Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทุกเรื่องที่คุนอาจยังไม่รุ้ที่มจธ. มาเม้นกันเยอะๆน้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เหนมีหลายม.แล้ว ยังไม่มีของเรา ก้ช่วยๆกันโหวดด้วย และมีไรเพิ่มเติมก้เข้ามาบอกกันได้เลยเน้อ




เรื่องน่ารู้ประจำมหาวิทยาลัย
ชื่อเรียกมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
เคยมีความพยายามหลายๆ ครั้งที่จะให้คนเลิกเรียกชื่อแบบสั้นๆ ไม่เป็นทางการ ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากคำว่า "เทคโน" หรือ "บางมด" แล้วให้เรียกเป็นคำอื่น เช่น "ม.พระจอมเกล้าธนบุรี" หรือ "ม.พระจอมเกล้า" แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในย่านบางมด ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ ก็ยังติดกับคำสั้นๆ จำง่ายๆ ว่า "เทคโน" และคนอีกจำนวนมากนอกเขตพื้นที่ก็จะรู้จักในคำว่า "มหาวิทยาลัยบางมด" "มหา'ลัยบางมด" "ม.บางมด" หรือแค่คำสั้นๆ ว่า "บางมด" (ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีวิทยาเขต "บางขุนเทียน" และ "ราชบุรี" มี e-School "โรงเรียนดรุณสิกขาลัย" และมี "Bangkok Code" ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้) .. ความพยายามในปัจจุบันก็คงยังอยู่
หลายๆ คนใน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เรียกชื่อมหาวิทยาลัยว่า ม จ ธ (มอ-จอ-ทอ) ตามอักษรย่อของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมักจะเขียนชื่อ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แบบสั้นๆ ว่า มจธ มากกว่าที่จะเขียนด้วยอักษรย่อของมหาวิทยาลัยจากภาษาอังกฤษว่า KMUTT (เข้าใจว่า อาจจะเป็นเพราะ KMUTT มีอักขระมากกว่า มจธ)
หลายๆ คนนอก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มักจะเรียกชื่อมหาวิทยาลัยว่า บางมด และเขียนชื่อแบบสั้นๆ ว่า บางมด
ถ้าบอกแท็กซี่ว่าไปพระจอมเกล้าธนบุรี อาจจะไม่ได้ไป ต้องบอกว่าไปเทคโนฯ บางมด
คนต่างชาติมักรู้จัก ​King Mongkut's University of Technology Thonburi (KMUTT) ในชื่อของ "King Mongkut University" และ "King Mongkut University in Bangkok" และมักจะสับสนกับชื่อในภาษาอังกฤษของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล) และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (สจพ) เพราะมีพระนาม "King Mongkut" เหมือนกัน และมีที่ตั้งในกรุงเทพฯ (สับสนกับ สจล) หรือมีชื่อ Bangkok (สับสนกับ สจพ) เหมือนกัน และเพื่อ"ลด"ความสับสน คนต่างชาติมักใช้ตัวย่อ KMUTT ในการเรียกและเขียนชื่อของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คนต่างชาติมักจะจำชื่อ ​King Mongkut's University of Technology Thonburi ได้จากคำว่า "King Mongkut"
คนต่างชาติเมื่อได้ยินชื่อ King Mongkut's University of Technology Thonburi อาจจะเข้าใจผิดว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกก่อในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับละครเรื่อง The King and I
What's in a name? That which we call a rose by any other name would smell as sweet. - William Shakespeare
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีวิสัยทัศน์ (5 ข้อ) และมีเป้าหมาย (6+1 ข้อ --> ไม่ประกาศว่าเป็น 7 แต่คงตัวเลขเป็น 6+1)


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ก่อนหน้าที่จะเป็นมหาวิทยาลัยเคยเป็นสถาบันมาก่อน (ป้ายสถาบันฯ อยู่หน้าตึกส่วนอาคารและสถานที่ ข้างตึกศิลปศาสตร์ )
ก่อนจะเป็นสถาบันเทคโนฯ เคยเป็นวิทยาลัยเทคนิคธนบุรีมาก่อน
ก่อนหน้านี้เคยเป็นรร.ช่างก่อสร้างมาก่อน
ก่อนหน้านี้เป็นสุสานของชาวมุสลิมหรือเรียกว่ากุโบร์มาก่อน
ก่อนหน้านี้เคยเป็นทุ่งหญ้าสะวันน่ามาก่อน
ก่อนหน้านี้เคยเป็นเวิ้งมหาสมุทรมาก่อน
ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่อยู่นอกระบบแล้วนะ
เป็นมหาวิทยาลัยแรกๆ ในประเทศไทย ที่ออกนอกระบบ
ไม่มีการประท้วงใดๆ จากนักศึกษา เพราะรู้ตัวกันอีกทีก็ออกไปแล้ว
อนาคตจะไม่มีภาคปกติ จะมีแต่ภาคอินเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ
ค่าบำรุงการศึกษาและค่าหน่วยกิตจะขึ้นไปเรื่อยๆ ตามราคาน้ำมัน (ปัจจุบันปรากฏว่าราคาน้ำมันลงแล้ว แต่ค่าหน่วยกิตยังไม่ลง จึงเชื่อได้ว่าปัจจัยการแปรผันของค่าน้ำมันกับค่าหน่วยกิตเป็นอิสระต่อกัน)
ภาคอินเตอร์กับปกติ การเรียนทั่วไปแทบไม่ต่างกัน ข้อสอบก็ชุดเดียวกัน สิ่งที่ต่างกันอย่างเด่่นชัดที่สุดคือ ค่าบำรุงการศึกษาและหน่วยกิต
เคยมีชื่อย่อว่า สจธ. ม.จ.ธ.
ม.จ.ธ. มีอยู่ 3 วิทยาเขต สองวิทยาเขตอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนอีกที่อยู่ราชบุรี
ราชบุรีเป็นวิทยาเขตที่อบอุ่นมาก และระบบรุ่นสุดยอด
บางขุนเทียน มีพื้นที่ใหญ่กว่าที่บางมด2เท่า
เชื่อว่าหากภาวะโลกร้อนยังไม่ทุเลาลง วิทยาเขตบางขุนเทียนอาจกลายเป็นมหาวิทยาลัยกลางทะเลแห่งแรกของโลก
ราชบุรีมีพื้นที่ใหญ่กว่าบางมด 10 เท่า
ม.จ.ธ. มีชื่อเล่นว่าบางมด แต่คนนิยมเรียกว่า เทคโน มากกว่า
คนรู้จักบางมดมากกว่าชื่อเต็มของ ม.จ.ธ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(ม.จ.ธ)เป็นคนละที่กับวิทยาลัยเทคโนโลยีธนบุรี
ที่แขนขวาของเสื้อชอปของทุกภาคจะเป็นรูปมด ยกเว้นภาควิศวกรรมโยธาและจุลชีววิทยา
ภาคไอทีเป็นภาคเดียวที่ไม่มีเสื้อชอปที่วิทยาเขตบางมด
ที่จริงก็มีอยู่ แต่ห้ามใส่ให้อาจารย์+ยามเห็น!
ถ้าคิดว่าไอทีเป็นภาคเดียวที่ไม่มีเสื้อช็อป ให้ไปอ่านที่ วิสวะกำ เครื่องกรน
เด็กมัลติมีเดีย ไม่มีตึกเรียนของตัวเอง ต้องเรียนที่ตึก CB
เด็กมัลติ มี เครื่อง แมค
เด็กมัลติ กับ ปริ๊นติง เขาเป็นพี่น้องกัน
มดที่เสื้อชอปมีหลายสายพันธุ์ มดเอ็กซ์ มดแดง มดเซ็กซี่ มดธรรมดา โฟร์มด มดตัวเมีย มดยืนสองขา มดทับกัน แล้วแต่จะคิด (ยกเว้นวิดวะโย)
ที่สวนหน้าม.จะมีรางรถไฟเล็ก ๆ อยู่ เพราะเคยได้รับหัวจักรรถไฟตกรุ่นจากมหา'ลัยที่ร่วมมือกันจากต่างประเทศ
รถไฟเคยวิ่งครั้งเดียวคือวันมอบ จากนั้นไม่เคยเอาออกมาใช้อีกเลย (รางก็เริ่มผุๆ พังๆ แล้วด้วย)
รถเมล์สาย 75 หน้า ม. ขับได้ตีนผี นรกสุด ๆ
สาย 21 ชาตินึงกว่าจะมา
แค่ 20นาทีต่อ1คันเอง ไม่ใช่ชาติหนึ่งเฟ้ย
แต่มีพยานยืนยันว่าเคยรอสาย 21 ตอนบ่ายวันพฤหัสถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม
ดึก ๆ จะมีพวกรถร่วมอกตัญญู และพวกชะนีที่ยังไม่ได้แปลงเพศ รออยู่หน้ามอ (สงสัยมีธุรกิจร่วมกัน)
ที่ตึกอธิการด้านบนมีรูปทรงปิรามิดสีทอง ๆ เรียนกว่ามงกุฎ( ใช้ google earth ส่องดูได้)
แต่ผมลองส่องแล้วไม่เห็นอ่ะ
ตึกอธิการเดิม ปัจจุบันคือตึก FIBO (ตึกเล็กๆ นั่นอะนะ)
ข้างตึกอธิการมีรถบริการไปกลับ บางมด-บางขุนนนท์
ตึกที่กำลังจะสร้างเสร็จมีชื่อว่าตึกดีใจ???
ตอนนี้มีตึกที่กำลังสร้างอยู่ 3 ตึก ติดๆกัน และกำลังจะสร้างอาคารจอดรถ 14 ชั้น ด้วย
ปัจจุบัน(ปี 2551) ยังไม่มีวี่แววว่าจะเริ่มก่อสร้าง
ตึกที่กำลังสร้างมีคนงานตายด้วย!!!
คณะศิลปศาสตร์เป็นคณะที่ไม่มีนักศึกษาป.ตรีของตนเอง
ขณะก่อสร้างตึกคณะศิลปศาสตร์ มี นศ. แอบดีใจ คิดว่าจะมีสาวๆ เพิ่มเข้ามาในมหา'ลัย
ห้องภาคของวิดวะอุตฯคือศาลาวีรชน!
ที่โต๊ะเซียน มีมดปีศาจ ตัวยาวๆ สีดำแดง
ลานแดงดึกๆ โคตรหนาว หนาวเห้ๆ จะเปิดแอร์แรงทำไมฟ่ะ คุณยาม
ลานแดงเปิด 24 ชั่วโมง
ใช้ใต้ดินของห้องลานแดงได้มีหุ่นรบไว้ในเวลาสงคราม
ลานแดงคือชื่อของห้องคอมพิวเตอร์
เน็ตที่ห้องลานแดงแรงกว่าเน็ตห้องคลีนิคในหอสมุด
เสื้อชอปหนึ่งภาคหนึ่งสี สีม่วง น้ำตาล ฟ้า ขาว เขียว เทา น้ำเงินเข้ม ฟ้าอมเทา ฯลฯ
พิธีประดับไทด์ ติดตุ้งติ้ง ตอนปีหนึ่งเว่อร์สุด ๆ
ผู้ที่ได้นั่งแถวหน้าของงาน จะมีโอกาสได้มองหาสาวๆ น่ารักๆ จากทั้งมหาวิทยาลัย
เวลาไปไหว้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้ามไปบนท่าน แต่ให้ขอท่านแทน เนื่องจากท่านเป็นกษัตริย์
มาสคอตของที่นี่คือมด สีประจำคือคือแสดเหลือง
ว่ากันว่าเคยมีสายลับสัญชาติรัสเซียเข้าใจผิดและหลงเข้ามาบริเวณลานสุขภาพ
FIBO คือชื่อของศูนย์วิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ของมหาวิทยาลัย
ด้านหลังตึก FIBO จะมีสระมรกตสีเขียวสมชื่ออยู่
และใต้สระมรกตนี้เอง ที่เป็นที่ตั้งของฐานทัพลับ FIBO ไว้กอบกู้โลกในยามวิกฤต
ปลาในสระมรกตตัวใหญ่ เต็มไปด้วยแร่ธาตุๆ (เหล็ก สังกะสี ตะกั่ว ฯลฯ)
ว่ากันว่าถ้าเห็นเต่าในสระมรกตจะติด F
ว่ากันว่าเคยมีคนเห็นผู้หญิงมีปีกลอยอยู่เหนือสระมรกตในเวลากลางคืนเพื่อรอใครสักคนอยู่
สนามบอลเวลาฝนตก คือทุ่งนา และ สนามไทยญี่ปุ่น-ดินแดงจะตั้งอยู่ติดๆกะสนามบอลเช่นกัน
สนามบอลได้เคยมีการต่อสู้ระหว่างสำนักทั้ง 2 สำนัก
กีฬาFreshy ทีไรมีกองเชียร์ปีศาจทุกปี
ในบางครั้งอาจจะพบผู้หญิงผมสีแดงห้อยสร้อยพูดได้และถือดาบเดินอยู่บริเวณ ม. (เฮ้ยๆ)
เวลาลงทะเบียน จะต้องทำผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยใช้บัญชีของธนาคาร กรุงไทย ซึ่งสาขาที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป 25 กิโลเมตร(2548) ในขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ห่างแค่ถนน 4 เลนเท่านั้น ปัจจุบันนี้ได้รับการปรับปรุงแล้ว โดยมีทั้งธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ มาตั้งบริเวณประตูหน้าทั้งสองธนาคาร
ทั้งที่มีสาขา ธ.กรุงไทยอยู่หน้า ม. แต่บัตร ATM ของ นศ. กลับเป็นของสาขาสุขสวัสดิ์ ซึ่งต้องออกไปจาก ม. ไกลมาก
ช่วงสิ้นเดือน-ต้นเดือน ธ.กรุงไทยจะมีคนแน่นมาก (ทั้งในและหน้าธนาคาร)
นั่งรถผ่านนึกว่าไทยมุง
ในรัศมี 100 เมตร จากมหา'ลัย มีธนาคารไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง
มีนักศึกษาคนหนึ่งมีรอยแผลเป็นรูปสายฟ้า อย่าไปยุ่งกับเคา เค้าเป็นพ่อมด (เฮ้ยๆ)
ม. เรามีโรงอาหารเพียงแห่งเดียวคือ KFC
KFC ย่อมาจาก KMUTT Food Center
ชั้น 2 KFC ตอนนี้โดนทุบเหลือแต่ซาก แล้วทำเป็นโรงอาหารชั้น 2 แทน (ดูท่าทางจะเจ๊ง เพราะขนาดขึ้นไปกินชั้นแรก มันยังขี้เกียจเดินขึ้นบันไดเลย)
จะมีคนขึ้นไปกินต่อเมื่อชั้นหนึ่งเต็ม
ห้องชมรมต่าง ๆ สภานักศึกษาและองค์การนักศึกษา ถูกย้ายลงมาใต้ถุน (อดีตลานจอดรถ) ทั้งหมด
ชั้น 3 คือโรงยิมฯ เวลาปิดแอร์จะร้อนมาก แต่เวลาเปิดแอร์จะเครียดมาก(ค่าไฟจากการเปิดแอร์ครั้งนึงแพงมาก)
หากจัดกิจกรรมที่นั้น ค่าเปิดแอร์ คิดชั่วโมงละ 2,000 บาท
ชั้นดาดฟ้าเป็นคอร์ดเทนนิส
ชั้นใต้ถุนเป็นศูนย์หนังสือ (แว่ว ๆ ว่าศูนย์หนังสือจะถูกย้ายไปหน้าม. บริเวณตึกที่กำลังสร้างเสร็จ)
ร้านครัวสิริมาที่ติดว่าขายราดหน้า แต่ดันไม่ได้ขาย ไปขายเป็นข้าว(กูละงง) คิวยาวที่สุด
สนามเทนนิสไม่เคยปิดซ่อมแซม แต่เน่ามาก
ถ้าใครที่บ้าพลังอย่าได้เล่นสนามเทนนิสที่นี่เป็นอันขาด เพราะเวลาที่ลูกมันตกลงไปข้างล่างจะรู้ว่านรกมีจริง (เพราะสนามเทนนิสอยู่ดาดฟ้า ก็คิดดูเอาว่าต้องเดินลงมาเก็บลูก)
พลเมืองดีหลายคน(ปีแล้วปีเล่า) พยายามที่จะส่งลูกเทนนิสที่ตกจากดาดฟ้าให้กับผู้เล่นด้านบน ไม่ว่าจะเตะหรือขว้าง ผลสุดท้ายลูกเทนนิสก็ไปอยู่ที่โรงอาหารแทน
ถ้าสามารถส่งได้ จะเป็นที่น่าภูมิใจแก่วงศาคณาญาติและวงศ์ตระกูล และคำขอบคุณเล็กน้อยๆ
ส่งไม่ได้ก็จะได้รับเสียงเชียร์ว่า "อีกนิดเดียว,แรงมีแค่นี้เหรอ" หลายคนที่เกิดความท้อใจ แต่พวกเค้าก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย
สรุปว่าเดินลงมาเก็บง่ายกว่า
ชื่อเต็มๆของตึกนั้นชื่อไรนะ -*- เรียกกันแต่ยิม เคเอฟซี ห้องชมรม
ถ้ามีการซ่อม ตกแต่ง ปรับปรุง สถานที่ เค้าจะทำกันช่วงที่มีการเรียนการสอน และช่วงเปิดเทอม คาดว่าคนงานที่ทำคือนักศึกษาเพราะปิดเทอมเค้าคงอยู่บ้านกัน
ร้านสนุกเกอร์ ครูซิเบิ้ล ในซอยหน้ามหา'ลัย เป็นหนึ่งร้านสนุกเกอร์ที่ได้มาตราฐานในฝั่งธน (มีเด็กบางกลุ่มเรียกที่นี่ว่า CB 8)
งานเกษตรแฟร์ เป็นหนึ่งในงานที่หนุ่มๆบางมดรอคอย
สยาม และจุฬาฯ เป็นที่ๆเด็กบางมดจะไป ถ้าไม่มีอะไรทำจริงๆ (ไปทำอะไร ไม่ต้องบอกมั้ง ก็มันขาดแคลนสาวๆสวยๆนี่หว่า)
เด็กวิดยาจะมีสนามบอลเป็นของตัวเองทุกภาค
เด็กฟิสิกส์เรียกห้องภาคว่า ห้องคอมมอน
เด็กคณะ IT เรียกห้องที่ตึกคณะว่าห้องภาค เรียกห้องที่ CB2(ที่ยึดเอาไว้) ว่าห้องคอมมอน
เด็กคณะ IT ค่อนข้างเจอตัวและเข้าถึงได้ยาก (ทั้งๆที่อยู่ในวิทยาเขตบางมด เหมือนคณะอื่นๆ) เนื่องจากไม่เรียนรวมกับใคร และมีตึกหรือที่เรียนที่ไม่อนุญาตให้เด็กคณะอื่นเข้าได้
ห้าม นศ.จอดรถใน ม. เพราะ อ.ไม่มีที่จอดรถ
ลิฟต์ตึกฟิสิกส์ (เก่า) น่ากลัวที่สุด
ประตูด้านหลังของตึกอธิการบดี ถูกสั่งปิด เพื่อทำตามหลักฮวงจุ้ย...(สาธุ มหาวิทยาลัย"เทคโนโลยี")
ยามที่ลานแดง กวน...มากก
ยามลานแดงเป็นสายลับของรัฐบาล
ไม่แค่ยาม คนคุมเครื่องหลักก็กวน... ถามดีๆไม่ยอมตอบ ต้องใช้การหันหน้าพร้อมทำหน้าตาดูถูกชาวบ้านมาให้แทน
ว่ากันว่ามีผู้เห็น มนุษย์ต่างดาว เอสเปอร์ และผู้มาจากอนาคต แถวๆตึก SCL
ปัจจุบันข้างๆๆหอพัก มีศูนย์การเรียนรู้ถูกสร้างขึ้น
โรงเรียนดรุณสิกขาลัยถูกก่อตั้งด้วยความร่วมมือของมจธ.และหน่วยงานอื่นๆรวมถึงมูลนิธิไทยคม (ทุกคนคงทราบว่าไทยคมเป็นของใคร??)
มีการสร้างตึกชื่อ "อาคารสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามูลนิธิไทยคม" เพื่อใช้ในการเรียนการสอนของดรุณสิกขาลัยรวมถึงของ มจธ.ด้วย
มีนาย บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิไทยคม และ นาย พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองประธานกรรมการ ได้ร่วมโปรยข้าวตอกดอกไม้ เหรียญทอง เหรียญเงิน ลงในแท่นวางศิลาฤกษ์ (เอ๊ะ!! นามสกุลดามาพงศ์ นี่คุ้นๆน่ะ)
ถ้าท่านเคยไปแถวถนนวิภาวดีรังสิต และเคยเห็นตึกชินวัตร 3 จะสังเกตว่าอาคารสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นนั้น รูปร่างคล้ายกับตึกชินวัตร 3 อย่างมากๆ (อันนี้คงชัดเจนแล้วน่ะ)
ที่เหลือคิดต่อเองน่ะ ไปล่ะ
ทุกต้นเดือน จะมี ตลาดละลายทรัพย์ ซึ่ง ผู้ที่หลงเขาไปต้องเป็นอันกระเป๋าแห้งเกือบทุกราย
ตู้กดน้ำในมหาลัย แลกเหรียญได้ ไม่เชื่อ คุณลองใส่เหรียญบาทห้าเหรียญ คุณจะได้รับเหรียญห้าบาทหนึ่งเหรียญ
ชั้น 1 ของห้องสมุดจะมีห้องคอมเรียกว่าห้องคลีนิค หรือลานชมพู (ที่เรียกลานชมพูเพราะว่าแต่ก่อนพื้นมันสีชมพูมั้ง)
แล้วลานชมพูเนี่ยเป็นแหล่งส่งออกไวรัสคอมอันดับต้นๆของมหาลัยด้วย รองจากลานแดง -*-
นอกจากนั้นห้องนี้จะมีผู้มาใช้คอมเพื่อโหลดบิทเป็นจำนวนมากเพราะ B/W มันเยอะเท่าที่เคยโหลดมาได้สูงสุดถึง 8 MBytes/s เลยทีเดียว (Local)
แต่อย่าหวังกับ B/W Inter เพราะมันน้อยกว่าเป็นสิบเท่า
ปัจจุบันได้มีการพยายามบล็อกบิทแล้วแต่ยังไงพวกเราก็มีความสามารถในการหลบหลีกให้โหลดกันได้
บางครั้งการที่มีการโหลดบิทพร้อมกันหลายๆเครื่องทำให้คนที่มาเล่นเน็ทธรรมดาเขาเข้าเว็บกันแทบไม่ได้ !!!
เห้ย เด๋วโดนบล็อก มาโพสกันทำไม
ก็โพสไปแล้วจะให้ทำไรได้ฟะ
แล้วจะต่อทำไมเล่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ปีการศึกษา 2548 เด็กบางมดติด F ร่วม 300 กว่าคนในวิชาแคลคูลัสและฟิสิกส์
เฉพาะเด็กวิทยาการคอม คณะไอทีก็ปาไป 80 คนแล้ว
ทำให้ปีต่อมา มหาวิทยาลัยจัดโครงการเพื่อปรับพื้นฐานให้นศ.ใหม่ก่อนเปิดเทอม
โครงการนี้ เรียกโดยทั่วไปว่าโครงการติวเวลคัม
จัดโดย ชมรมติว มจธ.[1] ร่วมกับส่วนคัดเลือกนักศึกษา
รู้สึกว่า ครั้งล่าสุด นี่สุดยอดเลยยยย (คนติวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น)
การใช้ชื่อภาษาอังกฤษของคณะในมจธ.มีอยู่ 2 แบบคือ Faculty และ School
สังเกตุว่าคณะที่ก่อตั้งมานานแล้วจะใช้คำว่า Faculty เช่น คณะวิศวะ ,คณะครุศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์
ซึ่งคณะที่ใช้ Faculty นี้จะมีการแบ่งเป็นภาควิชา
ส่วน School จะเป็นคณะใหม่ๆใช้กันเช่น คณะถาปัต, คณะไอที, คณะพลังงาน เป็นต้น
ซึ่งคณะที่ใช้ School จะมีแค่หลักสูตร ไม่มีการแบ่งเป็นภาควิชา
คณะในมจธ. มีคณะที่สอนป.ตรีเพียง 5 คณะ คือ คณะวิศวะ,วิทยา,ครุศาสตร์,ถาปัต และไอที แต่กลับมีคณะที่สอนป.โทและเอกถึง 11 คณะคือ 5 คณะที่สอนป.ตรี และคณะพลังงาน,คณะทรัพยากร,FIBO,GMI,คณะศิลปศาสตร์ และ JGSEE



