตัดตาก็ประมาณ 15-30 นาทีเอง วันนึง 10 เคส อะไรประมาณนี้
ส่วนอายุรกรรมนี่ไม่ค่อยแน่ใจ(รู้แต่วอร์ดอายุรกรรมหนักมากก) ส่วนหมอศัลย์ฯนี่เป็นอะไรที่ยากแล้วก็หัวกะทิ
คุณมีสิทธิโดนตามตอนตีสามเพื่อมาผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ยืนตลอดเป็นเวลา 12 ชมได้ (สำหรับบางเคส)

8.    โดย สรุปแล้วหมอต้องการอะไร แล้วความหวังที่จะได้จากอาชีพหมอ แท้จริงแล้ว เมื่อทำงานในชีวิตจริง เป็นอย่างที่คิดหรือไม่ ดีกว่า หรือ แย่กว่าอย่างไร

พูดตรงๆเลยก็ได้ ว่ามันไม่ได้เป็นไปตามอุดมคติ ตามความคิดดั้งเดิมหรอกค่ะน้อง พี่พูดจริงๆนะ น้องดูตามซีรี่ยส์หมอเมืองนอกก็ได้ บอกได้เลยว่า "ชีวิตจริงหนักกว่านั้น"
จะบอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ มันก็ใช่อ่ะ แต่มันมีอะไรที่ "เป็นผลประโยชน์" มากกว่านั้นเยอะ

ชีวิตจริงกับอุดมคติมันต่างกันนะ น้องถ้าได้มาสัมผัสจะรู้ซึ้งเอง ดีกว่าหรือแย่กว่าพี่เองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน


หมอทุกคนต้องการ "รักษาคนไข้ให้หายดี" นั่นใช่อยู่แล้ว แต่ยอมรับเถอะ ว่าที่"เลี้ยงไข้" มันก็มีอ่ะ .. พี่พูดจริงๆ แม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม


PS.  ----- You are you, you were not born for my expectation, And I am I, I was not born for your expectation too, but if by chance we meet, it's beautiful. -----
0
Cheriez 1 พ.ค. 52 เวลา 19:39 น. 9

9.    พี่ๆที่เรียนหมอ หรือเป็นหมอแล้ว เจออุปสรรคอะไรบ้าง ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กัน หรืออยากให้ผมต้องทราบ
สำหรับตอนที่เรียนหมอ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคเท่ากับ "เรียนหนัก เรียนยาก" หรอกจ้ะน้อง เอิ้กๆ (อันนี้คนส่วนนอกก็รู้เนอะ)
แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เรียนหมอน่ะช่วยๆกันเยอะ เพราะเราเป็นวิชาชีพที่ต้องทำงานเป็นทีม เป็นหมอจะเรียนคนเดียว ทำงานคนเดียวไม่ได้หรอก
แต่มันก็มีบ้างถ้าน้องจะมองในแง่ร้ายว่า เรียนหมอต้อง "แข่ง" กันเรียน "เหยียบ"กันขึ้นไป ใครไม่ไหวก็ออกไปซะ แต่อย่าเพิ่งคิดแย่แบบนั้น บอกแล้วว่าช่วยกันเรียนก็มี
ที่สำคัญตอนเรียน ขึ้นวอร์ด อันนี้แม่พี่เล่านะ ว่ามันต้องมี "เก็บเคส" มันเลยแข่งกันเรียนจริงๆ แย่งคนไข้กันก็มี

ที่เคยถามพวกพี่รหัสว่าตอนขึ้นวอร์ดเป็นไง จะได้คร่าวๆแค่ว่า "เหนื่อย" "หนัก" =_='' เจอกันที่รพ คณะส่วนใหญ่จะทักๆแปบ แล้วพี่เค้าก็ไปเรียน
ตอนพี่มาเลี้ยง ก็มีเล่าตอนเรียนบ้าง แต่เหมือนพี่จะชอบผ่านหูอ่ะ เอิ้กๆ คงเพราะยังไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองรู้ เลยฟังพี่เค้าพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่เรื่องเครียดมากนี่ไม่ค่อยมีนะ ส่วนใหญ่จะเรียนหนักเรียนยากมากกว่าที่บ่นๆกันน่ะ ถ้าจะให้มันส์ต้องคุยกะพวกพี่อินเทิร์นที่ไปใช้ทุนตจวมาแล้ว

ส่วนในตอนจบมา อันนี้ เพราะพี่ยังไม่จบเลยตอบไม่ได้ (ฮา)
เอาเป็นว่า "นายแพทย์" "แพทย์หญิง" มันต่างจาก "นักศึกษาแพทย์" "นิสิตแพทย์" เยอะมากๆลูก อย่างแรกคือ "การรับผิดชอบ" โดยเฉพาะ "ชีวิตคนไข้" อันนี้รู้กันเนอะ ความจริงคือเราต้องรับผิดชอบกันมานานแล้วล่ะ แค่มันต้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะเป็นเท่าตัวทุกเมื่อที่เราโตขึ้น

