Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ผี ห ล อ ก ( นิยายเรื่องสั้น หักมุม เป็นเลิศ )

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ผีหลอก

      คุณกลัวผีไหมครับ ผมเป็นคนหนึ่งแหล่ะที่ไม่กลัวผีหลอก  ไม่ใช่ว่าเพราะผมเป็นลูกสัปเหร่อหรือเรียนจบแพทย์หรอกนะครับ ผมไม่กลัวผีจริงๆ งั้น..ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง แล้วคุณจะเชื่อว่าผมไม่กลัวผีหลอกจริงแท้แน่นอน

  สมัยที่ผมยังรุ่นๆ ผมคลุกคลีกับคนตายเป็นประจำเพราะพ่อผมรับงานเป็นสัปเหร่อให้พวกมะกันที่โคราช

  สมัยนั้น กันมันรบกับเวียดนามตายเป็นพันเป็นหมื่น การสับศพฝรั่งทั้งดำและขาวเป็นชิ้นๆ ต้มในปีป รูดเอาแต่กระดูก ส่งกลับอเมริกา ดูจะเป็นเรื่องปกติสำหรับผม..พอๆกับต้มยำไก่นั้นแหล่ะ ถ้าใส่ตะไคร้ใบมะกรูด บีบมะนาว มันก็คงน่าซดไม่หยอก

ผมยังจำได้คืนหนึ่งที่วัดป่าสาละวัน ที่พ่อผมไปช่วยเป็นประจำ..ดูชื่อ วัดก็คงจะรู้ว่ามันอยู่ไกลแค่ไหน มันเป็นวัดเล็กในชนบท มีหลวงพี่เจ้าอาวาทประจำวัดรูปเดียว กับสามเณรบวชใหม่อีกสองรูป...

คืนนั่นเป็นคืนข้างแรม ผมกับพ่อช่วยกันมัดตราสังศพไม่มีญาติ เพื่อทำพิธีตามประสาชาวบ้านๆตั้งแต่เช้า

ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ศพในโรงไม้เก่าๆ ฝาโรงก็ไม่มี ต้องเอาเสื่อขาดวิ่นมาคลุมไว้ไม่ให้อุจาด พอตกค่ำ ก็มีมัคนายกแก่ๆกับชาวบ้านรุ่นไม้ใกล้ฝั่งอีก ๒-๓ คนเท่านั่นมาร่วมพิธี บรรยากาศวังเวงพิลึก

ขณะพระเริ่มสวด ผมกับพ่อหลบมุมล่อหมากลุกกันเงียบๆ บนศาลาใต้ถุนสูง มีเพียงแสงตะเกียงเท่านั้นที่สาดส่องสลัวๆ บนศาลาแห่งนั้น

พักเดียวก็มีเสียงฮือบนศาลา เสียงพระสวดสะดุดลงแล้วเริ่มต่อแต่ไม่ค่อยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว

ผมกับพ่อหันไปก็เห็นเสื่อ ที่ครอบโลงไว้สั่นเบาๆ เป็นจังหวะ ลุงแก่ๆหยุดเคี้ยวหมาก ตาจ้องโลงศพไม่กระพริบ เณรลูกคู่ก็สวดถูกๆผิดๆ ตัวเจ้าอาวาสเองก็สวดเสียงแหบเครือ ตาจ้องเขม็ง ทันใดนั้น เสื่อปิดฝาโลงก็สั่นอย่างแรง พ่อผมลุกขึ้นท่าเตรียมพร้อมเสียงพระสวดก็หยุดลง

แล้วความโกลาหนก็เกิดขึ้น เมื่อเสื่อลอยวูบเข้าหากลางวง ท่านเจ้าคุณวิ่งพรวดเดียวก็ถึงบันได ตามไปด้วยพ่อผมและเณรทั้งสอง ส่วนลุงแก่ๆ เป็นลมอยู่กับพื้น มีผมคนเดียวที่นั่งอยู่เฉยๆ