วิศวะ คอมฯ
ภาคคอมฯแยกตัวออกจากภาคไฟฟ้า
สาเหตุหลักที่แยกตัวออกมาเพราะอาจารย์คุยกันไม่รู้เรื่อง
หลักจากแยกภาคออกมาแล้ว ยังมีปัญหาอยู่อีก เพราะอาจารย์ภาคไฟฟ้า มีตำแหน่งในคณะวิศวะเยอะ
สรุปแล้ว อาจารย์บางส่วนเลยแยกไปตั้งคณะไอทีซะเลย
คณะไอที กับวิศวะคอมฯ จัดว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะตั้งมาได้เพราะ อ. กลุ่มเดียวกัน
ภาคคอมฯ กับภาคไฟทั้งหลาย(ไฟฟ้ากำลัง อิเล็ก คอนโทรล) จะไม่ค่อยถูกกัน โดยเฉพาะอาจารย์
ภาคคอม อินเตอร์ ก่อตั้งโดยคณะผู้บริหาร ผู้บูชาเงิน และเลือดเนื้อของนักศึกษา
โดยคัดเลือกคะแนนความมั่นคงทางการเงินและความหลงผิดของนักศึกษาเป็นอันดับต้นๆ เจตนาเพื่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ดีของภาควิชา
ปัจจุบันภาคอินเตอร์มีอาจารย์ชาวต่างชาติแล้วถึง3คน(มหิดลภาคอินเตอร์เป็นอาจารย์ชาวต่างชาติทั้งหมด) ซึ่งเป็นที่น่าภูมิใจแก่ชาวอินเตอร์อย่างยิ่ง
ภาคคอมฯ เคยมีปัญหากับ FiBo เนื่องจากโปรเจคนักศึกษา
FiBO แทบจะไม่เคยมีนักศึกษาภาคคอมฯเข้าไปเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ให้เลย ทั้งๆที่น่าจะเป็นงานของเด็กภาคคอม
เนื่องจากภาคคอมฯไม่ค่อยถูกกับ FiBO ดังนั้นถ้าอยากเล่นหุ่นยนต์ก็ต้องไปที่ lab lego
อาจารย์ บร. เป็นอาจารย์ที่เก่ง Ele. ที่สุดในมหาลัย(หรือในประเทศไทยเลยมั้ง) แต่ไม่ชอบอยู่ภาคอิเล็คเพราะปัญหาทางการเมือง เลยขอมาอยู่ภาคคอมด้วยคนตอนที่ตั้งภาคฯ
แต่ตอนนี้ (ปี 2/2007) Lecture กับ Lab วิชา Circuit and Electronic ก็ได้เรียนกับ อ.บร. ที่เก่งที่สุดแล้ว กลับมาเจออ.สน. ที่เหมือนจะเก่งกว่า เค้าตกลงกันไม่ได้ว่าใครเก่งกว่ากัน จังหวะนี้เลยจำเป็นต้องไปฟ้องศาลกันอยู่แล้ว
หากท่านต้องการเก็บ A , B+ , B วิชา Circuit ท่านต้องเรียนกับ อ. สน. แต่บางทีท่านอาจจะงงว่าได้ A มาได้ไง เพราะข้อสอบนั้นถามชื่ออาจารย์ พอดีตอบถูกข้อนี้ ได้ A เลย
อ สน. เป็นอาจารย์คนเดียวในภาคที่มีฝีมือในด้านช่างศิลป์ เพราะแก "ART" มาก
ART ในที่นี้ คืออยู่นอกเหนือจินตนาการและไม่ต้องการความเข้าใจ
หากท่านต้องการทำข้อสอบ Lab ของ อ.สน. เต็ม ต้องเอา ข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ในห้อง Lab เข้าห้องสอบ (รวมทั้ง เลข SerialNO ของอุปกรณ์!!)
หากท่านต้องการเก็บ F , D , D+ มาเจอกันกับอ.บร. ดีกว่า ท่านอาจได้ขึ้น F18 ในปีหน้า (หรือ F22 ดีกว่า ทันสมัยกว่า)
สถิติ F วิชาภาครวดเดียวสูงสุดอยู่ที่ 47 คน (ไม่รู้โดนทำลายไปรึยัง) (ตอบ: ยัง) (ตอบตอบ: น้องๆช่วยทำลายสถิติให้หน่อยสิ)
รู้สึกปีล่าสุด (2008) เครื่องบิน F16 บินผ่านภาค เลยทำให้วิชาเลือกปี 3 ของอาจารย์มีคนเรียนแค่ 6 คนเอง !!!
อาจารย์ บร. เป็นอาจารย์คนเดียวในมหาวิทยาลัยที่ใช้ข้อสอบแบบเขียนด้วยลายมือทั้งหมด
เท่าที่รู้ยังไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหน ทำข้อสอบของอ. บร. ได้คะแนนเต็ม (ตอบ: เคยมีแล้วอยู่รุ่น 12)
สมัยก่อน เวลา Ent จะต้องเลือกเข้ากลุ่มภาคไฟ ก่อน แล้วค่อยสัมภาษณ์เพื่อให้ได้เข้าภาคคอมฯ ซึ่งดำเนินการสัมภาษณ์โดย อ. พพ
ถ้าต้องการสัมภาษณ์ผ่านเข้าภาคคอมฯ แบบชัวร์ๆ มีกฏอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกคือต้องเป็นผู้หญิง และข้อสองต้องหน้าตาพอดูได้จนถึงหน้าตาดีมาก
นักศึกษาชายจะมีสิทธิผ่านสัมภาษณ์เข้าภาคคอมฯได้ ก็ต่อเมื่อคัดนศ.หญิงเข้าภาคได้ครบแล้วเท่านั้น
เดี๋ยวนี้ Ent เข้าภาคคอมได้โดยตรง เพราะภาคไฟโวยวายว่าได้แต่นักศึกษาอกหักจากภาคคอมฯ
อ.ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า ภาคคอมฯโชคดีที่ได้ นศ.เก่งๆเข้าภาคเยอะตอน admission ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย เพราะที่นี่เปิดรับโควต้าเร็วมาก ทำให้หลายคนรีบมาสมัครเพราะกลัวว่าพึ่งพา admission แล้วจะไม่มีที่เรียนซะงั้น (ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น)
หลายคนเชื่อว่าตัวเองตัดสินใจถูกเมื่อเห็นว่า admission มีปัญหาร้อยแปดประการ แต่เมื่อเรียนไปสักพักก็เริ่มตระหนักว่าตัวเองตัดสินใจผิด!
สำหรับคนที่คิดว่าตัดสินใจถูกก็ไม่ว่ากัน แต่หาควรหักหาญความคิดผู้อื่นไม่
เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ ทำให้ภาคฯคอมต้องเปิดห้องอินเตอร์ (ตามอย่างภาคฯอื่นๆเค้า)
เมื่อเปิดห้องอินเตอร์แล้ว ติดใจเพราะเงินเยอะดี ดังนั้นตอนหลังเลยเปิดใหญ่เลย
ห้องสมุดเกือบจะเป็นของภาคคอมฯ เพราะอ.เป็นผู้บริหารที่นั่น
อินเทอร์เน็ตที่แรงที่สุดในมหาลัยฯอยู่ที่ห้องสมุด เพราะเป็น Gateway ของสถาบันการศึกษาในภาคใต้
อินเทอร์เน็ตของห้องสมุดมีสายต่อตรงมายังภาคฯคอม (อิอิ)
อ. ธรร ถ้าดูจากตำแหน่งและประวัติการศึกษาแล้วท่านเจ๋งมาก แต่ท่าน อ. ชอบปล่อยไก่อยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และตอนทำโจทย์ยากๆ(ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน)
อ. ธรร เป็นอาจารย์ที่สอนให้ นศ. เข้าใจคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง เพราะเรียนแล้วต้องจำข้อความในหนังสือ text ให้ได้ทุกตัวอักษร โดยเฉพาะข้อความที่ Hi Light เอาไว้ (คำว่า "เก้าอี้ กับ "ที่นั่ง" มันไม่เหมือนกันนะครับ)
ข้อสอบของ อ. ธรร เป็นข้อสอบที่ให้เอาข้อความในหนังสือ Text มาตอบได้เท่านั้น ห้ามคิดเอง และต้องเขียนให้เหมือนในหนังสือด้วย ไม่งั้นจะโดนหักคะแนน
อ. ธรร เป็นอาจารย์ที่เป็นกันเองกับนักศึกษา มากๆ เพราะใช้ภาษาเดียวกับนักศึกษา คุยด้วยง่าย แต่ต้องระวังอย่ารับปากอะไรง่ายๆ (อาจารย์ชอบพูดกดดัน อยากได้สรุปงานไวๆ) เพราะถ้ารับปากแล้วทำไม่ได้ จะเจ็บปวดไม่ใช่น้อย
อ. ธรร เป็นอาจารย์ที่หางานนอกดีๆ มาให้นักศึกษาบ่อยๆ พยายามเข้าหาอาจารย์เรื่อยๆ จะมีกินมีใช้
นักศึกษา ญ.(หน้าตาดี) มักจะได้เกรด A ในวิชาของอ. พพ เสมอ
และก็เช่นเดียวกับ อ. ธรร นักศึกษา ญ.(หน้าตาดี) มักจะไม่ติด F
อ. ธรร ชอบจิบน้ำเวลาสอนหนังสือ หากวันไหนลืมหยิบแก้วน้ำเข้าสอนด้วย ถือเป็นโชคดีของนศ. เพราะอ.จะสอนแค่ครึ่งคาบเท่านั้น
อ.พพ มีท่าจับปากกาที่ไม่เหมือนใคร
อ. บร ไม่เคยเป็นหัวหน้าภาคฯ แต่ทุกคนในภาคฯต้องเกรงใจ ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าภาค
คนที่ทำโปรเจคกับ อ. บร ถือได้ว่าสอบโปรเจคผ่านชัวร์ 100% แต่อ.ไม่ค่อยรับนศ.ทำโปรเจค
รุ่น 19 อ. บร เลยเชือดให้ดู ทำต่อซัมเมอร์ 11 คน
อาจารย์ ต เป็นอาจารย์ที่ชอบทำตัวเหมือนรู้ทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วท่านรู้แค่บางเรื่อง
อ. ต กำลังเรียน ป.โท+ป.เอก ในภาคคอมด้วย เรียนมานานแล้วแต่ไม่จบสักที (จบโทแล้วนะ !!)
ถ้าหากไม่ติดว่า ภาคคอมฯ ต้องได้วุฒิ วศ.บ. ภาคคอมฯ อาจจะย้ายไปขึ้นกับคณะไอทีนานแล้ว
ภาคฯคอม ไม่ต้องลง Shop แต่ดันมีเสื้อ Shop
ตอนประชุมเชียร์เค้าสั่งไม่ให้ใส่ แต่ก็ดันมีคนแอบใส่มาเรียน พวกที่ใส่นักศึกษามาก็เลยกลายเป็นปี 1 ซะงั้น (เป็นกันทุกภาคไม่รู้ทำไม)
Shop ของภาคคอมเค้าใส่แค่กันหนาวเวลาเรียนเท่านั้น
เสื้อ Shop ของภาคคอมถ้าเลือกสีผ้าผิด(เลือกสีเพื้ยนจากรุ่นพี่) จะกลายเป็นเสื้อของช่างแอร์ นอกจากนี้ยังเคยมีนักศึกษาบางคน แหวกแนวโดยการใส่ shop สีดำมาแล้ว หน้าอกปักชื่อ TONY JAA เป็นรุ่นพี่ในตำนาน หาตัวลำบาก ปัจจุบันพบได้แถวสวนธนและสมาคมนักดื่มประจำภาค
เชื่อหรือไม่ นศ.ภาคคอมฯ ตลอด 4 ปี เรียนเขียนโปรแกรมแค่วิชาเดียวเท่านั้น แต่พอจบมาแล้วกลายเป็น Programer กว่า 70%(เรียนในวิชา ภาษาเด่ว แต่เรียนเอง (โดนบังคับ) อีกเยอะ ฮา)
วิชาภาคฯ โดยเฉพาะด้าน Hardward มีวิชาเรียนเยอะมาก แต่จบมาแล้วไม่มีใครทำงานเกี่ยวกับ Computer Hardware สักคน (เริ่มมีแล้ว แต่น้อยอยู่เนื่องจาก Lab Hardware ไม่ดีพอ?)
วิชาเลือกเด็กปี 3 เทอม 1 (2008) มีแต่ Software มี Harewareอยู่ 2วิชา ที่เหลือเป็นวิชา Software ล้วน ไม่เหมือนเป็นวิศวะเลย
แต่เห็นว่าตอนปี 4 จะมีให้เลือกครบครันนะ
แปลกแต่จริง วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่นี้เรียนเน้นแต่ Software จนจะเหมือน ComSciไปทุกที แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือได้วุฒิ วศ.บ. ไม่งั้นเป็นComSciแล้ว
วิชา Network/Admin ไม่มีในหลักสูตร แต่นศ.จบมาเอาดีทางด้านนี้ได้หลายคน
อ. สท มีเชื้อแขก นศ. จึงนิยมเรียกว่า "อาบัง"
ระวัง!!!หากใครทำการบ้านของอ. สท สั่งงานอย่างหนึ่งเวลาส่งจะเอาอีกอย่าง หากผิด(ซึ่งแน่นอนว่าผิดอยู่แล้ว)จะโดนบ่นทั้งคาบ
ใครที่ได้เข้าเรียนกับ อ. ยย จงจำเอาไว้ว่า "เรามีกติกากันนะครับ"
กติกาที่ว่าก็คือ "ห้องมันเล็กนะครับ คุณพูดนิดนึงเสียงก็ดังแล้ว อย่าลืมนะครับ ว่าผมไม่มีคะแนนเข้าเรียนให้ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าก็ได้"
อ. ยย จะทวนกติกาให้ฟังทุกครั้งที่มีเสียงดัง (โดยแกจะพูดอย่างข้อความข้างบนนั่นแหละ แถมตรงตามสคริปเป๊ะทุกคำพูด)
สันนิษฐานว่าแกคงซ้อมทุกครั้งก่อนเข้าสอน
อ. ยย ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบได้มั่วที่สุด ผลงานอันลือลั่นคือ เคยตรวจข้อสอบที่ควรจะได้ 96/100 คะแนน ออกมาเหลือแค่ 66/100
ตอนแรก อ.มั่นใจมาก แต่พอจำนนต่อหลักฐานก็หน้่าซีดลงเล็กน้อย แล้วบอกว่า "จริงๆแล้วผมให้ TA ตรวจ"
หลังจากนั้นจึงเป็นธรรมเนียมของ นศ.กลุ่มนึงที่จะตั้งขบวนแห่ไปขอดูข้อสอบของตัวเองทุกครั้งหลังจากที่ อ.ยย ตรวจเสร็จ
แต่ได้ข่าวลือมาว่า เทอมล่าสุดนี้ มี อ.พรพเป็นผู้ท้าชิง (หรือเปล่า? ขอคำยืนยัน)
วิชาของภาคฯ ส่วนใหญ่ห้ามขาดเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเช็คชื่อ เพราะวิชาภาคฯมีสอบทุกคาบ
นศ.ภาคคอม จะไม่ค่อยสุงสิงกับภาคอื่น
หลังจากจบการศึกษา นศ.ทุกคนจะมีระดับสารตะกั่วละลายในเลือดสูงขึ้น เพราะต้องทำ lab elec กันทุกคน
แต่ถ้าได้เข้า lab elec เพราะต้องทำเป็น project พอจบเทอมนั้นจะเรียกได้ว่ามีระดับเลือดละลายในสารตะกั่วลดลง
หากปีใดวิชาแข่งรถ สอนโดยอ.ต ถือว่าปีนั้นนศ.จะโชคร้ายเป็นพิเศษ
ภาคอื่นมักจะอิจฉา ภาคคอมฯที่มีนศ. ญ เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าน้อยคนนักที่จะเป็นแฟนกันในภาค ส่วนมากจะส่งออกหมด
ปัจจุบัน(2008) เริ่มมีการจับคู่กันเองระหว่าง ผู้ชายกะ "หญิงแท้" ในภาคเยอะขึ้น
ที่ต้องเน้นหญิงแท้ ไม่ใช่เพราะหญิงเทียม แต่ปัจจุบันผู้หญิงภาคคอม ไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไร
เวลาเลือกทำโปรเจคจบ อย่าเลือกโปรเจคที่ต้องใช้อ.ที่ปรึกษาร่วมเป็นอ.นอกภาค เพราะคุณอาจจะไม่จบเอาง่ายๆ
คุณรู้หรือไม่ว่าเว็บของภาคคอมฯ เปลี่ยนทุก 2 ปี และทุกครั้งที่เปลี่ยน ก็มีการ reset ข้อมูลใหม่หมด (ไม่รู้จะทำไปทำไม)
สมาคมนักดื่มประจำภาค ถูกก่อตั้งโดยนักศึกษา อินเตอร์รุ่น 1 นาย ช.(ฉายา สุภาพบุรุษนัก.... เจ้าของคำกล่าว "กรูไม่เอา ลูกเค้ามีพ่อมีแม่") และรุ่น2 นาย ป.(เจ้าของคำกล่าว กูจะเก็บ(มอมเหล้า)ทุกคนเอง แล้วมันก็เมาขี้เยี่ยวเรี่ยราดทุกที) รุ่น3 นาย บ.(เจ้าของคติพจน์ เพื่อนแฟนเราย่อมสวยกว่าแฟนเราเสมอ ผู้มีพลังดังช้างสาร เมาทีไร เหล้าแตก โต๊ะโดนล้มทุกที)รุ่น4 นายช. (ฉายากูเป็นคนดี นับถือรุ่นพี่ แต่แฟนรุ่นพี่กูเจี้ยมาล่ะ) รุ่น5 นายอ. (คติกูเป็นตุ๊ด ปัจจุบันโดนมนต์ดำครอบงำ จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้) มีที่ปรึกษาใหญ่คือนาย ต.รุ่น1 นายม.รุ่น1(ผู้มีศีลธรรมเป็นล้นพ้น) หลังจากนั้นรุ่นน้องอินเตอร์จะโดนดูดเข้าไปเข้าสมาคมนี้ทุกปี จนถึงปัจจุบัน (ปล. ตอนรับน้องสายทุกปี จะมีปี 1 บางคนที่มีสายมากกว่า 1 สาย โดยจะถูกดึงตัวเข้า "สายเหล้า" ประมาณการได้ว่าจัดเป็นสายที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน เพราะรับน้องใหม่ทีไร รุ่นพี่ รุ่นน้องจะเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ ปัจจุบันกำลังการรวบรวมรายชื่อสมาขิก เพื่อตั้งพรรดการเมีย)
ล่าสุดสมาคมนักดื่ม ได้ถึงยุคเสื่อม โดยนายช.รุ่น1 มักจะก่อความไม่สงบในบริเวณหมู่บ้านสวนธนและบริเวณใกล้เคียงเป็นเวลาบ่อยครั้ง ทำให้พื้นที่บริเวณโดยรอบได้รับความเสียหาย ปัจจุบันนายช.รุ่น1 จึงมักจะไปทำมาหากินกับนายช.รุ่น4 แถวบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย นายป. รุ่น2 ปัจจุบันเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง จึงต้องเก็บเงินไปรักษาท่อปัสสาวะ ที่รั่วมานาน นายบ. รุ่น3 ไปตามความฝันของตัวเองที่บราซิล เพราะเขาพึ่งรู้ว่าเขารักโรดัลดิลโย่ นายช.รุ่น4 ปัจจุบันเป็นคู่ขากับนายจ.รุ่นเดียวกัน ซึ่งมีแฟนอยู่แล้ว จึงเกิดคดีรักสามเศร้าอยู่บ่อยครั้ง นายอ.รุ่น5 โดนมนต์ดำครอบงำจนหายตัวไปอย่างลึกลับ เนื่องจากไร้ซึ่งรุ่นน้องสานต่อเจตนารมย์ นายม. ทำใจไม่ได้จึงหนีไปบวช เป็นเวลานาน ก่อนจะกลับมาอยู่สวนธน ปัจจุบันยังคงตามหารุ่นน้องไปกินเหล้าเหมือนเดิม นายต.ได้ค้นพบสัจธรรมในชีวิต จึงหันมาตั้งใจทำงาน ปัจจุบันเก็บเงินซื้อรถราคาแพงได้คันนึง
แต่ยุคเสื่อมแห่งสมาคมนักดื่มประจำภาค สักวันจะกลับมารุ่งโรจน์เช่นเดิม ตราบใดที่ยังมีคนพอใจในรสสุรา สมาคมนี้ก็จะไม่มีวันดับ และจะเป็นสมาคมในตำนานที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งภาค
ส่วนใหญ่ของรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว จะต่อ ป.โท คณะ IT เพราะว่าคนที่เรียน IT 100% จะจบไม่ต่ำกว่า 80% แต่คนที่เรียนคอม 80% จะไม่จบกว่า 100% แต่ถ้าใครจบ ป.โทภาคคอม ได้จะถูกเรียกว่า "ซุปเปอร์แมน" หรือไม่ก็ "ปู่โสมเฝ้าภาค"(เนื่องจากว่าใช้เวลามาก จนถึงมากที่สุด กว่าจะลากจนจบได้)
ปัจจุบัน ตลอดหลักสูตรนศ ภาคคอมจะเรียนประมาณ 120-130 หน่วยกิต(หลักสูตรใหม่) แต่สถิติสูงสุดในการเรียนตลอดหลักสูตรของ นศ.ภาคคอมเป็นของ น.ศ.อินเตอร์ รุ่น1 ชื่อ ต.(ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา สมาคมนักดื่ม) อยู่ที่ 210-220 หน่วยกิต ซึ่งเป็นสถิตอันดับต้นๆ ของมหาลัยเลยทีเดียว ยากที่จะหานศ.ในภาคผู้ใดทำลายสถิติได้ (ความจริงที่ว่า คือ เรียนโยธามา 3 ปี กับ 1 เทอม แล้วบอกว่าเบื่อ เลยเปลี่ยน ฮา) ปัจจุบันนาย ต. เป็นศิษย์รักของอ. ธ เพราะความผูกพันกันนี้ จึงทำให้นายต. ลงเรียนวิชาของอ. ธ เป็นเวลา 4 ปี ( พี่เค้าจบแล้วน้า ปี2008)
หากทำข้อสอบ อ. สน ข้อใดไม่ได้ ให้เขียนลงไปในพื้นที่ว่างว่า "ผมเลือกสมัคร" เพื่อคะแนนพิเศษ (ตอบว่า ผมเลือก เหลี่ยม ก็ได้)
นักศึกษาบางคนเทพมากๆ ใช้ Notepad ในการเขียน Assignment ส่งอาจารย์ แถมยังทำภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แถมใช้เพียง Function Replace-All เท่านั้น
อ. สน นิยม ดิ๊ก๊ะช่า จึงทำให้นักเรียนรู้สึกไม่ชอบ ดิ๊ก๊ะช่า อย่างแรง เพราะไม่รู้จะเอาอะไรไป ดิ๊ก๊ะ
เวลาสอนหนังสือ อ สน เป็นคนที่สามารถหาเรื่องบ่นมาได้ตลอดเวลา แม้เต่เวลาให้เด็กทำ โจทย์ ก็ยังไม่วายหาเรื่องมาบ่นอีก(บ่นอะไรของเขานักหนาก็ไม่รู้สงสัยเก็บกด)ฉนั้นทุกคนที่เรียนกับ อ สน หลังจากเรียนเสร็จแล้วจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะ หูชา กันหมด
นศ.ภาคคอมรวมกันมีจำนวนเกือบ 40% ของนักศึกษา วศ.กลุ่มไฟฟ้า แต่ภาคคอมมีเนื้อที่ 1 ชั้น แต่วศ.กลุ่มไฟฟ้ามี 6 ชั้น
สาเหตุหลักที่ภาคคอมฯ ไม่สามารถขยายเนื้อที่ได้ เพราะอธิการขู่ว่า อยากจะขยายก็ไป "บางขุนเทียน" ซะ
จากการที่อาจารย์ภาคคอมฯได้ไปดูงานที่มหาลัยชื่อดังในต่างประเทศ เลยได้แรงบันดาลใจมา จัดการเปลี่ยนวิธีการสอนเป็น PBL
PBL ย่อมาจาก problem-based learning แต่ นศ.เห็นพ้องต้องกันว่า มันน่าจะย่อมาจาก problematic learning มากกว่า
อ. สน เป็น อ.ที่กระตือรือร้นที่สุดที่จะนำ PBL มาใช้
อยู่มาวันหนึ่ง อ. สน เริ่มด้วยการเขียนอะไรซักอย่างที่ นศ.ไม่รู้เรื่องบนกระดาน แล้วปล่อยให้ นศ.ดิ๊ก๊ะกัน แต่ไม่มีซักคนที่ดิก๊ะได้ (ที่อยู่บนกระดานคืออะไรฟระ) อ.ก็เลยโมโหมาก บ่นจน นศ.หูชาและปล่อย นศ. ออกจากคาบนั้นช้าจนไปเรียนวิชา อ.บด สายยกห้อง
เชื่อว่าวันนั้น อ. สน อดนอนมา เลยไม่มีแรงจะสอน หรือไม่ก็เซ็งที่ New York Giants แพ้ในศึก Super Bowl
แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหา เพราะยังไงถึงเวลาสอบ ก็แค่ตอบชื่ออาจารย์ให้ถูกหรือไม่ก็เขียนว่า ผมเลือกสมัคร แค่นี้ก็ได้ A แล้ว
อ.สน เคยเอาลูกชายที่เรียนอยู่ชั้นประถม มาเป็นคนสอบ project นศ.ด้วย โดยไม่ทราบว่ามีนัยซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า
กลุ่มไหนที่ลูกชายแกให้ A ก็จะบอกว่า น้อง อล น่ารักจัง ถ้ากลุ่มไหนได้ต่ำกว่านั้นก็...
วิชา Java Programming Language เป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาปีล่าุสุด ลงเรียนกันเยอะสุด คงได้เกรดง่าย (หรือเปล่า) อาจจะไม่มีที่จะไป หรือว่า... อาจารย์ที่สอนน่ารักมั้ง ^^
วิชา Java Programming Language ใน ห้องอินเตอร์ ถือว่าเป็นนรก เพราะ อ.ซร ทำให้วิชาง่ายกลายเป็นอภิมหายาก
เอ้อ อ.ซร กับ พี่ฝ.เป็นแฟนกันแหละ คนตาตี่ฝากบอกมา
แต่น่าเสียดายโดยตัด Language ไป เหลือแค่ Java Programming ทำไมก็ไม่รู้ครับ
เอ้อ อีกอย่าง Java นี่ย่อมาจาก JAV Analysis อันนี้เป็นที่รู้กัน
ปัจจุบัน อ.ต ได้ใช้เวลาเกือบ 20 ปีในการขึ้นเป็น รองคณบดี
รู้สึกว่า CPE รุ่นล่าสุด (2008) จะถูกเรียกว่า CPE ช้าง เพราะดันมี staff นามเล่นๆว่า 'น' สั่งร้องเพลงช้างตอนประชุมเชียร์
ปี 2008 เป็นปีแรกที่มี ค่าย CPE สัมพันธ์ (ความจริงเมื่อปี 2006 ก็เคยมีมาก่อนแล้ว ไปปลูกป่าที่บางขุนเทียน ไปกันทั้งภาค ทั้งอาจารย์และนศ.)
ปี 2008 เป็นปีแรกที่มี Comcamp the meeting
หลังจากที่อ.ต.เริ่มมีอำนาจขึ้นมาบ้างแล้ว(2008) ก็ได้พยายามที่จะใช้อำนาจที่(เพิ่งจะ)มีอยู่ บีบบังคับให้Meeting กลายเป็น ค่ายพัฒนาชนบท (ปี 2007 ก็เกือบไปแล้ว)
และบายเนียร์อาจจะได้จัดในม. เนื่องจากอำนาจข้างต้น เช่นกัน
คาดว่าด้วยอำนาจดังกล่าวนี้ อาจจะทำให้ Meeting และ บายเนียร์ หายไปได้
วิชา Lab Interface(2008) น่าจะสลับตำแหน่งระหว่าง "อาจารย์" กับ "TA"
อ.ต อดีตเป็นนักศึกษาภาคไฟผู้ทำกิจกรรม และเป็นstaff ประชุมเชียร์ แห่งภาคไฟ ปัจจุบัน อ.ต พยายาม หยุดธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา รวมไปถึงประถึงปะชุมเชีย meeting และบายเนีย เอาใจผู้ใหญ่ เพื่อการเก้าสู่ตำแหน่ง คณบดี อย่างถาวร หลังจากได้แลกตำแหน่งนี้มาด้วย _ูด
อ.ต ไม่เพียงมีการศึกษาสูงสุด ถึงระดับปริญญาตรี เกียจนิยมอันดับ 2.00(เกรด) แต่ยังมีผลการเรียนในบางวิชาอยู่ในระดับ FANTASTIC (F) ข้อเท็จจิงถาม อ. สน ได้
อ.ต ได้เขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณเกรดให้ น.ศ. ได้อย่างยุติธรรม โดยยึดหลัก RANDOM (ปาเป้า)
ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้ เพราะโดนกันมาแล้วทั้งนั้น
ตำแหน่ง ผศ. ที่ อ.ตได้รับ ยังมีข้อสังสัยมาจนถึงทุกวันนี้ ( พี่ป.โท บอก แม่งโปรเจคกูทั้งนั้น เอาไปเสนอเข้าตัวเอง สาด)
อ.ต ถือว่าเป็นผู้มีความรู้มาก และมากที่สุด ยังทำงานเก่งที่สุดด้วย โดยเฉพาะ การทำงานบนหลังคน
ขอเตือนน้องๆที่คิดจะทำโปรเจคกับ อ.ต ว่าอย่าเลย เพราะปัจจุบันเค้ายังใช้นิสัยเดิมๆ (หน้าบานงานตัวเองก็ไม่ใช่)
ตั้งแต่ อ.ต ขี้นเป็นรองคณะบดีก็เป็นที่รักของนักศึกษาทั้ง CB4 และรวมไปถึงเด็กวิดวะทุกภาคเป็นที่สุด ไม่เชื่อถามใครดูก็ได้ (เค้าประชดอะนะ)
JAVA Computer ก่อตั้งมาได้ 2 ปีเสดๆ มีลูกค้าจำนวนมากร้องเรียนเข้ามาว่า "สายแลนด์ของที่นี่คุณภาพดีเกินไป"
สงสัย คนสอน Java Programing Language จะน่ารัก คนถึงได้เรียนกันเต็มห้อง ห้อง 80 ไม่พอ ต้องไปเปิด Slope 200 เรียนเลย
ไม่ทราบว่าทำไมภาคคอมจะต้องมี Project ทุกชั้นปี - -
เหมือนกับว่าในทุกชั้นปีจะมีผู้ไขกุญแจห้อง International Service ได้
ห้องหน้า ISS เป็นห้องเดียวที่นักศึกษาแอบเปิดแอร์ได้ แต่ต้องไปแย่งกัน
ห้อง ISS หรือ International Student Service เป็นห้องเซอวิดที่เล็ก ไม่เหมาะกับจำนวนประชากรนักศึกษาอินเตอร์เล้ยยย ไม่เปิดให้ใช้ในเวลาที่ต้องการ ยกเว้นจะไปขอกุญแจมาอย่างยากเย็น (อย่ามีดีกว่า อารมณ์เสีย)
กระดาษที่ติดอยู่หน้าตู้ Sever ในห้อง ISS มีคนเขียนเพิ่มเติมขึ้นทุกที (ตั้งแต่ดึงสายแลน จนถึงประท้วงที่สนามบิน!?)
และมีนักศึกษาบางกลุ่มสามารถ Hack รหัสเข้าห้องธุรการภาคคอมได้แล้ว!! แต่ไม่กล้าเปิด เพราะวงจรปิด!
พวกเค้ากำลังพยายามเจาะระบบวงจรปิดของมหาลัย!
CyberAnt นิตยสารของภาคคอม ฉบับล่าสุด แต่เชื่อไหมพรีเซนเตอร์ กลับเป็น "เด็กภาคอื่น" กูไม่เข้าไจ๊ !... เด็กภาคคอมมันไม่หล่อหรือไงว้าาาา สาดด
** CyberAnt ปี 2008 ไม่ได้มาจาก นศ.ปี 1 ข้อเท็จจริงนี้เพิ่งปรากฎเมื่อ พี่ปี 2 ทักว่าทำไมเอาเด็กภาคอื่นขึ้น แล้วไม่มีปี 1 ตอบได้เลย เออว่ะ ก้อจิงนะ