แล้วต่อมาคือรวมไปถึงความผิดพลาดต่างๆด้วย วิชาชีพนี้จะผิดพลาดไม่ได้เลย เพราะมันหมายถึงชีวิตคนไข้ เราไม่มีสิทธิแก้ตัว ผิดครั้งนึง ชีวิตอาจจะจบเลยก็ได้ (ยึดใบประกอบฯเงี้ย) โดยเฉพาะปัจจุบันที่เรื่องกฏหมายเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องน่ะ หมอไม่ใช่อาชีพที่คนมองว่า "สูงส่ง"อีกแล้ว (โอเคแต่ยอมรับว่า "เกียรติ" มันยังมี) เมืองนอกน่ะเค้าชอบคดีความที่มีเรื่องกับหมอมากนะรู้มั้ย เพราะเรียกเงินง่าย รู้ว่ายังไงหมอก็มีเงิน เมืองนอกเรื่องการแพทย์เค้าถึงระมัดระวังซีเรียสมากๆ

มันมีอะไรอีกอ่ะ ไม่รู้แฮะ  พี่ก็พูดไม่ได้ครบหรอกตอบไม่ได้เหมือนกัน(ไม่รู้ว่างั้น 55+)

สำคัญคือใจนั่นแล อย่าท้อแล้วกันนะ สำหรับในทุกๆเรื่อง
แต่ยิ่งเรียนไป ยิ่งโตไป น้องจะยิ่งได้รู้ "สัจธรรมชีวิต"  .. จริงๆนะ

ทั้งหมดที่พี่ว่ามานี่ พี่พิมพ์เอาสดๆจากเท่าที่รู้มานะจ๊ะ (รอบตัวไม่มีคนให้ถามง่ะ เอิ้กก)
ถ้ามีผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะลูก ยอมรับว่าพี่ก็ว่ามาครอบคลุมได้ไม่หมดหรอกนะ

แพทย์น่ะ สายอาชีพนี้ มีเกียรติ มั่นคง และไม่มีวันตกงาน หมอรวยได้เพราะทำงานหนักจนไม่มีเวลาใช้ตังค์ (ฮา) บางคนเคยบอกว่า แพทย์เปรียบเสมือนตัวแทนของพระเจ้า เพราะเรากำลังทำหน้าที่แทนพระเจ้า เรา "ให้กำเนิดชีวิต" "รักษาชีวิต" และ "ยื้อชีวิต" แต่น้องรู้อะไรมั้ย ในบางครั้งการรักษาคนไข้ ในห้องผ่าตัด หมอก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผู้ที่รู้คือ "พระเจ้า" เท่านั้น

ถึงได้บอกแหละว่า วิชาชีพนี้ ได้รู้ "สัจธรรม" ของชีวิตจริงๆ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 พฤษภาคม 2552 / 19:48

PS.  ----- You are you, you were not born for my expectation, And I am I, I was not born for your expectation too, but if by chance we meet, it's beautiful. -----
0
Paragon 1 พ.ค. 52 เวลา 21:33 น. 10

โอ้ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากๆครับ ที่ช่วยตอบข้อสงสัยของผม ทำให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นเยอะเลยครับ ^^

รับรองว่า การที่พี่เสียเวลา มาพิมพ์ตอบข้อสงสัยให้ผม จะไม่เสียเปล่าแน่นอน ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรในอนาคต ผมสัญญาว่า ผมจะเป็นคนดีครับ !

(-*- เหอๆ )

ขอบคุณมากครับ พี่กูรู- -* พี่MiChan พี่ณ นินนา และ พี่Cheriez ^^

สำหรับพี่เพื่อนน้องคนอื่นๆที่เข้ามา ก็มาแสดงความคิดเห็น หรือตอบคำถามของผมเพิ่มเติมได้นะครับ

ราตรีสวัสดิ์ครับ ^^

0
poonrada 1 พ.ย. 52 เวลา 19:34 น. 11

หมอรัฐบาลเงินเดือนพอๆกับหมอเอกชลแต่หมอเอกชลเงินเดือนจะดีกว่านิดหน่อยคะส่วนใหญ่แล้วหมอรับบาลก็ไปรับจ๊อบที่ดรงพยาบาลเอกชลทั้งนั้นแหละคะเพราะแฟนเราเป็นหมอเรารู้เรื่องนี้ดีแต่จะบอกไว้อย่างนะคะว่าข้อดีของหมอเอกชลนั้นคือเงินเดือนดีทำงานไม่เหนื่อยเท่าไหร่ถ้าเทียบกับหมอรัฐบาลคุณก็น่าจะรู้นะว่าโรงบาลรัฐบาลเป็นอย่างไรจำนวนคนไข้ผิดกันมากใครจะเหนื่อยกว่ากันละคะแต่คนที่เป็นหมอรัฐบาลส่วนใหญ่ต้องต่อเฉพาะทางคะและดูตำแหน่งว่างว่ามีให้ลงเป็นอาจาร์ยหมอหรือไม่ถ้ามีก็ดีแต่ถ้าไม่มีก็ต้องไปอยู่โรงพยาบาลเอชลคะส่วนถ้าได้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลก็คือการได้รับราชการคะเพราะหมอเอกชลไม่ได้รับราชการนะคะตอนนี้แฟนเราเพิ่งเรียนจบแพทย์เฉพาะทางได้เป็นอาจาร์ยหมอแล้วคะ เราขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่รักในอาชีพนี้และขอให้ประสบความสำเร็จทุกคนคะ

0