ก็บอกแล้วว่าผมไม่กลัวผี

ยังไม่ทันที่พ่อจะวิ่งพ้นบันได ก็มีเสียงร้องเบาๆ ออกมาจากใต้เสื่อผืนนั้นโกนบอกกันรู้เรื่อง เจ้าอาวาทก็วิ่งไปถึงหน้าวัดแล้ว

  ตั้งแต่นั้นมาคนในหมู่บ้านก็ยอมรับว่า ผมเป็นคนที่ไม่กลัวผีจริงๆ

หลายคนสรุปว่า ที่ผมไม่กลัวผีเพราะผมเรียนหนังสือเก่ง ถึงขนาดติดแพทย์ขอนแก่น

  จริงๆแล้ว ผมไม่กลัวผี แต่ผมอยากเห็นผีจริงๆมากกว่า ผมมักจะท้าทายเสมอ ให้ผีมาโผล่ตรงหน้า  จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่ง

แต่จนแล้วจนรอด ผมเรียนแพทย์จบก็แล้ว กลับมาประจำที่โรงพยาบาลอำเภอเล็กๆที่บ้านผมก็แล้ว ผ่าศพเป็นร้อย แต่ผมก็ยังไม่เจอผีสักตัว จนผมเกือบจะสรุปเอาเองซะแล้วว่า ผีไม่มีในโลก

แล้ววันหนึ่ง ผมก็มีโอกาสได้เจอผีจริงๆ สมกับที่ตั้งตารอคอย

มันเป็นผีหนุ่มหน้าตากะล่อน อายุราว ๒๕ ปี ชื่อวอก มันโดนรถชนตอนหัวรุ่ง มาตายที่โรงพยาบาลเอาตอนบ่าย ตอนที่ผมอยู่เวรพอดี

ผมดูอาการก็รู้แล้วว่ามันจะไม่รอด เพราะเลือดตกในสมองและเสียเลือดมากเนื่องจากตับฉีก และลำไส้ขาดหลายแห่ง ผมพยายามผ่าตัดช่วยมันสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่สำเร็จ

ตอนที่มันยังรู้ตัว มันยังมีหน้าทะเล้นพูดกับผมอีกว่า

ถ้าผมตาย ผมจะมาหลอกหมอ

ผมได้แต่มองดูมันอย่างเวทนา มันขู่ผิดคนซะแล้ว คนอย่างหมอธนายุทธไม่เคยกลัวผีหลอกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขอแต่ให้มาจริงๆเถอะ...

แล้วมันก็มาจริงๆ   คืนนั้นเอง มันโผล่มาในห้องนอนบ้านพักแพทย์ตอนดึก  เสียงหมาหอนรับกันเป็นระยะๆ  กลิ่นดอกซ่อนกลิ่น ลอยมาจากไหนไม่รู้

  คืนนั้นเป็นคืนจันทร์เพ็ญเสียด้วย ถ้าเป็นคนอื่นคงคลุมโปงไปนานแล้ว แต่ไม่มีทางสำหรับหมอธนายุทธ ผมนั่งรอมันอย่างสงบ

มันปรากฏกายที่ปลายเตียง ร่างมันดูซีดไร้สีเลือด มองเห็นแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเป็นทางยาวจากลิ้นปี่ถึงสะดือ ผมจ้องมันตรงๆ มันหัวเราะ หึๆ

ผมหัวเราะตาม

หมอไม่กลัวหรอ มันทำหน้างงๆ

กลัวทำไม ผมถามมัน

ผีวอกท่าทางหงุดหงิด มันแลบลิ้นออกมายาว ลูกตาถลน แล้วหลุดตุ๊บลงพื้น ผมโวยวายลั่น

เฮ้ยบ้า ทำบ้าอะไร เดี๋ยวพรมเปื้อนหมด อย่าเล่นสกปรกซี๊วะ

ท่าทางมันงงหนักเข้าไปอีก แล้วมันก็เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ มันค่อยๆดึงไหมที่ผมเย็บปิดแผลออกทีละปล้อง ไส้ค่อยๆ ทะลักออกมา