หากสังเกตประตูหลัง มอ เรา ให้ดีๆ จะมียามท่านนึงใส่เสื้อช็อปภาคเราอยู่!!! มีมดที่แขนขวาด้วย+! เค้ายังคงเป็นปริศนา....
เนื่องจากภาคคอมฯมีห้องอินเตอร์และบุคลากรที่ active มากๆ ภาคคอมฯจึงได้ริเริ่มกิจกรรมที่เกี่ยวกับภาคคอมฯแบบสุดๆไปเลยเช่น หลักสูตร ESL และกิจกรรมdebate
ESL ย่อมาจาก English as a Second Language ส่วน debate ก็แปลว่าโต้สาระวาที
ทั้งที่กิจกรรมเหล่านี้คณะศิลปศาสตร์ (SOLA) ควรจะเป็นคนเริ่ม
ท่ามกลางความงุนงงของนศ.หลายคนว่า มันเกี่ยวกับภาคคอมฯยังไง(วะ)?
active ขนาดไหน? เอาเป็นว่าทีมที่เพิ่งชนะเลิศ debate ระดับประเทศมา (rookie level 4th EU-Thailand) เป็นเด็กภาคคอมฯล้วนละกัน ตอนชนะเลิศได้ลงหน้า 1 นสพ.ของมหาลัยด้วย
ที่ไม่บังคับ แต่ต้องสอบคัด ถ้าเก่งพอไป debate เก่งไม่พอ ไป ESL (อื้ม ก่อนสอบ เขาเน้น "ไม่บังคับ")
"ไม่บังคับ" ย่อมาจาก "ไม่บังคับว่าเข้าอันไหน แต่ต้องเข้าซักอันนีง"
debate นั้นเป็นชมรมที่มีการเช็คชื่อชมรมเดียวของ ม. (ถ้าขาดมากกว่า 2 ครั้ง จะโดนโยนไปเรียน ESL)(ESL เสียเงินเรียนด้วย)
คนที่ควบคุมกิจการเหล่านี้ เด็กภาคคอมมักจะเรียกชื่ออันแสนไพเราะว่า "เจ๊ป้อมฯ" หรือถ้าให้มันส์ในอารมณ์ก็ต้องเรียกว่า "e-ป้อมม"
ว่ากันว่า บางครั้งเห็นเจ๊แกไปขายส้มตำอยู่หน้าสวนธนฯ
เจ๊ป้อมฟังภาษาไทยไม่ออก (มั้ง)
เจ๊แกทำให้เราต้องถลึงไปเรียนภาษาข้างนอกเพื่อสอบโทเฟล หรือ โทอิกให้ผ่าน โดยที่ ESL ที่บังคับเรียนไม่มีผลอะไร แล้วก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เนื่องจาก SOLA ควรจะเป็นคนเริ่มแต่ไม่ได้เริ่ม ก็เลยใช้วิธีฮุบเพื่อหวังเอาผลงานซะเลย
SOLA ฮุบESL ไปแล้วมีความพยายามจะฮุบกิจกรรม debate ไปด้วย แต่นศ.debate รุ่นก่อตั้ง (ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นภาคคอมฯ) ไหวตัวทัน ก็เลยไปตั้งชมรม debate ซะ
นศ.ภาคคอมกับ SOLA เคยทำสงครามกันมาแล้ว ฝั่งภาคคอมฯนำทัพโดยนาย ป และนาย อ
เรื่องมีอยู่ว่า นศ.ภาคคอมฯเรียนวิชาของ SOLA แล้วเกรดออกมาไม่สมเหตุสมผล พอไปขอดูใบคะแนนก็ไม่ยอมให้ดูแต่โดยดี ต้องให้ขืนใจจนได้ดูแล้วก็พบว่า อาจารย์ให้คะแนนนศ.แบบปาเป้า (อาจได้แรงบันดาลใจจาก อ.ต ) และมีการหักคะแนนของ นศ.ออกไปเฉยๆโดยให้เหตุผลว่า คะแนนของนศ.กลุ่มนี้ "ดีเกินไป"
จากสงคราม นศ. VS SOLA ไปๆมาๆกลายเป็นสงคราม อ.VS SOLA ไปด้วย
ปัจจุบันเชื่อว่าสงครามยังไม่จบ (อย่าเพิ่งนับศพทหาร)
เป็นเรื่องบังเอิญมากที่ นาย ป และนาย อ ดันเป็น นศ.debate ด้วย และอยู่ในทีมที่ชนะเลิศที่ว่าซะงั้น สงครามการฮุบกิจกรรม debate ที่เกิดหลังคดีข้างบนก็เลยร้อนแรงขึ้นไปอีก
อ. บด เป็นอะไรกับอ. บร ไม่ทราบ แต่ใครที่ทำโปรเจคกับอ.บร แล้วได้ อ. บด เป็นคนตรวจ นักศึกษาในกลุ่มนั้นจะซวยเป็นพิเศษ
เมื่อไปสอบถามอ. บร ว่าเหตุใดจึงโดน อ. บด ทำspecail เวลาสอบโปรเจค ก้อได้คำตอบว่า เค้าคือบระเจ้าแห่งศาสนา Signal พวกคุณไม่ได้บูชาในตัวบระเจ้า จึงโดนspecail
แท้จริงแล้ว อ.บร เคยเป็นผู้มีบารมีในวิชา Signal มาก่อน แต่ต่อมา อ.บด ทำการยึดอำนาจและตั้งตนเป็นศาสดา ผู้ใดไม่นับถือหรือไปนับถือ อ.บร ผู้นั้นก้อจะถูกSpeciel
อาการของผู้ถูก อ.บด ปล่อย speciel จะใจเต้น งงงัน โลกนี้มืดไปหมด ดิ้นยังไงก้อดิ้นรอด เหมือนโดนหาเรื่องแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวไม่จบ มันคือความมีเหตุผลบนความไม่มีเหตุผล สรุปไม่รู้ว่ากูโง่จริง หรือ ... บ้ากันแน่
ผู้ที่อาการหนักสุดในประวัติศาสตร์ คือ นาย ต. รุ่น 18 ถึงขั้น ร้องให้ 3 วัน 2 คืนไปเลย
ต้องยอมรับอ. บด ว่าเป็นบระเจ้าจริงๆ เพราะท่านใช้เวลาถึง 7 ปี ในการจบปริญญาSignal แล้วมันดีหรือไม่ดีอะคับ
มีบุคคลบางกลุ่มกำลังจัดทำ ถ้วยรางวัลสุดยอด Signal ให้แก่อ. บด จุดประสงค์เพื่อไม่ต้องการให้รุ่นน้องโดน special
คนที่มาสอน Signal แทน อ.บด คือ อ.พี่ ญ (เศร้า)
คนมันจะหาเรื่อง เราทำอะไรก้อผิดหมดอยู่แล้วแหละ คติพจ์ของอ. บร
เดี๋ยวนี้เขียน C# เป็นเรื่องเป็นราวเลย ต้องมา Design Interface เพื่อทำ Assignment วิชา CG ด้วยแหละ เป็นวิชาภาคบังครับ ไม่ได้เขียนแต่ C เหมือนแต่ก่อนแร้วน้า
ในช่วงก่อน Deadline Project ห้องภาคจะเปรียบเสมือนครอบครัวที่อบอุ่น และ คึกคักตลอด 24ชม.
ข้อสอบปลายภาควิชา Java Programming[ห้องภาษาอังกฤษ] ปีล่าสุด1/2008 มีถึง 6 ช้อย!!!ต่อหนึ่งข้อ[ตอบผิดหัก.... พระเจ้าซาร่า ไม่อยากให้มั่วบอกกันดีๆก็ได้ oO]
เคยมีนักศึกษารุ่น 16 โดนธรณีสูบ บนเวที TMF ในปีสุดท้ายของรุ่นมาแล้ว คอนเฟิร์ม! (อย่าลบหลู่ เพราะเขายังมีชีวิตอยู่)
ปีหนึ่งก็เกรียนมาทุกๆปี ไม่ว่าจะทำอะไร สำหรับปีหนึ่งในทุกๆปีของภาคนี้แล้ว ไฟจะเเรงเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไฟก็จะหายไปหมด
เป็นภาควิชาที่ ผู้คนในภาคมากกว่า 19% เขียนโปรแกรมไม่ได้
ComCamp ถือเป็นค่ายที่จัดให้กับบุคลากรภายนอกฟรีที่ยาวนานที่สุดในมอ เพราะครั้งนี้ComCamp จัดขึ้นเป็นปีที่ 21 แล้ว
เวลาของค่าย คือ 7 วัน ส่วนค่าใช้จ่ายของน้องค่าย ฟรีหมด(ที่อื่นๆ เก็บตั้ง พันกว่าบาท)
เปงค่ายเดียวในมอ ที่ทั้งค่ายมีแต่ปี1ทำ เท่านั้น(เปงทำเนียม)แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีแต่ปี 1 ทำนะ มีปี 3 ชักใย << จริงหรือไม่ ขอหลักฐาน
ได้ข่าวว่าวิชา C Programming ของปี 1 เป็นวิชาเดียวที่อาจารย์สอนรู้่เรื่องมากที่สุดใน 4 ชั้นปี น้องๆปี 1 ก็ตั้งใจกันหน่อยน้า
แต่ก็มีสมมติฐานว่า อาจารย์สอนรู้เรื่องทั้งนั้นแหละ เพียงแต่นักศึกษาโง่ลงเรื่อยๆไปตามกาลเวลา (ตอนปี 1 ยัง fresh อยู่น่ะ เลยเรียนรู้เรื่อง)
และในที่สุดปี 2008 เกียร์ก็กลับมาเป็นเกียร์อีกครั้ง...
หลายคนรู้หรือไม่ อ.ทุกท่านในภาควิชา ก็อ่านข้อความเหล่านี้แล้ว
อย่าลืมสิว่านี่คือไร้สาระนุกรมเสรี คนทั่วทุกมุมโลกเข้ามาอ่านได้นะจ๊ะ
ปล. อยากรู้ว่า อ. พพ คือ อ. พิพ หรือ อ.พีพ.
พพ ก็คือ พพ พรพ ก็คือ พรพ
ถูกต้องครับ อ.ทุกท่านในภาควิชา อ่านข้อความเหล่านี้หมดแล้ว เพราะประเด็นนี้อ.ทั้งหลาย ได้นำมากล่าวถึงในงาน... แต่กล่าวถึงในทางที่ดีนะ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เราไม่ใช้คำหยาบคาย เราก้อมีเสรีภาพทางความคิดที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ และที่สำคัญ ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นคนเขียน
งานอะไรเหรอ?
งาน...



วิสวะกำ เครื่องกรน
คติประจำใจของเด็กเครื่องกลคือ "The Trained Man Wins" ติดหราอยู่ใน Shop แต่จริงๆแล้ว มันเป็นคติของคณะวิศวะด้วยนะจ๊ะ
วิชาเด็ดสุดของเด็กเครื่องกล คือ Statics ตอบถูกได้ 3 ตอบผิด -25 ไม่ตอบ -5 แล้วคุณจะเลือกอย่างไหนล่ะ ?
ผมเลือกยิงอาจารย์ทิ้งคับ พี่น้อง
อาจารย์ผู้สอนวิชา Machinery ของภาคเครื่องกล หน้าตาเหมือนกับอดีตนายกทุจศีล กินชะมัด ยังกับแกะ แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว โดยอาจารย์ท่านนี้เป็นคนเถรตรงราวกับฟุตเหล็ก
ที่เหนือไปกว่านั้น อาจารย์ผู้สอนวิชา Machine Design ของภาคเครื่องกลนั้น เป็นเชื้อสายของผู้พันแซนเดอร์ เจ้าของไก่ทอดชื่อดัง KFC ว่ากันว่า ใครกินไก่ยี่ห้อนี้ จะได้เกรดดีเป็นพิเศษ
กล่าวกันว่า อาจารย์ภาคเครื่องกลนั้น ดุที่สุดในมหาวิทยาลัย แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มอาจารย์ที่เกรงใจเมียที่สุดในมหาวิทยาลัยเช่นกัน
อาจารย์ผู้สอนวิชา Statics ในข้อข้างต้น เป็นอาจารย์เครื่องกลเพียงท่านเดียวที่ไม่เป็นโรคเกรงใจเมีย แต่.... แถมมีหนวดงามที่สุดในมหา'ลัยด้วย อีกทั้งเป็นราชางานประดิษฐ์ มีผลงานการประดิษฐ์มากมาย แถมมีห้องแลปส่วนตัวอีกด้วย ของเล่นเยอะมาก แต่ไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ
ภาคเครื่องกล มีอาจารย์ที่นามสกุลเดียวกับคุณหญิงพจมาณ นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหมา แต่ อาจารย์ท่านนี้กลับเกลียดนายทุจศีลและครอบครัว เคยด่านายโอ๊กอ๊าก ลูกชายคนเดียวของอดีตนายกว่า "งั่ง" ในลูกศิษย์ฟังในคาบเรียนนานกว่า ๑ ชั่วโมง จากการที่นายโอ๊กอ๊ากทุจริตสอบที่รามคำแหง นอกจากนี้ ท่านยังเป็นเจ้าของวาทะ "ถ้าเมืองไทยไม่มีการคอรัปชั่น เอาทองไปทำถนนยังได้เลย"
อาจารย์ภาคเครื่องกลท่านหนึ่ง สอนเกี่ยวกับระบบปรับอากาศและระบบทำควาเย็น เคยเป็นหัวหน้าภาคเครื่องกลคนก่อนด้วย มีหน้าตาที่เหมือนกับ สตีเฟ่น ฮอกกิ้ง นักฟิสิกส์ และ นักดาราศาสตร์ชื่อก้องโลก เจ้าของหนังสือ "จักรวาฬในรูตูด" ยังกับแกะ แถมยังจบออกมาจากมหาวัทยาลัยเดียวกันอีกด้วย
เกียรตินิยมขี้เมา เป็นเรื่องปกติของเด็กเครื่องกล ไม่ใช่เรื่องมหัสจรรย์แต่อย่างใด
การตัด F ของเครื่องกลจะตัดจากคะแนนของผู้หญิงของที่ได้ต่ำสุดเป็นเกณฑ์ เพราะมีผู้หญิงประมาณ 5 คนเท่านั้นเอง
โดยปกติ ผู้หญิงเครื่องกลมักจะเรียนเก่ง และถึก บึกบึน ส่วนผู้ชายมักจะโง่เง่าไม่เอาถ่าน แดกเหล้าเป็นอย่างเดียว
เคยมีผู้หญิงเครื่องกลรุ่นนึง ตัดผมเกรียนตลอดจนจบ แท้จริงแล้ว เธอจบหลักสูตรจู่โจมใต้น้ำของกองทัพเรืออเมริกา (U.S. Navy SEAL) มาก่อน
ผู้หญิงเครื่องกลจะถูกเรียกโดยรวมว่า "สมบัติภาค" และผู้ชายทุกคนในภาคจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ "สมบัติภาค"ทุกอย่าง
โดยทั่วไป ภาคเครื่องกลมักจะส่งผู้หญิง-ผู้ชายที่หน้าตาแปลกที่สุดเข้าร่วมประกวดเฟรชชี่ เนื่องจากรู้ตัวว่ายังไงก็แพ้
ในกีฬาเฟรชชี่ ภาคเครื่องกลต้องจับคู่กับภาคไมโคร(จุลชีวะ)เท่านั้น เพราะ ไมโครขาดผู้ชาย เครื่องกลขาดผู้หญิง แต่เด็กเครื่องกลน้อยรายที่ได้เป็นแฟนกับเด็กไมโคร
มีเยอะแล้วคับช่วงนี้
เน้นว่ามากจริงๆ
เครื่องกล โยธา และ อุตสาหการ เป็น 3 ภาควิชาที่ภาคอื่นไม่ค่อยอยากมีเรื่องด้วย โดยเฉพาะ เครื่องกล กับ โยธา เนื่องจากใครมีเรื่องกับภาคใดภาคหนึ่งในสองภาคนี่ จะกลายเป็นศัตรูกับอีกภาคหนึ่งที่เหลือทันที ตามสนธิสัญญา Leo beer
ภาคเครื่องกล กับภาคโยธา เป็นมหามิตรที่ดีต่อกัน ถ้าหากออกไปเที่ยวแล้วเขม่นกัน จะถามกันว่าเป็นเด็กภาคไหน ถ้าพบว่าเป็นเด็กภาคเครื่องกล กับ โยธา การชกต่อยจะกลายเป็นการกอดคอกินเหล้าร่วมกัน
ภาคเครื่องกลเป็นภาคที่มี อัตราส่วน ผู้หญิง:ผู้ชายต่ำที่สุด คือ 1:30 โดยประมาณ ส่วนโยธาเป็นที่สอง
แนวทางการฟังเพลงของเด็กเครื่องกลทุกรุ่นจะมีวิวัฒนาการที่คล้ายๆกัน คือ ปี 1-2 ฟังเพลงตลาด ปี 2-3 ฟังเพลงสากล ปี 4+ จะหันมาฟังเพลงเพื่อชีวิต แต่ไม่ทุกคนนะจ๊ะ
เคยมีเด็กเครื่องกล รุ่น 42 เจอผีลูกแบทหลอก โดยผีที่ว่าเป็นลูกแบทลอยได้ แล้วตกใส่หัวมันผู้นั้น
ภาคเครื่องกลเป็นภาควิชาเดียวในมหาวิทยาลัยที่ไม่อนุญาตให้นักศึกษาแต่งชอป แต่ต้องปฏิบัติ เชื่อม กลึง ตะไบ ชีทเมททอล อีกทั้งเวลาทำโปรเจ็ค นักศึกษาต้องทำการกลึง เชื่อมชิ้นงานเอง ถ้างานไม่ยาก หากงานยากขอให้พี่เทคนิคนทำให้ได้ แต่ต้องรอคิวนะจ๊ะ (ขอบคุณครับพี่ๆ ผมจบได้ก็เพราะบุญคุณพวกพี่ๆที่ช่วย กลึง เชื่อม ให้)
เพราะเครื่องกลไม่มีชุดชอป (จริงจริงก็มีแหละ แอบใส่กัน ใครใส่ไปแล้วจ๊ะเอ๋กับอาจารย์ภาค บางท่าน ก็ พูดคำเดียว ซวย)จึงมีเสื้อภาค ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดหมู ซึ่งระบุรุ่นของผู้ใส่เอาไว้ด้วย
ด้วยความที่เสื้อภาคเครื่องกล เหมือนกับชุดสตาฟประชุมเลียร์มากเกินไป จึงถูกสั่งห้ามใส่ในช่วงประชุมเชียร์
อีกชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเครื่องกลคือ ชุดหมีสีน้ำเงิน ซึ่งจะใช้กันเฉพาะเด็กปี 2 ในวิชา Automotive ภาคอื่นไม่มี (จริงจริงแล้ว ภาคอุตสาหกรรม เคยพยายามจะมีมั่ง แต่สุดท้ายก็นึกได้ว่า มีแล้วไม่ได้ใช้อะไร จึงได้ยกเลิก)
ได้ข่าวว่าแมคคาก็มีแล้วด้วย เป็นสีเขียวขี้ม้า
ในอดีต เด็กอุตสาหกรรมคือเด็กที่อกหักจากการติดภาคเครื่องกล แต่ปัจจุบัน เรื่องราวเป็นในทางตรงกันข้าม
หนึ่งในแลปปฏิบัติการของภาคเครื่องกลชื่อ COCARE ซึ่งเป็นแลปเกี่ยวกับไฟไนท์อีลาเมนท์ แต่เด็กเครื่องกลชอบเรียกว่า โก๋แก่ และอาจารย์หัวหน้าแลปก็ถูกเรียกว่า เจ้าของโก๋แก่
เจ้าของโก๋แก่คนข้างต้น เคยถูกรีไทร์มาก่อน ปัจจุบัน เป็น รศ.ดร. ถ้าน้องๆเครื่องกลคนไหนมีปัญหาเรื่องการเรียน พี่แนะนำ อ ท่านนี้ ไม่ผิดหวัง
อาจารย์หัวหน้าภาคเครื่องกล ไม่ได้จบเครื่องกลจากบางมด แต่โดนรีไทร์จากบางมด และไปตั้งต้นใหม่ที่ฟิลิปินส์ แล้วไปต่อโท-เอกที่อเมริกา
อาจารย์หัวหน้าแลป FUTURE ของเครื่องกล ว่ากันว่า เป็นศาสตราจารย์ด้านเครื่องกลที่หนุ่มที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
อาจารย์หัวหน้าแลป เซิน (CERL) จบรุ่นเดียวกับหัวหน้าแลป FUTURE และได้ศาสตราจารย์ในปีถัดจากอาจารย์หัวหน้าแลป FUTURE
ว่ากันว่า FIBO มีหุ่นยนต์รบไว้ในครอบครอง
ผอ. FIBO สามารถนั่งทางในได้ คุยกับผีได้ แต่ไม่อวดอุตริ (เท่าไร)
เหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับเด็กเครื่องกลรุ่นประจำปี 2545 คือ การที่ อาจารย์ ช ซึ่งตอนนั้นกำลังดัง และชอบออกมาแผลงฤทธิ์ เอาเรื่องนักศึกษาที่แต่งกายไม่เรียบร้อย พยายามเข้าไปต่อว่า อาจารย์ ส ซึ่งเป็นเครื่องกล รุ่น 2 ว่า แต่งกายไม่เรียบร้อย แต่ถูกอาจารย์ ส พ่นบุหรี่ใส่หน้า พร้อมกับวาทะเด็ดว่า "เรื่องของกู" ตั้งแต่นั้นมา อาจารย์ ช ก็สิ้นฤทธิ์ไปเลย
อาจารย์ ช ข้างบน ชื่อไม่สามารถสะกดเป็นภาษาอังกฤษตรงๆได้
สระมรกต ฟากหน้าห้องภาคเครื่องกล มีกฎเหล็กอยู่ว่า ถ้าพลัดตกลงไป ห้ามยืน ให้ว่ายกลับเข้ามา เพราะอาจจะถูกซากขวดเหล้าแตกบาดเท้าเอาได้
ริมสระมรกตฝั่งวิศวะเครื่่องกลมีต้นไม้ที่มีเทพสถิตย์อยู่นามว่า เจ้าพ่อเครื่องกล เชื่อกันว่าเจ้าพ่อเครื่องกลจะคอยปกปักรักษานศ.เครื่องกลทุกคนให้แคล้วคลาดจากอันตราย กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนศ.เครื่องกลสองคนขับรถออกไปประสบอุบัติเหตุประสานงานกับรถพ่วง แล้วสามารถรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ เป็นผลจากการขอพรเจ้าพ่อเครื่องกลก่อนออกเดินทาง
เคยมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งของภาคเครื่องกล จบตรีออกมาจากบางมดด้วยคะแนน 2.00 แต่ไปจบโทที่ University of New Castle, NSW, Australia ด้วยคะแนน 100%
14 อรหันต์เครื่องกลรุ่น 42 คือกลุ่มเด็กเครื่องกลที่ถูกไล่ออกจากหอ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าถีบอาจารย์ ทั้งๆที่คนถีบไม่ใช่เด็กเครื่องกล
ในปี 2546 มีรุ่นพี่อุตสาหการสร้างตำนานอันลือลั่นด้วยการ ฉี่จากชั้น 7 ของหอในลงมาถูกหัวป้าร้านขายข้าวที่ชั้น 1 ได้อย่างแม่นยำ กล่าวกันว่า รุ่นพี่ผู้นี้ แท้จริงแล้วคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 14 อรหันต์เครื่องกลรุ่น42
อาจารย์ท่านหนึ่งของภาคเครื่องกล เคยเป็นหัวหน้าห้องของ แดง ไบเลย์ อันธพาลคนดังในยุค 2499
ในชอปอุโมงค์ลมของเครื่องกล มีเครื่องยนต์ F-16 ของอเมริกา ซึ่งได้มาในช่วงสงครามเวียดนาม โดยอาจารย์ท่านที่เคยเป็นหัวหน้าแดงไบเลย์ (แจ่มม่ะ)
อาจารย์ภาคเครื่องกล รวยกันทุกคน แต่นักศึกษามักจะมีปัญหาด้านการเงินในช่วงปลายเดือนเนื่องจากเงินรั่วไหลลงขวดหมด
จริงๆแล้ว ตัวภาคเครื่องกลก็รวยเหมือนกัน
ภาคเครื่องกลมีอาคารเป็นของตัวเองเยอะที่สุดคือ 4 หลัง แต่ไม่มีสนามกีฬาเป็นของตัวเอง
แต่กำลังจะทุบให้หมดแล้วทำเป็นที่จอดรถ
งั้นสร้างสนามให้เล่นกีฬาด้วยสิเห้ย
อาคารเครื่องกล 1 และ 2 ก่อสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของรุ่นพี่รุ่นดึกของเรา (รุ่นพี่จงเจริญ)
หลังตึกใหม่ที่กำลังก่อสร้างเสร็จ ตึกเครื่องกล 1-3 จะถูกทุบทิ้ง
หน่วยที่ใช้นับปริมาณเบียร์ที่กินของเด็กเครื่องกล คือ "ลัง" กับ "หลอด" การใช้หน่วย "ขวด" และ "แก้ว" ไม่เป็นที่ยอมรับ
สำหรับหน่วยที่ใช้นับปริมาณเหล้านั้น หน่วย "กลม"เท่านั้นที่เป็นที่ยอมรับ
แสลงของเด็กเครื่องกล รุ่น 42 บางกลุ่มในการเรียกเหล้าเบียร์คือ "ของเย็น" และ "ก็อง-แก็ง" (เสียงขวดเบียร์กะทบกัน
เครื่องดื่มทีเด็กของเด็กเครื่องกลรุ่นที่ 42 คือ เหล้าขาวน้ำแดง ซึ่งค้นพบโดยประธานรุ่น มีรสหวานกลมกล่อม นุ่มนวล แต่เมาไม่รู้ตัว
ผู้เขียนลองมาแล้ว ขอบอกว่าเยี่ยม
เพลงเกียร์ เลยต้องห้ามของเด็กวิศวะทุกมหาวิทยาลัย ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในบางมด เนื่องจาก เชื่อกันว่าผู้จดเพลงๆนี้จะต้องมีอัน รีไทร์
การสอบโปรเจคของเด็กเครื่องกล แท้จริงแล้วเป็นช่วงเวลาสยองขวัญที่สุดที่เด็กๆภาคอื่นไม่เคยรู้
มหาวิทยาลัยพยายามผลักดันให้มีการยกเลิกการใส่เสื้อชอป แต่เสื้อชอปสามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือของมหาวิทยาลัย
อาจารย์ ว จากภาควิชาแมท (คณิตศาสตร์) เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดันให้มีการยกเลิกการใส่เสื้อชอป โดยการกดดันนักศึกษาวิศวะให้เลิกแต่งชอป แต่เด็กภาคแมทใส่ชอปมาเข้าเรียน เกือบ๑๐๐%
มหาวิทยาลัยมีนโยบายไม่ให้นักศึกษาดื่มเหล้าในมหาวิทยาลัย แต่มีสโมสรรังมดซึ่งเสิร์ฟเบียร์ในตอนเย็น-ดึกอยู่หน้าตึกอธิการ (แน่นอนว่าไม่ขายให้นักศึกษา)
สาวที่มักจะได้รับการกล่าวถึงในหมู่เด็กๆบางมด คือสาวๆจากภาค คอม, เค็มเอ็น หรือ วิศวะ เคมี และไมโคร (ไม่รู้ว่า เค็มซาย หรือวิทยา เคมี ตกสำรวจไปอยู่ไหน หรือมีนโยบายพอเพียง ไม่นำเข้า-ส่งออกคู่รักก็ไม่รู้)
แต่ช่วงนี้มักจะไปหาที่ ม.อื่นหมด
ได้ข่าวว่ามีคน......ทันตะ ด้วยเว้ยยย
อย่าให้รุ้นะเฟ้ยว่าใคร ตูไปคารวะมัน แม่งเมพขิงๆ
แท้จริงแล้ว เด็กวิศวะภาคอื่นก็มีน่ารักๆนะ ยกเว้นเครื่องกล ที่ต้องอาศัยโชคชะตาฟ้าประทาน (ได้ข่าวมาว่าเดี๋ยวนี้เริ่มปรับปรุง)
ไม่ใช่แค่ปรับปรุงธรรมดา ถึงขั้น เปลี่ยนเลือดกันแล้ว ต่อไปจะมีแต่สาวน่าร้ากกกกกกเรียนเครื่องกล
จากหน่วยข่าวกรองเทพๆ บอกว่า อาจจะเป็นอันดับหนึ่งของเฟรชชี่
ถึงแม้ว่าในบางรุ่น สาวเครื่องกลหน้าตาดีๆจะปรากฏ แต่พวกหน้าตาประหลาดมักจะขายออกก่อนเสมอ (ไม่เข้าใจ)
อันนี้ยอมรับคับ
หน้า ม จะมีรางรถไฟเล็กๆอยู่ ส่วนตัวรถไฟ อยู่ในจังค์ของชอปเครื่องกล 2
ในจังค์ของภาคเครื่องกล มีหุ่นยนต์งูของ FIBO แฝงตัวอยู่ ใครเดินเข้าไปโปรดระวัง ถ้าไม่อยากซวย ให้ทำการ บูมเพลงสีแดง เพลงของภาคก่อนเข้าไปในจังค์ทุกครั้ง เพื่อเป็นการแสดงตนว่าเป็นเด็กเครื่องกล แล้วงูจะไม่ฉก
ตึกใหม่เครื่องกลเปิดแล้ว แต่ทำไมตึก สาธิตบางมด(ดรุณฯ)มันดันสูงกว่าฟ่ะ
แถมดันเอาส้วมไปวางไว้หน้าภาคอีก แค้นอะไรภาคโผมมมม
หน้าตึกภาค มีทางเข้าฐานทัพลับ FIBO อยู่ แต่มักจะเปิดให้เห็นโจ่งแจ้ง (แนใจว่าใช่ฐานทัพลับน่ะ)
ช่วงนี้ รู้สึกว่า ภาคอื่นๆ มักมาเดินหน้าภาคบ่อยๆ (โดยเฉพาะู้ผู้หญิง)(ผู้เขียนมักจะนั่งสมาธิอยู่หน้าภาคบ่อยๆ)
เปล่าหรอก เค้าเพียงหาทางลัดเท่านั้นเอง
เค้าแค่มาส่งงาน วิชาภาคท่านนั้นแหละ
ได้ข่าวว่า รุ่น ..... เสื่อมขึ้นเรื่อยๆ จนสมบัติภาคเริ่มชินชาซะแล้ว (อนิจจา สังขารไม่เที่ยง)
แต่ก็ได้ข่าว ว่า รังสีม่วงเริ่มแผ่กระจาย
ได้ข่างแปลงร่างแล้วด้วยนี่เห้ย


วิศวกรรมเค(ย)มี
ช็อบของภาคนี้มีสีน้ำตาล สามารถแยกแยะชั้นปีได้ด้วยความซีดของช็อบ
ว่ากันว่ารุ่นที่ 34 ร้องเพลงวิญญาณได้ไม่ถูกทำนองตั้งแต่ต้นยันรับเป็นน้อง จนกระทั่งปิดประชุมเชียร์ส่วนกลาง
ภาควิศวกรรมเค(ย)มี มีตึกเป็นของตัวเอง แต่นักศึกษาปี1 แทบไม่เคยได้เรียนในตึกภาคตัวเองเลย
ทั้งตึกมีห้องเรียนทั้งหมด 2 ห้อง โอ้ว ไม่รู้เรียนกันไปได้ไงทั้ง4ชั้นปี ไม่นับรวม ป. โท
เป็นภาควิชาที่ มีแอร์เก่าแก่ที่สุด และไม่เคยล้างคอมเพสเซอร์เลย สังเกตได้จากปริมาณ ฝุ่นที่เกาะ คาดว่าหากล้า้่งฝุ่นที่คอมเพสเซอร์จะทำให้ค่าไปของภาควิชาลดลง45%
แต่หากละลายน้ำแข็งจากตู้เย็น และตู้แช่ต่างๆ จะทำให้สามารถประหยัดไฟได้รวมๆ90% เลยทีเดียว
มีประตูลึกลับ3/4 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ทางเดินออกด้านหลัง ใกล้ห้องน้ำชั้น1 คาดว่าเป็นประตูที่นำลงไปสู่ห้องเรียนในคุกใต้ดิน ของ ศาสตราจารย์สเนป ได้
ตึกของภาควิศวกรรมเคมี ตรงกลางจะเป็นลานกว้าง หลังคาเปิด (ไม่มีหลังคา) เนื่องจากว่า ตอกเสาเข็มตรงนั้นไม่ได้ ตอกลงไปทีไร ก็จะมีพลังลึกลับ ดันให้มันหลุดทุกที
อาจารย์ที่นักศึกษารักที่สุดมีชื่อที่นักศึกษาเรียกเป็นโค้ดลับว่าอาจารย์โนบิตะซึ่งสอนอยู่ชั้นปี 2
อาจารย์ที่นักศึกษารู้สึกหวาดกลัวที่สุดเมื่อเข้าคลาสกลับมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอดีตนายกท่านหนึ่งซึ่งสอนอยู่ปี 2 เช่นกัน
มีข่าวลือล่าสุดว่าอาจารย์ท่านนี้จะตามนักศึกษาไปสอนในชั้นปี 4 อีกด้วย
ถนนหน้าภาควิชาเป็นถนนที่มีการทุบแล้วทำใหม่บ่อยที่สุดในมหาลัย
ในภาควิชาแบ่งเป็นหลักสูตรปกติและหลักสูตรสองภาษา
หลักสูตรปกติมีชื่อเรียกสั้นๆว่าภาคปก
คนส่วนใหญ่จะเรียกหลักสูตรสองภาษาว่าภาคไบ(เซ็กส์ชวล)
ซึ่งหลักสูตรทั้งสองนั้นต่างกันที่ไบจะเรียนวิชาภาคเป็นภาษากิด และมีกิจกรรมเสริมมากกว่า แต่ค่าเทอมลิ่วเลย
สตาฟเชียร์จะสั่งสอนน้องๆปีหนึ่งเสมอว่าภาคเราไม่แบ่งปกแบ่งไบโดยให้เรียกว่าห้อง A B C D แทน
แต่ความพยายามดังกล่าวของสตาฟกลับไม่ค่อยมีใครให้ความใส่ใจ(แม้แต่สตาฟด้วยกันเอง)
เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของภาควิชาคือเพลงวิญญาณ
ที่มาของเพลงวิญญาณนั้นยังไม่แน่ชัดน้อยคนนักที่จะรู้(รวมทั้งผู้โพสก็ไม่รู้)
ปัจจุบันหน้าตาของ นศ.หญิงกำลังตกต่ำลงอย่างรุนแรงตั้งแต่รุ่น34
ผู้ชายในภาคนี้มักจะถูกผู้หญิงกร่นด่าอยู่เสมอว่า"ผู้ชายเค็มเอ็น!!"
ผู้ชายเค็มเอ็น= ผู้ชายที่ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างรับใช้ ให้บริการแก่ผู้หญิงเค็มเอ็นทั้งหลาย จึงมักจะถูกด่าและถูกเปรียบเทียบกับชายภาคเครื่องกล
ผู้หญิงเค็มเอ็น = ผู้หญิงที่ต้องการความสะดวกสบายจากผู้ชาย ตามทฤษฎีของมาสโลว์ ว่า มนุษย์มีความต้องการไม่สิ้นสุด
ว่ากันว่า ภาคนี้มีพวก ตุ๊ด เกย์ เยอะ แต่ความเป็นจริง มีไม่ถึง 15 เปอร์เซนต์
ผู้หญิงภาคนี้สวยเป็นตำนานของ มหาลัย ซึ่งปัจจุบัน มันกลายเป็นเพียงแค่ ตำนานนนนนน!!!
ภาคเค็มเอ็น เป็นภาคที่มีลีดส์มหาลัย รวมอยู่เยอะที่สุด
เป็นภาคที่เด็กทำกิจกรรมเยอะสุด จากการสำรวจ
เป็นภาคที่มีเด็กเรียนมากพอๆกับเด็กทำกิจกรรม
เป็นภาค ที่คอยดึงมีนขึ้น เวลาตัดเกรด
จึงเป็นสาเหตุที่มีหลายๆคนไม่พอใจ
วิชาที่น่ากลัวของเด็กปี1 คือ ฟิสิกคัลเค็ม !!!!!
วิชาที่น่าขนลุกของเด็กปี2คือ เทอร์โม2 !!!!!!!!!!!
ว่ากันว่า ปี2 เทอม1 เป็นเทอมที่หนักสุด รึเปล่า?