ผมมองดูอย่างชื่นชม   นั่นไง แอพเพนดิกซ์  สมอลอินแทสทีน  แพนครีส   โอ้โฮ...ชัดกว่าตอนเรียนแพทย์อีก  ผมเลยขอให้มันโชว์ทุกชิ้น เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ว่าด้วยวิชา...อนาโตมี ของมนุษย์

ผีวอกยอมแพ้ มันเก็บตับไตไส้พุงกลับเข้าที่ ผมเลยชวนมันไปที่ห้องรับแขก หยิบหมากรุกมานั่งเล่นกันจนถึงสองยาม มันเล่นเก่งกว่าผมอีก ผมแพ้มันติดๆกัน สามกระดาน

จนกระดานสุดท้ายผมตั้งหมากกลลวง มันติดในวงล้อม ท่าทางจะอับจน มันเครียดจัดจนต้องขอบุหรี่ผมสูบ ผมนั่งดูควันบุหรี่ ออกทาง หู กระบอกตา และ ตามรอยผ่าตัดที่ผมทำไว้จนพรุน มันหาทางแก้หมากไม่ได้เลย

เสียงไก่ขันปลุกเราทั้งสองจากภวังค์ ท่าทางมันยิ้มอย่างพอใจ มันขยับโคนมาปิดรุก แถมรุกผมกลับอีก ผมต้องขยับขุนหนี เข้าบังตาเรือตัวเอง  มันรีบถอยขุนออกทันที

เสียงเจ้าวอกหัวเราะอย่างภาคภูมิ ผมอดนับถือมันสมองของมันไม่ได้

ผมต้องไปแล้วหมอ หมอทำให้ผมมีความสุขจริงๆ ผมไม่โทษหมอหรอกว่าหมอทำให้ผมตาย คงเป็นคราวเคราะห์ของผมเอง หมอก็ช่วยผมจนสุดฝีมือแล้ว ผมไม่น่ามาหลอกหมอเลย…

ท่าทางมันสำนึกผิด  ผมมองมันด้วยความสบายใจ  มันควรจะรู้ว่าหมอบ้านนอกจบใหม่อย่างผม ก็มีฝีมือแค่นี้แหล่ะ  ถ้าญาติพามันส่งโรงพยาบาลจังหวัดเสียแต่แรก มันอาจรอดก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็ตายแล้ว

หมอ มันมองผมขอบใจ ผมไม่รู้จะตอบแทนหมออย่างไรดี ที่พยายามช่วยผม และอยู่เป็นเพื่อนผมทั้งคืน นอกจาก...  มันชะโงกหน้าที่มีแต่เลือดมาใกล้ผม กระซิบเบาๆ

.....

ขอบใจมากเจ้าวอก หมอจะไม่ลืมพระคุณเลย

ผมดีใจจนเนื้อเต้น มันไหว้ผม  มันบอกคืนพรุ่งนี้จะมาเล่นหมากกระดานต่อให้จบ มันต้องไปก่อน เพราะจวนสว่างแล้ว

กว่าผมจะตื่นก็เกือบสิบเอ็ดโมง ผมตะกายขึ้นจากที่นอน น้ำท่าไม่ต้องอาบแล้ว ผมรีบคว้ารถพยาบาลบึ้งไปตลาดทันที

ผมถอนเงินธนาคารที่สะสมไว้ ร่วมทั้งหมด แสนบาท

โธ่แพทย์จบใหม่ จะเอาเงินมาจากไหนมากมายหนักหนา ไหนจะต้องไถ่ที่ดินให้พ่อ ส่งเงินให้น้องเรียนอีกสี่คน