ถาปัด(บางขุนเทียน)
คณะบดีคนแรกของคณะ ปัจจุบันคือ อธิการบดี ของมหาวิทยาลัย
เดิม คณะสถาปัตใช้ตึกเดียวกันกับคณะวิศวะ ต่อมาจึงได้ย้ายออกมาบางขุนเทียน
ชื่อภาษาอังกฤษคือ School of Architecture and Design เขียนย่อว่า SoA+D
ที่บางขุนเทียนมี ป.ตรี คณะเดียว คือ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ (อินเตอร์ แต่อยู่ในที่กันดารมาหลายปี)
คณะถาปัดแบ่งออกเป็น 4 ภาค คือ Architecture ,Interior Architecture ,Industrial Design และ Communication Design เรียกสั้นๆว่า เต็ก ,อินท์ ,ไอดี และ คอมเดส
ซับไทย เต็ค-สาขาสถาปัต,อิน-ออกแบบภายใน,ไอดี-ศิลปะอุตสาหกรรม,คอมเดส-นิเทศน์ศิลป์
กวาง เอบีนอร์มอล เรียนมาแล้วทุกภาค และจบออกไปด้วยภาค คอมเดส
มีทุกอย่างครบอยู่ในตึกของตัวเอง --- ห้องเรียน, สตูดิโอ, ห้องคอม, ห้องพรีเซนท์, auditorium, jury hall, Gallery, ห้องสมุด, ช็อป, ห้องถ่ายรูป, ห้องอาบน้ำ, ห้องพักอาจารย์, ร้านอาหาร, ร้านขนม ,ร้านเครื่องเขียน, คอร์ดกลางตึก ฯลฯ
ซึ่งมีน้อยคนที่รู้ว่า ถาปัดบางมดมีภาค ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว (ไม่มีภาคไทยน้อ)
และมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า บางมดมีคณะถาปัดด้วย!?!
เป็นเพียงคณะเดียวที่ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับคณะอื่นในมหาวิทยาลัยสักเท่าไหร่
ร้านข้าวที่อร่อยที่สุดที่ร้านป้าเตี้ย แต่คนที่กินได้ต้องมีฐานะนิดนึง เนื่องจากไม่มีใครคิดจะเดินไปกินตอนกลางวัน (แถมร้านไม่ได้อยู่ในเขตของมหาลัยอีก)
ร้านที่เลว ที่สุดคือร้านบังขาว กินข้าวแถม"สร้อย..."
ร้านอาหารทะเลต่างๆระหว่างทางเข้าบางขุนเทียน นักศึกษาคณะนี้ไม่เคยกิน
มีร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและทุกอย่างในคณะ ชื่อร้าน เฮียสะกิต
เฮียเจ้าของร้าน ไม่ได้ชื่อนี้ ชื่อ สะกิตนี้เป็นชื่อของน้องชายเฮียที่เรียนคณะนี้
ที่บางมดก้อมีร้านนี้ตั้งอยู่เช่นกัน
ปัจจุบัน การปริ้นขนาดA2-A1 อยู่ในการดูแลของร้านเฮีย
หอใน มีร้านค้าขาย 24 ชั่วโมง เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิง สวย และนมใหญ่มาก แถมแต่งตัวโป๊ๆด้วย
เดิมร้านนั้นเป็นการลงทุนของ อ.ก กะ เฮีย สะกิต โดยให้ นศ เป็นแคชเชียร์ และแน่นอน...."แปะได้"
ปัจจุบัน ก็ยังได้ตังคืนไม่ครบ
มหาในรุ่นบุกเบิกบางขุนเทียนมีชื่อ เม้ง และไข่เปียก เพียง 2 ตัว



ปัจจุบันมีนับสิบตัว และมี อ.จ เป็นผู้ ในการอนุเคราะห์(สาธุ)
ห้องคอมของคณะ อยู่อีกตึกนึง ข้างๆ เป็นตึกร้างมาก่อน เนื่องจาก ไอที ไม่ยอมย้ายมาเรียนที่ตึกนี้ มัลติก็ไม่มา วิดวะ อินเตอร์ก็ไม่มาอีก
แต่ตอนนี้ มัลติมาเรียนแล้ว แถมมีเด็ก รร.ดรุณศิกขาลัย มาอีก
ห้องคอมมักจะมีคอมใหม่เสมอๆ แต่ได้ใช้ไม่ค่อยเสมอ เนื่องจากพังเร็วเป็นที่สุด
ช่วง final present ห้องคอมมักจะเหมือนตลาดสด
และปริ้นเตอร์มักจะเสียวันนั้นพอดี
ทุกคนมีเครดิต (แต่บางคนก็ไม่เคยใช้เลย)หมายถึงเครดิต ในการปริ้นครับ
รถที่ไปบางขุนเทียนมักจะมีสีส้มใต้ท้องรถเกือบทุกคน (สีสนิม)
190 หน่วยกิต คือการเก็บหน่วยกิตสูงสุด ของคนที่เรียนจบ และ คนคนนั้น ติด 12ตัว แต่เค้าสามารถจบได้ภายใน 5ปี (เยสสสสสสส เข้)
สถิติสูงสุดคือ เรียน 9 ปีจบ
แต่คนที่เรียน 10 ปี ไม่รู้จบยัง
Studio คือห้องอเนกประสงค์ (กิน, นอน, ทำงาน, lecture, เก็บของ, ทำอาหาร, กินเหล้า, สูบบุหรี่, present งาน, รวมร่าง)
Studio มีทุกสิ่งอย่างที่ต้องการใช้ในชีวิตประจำวัน
Thesis โปรเจคจบที่ต้องทำคนเดียว และดูดพลังชีวิต ไม่เข้าใจวาจะให้ทำอะไรนักหนา present ทีอาจารย์ เกือบ 20 คน รวม guest committee
มักจะได้ยินเาียงกรีดร้องจากเด็กในคณะอยู่เสมอ โอยเฉพาะหลังพรีเซนท์
เนื่องจากมีวิทยาเขตที่อื่นอีก บางวัน เรียนมัน 3 ที่ บางมด-บางขุนเทียน-ฺBangkokCode ยังไม่พอ ตอนเย็นคุยงานร้านเบล์ต่ออีก
ได้ข่าวมาว่าคณะจะเปิดตึกใหม่อีก โอ่วแม่เจ้า จะบ้าตาย
เด็กบางขุนเทียนมักจะอยู่หอที่บางมด
และส่วนใหญ่หาตัวได้ตาม บ้านสวนธน - เอราวัณ
แต่ส่วนที่เหลือก็มักจะอยู่นอนที่คณะ
ถนน 10 เลนที่กำลังสร้างคือความหวังใหม่ของเด็ก ถาปัด
กลางคืน จะเจอ ยุงยักษ์
กลางวัน จะเจอ แมลงวันยักษ์
ตอนส่งงาน จะเจอ ...ยักษ์ (เหอะๆ)
ดาดฟ้าชั้น 7เป็นสถานที่ อบสมันไพร(อิอิ)
ดูดบุหรี่ไปคุยงานไปกับอาจารย์ได้(เฉพาะคนที่เค้าดูดน่ะ)
เนื่องจากที่ไม่พอ ยังทำดาดฟ้นชั้น 8 เป็นห้องเรียน open air (อย่า งง? ที่ตึกมีดาดฟ้าสองชั้น)
และปัจจุบัน ก็กลายเป็นห้องเรียนของปีหนึ่งไปแล้ว
ลายรอบตึก ไบโอ ที่อยู่ข้างๆ ไม่ใช่เกิดจากเด็กมือบอนไปทำ แต่เกิดจากเชื้อราที่หลุดออกมาจากตึก
ตึกสถาปัตยกรรมสามารถ มองเห็นสะพานแขวนได้ ถ้ามองจากดาดฟ้า
กุ้งที่ข้างมหาลัยถูกมาก (เคยซื้อกุ้ง 2โล 80บาท กินกัน ผู้ชาย6คน กินกันไม่หมด)
ปิ้ง ย่าง คือ ศัพท์ ปาตี ชั้น 7
ที่ตึกมี Wireless Internet และแยกย่อยเป็น 3 สถานี Kmutt Wi-Fi ,SoAWNET และ KmuttLibrary แต่เอาเข้าจริงจะใช้ไม่ได้สักอัน
และแน่นอน นักศึกษามี notebookเป็นของตัวเองเกือบทุกคน
พื้นไม้กลางตึก สร้างมาเพื่อไม่ให้นักศึกษาเล่นฟุตบอลในตึก (และมีมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท)
เดิมเคยมีจั่วตราประจำคณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย
ปัจจุบันเก็บไปแล้ว เพราะเล่ากันว่า ไปเหมือนกับสัญลักษณ์ของบริษัทที่ล้มละลาย
เค้าบอกกันว่าอีก 30 ปี จะมีเมืองรอบๆวิทยาเขต แต่ตอนนี้มีนากุ้งไปก่อน
เค้าบอกอีกว่า 5-6ปีข้างหน้านี่ มันจะจมน้ำ
แปลกแต่จริง ไข่เปียก(หมาคณะ)สามารถกดลิฟต์เองได้ และสามารถรู้ด้วยว่าห้องไหนเปิดแอร์อยู่
ไข่เปียกมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่านศ.
ทุกหน้าฝนรถตู้จะงดวิ่ง รถบัสจะกลายร่างเป็นเรือแทน
ยามมีหน้าที่เอาหนังสติ๊กไล่ยิงหมา
คอมเดสเป็นภาคเดียวที่ทุกคนจะมี mac เป็นของตัวเอง
และยังมีแลบ mac อีก
แหล่งตรวจงานที่2 คือ ร้านเบลล์----ในอนาคตได้ข่าวว่าอาคารที่สร้างใหม่ด้านหลังสวนหมากอาจจะเป็นอีกที่
ปัจจุบันไข่เปียกได้มีอาจารย์ผู้ใจบุญรับไปอุปการะแล้ว
ปัจจุบันห้องคอมยกเลิกการให้บริการปริ๊นงานขนาด A2 ขึ้นไปแล้ว เนื่องจากภาวะน้ำมันขึ้นราคา (A3ยังปริ๊นได้อยู่นะ)
เสื้อ Shop ของคณะมีสีส้มสะท้อนแสง
ID เป็นภาคเดียวที่ต้องใช้เสื้อ Shop
แต่ถึงยังงั้น ภาคอื่นก้อยังต้องเข้าไปใช้งานบ้างเหมือนกัน
ตู้ ATM ในคณะได้ลงกินเนสบุ๊คส์ โดยสามารถกินบัตรของนักศึกษาได้มากที่สุดในโลก
ตู้ ATM ในคณะมีระบบบำรุงรักษา โดยการรีสตาร์ทตัวเอง เมื่อสอดบัตรเข้าไป
ในที่สุดก็มีตู้ ATM(กรุงไทย) ใหม่อีกตู้แล้ว เย่ๆ
หากเดินๆอยู่ แล้วเห็นลายตามตัวตึก ตัวอักษร หรือโคมระย้าแปลกๆ ห้อยลงมาจากเพดาน ไม่ต้องตกใจหรือสงสัย นั่นแหละคือโปรเจ็คต์เด็กถาปัด
หากเห็นมันถูกทิ้งไว้นานๆ ล่ะก็ แสดงว่าได้คะแนนไม่ดี
คณะยังมีหน่วยงานย่อยอยู่ที่ถนนสาธร ชื่อว่า Bangkok Code(ศูนย์ชุมชนน่าอยู่)โดยเด็กถาปัตจะเรียก โค้ด เฉยๆ
ลือกันว่า มีอาจารย์ชาวต่างชาติคนนึง เคยเป็นสถาปนิกอันดับ8ของโลกมาก่อน
ว่ากันว่า คนที่มีแฟนก่อนมาเข้าที่นี่ เป็นต้องเลิกทุกราย
(ไม่มีอะไร แค่อยากยืนยันว่าข้อความเมื่อกี๊ เป็นจริง T_T) "รักแท้ แพ้งานเยอะ"
ว่ากันว่าอีกว่า เด็กถาปัตย์ มักได้แฟนอยู่ในคณะเดียวกัน *O*
เด็กคณะถาปัดน่ารักและเป็นที่ต้องตาของเด็กบางมด
สูบบุหรี่ได้ทุกที่ในรั้วบางขุนเทียน(ยกเว้นในห้องเรียน)
ทั้งๆที่มีป้ายห้ามสูบแปะทั่วตึกก็ตามที
อาจารย์ต่างชาติผู้ชายทุกคน จะต้องถูกนักเรียนนินทาว่า "เป็นเกย์รึเปล่า"
สนิมสร้อยเป็นหมาที่ฟังภาษาคนรู้เรื่อง ลองไปพูดกับมันดู
ผิดกับไอฟลุคที่ไม่เคยฟังอะไรเลย แถมยังน้ำลายไหลไปวันๆ
ว่ากันว่า สามารถพบลิงเข้ามาวิ่งเล่นในคณะได้ เป็นเรื่องปกติ
ระหว่างเดินจากหน้าสวนธน ไปถึงเอราวัณ จะต้องเจอเด็กถาปัดเสมอ
เมื่อก่อน การนอนค้างสตู จะต้องเซ็นชื่อกับยามทุกวัน เหมือนกลัวเราหลบหนี - -*
ว่ากันว่า ชื่อนึงที่ทุกคนนึกถึงเวลามีปัญหาคือ "พี่ จ."
ลือกันว่า มีหลายคนเคยพบผีบนตึก สามารถสอบถามประวัติผีได้ที่ร้านป้าเตี้ย
ห้องอาบน้ำชายชั้น 5 น้ำจะท่วมหลังอาบไปได้ 1 นาทีเสมอ
คนที่ไปอาบน้ำชั้น 5 คนเดียวได้ในตอนดึก คือ คนเมา กับคนมีวิชาอาคม
ส่วนคนปกติ มักจะสำนึกได้เสมอหลังจากไปถึงว่า กูน่าจะชวนเพื่อนมาด้วย
ถ้วยมาม่าและขวดเบียร์ คือขยะที่แม่บ้านต้องเก็บออกจากสตูทุกเช้า(ในขวดเบียร์มีก้นบุหรี่)
ว่ากันว่าทุกเส้นทางที่จะเข้าถึงคณะ จะต้องผ่านโค้งกว่า 30 โค้ง
ว่ากันว่า รุ่น 8 เป็นรุ่นแรกที่ได้มาเรียนที่บางขุนเทียน
ในการสอบ ก่อนจะตอบทุกครั้ง ควรแปลโจทย์ให้ถูกก่อน
"พี่ ต." คือชื่อย่อของเจ้าของสถิติ ถอนได้ 33 เส้น ใน 1 ครั้ง ถอนอะไร ไปคิดเอาเอง
ว่ากันว่า ปัจจุบัน สถิติ ยังคงอยู่
"ตะวันยิ้มแฉ่ง" คือชื่อกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชน ของคณะ ที่จะออกค่ายทุกปี
ว่ากันว่า คนที่เคยไปค่าย จะรู้ว่า เหล้าขาวกรุงเทพ รสนุ่มมาก
ยามมีหน้าที่จัดคิวขึ้นรถตู้ และสอบถามเวลารถออกได้
รถตู้และรถบัสรับส่งทุกคัน ด้านล่างจะผุ แม้ด้านบนจะใหม่ก้อตาม
เรียนจบใน 5 ปีคือยอดคน ส่วน 6-8 ปี ถือเป็นเรื่องปกติ 9-10 ปี จัดอยู่ใน Hall of frame
สิ่งที่ครั้งหนึ่ง นักศึกษาเคยต้องการมากที่สุด คือ ฝักบัวฉีดก้นในห้องน้ำ
คลองข้างตึก มีปลาเยอะมาก ไม่เชื่อลองลงไปจับดู
สอบติดกัน 3-4 วัน แต่จะใส่เสื้อนักศึกษาตัวเดิมในการสอบ
มักจะโดนน้องปี 1 ที่ไม่ยังไม่คุ้น คิดว่าเป็นคนงานก่อสร้างหรือชาวบ้านแถวนั้น เวลาลงจากสตูไปกินข้าว
สามารถดูการแข่งขันเรือหางยาวได้ที่คลองด้านข้าง
อยู่ห่างจุดท่องเที่ยวป่าชายเลนเพียงไม่กี่กิโล สามารถไปดูทะเลได้ แต่ไม่มีหาดทราย
หากนั่งแท็กซี่เข้าไปคณะตอนกลางคืน แท็กซี่จะกลัว และระแวงเราตลอดทาง
การเรอในที่ที่คนเยอะ ถือเป็นเรื่องปกติ
หลายคนจบจากคณะโดยที่ไม่มีคนรู้จักชื่อเล่นจริงๆ นอกจากเพื่อนที่สนิทกัน
เพราะหลายคน ได้ฉายาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา และถูกใช้ไปตลอด
ว่ากันว่า เคยมีคนอยู่คนเดียวในตึก(ไม่นับยาม) โดยนอนค้างในสตูเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงซัมเมอร์(โว้ววววววว)
ใบดรอป จะหมดไวกว่าใบลงทะเบียน
หากมีปัญหาด้านการลงทะเบียน หรือดรอป เวลาติดต่อที่บางมดจะได้ยินประโยคนึงจนชิน ว่า"ถาปัดอีกแล้ว"
แต่คนที่พูดประโยคนั้นจะได้รับเพียง ความเงียบและหน้ามึนๆ ตอบกลับไป (ไม่รู้จะอ้างอะไร เหอออ)
ฟุตบอล คือ วิชาเลือกเสรี (ของผู้ชายส่วนใหญ่...ว่างเป็นเล่น)
หากอยู่สตูนานๆ กิจกรรมเพียงอย่างเดียวที่อยากทำคือ ออกมานั่งดูคน (บางขุนเทียนเงียบมาก)
ข้ออ้างแรกหากเข้าเรียนสาย "รถตู้เต็มครับ" แต่อาจารย์ก้อตัด late เหมือนเดิม
ผู้หญิงคณะนี้ จะสวยที่สุดตอนเห็นครั้งแรกๆ แต่ผ่านไปนานๆจะเริ่มธรรมดา เพราะเห็นจนชิน (ก้อมีกันอยู่แค่เนี้ยะ)
ขอบุหรี่ได้จากผู้ชายเกือบทุกคน
แต่หากขอไม่สำเร็จ คำตอบที่มักจะเจอ คือ ไม่มีคับ / หมดคับ / ยังไม่ได้ซื้อคับ...จะไม่พบคำว่า ผมไม่สูบคับ
แต่บ่อยครั้งที่ขอแล้วจะได้ยินคำว่า...เห้ย ขอได้เผื่อกูตัวนึง กูมีไฟแช็ก -*-
เด็กถาปัดส่วนใหญ่จะมีฐานะทางบ้านดี แต่คนทั่วไปจะมองตรงข้าม (สภาพไม่บ่งบอกว่ามีตัง)
พูดภาษาอังกฤษเก่ง (เฉพาะคำที่ท่องมาเพื่อพรีเซนต์งาน)555+ อันนี้ ไม่ทุกคนนะ
ระหว่างเรียน หากอาจารย์บอกว่า เบรค 15 นาที นักศึกษาจะเข้าใจว่า ครึ่งชั่วโมงเสมอ
ป้ายห้ามสูบบุหรี่ เปรียบเสมือนไฟเหลืองตามแยกไฟแดง (เหมือนจะห้าม แต่ไปได้)
จ่ายค่าหน่วยกิต1200 แต่เรียนวิชาสังคมและวิชาพละศึกษา ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณที่เท่ากันกับนศ.ที่จ่ายหน่วยกิตละ300บาท
ที่บางขุนเทียนก็เหมือนเวทีแฟชั่นย่อมๆ เพราะนศ.ที่นี่ใส่ชุดไปรเวทมาเรียนได้เริ่ดกว่าคนในเมืองบางคนซะอีก
เรามีอาจารย์มาให้คุณได้สำผัสสำเนียงที่หลากหลาย จากทั่วทุกมุมโลก ขาดก็เพียงแต่ทวีปแอฟริกาใต้



มันส์ติมีเดีย (Chaos Making Machine)