โอกาสทองเป็นของผมแล้ว  ผมวิ่งซื้อหวยพล่านทั้งตลาด ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์

เลขนำโชคของผมหาซื้อง่าย เพราะไม่มีใครซื้อเลขประหลาดอย่างนี้

แต่ข่าวก็แพร่ไปอย่างรวดเร็ว คนป่วยที่มาตรวจโรคตอนบ่าย แทบทุกคนถามผมเรื่องถอนเงินในธนาคารซื้อหวยเลขประหลาด  บางก็ วิจารณ์ว่าเลข 000ไม่มีทางถูก

ผมได้แต่อมยิ้ม

พอใกล้สามโมง ผมไม่มีสมาธิทำงานแล้ว ผมบอกน้าผ่องนักการให้สั่งอาหารเลี้ยงพยาบาลทั้งโรงบาล เตรียมเครื่องเซ่นหัวหมูพร้อมธูปเทียน แกถามว่า เซ่นใคร ผมก็ไม่ตอบ ยิ้มลูกเดียว

ชาวบ้านที่รู้ข่าว ก็มาชุมนุมกันที่โรงพยาบาล

มีชาวบ้านคนหนึ่งเอาวิทยุมาเปิด ฟังผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล บางคนห็เชียร์ผม ไป       ๆ มาๆ ก็เกิดวงนอกพนัน ว่าผมจะถูกหวยไหม...

แล้วนาทีระทึกใจก็มาถึง พยาบาลว่างงานก็พลอยมาร่วม ล้อมวงกัน บรรยากาศคึกคักเข้าไปใหญ่ จนเมื่อเสียงวิทยุ อู้อี้ดังขึ้น

รางวัลที่หนึ่ง งวดประจำวันที่หก เมษายน พุทธศักราช สองพันห้าร้อยสามสิบหก  เลขที่ออก...

เสียงคนเบาลง

เจ็ด

หนึ่ง

หก

หลายคนเริ่มเงียบเสียง

สี่

มีเสียงคนผายลม

ศูนย์

มีเสียงฮือฮา ดังเบาๆ

ศูนย์

 ผมขนลุกด้วยความดีใจ ไทยมุงฮือฮา

แล้วเลขตัวนำโชคตัวสุดท้ายก็ประกาศออกมา ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่ด้ายตกสักเส้นก็คงได้ยิน

หก

มีเสียงหายใจดังเฮือกจากคนรอบข้าง

ผมหน้ามืด โลกหมุนคว้าง ได้ยินเสียงตัวเองตะโกน

"โว้ย ผีหลอก...."



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 พฤษภาคม 2552 / 11:03

PS.   ร๊าก...จองฮุน กับ ลีจุนกิ เจิงๆ........ เอาใจเขา(คนอื่นๆ) มาใส่ใจเรา...แค่เนี๊ยะ...ใครๆก็รักเราแล้วว

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

Sirisobhakya 12 พ.ค. 52 เวลา 10:58 น. 1

.....เหมือนจะคล้ายมุขสุดท้ายของโน้ตอุดม เดี่ยว 6
แต่เพิ่มช่วงเกริ่นนำ

(หมายเหตุ ไม่ได้บอกว่าลอกมุข หรือเอามุขมาจากไหนแต่อย่างใด คุณอาจคิดเองแล้วมันเหมือนก็ได้)


PS.  Mju AERO [Who are We? INTANIA!!!] Boeing 747-4D7 Thai Airways GE CF6-80C2B1F HS-TGX Sirisobhakya
1
มะขวิด 5 ต.ค. 62 เวลา 15:35 น. 1-1

เราว่าโน้ตเอามาจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ

เราเคยอ่านเรื่องนี้จากหนังสือของคุณสรจักรมาก่อนโน้ตอุดมจะเดี่ยวหลายปีเลยค่ะ

0