เป็นภาควิชามัลติมีเดียแห่งแรกในประเทศไทย ต่อจากนั้นมหาวิทยาลัยอื่นๆ จึงเปิดตามมาเป็นแถว
ประจำการอยู่ชั้น 6 ของตึก CB3 วิทยาเขตบางมด
มันส์จริงๆ มันส์สมชื่อ เรียนมันทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่รู้จะเรียนไปทำไมเยอะแยะ
แล้วเรียนอะไรล่ะ?
วาดรูป เขียนโปรแกรม ระบบคอมพิวเตอร์ วิชาเกี่ยวกับคอมไซน์ ดาต้าเบส ระบบปฎิบัติการ ฮาร์ดเเวร์ อิเล็กทรอนิกส์ ออกแบบ(บางปีในวิชานี้มีออกแบบเสื้อผ้า ทำเกมโดมิโน ทำมายากลโอ้วววว แม่เจ้า...) ถ่ายภาพ เว็บไซท์ หนัง โฆษณา สารคดี แอนิเมชั่น สต๊อปโมชั่น 3D กราฟฟิก สื่อการสอน ละคร (ปี 1 เราต้องนั่งแกะสลักหินด้วยอ่ะ แต่ละปีจะมีงานไม่เหมือนกัน)
สมัยก่อน ปี 2 จะมีเรียนโฟโต้ ได้เที่ยวบ่อยถึงบ่อยมากๆ แต่เงินก็ใช้มากเช่นกัน เรียนสนุกนะเที่ยวจนลืมถ่ายรูปเลย
และมีวิชาที่ไม่สามารถหาประโยชน์อันใดได้ในสายงานนี้ และ บลาๆๆๆได้แก่
แคลคูลัส ฟิสิกส์ diff equation เคมี วิชาทางด้านการศึกษา(ตระกูลEDT) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนอกห้องเรียนเป็นวิชาเสริมมากถึงมากที่สุด ชุมนุมกันให้วุ่นวาย (แต่ก็สนุกดี) อ้อ! ละครก็สนุก แต่ยาวเว่อร์มาก
อาจจะสงสัยว่ามันเรียนเข้าไปได้อย่างไร?
แต่ก็เรียนกันจนจบไปหลายรุ่นแล้ว
ถึงตอนนี้ คุณอาจจะรู้สึกว่าเด็กมัลติขยัน ซื่อสัตย์ อดทน และรักชาติยิ่งชีพ สมกับเป็นทหาร เอ๊ย! เยาวชนดีเด่นเสียนี่กระไร
ขอบอกว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว
ส่วนมากจะเรียนๆ เล่นๆ กันชิลล์ๆ ซะมากกว่า
งานมา ก็รอให้ตูดดำก่อน (ไฟลนก้น) แล้วค่อยลงมือ
ทำให้มีความสามารถพิเศษด้านความถึก ทำงานหามรุ่งหามค่ำได้สบายๆ
หลักฐานคือ msn ช่วงหลังเที่ยงคืน ยังออนไลน์กันอยู่เพียบ
อืม... อย่างน้อยมันก็อดทน ไม่ได้เข้าใจผิดไปเสียทั้งหมดนี่นา
เรียนๆเล่นๆ พอจะสอบ ก่อนสอบซัก1สัปดาห์ จะพบกับเด็กมัลติได้ที่ใต้หอหญิง
ซึ่งมีเกือบทุกชั้นปี ปี1ติวแคล-ฟิ ปี2ติวดิฟ-อิเลก-stat ปี3ติวจาว่า ปี4ติวphp ก็แล้วแต่ว่าเทอมไหนเป็นเทอมไหน
เด็กมัลติส่วนมากจะเก่ง ซึ่งมีฉายาว่าพวกอัจฉริยะข้ามคืน อ่านคืนเดียวก่อนสอบ
แล้วคะแนนสอบก็ดีเสียด้วยหล่ะ
วิชาไหนที่ตัดกับภาคอื่น มัลติมักได้ที่ 1 เสมอๆ
มัลติมีเดีย แปลตรงตัวได้ว่า "สื่อประสม"
เชยซะไม่มี
เพราะฉะนั้น เรียกมัลติมีเดียน่ะดีแล้ว
แต่บางครั้งก็เพี้ยนเป็น "เมาติมีเดีย"
มัลติมีเครื่องคอมใช้เยอะมากเเถมมีเครื่อง Mac ใช้ซะด้วย ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่จะเอาไว้ใช้ถ่ายรูปเล่นซะมากกว่า
ลูกเล่นมันน่าตื่นตาตื่นใจมาก
แต่เล่นแปบเดียวมันก็เบื่อ
แล้วก็นั่งเล่นเกมส์
มีหลายคนเปิดใช้ Mac OS ไม่เป็น(ก็มันมีวินโดอยู่บางทีกดสลับไม่ทันนิ)
เคยเป็นห้อง Pc ขอ Mac ไป 4 ปีถึงจะมา
นักศึกษารุ่นปัจจุบัน (2551) มีอยู่เกือบ 500 คน แต่ภาควิชากลับมีเนื้อที่แค่ประมาณครึ่งชั้นเท่านั่น
ที่เหลือเป็นของคณะ ซึ่งแทบไม่มีใครมาใช้
บางครั้งก็ล้นออกมานั่งนอกห้อง เป็นที่อนาุุถใจแก่ผู้พบเห็น
มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งบ้าส่งงานประกวดมาก
โดยหวังว่าจะเป็นช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ภาควิชาและมหาวิทยาลัย
ส่วนมากมักจะได้รางวัลเมื่อทำงานเป็นทีม ฉายเดี่ยวงานไหนตกรอบงานนั้น
เพราะมัลติเราไปกันเป็นทีม
แต่ถึงชนะได้รางวัลมา(ว่ากันว่าเคยมีใบสรุปผลงานนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เด็กมันส์ติภาคเดียวได้รางวัลเท่ากับคณะ วิศวะทั้งคณะ) ก็ไม่ค่อยจะมีใครใส่ใจเท่าไร มีแต่เสียงชื่นชมจากในภาคกันเอง
แม้จะมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีข่าวลือว่าจะยุบภาคอยู่ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งยันปัจจุบัน แต่ก็ยังอยู่ถึงทุกวันนี้
เด็กมัลติจะได้ใช้ห้อง Slope 600 เฉพาะช่วงปี 1 แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปใช้(sleep 600 s หมายความว่า หลับภายใน600วินาที)
เนื่องจากเป็นห้องที่เหมาะแก่การนอนหลับพักผ่อนเป็นอย่างมาก
จึงไม่เป็นที่นิยมของเด็กขยันอย่างพวกเรา
บางคนเตรียมหมอนและผ้าห่มมาเพื่อใช้ในห้องนี้โดยเฉพาะ
หลายคนกลัวใช้ไม่คุ้ม จึงได้กลับไปลงเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้จะเรียนถ่ายภาพแค่ตัวเดียว แต่เด็กมัลติก็มีแนวโน้มที่จะถ่ายภาพสวย
เพราะเรียนศิลปะและการออกแบบมาด้วย
ช่วงรับปริญญาก็จะมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
จัดว่าเป็นเหยื่อทดลองชั้นดี สำหรับพัฒนาฝีมือ
เคยมีสถานที่นั่งประจำ เรียกว่า "ใต้ภาค"
ซึ่งก็คือใต้ตึก CB3 ที่ตนเองเรียนอยู่นั่นเอง
ม้านั่งบริเวณหน้าร้านถ่ายเอกสาร เรียกได้ว่าเด็กมัลติจับจองเกือบทั้งหมด
แต่ปัจจุบัน ไม่ค่อยมีคนนั่งแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ กลายเป็นว่าภาคอื่นๆ มานั่งมากกว่าเสียอีก
เคยมีอาจารย์ส่งตรงจากอินเดียมาสอนเขียนโปรแกรมอยู่หนึ่งคาบถ้วน
แต่นักศึกษาเข้าใจว่ามาสอนภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย
จึงไม่มีใครได้ความรู้อะไรสักเท่าไร นอกจากกระดกลิ้นเก่งขึ้น
จากนั้นเขาก็หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ
มีผู้ให้ข้อสังเกตว่าเขาอาจจะลงไปอยู่ที่ฐานทัพใต้สระมรกต
ชั้น 6 ผีดุมาก
พบเห็นบ่อยบริเวณหน้าลิฟท์
จากประสบการณ์ตรงของเด็กมัลติจำนวนหนึ่งเล่ากันมาปากต่อปาก
ลักษณะเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาว ผมปรกหน้า มีเพียงร่างกายท่อนบน ลอยผ่านหน้าลิฟท์ไป
บางคนที่ได้พบเห็นถึงกับลงไปนอนกับพื้นลิฟท์ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเอาไว้ได้
บางคนเห็นลอยอยู่นอกหน้าต่างระหว่างทางเดิน
คนส่งข้าวร้าน Hot&Cool ให้ปากคำว่า "ผมไม่เคยเจอร๊อก... แต่มันน่ากลัวมาก จ๊อด"
มีเด็กมัลติคนนึ่งโดนหลอก 3 ครั้งติดต่อกันบริเวณทางเชื่อมไป CB4
ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มีพยานที่เห็นเหตุการณ์นับสิบ
ได้ข้อสรุปภายหลังว่า เสาตึกทาสีไม่เรียบร้อย แต่ก็ปล่อยกันอย่างนั้น
นักศึกษาบางคน มีความเชื่อว่าเครื่องถ่ายเอกสารใต้ภาคมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตย์อยู่
เมื่อพวกเขาสำเร็จการศึกษา พวกเขาถึงกับก้มลงไปกราบไหว้ด้วยความซาบซึ้งเลยทีเดียว
เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้ พวกเขาคงไม่สามารถเรียนจบได้
เห็นไหมว่าเด็กมัลติช่างมีความกตัญญูอย่างล้นเหลือ
แต่โชคชะตาช่างเล่นตลก... เมื่อพวกเขาไม่สามารถนำผ้าสามสีมาผูกได้
เนื่องจากเจ้าของร้านเกรงว่ามันจะทำให้เครื่องร้อน และอาจจะทำให้มีผู้ศรัทธามากเกินไป
ส่วนของเซ่นไหว้ก็ตกเป็นของสุนัขใต้ภาคไปโดยละม่อม
แต่กระนั้น พวกเขาก็ไม่ละความพยายาม และได้ขอกลับไปบูชาที่บ้าน
และถูกแจ้งจับในข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ในที่สุด
ห้อง Service ที่เรียกกันติดปากว่าห้องเซอร์ (ปัจจุบันกลายสภาพเป็นแลบแมค)
มีป้ายติดไว้รอบห้องว่า "ห้ามเล่นเกมส์"
แต่เข้าไปทีไร ต้องมีคนนั่งเล่นเกมส์ทุกที
ถ้าส่งเสียงดังเกินขนาด บางครั้งจะมีข้อความอาญาสิทธิ์ส่งตรงมายังทุกเครื่องในห้อง
ข้อความมักมีใจความว่า "ถ้าเสียงดังอีกจะปิดห้องทันที"
ซึ่งทุกคนพร้อมเชื่อฟังแต่โดยดี แม้จะเจ็บใจที่ถูกขัดจังหวะจนตายฟรีก็ตาม
เห็นหรือยังว่าเราเป็นเด็กดีแค่ไหน
สีเสื้อช็อปคือสีเขียวอ่อน
แต่โทนสีไม่แน่ไม่นอน
บางรุ่นกลายเป็นสีเขียวอมฟ้า
ทำให้สับสนกับภาคปริ๊นติ้งที่มีช็อปสีฟ้ากันบ่อยๆ
บางครั้งอาจมีคนที่คุณไม่รู้จัก เดินผ่านมาและไหว้คุณ
แต่ไม่ต้องตกอกตกใจ หรือหลงคิดว่าคุณนั้นช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
จงรู้ไว้เถอะว่าเขาไหว้สีเสื้อช็อป
น้องมัลติไหว้พี่ปริ๊นติ้ง น้องปริ๊นติ้งไหว้พี่มัลติ อันนี้คือเหตุการณ์ปกติ มิจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด
มีเคล็ดลับในการแยกสีช็อปของมัลติกับปริ๊นติ้งง่ายๆ (กรณีมัลติลืม calibrate หน้าจอจนสีเัพี้ยน)
นั่นคือชื่อเจ้าของเสื้อของมัลติจะเป็นสีแดง ส่วนของปริ๊นติ้งจะเป็นสีน้ำเงิน
อีกจุดสัีงเกตคือมดที่แขนเสื้อของมัลติสีเหลือง ส่วนของปริ๊นติ้งจะเป็นสีแดง
แต่ถ้าเจอมดกลายพันธุ์ก็ซวยไป
มีร้านอาหารในโรงอาหารร้านหนึ่งเก็บกดจากการที่มัลติมักจะเดินผ่านไม่ค่อยเข้าร้าน
จึงมาลงกับรุ่นน้องมัลติ
ผลคือ เลิกเข้าร้านมันตลอดกาล
ใบ้ให้นิดนึงว่าชื่อร้าน ค.อ.
และมีอีกร้านหนึ่ง ที่เด็กมัลติ ชอบกินมาก เป็นร้านข้าวสารพัดอย่าง ข้าวผัดมันกุ้งบ้าง ข้าวมันไก่บ้าง ข้าวแกงกะหรี่บ้าง สามารถเลือกข้าวและเนื้อโปะข้าวได้ตามใจชอบ
จึงได้สมญานามว่า "ข้าวผัดเทพ!!" (มันอร่อยจริงๆนะ)
ร้านกาแฟที่ชั้น 2 มีชื่อว่า Orange Cafe แต่มีคนกลุ่มหนึ่งตั้งชื่อเรียกมันว่า "อิส้มสมหวัง"
แล้วก็มีมัลติคนหนึ่ง หลังจากดู ซีรีส์ Coffee Prince จบแล้วอยากเอาอย่าง จึงไปสมัครขายกาแฟที่ร้านนั้น
ความซวยของพนักงานคนนั้น คือ มีรุ่นน้องบางคนมาขอกินฟรี
หลายคนที่จบมัลติฯไป ได้ทำงานตรงสายที่เรียนมาอย่างชัดเจน เช่น เปิดร้านเกม และเปิดร้านเหล้า
ลูกค้าประจำก็ไม่พ้นรุ่นน้องพวกเขานั่นแหละ ขายดิบขายดีเหลือเกิน
เด็กมัลติเป็นเด็กไฮโซ เวลาเตะบอล เตะฟรีเป็นไมได้ ต้องเสียเงินเตะตลอด ที่ สนามหญ้าเทียม และจะเตะตอนกลางวันไม่ได้ ต้องเตะตอบกลางคืน 22.00-00.00 น.สนามที่ไปเตะกันบ่อยๆ คือ
1. สนามฟุตซอลปาร์ค ซอยวัดยายร่ม พระราม 2 ชั่วโมงละ 1,200 บาท
2. สนามสนามเล่าจึง (ชื่อจริงๆ ไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่ จะเรียนกันว่า เล่าจึง) ชัวโมงละ 800 บาท
การละเล่นประจำภาคคือ DotA
เวลาว่าง (ทั้งเรียนและไม่เรียน) ก็จะพบกับกลุ่ม แก๊ง DotA
เรียนไป kill ไป มันส์จริงๆ
บางครั้งอาจารย์รำคาญหนักดึงสายHub แล้วก้มีเสียง อ้าวเห้ย กูหลุด (ความจริงก็หลุดหมด)ซวยไปถึงคนที่กำลังเล่นเอมกำท่องเวปอย่างเงียบๆระหว่างเรียน
แต่กระนั้น เมื่ออาจารย์เผลอ ก็จะมีมือดีแอบย่องไปหลังโต๊ะเสียบสายHub ใหม่ แล้วก็...
เรียนเสร็จเร็วก็จองเครื่อง Cre แล้วก็...
ขอเปิดห้องจะทำงานส่งอาจารย์ พอเปิดได้ก็Cre แล้วก็ เห้ยยังว่างอีก1ที่ ใครจะเข้ารีบๆ 555+
มีการแข่งขันระหว่างทีมด้วย ตั้งกันไป แข่งกันไป
คาดว่าในอนาคตคงมีบรรจุเป็น 1 ในวิชาภาค
ซึ่งคาดว่า คงมีคนลงเรียนกันอย่างล้นหลาม
อาจกลายเป็นวิชาบังคับไปในที่สุด
อีกเกมหนึ่งที่เห็นได้บ่อยๆ คือ เค้าเตอร์ สอยหัวยิงกระจาย รุ่นน้องไล่ยิงรุ่นพี่กระชับความสัมพันธ์ได้ยอดเยี่ยม
อนาคตอันใกล้ จะมีห้องสมุดการ์ตูน
ห้องสมุดภาพยนตร์และอนิเมชั่น โดยจะเป็นแผ่นแท้ทั้งหมด ให้นศ.ยืมดูได้
ตอนนี้กำลังก่อสร้าง ทำให้ห้องคอมหายไป 1 ห้องเต็มๆ คาดว่าประมาณต้นปีหน้าคงได้เห็น

ภาควิชานี้เป็นภาควิชาที่อาจารย์ใจดีและสนิทกับ นศ.มาก แต่บทโหด ก็โหดนะ

ที่ชั้น6 CB3 มีทางลับที่เชื่อกันว่าสามารถทะลุไปสถานีคิงครอส ชานชาลา 9 3/4 ได้
มักพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะคล้ายนักเรียนฮอกวอตส์เดินไปมา ละแวกนั้น
เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
อย่าไปทำให้เขาตกใจ ไม่งั้น คุณอาจกลายเป็นตัวเฟเร็ต หรือคางคกได้


เทคโนโลยีไร้สารสนเทศ (School of InTelligence hero)
ตึก SIT อยู่ใกล้กับตึกสำนักหอสมุดมาก จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสำนักหอสมุด
หน้าตึก SIT มีประติมากรรม หนึ่งชิ้นซึ่งราคาประมาณสิบล้าน(ออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ) แต่เด็กในคณะเรียกว่า ครองแครงยักษ์ , แคบหมู, เปลือกหอย, ลูกชิ้น, ก้อนๆ นั้นอะ
ส่วนใหญ่เรียกว่าแคบหมู (อย่าให้อาจารย์ได้ยินนะ)
ชื่อจริงๆ คือ Information Evolution
จะมีแม่บ้านคอยเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ
โต๊ะไม้หลังป้ายคณะ เป็นที่นั่งกินข้าวร่วมกันของ รปภ. คณะ SIT และ คณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ก็พังๆ สภาพนั่งได้ลำบาก
ลานหน้าคณะ (ข้างๆ แคบหมู) เป็นที่ฝึกระเบียบวินัยของ รปภ. ทั้งมหาวิทยาลัย ช่วงหกโมงถึงหนึ่งทุ่ม (เหมือนฝึก รด. เลย)
สวนที่จัีดไว้หน้าคณะเป็นสวนที่จัดว่าดูดีัที่สุดแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย
แต่ป้ายคณะที่อยู่ในสวนนี่ดูเก่าๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่เข้ากับสวนเลย
ปัจจุบันมีการนำป้ายใหม่มาวางทับอันเก่าแล้ว (แต่ก็ยังดูไม่เข้าอยู่ดี)
สวนหน้าคณะ เป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายรูปของคนในมหาวิทยาลัย
บางปี มีการถ่ายผู้เข้าประกวดเฟรชชี่ที่สวนของคณะ SIT ด้วย
เว็บไซต์ของบางหน่วยงานในมหาวิทยาลัย เคยนำภาพสวนคณะ SITไปใส่ในเว็บ (เข้าใจว่าสถานที่สวยๆในมหาวิทยาลัยมีน้อย จึงยืมๆมุมจากหน่วยงานอื่น รวมถึงสวนของคณะ SIT)
ทุกปีที่มีการซ้อมรับปริญญาของมหาวิทยาัลัย สวนหน้าคณะ SIT จัดได้ว่าสวยที่สุดในมหาวิทยาลัย มีคนทั้งในและนอกคณะมาถ่ายเป็นจำนวนมาก
จะไม่สวยได้ยังไง เพราะคณะลงทุนจ้างบริษัทเอาดอกไม้และต้นไม้มาลงเอง (ว้าวว ไฮโซ) รวมถึงมีซุ้มถ่ายรูปของบริษัทที่เป็นพันธมิตรกับคณะเช่น Oracle,IBM,3Com ในขณะที่คณะอื่นเป็นซุ้มที่นักศึกษาทำกันเอง
เด็กในคณะบางคนมีการแซวว่า นี้ล่ะคือค่าเทอมคณะที่เก็บไปแพงๆ (เอ๊ะ น่าคิดด)
ที่กินข้าวของเด็ก SIT ช่วงที่มีตลาดนัด คือลานหน้าคณะ
ที่พักผ่อนหย่อนใจของ รปภ.คณะกะกลางคืน คือลานหน้าคณะ
ตึก SIT มีแค่สี่ชั้น (เล็กอะ)
ชั้นแรกเป็นห้องเรียน(สามห้อง)เรียกห้อง Train และห้องแล็บ (สามห้อง) แบ่งได้เป็น ห้องIT,CS และ ป.โท ทั้งๆที่จริง ใช้ร่วมกันได้ แต่ถ้าเข้าไปผิดที่จะโดนมอง ส่วนห้องป.โท ต้องดึกๆ ป.ตรี ถึงเข้าได้
ชั้นสองเป็นห้องสมุดและ สนง.คณะบดี
ชั้นสามเป็นห้องพักอาจารย์ (บรรยากาศน่ากลัวพิกล มันมืดๆ)
ชั้นสี่เป็นห้องอาหารอาจารย์และห้องเรียนอีกหนึ่งห้อง
ที่ชั้นหนึ่ง จะมีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งอยู่ข้างบันไดหน้าโต๊ะรปภ. มันคือห้องสโมฯ นศ.
ถ้ัาคนสังเกตุป้ายดีๆ จริงๆมันคือ Storage Room มิใช่ Samo Room (แต่คนก็ไม่ค่อยมองกัน)
เป็นที่สำหรับเก็บสัมภาระ ทั้งกระป๋องสี กลอง ป้ายคณะ ฯลฯ เคยรกมาก ซึ่งตอนนี้ก็ยังรกอยู่
การประชุมสโมฯ จึงต้องอาศัยห้องเรียนที่ CB2 ชั้น 3 ซึ่งได้เปรียบเป็นที่ตั้งของคณะอีกแห่ง
ถ้าไม่มีห้องว่าง ก็ห้องภาคนี่แหละ
ห้องแล็บของ ป.โท เปิด 24 ชม. เช่นเดียวกับลานแดง
ช่วงสอบ แล็บ ป.ตรีก็เปิด 24 ชม. นะ
เป็นฤดูกาลแห่งการเล่นเกม ไม่ว่าจะ DotA หรือ Counter
ที่ชั้นสามของตึก มีเครื่อง Mainframe ของ IBM ราคาหลายสิบล้านตั้งอยู่
เอาไว้ให้คณะดูงานจากมหาวิทยาลัยอื่นมายืนมอง
ไม่รู้ชาติไหนนักศึกษาจะได้แตะ
มีการวางพวงมาลัยไว้บนเมนเฟรมด้วย! สาเหตุยังคงเป็นปริศนา
ชั้นสี่ของตึกเป็นห้องกระจกทั้งชั้น (ไฮโซมากเว่อร์)
เป็นที่กินข้าวของอาจารย์ในคณะ
แต่ก็แบ่งไว้ห้องหนึ่งเป็นห้องเรียน Lecture
ถ้าเรียนช่วงเที่ยงก็จะได้นั่งมองอาจารย์กินข้าวไปด้วย
ตึกภาค SIT ต้องใช้บัตรนักศึกษารูดผ่านประตู หรือทาบ คณะอื่นจึงเข้าไม่ได้ (ผู้เขียนเมื่อก่อนเคยทาบได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ไม่รู้สาเหตุ)
ห้องน้ำตึก SIT จึงสะอาดมากๆ (เฮๆ) ถ้าตอนมี ทิชชู่นะ
แม้ว่าต้องรูดบัตรเข้า แต่เคยปรากฏตะขาบหลุดเข้ามาในห้องภาค
คาดว่ามันจะมีบัตรผี
ตอนที่เด็กปี 1 ยังไม่ได้บัตรนักศึกษาจึงเข้าคณะไม่ได้โดยง่าย (เหมือนคนต่างด้าว)
แก้โดยต้องคอยดักรอคนอื่นที่สามารถรูดเข้าคณะได้ หรือส่งสัญญาณมือเรียกคนข้างใน (ถ้ามีคนเดินอยู่ตรงทางเดินน่ะ)
หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องรบกวน รปภ. รูดให้
ถ้านอกเหนือจากนั้น ก็อดเข้าไป(เหอๆ)
เคยมีเด็ก SIT คนนึงซึ่งไม่ค่อยเข้่าตึกคณะ แต่พอเข้าตึกคณะ จึงโดนเรียกดูบัตรนักศึกษา (สงสัย รปภ นึกว่าเด็กคณะอื่นแอบเข้ามา)
เนื่องจากตึกมีขนาดเล็ก จึงได้ทำการยึดอาคาร CB2 ไว้หนึ่งชั้น(ชั้น3) สำหรับการเรียนและการสอบของเด็ก IT
เด็ก SIT จึงแทบไม่ได้เจอเด็กคณะอื่นเลย
ทางคณะกำลังมีโครงการขยายตึก(ด้านหลัง) ซึ่งผนังจะเป็นกระจกทั้งหมด
คาดว่าจะทำให้นักศึกษาสาย gamer ทำกิจกรรมได้ยากขึ้น
อาจารย์คณะ SIT ไม่ค่อยสนับสนุนการทำกิจกรรม โดยเฉพาะสันทนาการ
แต่กลับมีเด็ก SIT ไปทำค่ายพี่น้องสัมพันธ์เยอะมาก
เป็นโอกาสที่เด็ก SIT จะได้เจอเพื่อนต่างคณะ
คณะ SIT มีตั้งแต่ ป.ตรี ถึง ป.เอก
คณะ SIT แท้จริงไม่มีภาควิชา มีแต่หลักสูตร
คณะ SIT มีหลักสูตรของปริญญาตรีเพียง 2 หลักสูตร คือ IT/CS นอกนั้นเป็นของป.โทและเอก (ทั้งๆที่คณะอื่นมักมีป.ตรี มากกว่า ป.โทและเอก)
นศ.ปอโทหลักสูตร Bioinformatic บางคน(หลักสูตรร่วมของคณะ SIT และคณะทรัพยากรฯ) มักจะต้องมาเรียนร่วมกับนศ.ป.ตรีของวิทยาการคอมฯ เนื่องจากวิชาเหมือนกันและเป็นหลักสูตร อินเตอร์เหมือนกัน
คิดได้สองแง่คือ วิชาป.โทของ Bioinformatic ง่ายเหมือนกับวิชาป.ตรีของวิทยาการคอมฯ หรือ วิชาป.ตรีของวิทยาการคอมฯ ยากพอๆกับป.โทของ Bioinformatic
แต่การทำรายงานบางชิ้น หัวข้อจะแยกกันระหว่าง Bioinformatic และ วิทยาการคอมฯ
รวมถึงตัดเกรดแยกด้วย (ตัดด้วยกัน นศ.ป.ตรีของวิทยาการคอมฯ ก็ตายสิ)
บางคนบอกว่า หลักสูตรป.โทของคณะ SIT ดังพอๆกับจุฬาเลยน่ะ
จนถึงปัจจุบันถ้าถามว่า CS กับ IT ต่างกันยังไง ก็ยังตอบไม่ค่อยได้ หรือได้คำตอบแค่ว่า
เป็น 4 ปี กับต่อเนื่อง (ปัจจุบัน IT เปลี่ยนเป็นหลักสูตร 4 ปีแล้ว)
เป็นหลักสูตรอินเตอร์กับภาษาไทย
ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนอยู่ดี
นศ.วิทยาการคอมฯ มักจะเรียกว่า CS หรือ Com-Sci หรือ Computer Science
ถ้าเรียกภาคคอมเฉยๆ ส่วนใหญ่จะหมายถึง วิศวะคอม (อาจจะเพราะตั้งมานานแล้ว)
แต่ถ้า Math-Com จะหมายถึงหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ ของภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์
ซึ่งไม่รู้ว่าต่างจาก วิทยาการคอมฯของคณะ SIT ยังไงเนี่ยสิ
หลักสูตรไอที มีทั้งที่วิทยาเขตบางมดและราชบุรี
แต่หลักสูตรที่ราชบุรี ไม่ไ่ด้เรียนอยู่ที่ มจธ.วิทยาเขตราชบุรีน่ะ เรียนที่ศาลาประชาคม ประจำจังหวัดราชบุรีหลังเดิม
มีทั้งอาจารย์ไปสอน และใช้ Video Conference ในการเรียนการสอน (ว้าวว ไฮโซ) และบางทีใช้ Video Conference ในการประชุมของสโมสรนศ.คณะ SIT ด้วย
นศ.วิทยาการคอมฯ สามารถมาลงวิชา workshop ของหลักสูตรไอทีได้ (ที่จริงก็ลงวิชาของภาคอะไรก็ได้ แต่ด้วยความขี้เกียจไปเสาะหา จึงลงของในคณะนั่นเอง)
เมื่อก่อนสามารถลงเป็นได้ทั้งวิชา Major Elective และ Free Elective
ปัจจุีบันนับเป็นแค่ Free Elective เนื่องจากทางคณะประกาศว่าวิชาที่จะนับเป็น Major Elective ต้องเป็นวิชาที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ (อดเลยยยย)
ได้รับความนิยมเพราะได้เรียนเป็นภาษาไทย (และด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีนศ.ไอทีมาลงของวิทยาการคอมฯ เพราะต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ)
ปัจจุบันวิชา workshop ของคณะ SIT (ส่วนใหญ่เป็นของหลักสูตรไอที) ลดแลกแจกแถม โดยจ่ายเพียง 3 หน่วยกิต (ปกติเรียน 3 ชั่วโมง) แต่ต้องเรียนถึง 4 ชั่วโมง (เหอๆ ดีใจดีไมเนี่ย)
กีฬาสามคอมเป็นกีฬาระหว่าง วิทยาการคอม,มัลติมีเดีย,ปริ้นติ้ง
มีคนสงสัยว่า ทำไมวิศวะคอมไม่มาแข่งด้วย หรือปริ้นติ้ง มันเกี่ยวกะคอมตรงไหนเนี่ย (ไม่รู้เหมือนกัน)
ด้วยสาเหตุนี้ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น กีฬาสามภาค
ปัจจุบันเป็นกีฬาสี่ภาค โดยมี หลักสูตรไอที มาแข่งด้วย (หลังจากเปลี่ยนเป็นหลักสูตรสี่ปี)
คนที่ทำงานในคณะ SIT กว่าครึ่งคณะ จบป.ตรี ป.โท และ ป.เอก จากคณะ SIT เอง
รปภ. เองก็เคยเรียนที่นี่ด้วย แต่เรียนไม่จบ
TA (Teacher Assistant) ในคณะ มักเป็นรุ่นพี่ที่เรียนต่อ ป.โท ในคณะนี่แหละ
ที่คณะมี เจ้าหน้าที่ที่เรียกว่า LF (Learning Facilitator) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆกับ TA แต่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำคณะ และมีหน้าที่อื่นๆที่คณะมอบหมายด้วย (อาจารย์บางท่านจะมี LF ประจำตัวแทนการมี TA)
เคยถามแล้ว ได้ข้อมูลว่าสำหรับอาจารย์ที่มีงานเยอะมาก ถึงจะมี LF แทน TA
เกือบ 80% ของชีวิตประจำวันของเด็ก SIT คืออยู่ที่ภาค
ถ้าตุนของกินไว้ในภาคด้วย จะอยู่ได้ทั้งวัน
แต่กฎการใช้ห้องข้อหนึ่งบอกว่า ห้ามนำอาหารเข้ามาในห้อง แต่กระนั้นก็ยังมีคนนำมากินเป็นประจำ
ตึก SIT มีกล้องวงจรปิดเกือบทุกจุด (จะทำอะไรก็คิดให้ดี admin เห็นนะ)
เคยได้ใช้ประโยชน์ในการจับขโมยด้วย!
ส่วน CB2 ชั้น 3 ก็มี แถมยามชอบดู แล้วก็จะเข้ามาตักเตือนพวกเราอย่างรวดเร็วในห้องแลป ถ้าเราเผลอทำผิดไป
ประโยคที่น่ากลัวที่สุดของเด็ก SIT คือ "ขอบัตรนักศึกษาด้วยครับ"
มักได้ยินตอนนั่งเล่นเกมในภาค
ซึ่งจะโดนตัดคะแนนความประพฤติ 10 แต้ม ถ้าถูกตัดเกิน 20 จะหมดสิทธิ์สอบ
อาจารย์คณะ SIT ท่านหนึ่ง เป็นอาจารย์ท่านแรกในมหาวิทยาลัยที่จับ นศ. ทุจริตการสอบ แล้วลงโทษโดยการให้ drop course!!!
หลักสูตรวิทยาการคอมฯ เคยมีอาจารย์ฝรั่งเป็นอาจารย์ประจำคณะ สอนวิชาแคลคูลัส
เค้าสร้างสถิติไว้ด้วยการให้เกรด C นศ. สามคนจาก แปดสิบกว่าคน (รุ่น 6)
ที่เหลือได้ F!!!!!!
ปัจจุบันอาจารย์คนนั้นไม่อยู่แล้ว (เย้!!!)
และทำให้นศ.รุ่นต่อมา เลื่อนการเรียนแคลคูลัสจากเดิม เรียนปี 1 เทอม 1 เป็น ปี 1 เทอม 2
วิชา Digital และ OOP ของวิทยาการคอมฯ ไม่มีการเช็คชื่อ (เกือบทุกวิชามีการเช็คชื่อ)
แต่ระหว่างที่เรียน จะมีช่วงระทึกขวัญ คือการเรียกถามเรียงตัวจากอาจารย์
ถ้าตอบถูก ก็ดีไป
ถ้าตอบผิด ติดลบ 0.5 แต้ม
ถ้าถูกเรียกแล้วไม่อยู่ในห้อง ติดลบหนึ่งแต้ม
ระหว่างการเรียนสามชั่วโมง ทุกคนมีสิทธิ์โดนเรียกมากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในห้องหรือไม่ก็ตาม
เคยมีรุ่นพี่ถูกติดลบ จนคะแนนสอบปลายภาคเหลือแค่หนึ่งคะแนน
และก็เคยมีรุ่นพี่ติดลบถึง 120 คะแนน แต่ก็ยังสอบผ่าน
มีอาจารย์ท่านหนึ่งของ CS มักจะมีการ เพิ่มเวลา LAB ให้กับวิชาที่ท่านสอนเกือบทุกวิชา
ก็เริ่มสัก 5 โมงเย็น และเลิกดึกสุดไม่แน่ใจว่า 4 หรือ 5 ทุ่ม ของวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์ ที่ไม่ใช่เวลาเรียน Lecture ปกติ
การเรียนวิชาของอาจารย์ท่านนี้ เรียกได้ว่า จ่าย 3600 (3หน่วยๆล่ะ 1200) ได้ถึง 7200 หรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว (คุ้มมากๆ)
แต่ถึงยังไง อาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ที่เีรียกว่าดีที่สุดท่านหนึ่งของคณะเลยทีเดียว (สอนก็ดีและใส่ใจนักศึกษามากๆ)
สุนัขที่ตึก SIT ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พกทั้ง ระเบิด กล้องส่องทางไกล กุญแจมือ ฯลฯ
คาดว่าฝึกพร้อมกับ รปภ. ที่ลานหน้าตึกคณะ
มันชื่อว่า บุญหลง รักห้องแอร์ (ตัวเดียวกับใน fwmail นั่นแหละ)
ตอนนี้มันตายแล้ว เพราะถูกรถชน
มันถูกฝังไว้ที่หลังป้ายคณะ โดยลุงยามที่เลี้ยงดูมันมาตลอด
ไวรัสที่นิยมติดกันในหมู่เด็ก SIT คือ Autorun
วิธีแก้คือ ใช้โปรแกรม AutorunKiller ซึ่งเขียนโดย นศ.วิศวะคอม(CPE17)
ไม่เคยมีใครคิดจะเขียนเองเลย ทั้งที่เรียนคอมเหมือนกัน
เน็ตคณะ SIT เคยทำสถิติการโหลดบิทไว้ที่ 13MB/sec
ผลคือ ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำอย่างอื่นได้เลย เพราะ process ทั้งหมดมุ่งไปที่การเขียนไฟล์
ปัจจุบันการโหลดบิททำได้ยากขึ้น เนื่องจากการปรับปรุงระบบใหม่ ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
อย่ากระนั้นเลย เรายังหาวิธีโหลดกันได้
มีคนเห็นแอดมินโหลดด้วยแหละ
คณะ SIT มีเน็ต wifi เป็นของตัวเอง
เคยติด hot spot ไว้ที่ชั้นสาม CB2 ด้วย แต่ถูกถอดออกเพราะซ้ำซ้อนกับเน็ตมหาวิทยาลัย
การจะใช้งานได้นั้น ต้องลง certificate 2 ตัว
certificate ดังกล่าว ต้องโหลดจากเว็บไซต์ของคณะ (แล้วจะโหลดยังไง ในเมื่อยังไม่มี cert ให้ต่อเน็ต)
เน็ต wireless ของคณะโหลดบิทได้ช้ากว่าเน็ต LAN ของคณะ
คณะ SIT เรียนวิชา LNG โดยอาจารย์ชาวต่างชาติของคณะเอง (มีเป็นบางรุ่นที่ถูกโยนไปให้อาจารย์คณะศิลปศาสตร์)
คณะ SIT เรียน Calculus ทั้งจากอาจารย์คณะ และอาจารย์จากภาค Math (แล้วแต่ดวงว่าปีนั้นจะเจอใคร)
คณะ SIT เรียน เคมี/ชีวะ โดยอาจารย์จากคณะวิทย์ (ไม่ปรากฏว่ามีอาจารย์คณะพยายามจะสอนเอง)
การเรียนวิชาวิทย์(แค่สามหน่วยกิต) เพื่อให้วุฒิที่จบออกมาเป็น วท.บ.
การใส่แตะหนีบ กางเกงขาสั้น กางเกงเล เข้าคณะเป็นสิ่งที่รับไม่ได้สำหรับอาจารย์
เคยมีนักศึกษาใส่แตะ ขาสั้น เปิดเพลงเสียงดัง กินมาม่า และนั่งเล่นเกมถูกจับได้ จึงทำให้ มีกฏ ห้าม ทุกข้อที่ นักศึกษาคนนี้ปฏิบัติ
ที่ห้องแล็บตึก CB2 ใส่เสื้อคอกลมเข้าก็โดนด่า - -" (ใช่ๆ เวอร์ไปหน่อยเคยโดน)
ค่าย Junior Programmer Camp จัดขึ้นเพื่อหลอกเด็กๆ มาเข้าคณะ ^^
ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม้จะเป็นค่ายที่ช่วยให้เด็กมาเรียนที่คณะมากขึ้น แต่คณะกลับเขี้ยวมากในเรื่องงบประมาณ
นักเรียนที่แข่งขันรูบิคชนะระดับประเทศ เคยมาเข้าค่ายนี้ด้วย
ค่าย Junior Programmer ครั้งที่ 5 ได้ทีมงาน Mozilla Firefox ภาษาไทย มาเป็นวิทยากรรับเชิญด้วย (ว้าวๆๆ)
ค่าย Junior Programmer เกือบได้เป็นค่ายที่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ตามความเห็นของอาจารย์ท่านหนึ่ง
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คาดว่าน้องที่มาเข้าค่ายคงได้อ้วกเป็นภาษาอังกฤษ
ว่ากันว่า ห้อง Playground เก่ามีผี ปัจจุบันกลายเป็นห้อง CB2313
ตอนนี้ห้อง Playground ย้ายมาที่ CB2307 แล้ว
ปัจจุบันใช้เป็นห้องสำหรับทำโปรเจคจบของนักศึกษาของทั้ง IT/CS (รวมไปถึงห้องเล่นเกม ห้องติว ห้องประชุม ห้องนอนค้างคืน และอื่นๆมากมายของนักศึกษาผู้ที่ได้ใช้ห้อง)
แต่ปรากฏว่ามีแต่เด็ก CS จนเหมือนว่าเป็นห้องของ CS อย่างเดียว
แต่ก็มีเด็ก IT มาขอให้ห้อง Playground บ้าง แต่ไม่กี่คนเท่านั้น
เด็ก CS ทำโปรเจคจบตั้งแต่ปี 3 เทอม 2 และเสร็จที่ปี 4 เทอม 1 (อาจจะมีบางคนต้องทำต่อปี 4 เทอม 2)
นั้นเป็นสาเหตุให้เทอมสุดท้าย ของเด็กCSปี 4 ชิลมากๆ (ในขณะที่เด็กคณะอื่นกำลังปั่นโปรเจคกันอย่างเคร่งเครียด)
ทำให้เด็ก CS บางคนสามารถจบ 3 ปีครึ่งได้ (แต่ต้องเก็บวิชาให้ครบด้วยน่ะ)


วิศวะฉันเล็ก

วิศวะอิเล็กเป็นภาควิชาที่อยู่สูงที่สุดใน CB4
เพราะฉะนั้นเวลาเข้าเรียนทีต้องยัดเยียดยื้อแย่งในการขึ้นลิฟท์กับภาคอื่นเสมอ(เนื่องจากเดินไม่ใหวสูงเกิน)
ในขณะที่ปัจจุบันลิฟท์ทั้งสองตัวดันจอดทุกชั้นด้วย(ช้าเห้ๆเลย)
ภาควิชาอิเล็กมีชื่อเต็มที่ยาวที่สุดในมหาลัยเลยก็ว่าได้(พอๆกับคอนโทรล)
มีคนเชื่อว่าถ้าไม่มี อ. ด. นักศึกษาภาคอิเล็กอาจเรียนไม่จบก็ได้
เพราะ อ. ด. เป็นคนที่ทำให้นักศึกภาคอิเล็ก O.K. กันทั้งภาค(คุณ O.K. ผมก็ O.K. ครับ)
อ. ด. มักจะใจดีเปิดโอกาศให้นักศึกษาถามเรื่องเกี่ยวกับการเรียนอยู่เสมอ
เมื่อนักศึกษาถามจะได้รับคำตอบว่า "ถ้าคุณสงสัยเดี๋ยวผมถามเพื่อนคุณให้"
อยากจะบอกอาจารย์ว่า "ถ้าเพื่อนผมรู้ ผมคงไม่ถามหรอกครับ"
ฉะนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะสามารถสื่อสารกับ อ. ด. ได้


หอพักของมหาวิทยาลัย (หอใน)
หอพักนักศึกษา (หอใน)สำหรับผู้หญิง เดิมเคยเป็นหอชาย และ หอชาย เคยเป็นหอหญิง
ขนาดของหอพักหญิงในปัจจุบัน ใหญ่กว่าหอพักชาย ๓ เท่า
ที่มีการสลับหอ เนื่องจากพบว่า นักศึกษาชายมักจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกมหา'ลัยในช่วงเทอม ๒ แต่ผู้หญิงอยู่เต็มจำนวน
บ้างก็เชื่อว่า มีการสลับหอเพราะมีขวดเหล้าตกไปในรั้วโรงเรียนที่อยู่หลังหอจำนวนมาก เพราะหอชายเก่าอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนเลย
ปัจจุบัน การสลับหอพัก หญิง-ชาย ไม่ได้ช่วยให้จำนวนนักศึกษาที่เข้าพักในหอในเพิ่มขึ้น
กิจกรรมแรกพบมดหอใน เป็นกิจกรรมการเล่นเกมตามฐาน กินข้าว และจับบัดดี้ระหว่างหอชายกับหอหญิง
เป็นกิจกรรมที่ทำให้ นศ. หอชาย ได้แสกนหา นศ. หอหญิง หน้าตาดีๆ
ในสมัยที่หอในยังมีโทรศัพท์ภายใน การเล่นบัดดี้มักจะเล่นกันผ่านโทรศัพท์ บางคนเล่นกันเกือบเทอม ถึงจะเฉลย
บางคู่ก็คบกันเป็นแฟนไปเลย หลังการเฉลยบัดดี้
ปัจจุบันมักจะเฉลยกันคืนที่มีกิจกรรมเลย(ขี้เกียจเล่นอะ กูมาเอาคะแนนหอเฉยๆ)
นักศึกษาหอชายใช้วิธีการในการเข้าหอเวลาหอปิดโดยการบูมเทค(ปรากฏในปีการศึกษา 2547)
นักศึกษาเกือบทั้งหอใน ไม่สามารถเข้าหอได้ เพราะกิจกรรมเฟรชชี่เลิกหลังเวลาหอปิด(ปรากฏในปีการศีกษา 2550)
ที่ทำได้คือการยืนเกาะประตูหอ จนกระทั่งประตูเปิดตอน 1.00-1.30น.
เคยปรากฏ นศ. ใช้หอในในการระบายอารมณ์ โดยเดินตะโกนทุกชั้นว่า "กูตกฟิสิกส์" (ปีการศึกษา 2550)
เกิดปรากฏการณ์ต้นไม้รอบหอในออกลูกเป็นเสื้อผ้า และชั้นใน ในปีการศึกษา 2550 สาเหตุเกิดจากลมกรรโชกแรงมาก
คนที่อยู่ชั้นล่างของเรา คือพวกชั้นต่ำ(ถ้าลิฟต์เสียคนชั้นสูงจะรู้สึกตัว)
ชั้น L คือที่ประจำการของหน่วยคอมพิวเตอร์ประจำหอ ถูกควบคุมการปิดเปิดโดยพนักงานรักษาความปลอดภัย
จำไม่ได้ว่าเพื่อนเราอยู่ห้องไหนเหรอ ลองมองหาชื่อเพื่อนจากใบแจ้งค่าไฟที่บอร์ดสิ
บันไดหนีไฟมีไว้ให้ช่างซ่อมไฟ ตู้น้ำ ฯลฯ ใช้
สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด หากคุณนั่งทำธุระในห้องน้ำ แล้วได้ยินเสียงน้ำไหล ไม่ต้องตกใจ มันมาจากชั้นบน
การเดินลงบันไดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน อาจเร็วกว่าการใช้ลิฟต์
ถ้าอยู่ชั้นสูงๆ แล้วโดนยุงกัด ไม่ต้องสงสัย มันขึ้นลิฟต์มา
หอในเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมทั่วทุกภาคของไทย มาจากที่ไหนเราก็พี่น้องกัน
อาจมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในบางคืน
มีปรากฏการณ์มาม่าเย็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืน
ปัญหาดังกล่าวแก้ได้โดยไปเอาน้ำร้อนอีกชั้น
บางคนก็แก้โดยการโกงตัวตัดไฟ
อย่าแปลกใจถ้าแปรงสีฟันคุณอยู่ในปากคนอื่น ถ้าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อย่าทิ้งแปรงสีฟันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
อาจมีบริการน้ำร้อน-เย็น จากบรรดาเพื่อนร่วมชั้นในหอ ขณะอาบน้ำอยู่ มาทีเป็นถัง
ปีการศึกษา 2547 ห้องน้ำชั้น6ของหอชาย หลังเที่ยงคืน น้ำท่วมทุกวัน
บนดาดฟ้า และในห้องน้ำ ถ้าเห็นคนนั่งสมาธิ ไม่ต้องตกใจ
ช่วงรับน้องจะมีหน่วยเก็บศพ ไปคืนห้อง
ตีสนิทกับห้องข้างๆ เอาไว้ ถ้าเข้าห้องไม่ได้ก็ปีนระเบียงจากห้องข้างๆเอา(สังเกตเอาว่าประตูระเบียงจะเปิดกันตลอด)
โจรก็ใช้วิธีีนี้
ยังไม่มีนักศึกษาตกมาตาย
มีคนปีนอย่างเอาเป็นเอาตาย พอเข้าห้องได้ปรากฏว่าเพื่อนนอนหลับอยู่ในห้อง
ไม่อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ในหอ แต่ก็มีเด็กเมาในหอบ่อยๆ
ในหอชายอาจจะมีเสียงผู้หญิงร้อง ไม่ต้องแปลกใจมันมาจากสื่อรูปแบบหนึ่ง
เรียนดรออิ้งแต่ไม่มีโต๊ะดราฟรึ? ไม่เป็นไร เด็กหอทั้งหลาย ตอนเช้าๆให้ไปที่หน้าต่างของหอฝั่งตะวันออก เอางานต้นฉบับแปะไว้ที่หน้าต่างด้านนอก ฉบับที่เราจะลอกไว้ด้านใน (แปะให้ตรงกันนะ) แล้วคุณจะได้โต๊ะดราฟพลังงานแสงอาทิตย์
ล่าสุดหอในมี internet ใช้แล้ว โหลดบิทกันกระจาย สาธุ... อย่า block ตูเลยยยย
ในปี 2546 มีรุ่นพี่อุตสาหการสร้างตำนานอันลือลั่นด้วยการ ฉี่จากชั้น 7 ของหอในลงมาถูกหัวป้าร้านขายข้าวที่ชั้น 1 ได้อย่างแม่นยำ
อาบน้ำให้ระวัง กระเทยอาจจะกำลังแอบมองน้องชายคุณอยู่
แอบมองจงระวัง ไปแอบดูน้องชายของเด็กเครื่องกล โยธา อุตสาหการ อาจจะโดนตามมารุมกระทืบเอาทีหลังได้
AGIA เป็นชื่องค์กรที่เกรี้ยวกราด ดุร้าย ที่สุดในหอพักนักศึกษา
มันย่อมาจาก Anti Gay International Army ก่อตั้งในปีที่ 2551
ก่อตั้งโดย 1.ท่านผู้พัน แว่นเขียว ต.แห่ง วิศวกรรมเครื่องกล
2.ท่านเสธ อ ม. แห่ง มัลติ
3.ท่านแม่ทัพ ม. แห่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ IT
เพื่อกำจัด เกย์ที่มารุกรานห้องพัก
เชื่อหรือไม่ องค์กรนี้มีสมาชิกมากมาย กระจายตัว เต็มไปหมด
แถม ยังมีการติดอาวุธประจำกายเป็นจำนวนมาก โปรดระวัง(พร้อมรบได้ทุกเมื่อ)
ขึ้นอยู่กับท่านผู้พันเท่านั้น ที่แต่งตั้งยศ
ผู้เขีียน ยังเป็นพลทหารน้อยๆอยู่เลย อยากเลื่อนยศบ้าง
ได้ข่าวว่าได้เลื่อนยศแล้วดีใจด้วย



ความเชื่อ
เพลงวิญญาณ เป็นเพลงต้องห้ามของมหาลัย แต่งโดยรุ่นพี่ภาคเค็มเอ็น ดังนั้น ในการประชุมเชียร์ของวิศวะ เด็กเค็มเอ็นจะได้รับเกียรติให้เป็นผู้ร้องนำ จะถูกใช้ในพิธีรับน้องเข้าสู่คณะ เพลงนี้จะไม่มีการซ้อมโดยเด็ดขาด ยกเว้นเด็กเค็มเอ็น น้องใหม่จะต้องฟังเด็กเค็มเอ็นร้อง แล้วจำให้ได้ แล้วร้องตาม พิธีนี้จะให้ร้องเพลงวิญญาณไปเรื่อยๆจนกว่าน้องใหม่จะร้องได้ครบทุกคน แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เฉพาะเดก CHE แล้วที่จะร้องเพลงวิญญาณ แต่เปนเดกทุกภาควิชา
ทางเชื่อมตึกวิศวะเคมี มีประวัติที่น่าขนลุก
ก่อนสอบจะเป็นช่วงเวลาแห่งการไหว้พระจอม โดยเฉพาะเวลาประมาณ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน แต่มีความเชื่อกันว่าถ้าไหว้กันตอนเที่ยงคืนจะมีโอกาสสำเร็จตามที่ขอมากที่สุด พิสูจน์ได้จากจำนวนคนที่มาไหว้+พระจอม และปริมาณควันที่สุมอยู่หน้าพระจอม
คนที่มาไหว้แรกๆจะปักธูปที่ขอบกระถาง ทำไมไม่เริ่มปักตรงกลาง?
มาไหว้ช้าจะไม่มีที่ปักธูป
กระถางธูปหน้าพระจอมเคยไฟลุกมาแล้วตอนช่วงสอบ (คาดว่าเกิดจากการรวมตัวกันของธูปจากหลายๆสำนัก)
ก่อนจะมีกิจกรรมอะไรที่มีเสียงดัง ให้จุดธูปไหว้เจ้าที่ก่อน เนื่องจากตีกลองแล้วจุกกันมาหลายราย
ชั้น5 ตึก CB3 จะเป็นอะไรที่เงียบมากหลัง 6โมงเย็นน้อยคนที่จะเห็นว่ามีคนอยู่ แม้กระทั่งแม่บ้าน(แกไล่คนลงเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ)
ตึก CB3 ป๋อง กพล ทองพลับ ดีเจวัยใส เคยมาตั้งกล้องส่องพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแกชื่นชอบมาก(สงสัยกำลังหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่)
ลิฟต์ที่ CB3 มีประวัติเหมือนกัน
หลายๆที่ ของตึกมีสายสิญจน์วนอยู่ เหมือนใช้แทนสายไฟ
มีคนเคยส่องกระจกในห้องน้ำแล้วก็เห็นนศ.คนหนึ่งนั่งอยู่บนโถส้วม ทั้งที่เค้าเข้าห้องน้ำแค่คนเดียว


เรื่องลึกลับ
ลาดโล่งๆ กลางตึกวิศวะเคมีเองก็มีที่มาที่น่าขนลุกเช่นกัน แต่เดิม แบบของตึกนั้น ไม่มีลานกลางตึก แต่ เนื่องจาก ไม่สามารถตอกเสาเข็มในบริเวณนั้นได้ ตอกเท่าไร เสาเข็มก็จะถูกดันขึ้นมา เลยทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแบบอย่างที่เป็นในปัจจุบัน
ตึก CB3 F.5 & 7 เค้าเล่าว่ามี ผี... และในปัจจุบัน (2551) ระหว่างการทำละครเวที F.6 ก็มีคนเล่าแทบทุกวันว่าเจอผีเช่นกัน
กรรมของเด็กมัลติ ที่ดันไปอยู่ระหว่าง 2 ชั้นที่ว่านั่น
ที่ตึก LNG ว่ากันว่าจะมีห้องนึงซึ่งจะมีผู้ที่ต้องการใช้ในขณะนั้นเท่านัน้ที่เปิดได้
ตึกCB3 ชั้น6 มีทางที่ทะลุไปชานชาลา 9 3/4
มีคนพบเห็นบุคคลถือแท่งไม้คล้ายไม้กลอง สวมเสื้อคลุมตัวยาวทั้งตัว สวมแว่นตา บนหน้าผากที่แผลเป็นรูปสายฟ้า เดินไปมาแถวๆนั้นอยู่บ่อยๆ
เหล่านักศึกษาที่เปอร์ (เรียนมากกว่า 4 ปี) บางครั้งก็ถูกเรียกว่า วิศวกรรมภาษา (Languages Engineering)เนื่องจากพูดได้หลายภาษา
วันดีคืนดี คุณจะเห็นผู้ชายหน้ายาวๆ หัวค่อนข้างเถิก โวยวายใส่หญิงสาวหน้าตาน่ารัก แถวป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย หลายคนเห็นจนชิน บางคนบอกว่า เค้าถ่ายละครกันอยู่,เรื่องของแฟนทะเลาะกัน,กิจกรรมว้ากน้องนอกเวลา
วันไหนอากาศดีคุณจะเห็นเค้าทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน
หลับจากปิดเชียร์ คุณอาจเห็นคนคนทั้งคู่นั่งซ้อนท้ายจักรยานกันอย่างกะหนุงกะหนิง
บริเวณลานแดง อาจจะพบผู้ชายร่างท้วมๆ นอนอยู่ จำเค้าเอาไว้ เค้าก็คือนักศึกษามหาลัยเรา (อาจเห็นได้ในช่วงเย็น - กลางคืน บางวันอาจเห็นได้ทั้งวัน เค้านั่งที่เครื่อง 42 เป็นประจำ)
ในขณะที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ เค้าก็กำลังนั่งอยู่
ว่ากันว่าเค้าเป็นสายลับ สายตรวจ โรคจิต นักวิจัย ผู้นำลัทธิ ผู้นำประเทศ แล้วแต่จะคิด ปัจจุบันยังอยู่(2550)
แต่หลายครั้งที่ผมเห็นเค้าเปิดเว็บโป๊
ใต้สระมรกต เป็นที่เก็บซากโต๊ะโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง บ่อยครั้งที่จะเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา คาดว่าปลาและเต่าคงใช้นั่งประชุมกัน
สามข้อนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง กรุณาลบไปด้วย
ถ้าเดินในบริเวณมหาลัยตอนดึกๆ อาจจะได้เห็นผู้หญิงถือมีดยาวๆเล่มนึงเดินบริเวณรอบๆ ศาลาวีรชน
เมื่อก่อน หน้า ม เคยมีคนบ้ามาป้วนเยนอยู่ แต่แท้จริงแล้วเขาคือร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาเพื่อสืบคดีบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่เขาถูกเหล่าร้ายจากองค์การ ช๊อกก้า ฆ่าตายในปี 2548
ในห้องน้ำของตึก SCL ว่ากันว่าตอน 6 โมงเย็น จะได้ยินเสียงผู้หญิงคอยขอโทษกรอกหูเรา



ของกิน และแหล่งท่องเที่ยว
ในอดีต สวนธนบุรีรมย์ เป็นไร่ส้มบางมด ซึ่งคุณลุงคุณป้าเจ้าของใจดี และเอ็นดูนักศึกษาบางมดมาก อนุญาตให้นักศึกษาเข้าไปเด็ดส้มกิน ตั้งวงเหล้าได้ตามใจชอบ (จึงเป็นที่มาของเพลง มดน้อยในไร่ส้ม สำหรับรุ่นพี่รุ่นเก่าๆแล้ว เพลงนี้ถือเป็นเพลงสำคัญของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว) แต่ต่อมา คุณลุงคุณป้าเลิกทำไร่ส้ม จึงบริจาคพื้นที่ให้ มหาวิทยาลัย แต่ มหาวิทยาลัยเห็นว่าไม่มีปัญญาดูแล พื้นที่จึงตกเป็นของ กทม ไป
รอบๆ มหาวิทยาลัย มีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนามากมาย ทั้งวัด มัสยิด และโบสถ์ (เรียกว่าแหล่งท่องเที่ยวเหรอเนี่ย)
หน้ามหาวิทยาลัย มีร้านข้าวไม่ต่ำกว่า 10 ร้าน แต่ทุกร้านเมนูเหมือนๆกันหมด
ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือร้านสามเจ๊ (เจ๊ณี, เจ๊จิ๋ม, หม่าม้า) (อันสุดท้ายไม่เห็นเจ๊เลย)
เวลาเฉลี่ยในการทำอาหารหนึ่งจาน: เจ๊จิ๋ม < เจ๊ณี < หม่าม้า
ร้านเจ๊ณีมีบริการน้ำดื่มจากเครื่องกรองน้ำ(น้ำประปาดื่มได้)
คุณรู้ไหม เจ๊ณี กับ หม่าม้า เป็นญาติกัน ไม่เชื่อถามอาม่าร้านเจ๊ณีดูสิ ผมเคยคุยกับแกมาแล้ว
เป็นที่เชื่อว่าร้านอาหารบางร้านมีพ่อครัวเป็นลูกศิษย์ของพระเอกภาพยนตร์เรื่อง Ratatouille!!!
ร้านเพื่อคุณและร้านป้ามะลิขายเมนูปลาดุกฟูถูกที่สุด คือ 25 บาท
ตู้แช่โค้กในร้านเพื่อคุณมีสติ้กเกอร์ติดว่า "โค้กที่อุณหภูมิ 4 องศา คุณลองหรือยัง" แต่โค้กในตู้กลับมีอุณหภูมิ 30+ องศา
ในเมนูร้านเพื่อคุณ มีสายฝน กรองทิพย์ LM ฯลฯ อยู่ในรายการเครื่องดื่มด้วย!
ร้านป้ามะลิ เป็นร้านอาหารที่มีมือถือขายด้วย!
โดยปกติ คนที่สั่งข้าวร้านป้ามะลิเสร็จแล้วเห็นเพื่อนเดินไปร้านเพื่อคุณ จะได้เห็นเพื่อนเดินกลับในขณะกินข้าว!?
ร้านที่แพงที่สุดคือ BKK Grill
มักเป็นที่เลี้ยงสายรหัสในยามที่ขี้เกียจเดินทาง
ชื่อใหม่ของร้านนี้คือ พม่า Grill สังเกตได้จากเด็กเสิร์ฟ
ร้าน Frog ซึ่งอยู่ชั้นสองของตึกหน้ามหาวิทยาลัย มีครัวอยู่ที่ชั้นหนึ่ง หลังร้านการ์ตูน ข้างร้านเสริมสวย
ร้านเทคโน47 เคยมีเมนูบะหมี่ X.O. ขายด้วย แต่ปัจจุบันเลิกขายแล้วเพราะ X.O. ราคาแพงเกินไป
ร้านพรนมสดมักมีลูกค้าแน่นร้านเสมอ เมื่อมีฟุตบอลถ่ายทอดสด!
ร้านพรนมสดมีกางเกงเลขายด้วย
ว่ากันว่าถ้าจะกินที่ร้านสิงห์บูล ต้องหาเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ ไปด้วย!?
คาดว่าร้านสิงห์บูลมีความเกี่ยวข้องกันกับกลุ่มชะนีไม่แปลงเพศหน้า ม. ตอนดึกๆ
ร้านกรรณิการ์(ประชาอุทิศ45) เริ่มต้นจากการมีแม่ครัวเป็นคนไทย ต่อมาเริ่มมีลูกจ้างเป็นชาวต่างชาติ ปัจจุบันทั้งลูกจ้างและแม่ครัวเป็นชาวต่างชาติ(ประเทศเพื่อนบ้าน)
มีบริการสอนภาษาที่สาม สี่ ห้า ให้เป็นการสมนาคุณลูกค้าด้วย
ร้านคาร์แคร์ในซอยประชาอุทิศ45 ได้กลายสภาพเป็นร้านข้าวและร้านเสต็กเรียบร้อยแล้ว
ร้านอาหารหลัง ม.เป็นร้านที่ สกปรกมากที่สุด และมีคิวยาวที่สุด ทำช้าที่สุด เยอะที่สุด - -"
ทอดไข่เจียวได้ฟูที่สุด
ร้านข้าวมันไก่หน้า ม. (ข้าวมันไก่ทอดในตำนาน) ข้างเซเว่น เป็นร้านที่เปิดทำการน้อยที่สุดในโลก โดยจะเปิดให้บริการเวลาตี5 และปิดตอน 6โมงเช้า แถมบางวันปิดด้วย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ตอนเปิดมีไก่แขวนอยู่ 4-5 ตัว แต่ขายหมดในเวลาเท่านั้นจริงๆ
ปลาในสระมรกต แท้จริงแล้วกินได้ เคยมีคนกินมาแล้ว ปัจจุบัน คนๆนั้นทำงานอยู่ในโรงเรียนแพทย์ในตำแหน่ง "อาจารย์ใหญ่"
หากใน 2-3 ปีนี้ ปลายังมีขนาดใหญ่ขึ้นอีก คงต้องมีการจับปลาขึ้นมาวิจัยอย่างจิงจัง!! เพราะดูเหมือนมันกำลังกลายพันธุ์!!!
ข้างสระน้ำหน้า ม. มีต้นมะพร้าวอยู่ สามารถเก็บมากินได้
ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้มหาลัยที่สุดคือ เซ็นทรัลพระราม 2 แต่นักศึกษากลับเลือกที่จะไปเดินสยามมากกว่า
ทำให้คิวรถตู้ มจธ-เซ็นทรัลพระรามสอง หน้าตึกอธิการ เป็นอันเจ๊งไป
ร้านครัวสิริมา ใน KFC ไก่ทอดกรอบมากกกไก่ย่างคอหมูย่างอร่อยมากกกกกกกกกกก
ร้านอาบังใน KFC เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องข้าวยำไก่แซบ เด็ดยิ่งกว่า KFC จริงๆ ซะอีก ไม่เคยลองต้องลอง
แต่ที่สุดของร้านคือสปาเก็ตตี้ ลองสั่งแค่ครั้งเดียวจะทำให้อาหารทุกอย่างใน KFC อร่อยขึ้นเชิงเปรียบเทียบทันตาเห็น
แต่ที่สุดกว่านั้น คนขายที่เป็นผู้ชาย หน้าเหมือนวอก (เรื่องเป็นต่อ) หื่นมากๆๆๆ




เครดิต
http://th.uncyclopedia.info/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5


รักมจธ.

แม้เป็นเพียงมหาวิทยาลัยที่ไม่เด่นไม่ดังมากเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆ แต่หารุ้ไม่ว่าเด็กที่จบจากที่มีคุณภาพมากแค่ไหน อย่ามองข้ามมหาวิทยาลัยนี้กันนะ


รัก

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

....... 15 พ.ค. 52 เวลา 15:37 น. 2

เยอะมากเลยน้อง อ่านจนมึน

พี่เลยข้ามไปอ่าน วิศวะเคมี เพราะพี่จบจากมอนี้มา

พิมได้ใจพี่มาก ตรงนะ โดยเฉพาะ&nbsp สาวเคเอ็มสวยเป็นตำนวน เเต่หลังๆพี่ไม่รู้&nbsp พี่อยู่ รุ่น 31 ไม่ทันรุ่น 34 อ่ะจ๊ะ (ใครได้เป็นแฟนเด็กเคมเอ็นจะดู โก้มาก ขอบอก)


ส่วนอาจารย์ที่หน้าเหมือนทักษิณ พี่คิดออกเลยนะ&nbsp โอ๊ยขำ มันจิงนะเนี้ย&nbsp โหดสุดๆๆ


เเต่ผู้ชายเคมเอ็นจะนิสัยดีนะ ตุ๊ด เกย์ไม่ค่อยมีนะ

ส่วนเรื่องเพลงวิญญานนั้น

พี่ปี 2 จะทำหน้าที่ร้องให้น้องปี 1 ฟังเพียงครั้งเดียวเท่านั้น&nbsp เเล้วน้องปี 1 ต้องไปฝึกร้องเองเพื่อไปเป็นคนร้องนำตอนประชุมเชียร์ เเต่ มีข้อเเม้ว่า ห้ามร้องออกเสียงเพราะพี่(ที่เขาตายไปเเล้ว)เขาจะมาร้องด้วย

ที่มาพี่รู้ เเต่บอกไม่ได้จ๊ะเป็นความลับของเด็กเคมเอ็น (ออ ลืมบอกไปว่า การร้องเพลงวิญญาณ ต้องคุกเข่าเท่านั้น)



ส่วนเรื่องลานกลางตึกนั้น พี่ไม่เห้นจะได้ยินอย่างนั้นนะ&nbsp  ลานนั้นเขาเรียกว่าลานโคมเเตก&nbsp ที่เรียกอย่างนั้นเพราะ ทุกครั้งที่เอาไฟมาติด พอสับสวิซ์ทุกครั้ง หลอดไฟจะเเตกหมด ไม่สามารถติดโคมไฟได้&nbsp แปลกมะ


เเละเมื่อเด็กเคมเอนเเละเดกคอมมาเรียนตัดเกรดกับภาควิชาอื่น นั้น


ทั้ง 2 ภาค จะเป็นคนดึงมีนขึ้น จนทำให้ภาคอื่นๆร้องโอดครวญกันเพราะ ตกมีนกันนั้นเอง


ดีนะ จบมามีงานทำด้วย เเต่ก้อเเล้วเเต่ดวงเเต่ละคนนะจ๊ะ1

0
เด็ก CS 25 พ.ค. 52 เวลา 20:14 น. 3

อ่านแต่ ของ IT เพราะเป็นเด็กคณะนี้

เห็นด้วยกับอันนี้มากๆ

วิชา Digital และ OOP ของวิทยาการคอมฯ ไม่มีการเช็คชื่อ (เกือบทุกวิชามีการเช็คชื่อ)
แต่ระหว่างที่เรียน จะมีช่วงระทึกขวัญ คือการเรียกถามเรียงตัวจากอาจารย์
ถ้าตอบถูก ก็ดีไป
ถ้าตอบผิด ติดลบ 0.5 แต้ม
ถ้าถูกเรียกแล้วไม่อยู่ในห้อง ติดลบหนึ่งแต้ม

เป็นวิชาที่นักศึกษาเสียเปรียบสุด

ระหว่างการเรียนสามชั่วโมง ทุกคนมีสิทธิ์โดนเรียกมากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในห้องหรือไม่ก็ตาม
เคยมีรุ่นพี่ถูกติดลบ จนคะแนนสอบปลายภาคเหลือแค่หนึ่งคะแนน
และก็เคยมีรุ่นพี่ติดลบถึง 120 คะแนน แต่ก็ยังสอบผ่าน
มีอาจารย์ท่านหนึ่งของ CS มักจะมีการ เพิ่มเวลา LAB ให้กับวิชาที่ท่านสอนเกือบทุกวิชา
ก็เริ่มสัก 5 โมงเย็น และเลิกดึกสุดไม่แน่ใจว่า 4 หรือ 5 ทุ่ม ของวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์ ที่ไม่ใช่เวลาเรียน Lecture ปกติ
การเรียนวิชาของอาจารย์ท่านนี้ เรียกได้ว่า จ่าย 3600 (3หน่วยๆล่ะ 1200) ได้ถึง 7200 หรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว (คุ้มมากๆ)
แต่ถึงยังไง อาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ที่เีรียกว่าดีที่สุดท่านหนึ่งของคณะเลยทีเดียว (สอนก็ดีและใส่ใจนักศึกษามากๆ)

อาจารย์ท่านนี้เขาดีจริงๆค่ะใจดีมาก ไม่เคยพลังหมดเลย คุมสอบถึงเที่ยงคืน แปดโมงเช้ามาสอนต่อ

0
In babababa 4 มิ.ย. 52 เวลา 00:43 น. 4

อยากโพสอะไรที่นอกเหนือจากนี้นะ แต่ว่าไม่อยากทำ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวอาจารย์จาร้องเปล่าๆ109

0
kiki 10 พ.ค. 57 เวลา 01:46 น. 5

555 ฮาภาคคอม ถึงจะยังไม่เป็นนักศึกษาที่นั่นแต่ก็รู้ว่าอาจารย์คนไหนเป็นคนไหน ลูกอาจารย์ไรงี้ รู้หมด 55555 งงอ่ะสิ! (ยังไม่เป็นนักศึกษารู้ได้ไง! -*-) แต่ถ้าบอกว่าเป็นเด็ก 2B#11 อ่ะค่ะ/ครับ คงไม่งงใช่มั้ยค่ะ/ครับ เพราะอยู่แลปทุกวัน นอนแลปทุกคืน อยากบอกว่าคิดถึงมากกกกก ผูกพันธุ์เฟร่อออออ กลับจากค่ายมาคิดถึงตอนนอนแลปอ่ะ (อันที่จริงไม่ได้นอนหรอกนะ เผื่อจะได้นอนกันก็ 6 โมง ตอนตี 2-5 พี่ๆปี 2-3 ก็จะมาเล่าโน่นนี่ให้ฟัง ผีบ้างแหละ ทางการบ้างแหละ แต่อยากบอกว่า อยากกลับไปฟังอีกง่ะ คิดถึงเฟร่ออออออออ) พี่.น กับ พี่.ก สุดเทพทั้งสอง! พี่.พ ไม่ได้ต่อภาคนี้ตอนป.ตรีแต่มาคุม เป็นดาวค่ายด้วยยยยย ดีใจชรังงงง มีแต่คนอิจฉาที่ได้ดาวมาคุม อิอิ อ่อ ดาวค่ายปัจจุบันก็อยู่ภาคนี้นิ! สวยอย่าบอกใครเชียววว (เดี๋ยวจะมีคนมาจีบ คริคริ) เด็กนครจ้าาา คมได้ใจ เพื่อน.น สุดสวยยย อิอิ สืบทอดดาวค่ายย ภาคคอมเท่านั้น!!! อิอิ เพิ่งรู้ว่าภาคคอมบางมดไม่เคยหลับใหล ภาคอื่นไม่รู้ รู้แต่ภาคนี้ตี 2 ตี 3 ยังวิ่งแปะกันอยู่เบยย (ไม่รู้วิ่งแปะป่าว...แต่พี่ๆเสียงดังกันมาก และเสียงมีความสุขตอนตอนได้เล่นวิ่งแปะ -*- ฮ่าาาา) อ่อ ภาคนี้ดีอีกอย่างมีเซเว่นเปิด 24 อยู่ใกล้ๆ แค่ลงลิฟต์จากชั้น 11 หรือ 10 นี้และลงมา ก็กินเรียบ (แต่ 2B อยู่ชั้น 11 นะ ชอบไปตะโกนที่ดาดฟ้าบ่อยๆตอนใกล้ๆเที่ยงคืนน (เพื่ออออ --*))อยากบอกว่าได้อะไรจากค่ายนี้เยอะมาก เกินคำบรรยาย และสุดท้าย ถึงจะยังไม่ได้เป็นนักศึกษาของม.นี้ ภาคนี้ แต่เปิดอาเซียนนี้จะเข้าไปเป็นลูกพระจอมที่นี่ให้ได้ ภาคนี้ด้วย! รักและผูกพันธุ์ อิอิ รอก่อนน้าา จะไปอยู่ด้วย CPE#KMUTT ^0^รักเลย

0
kiki 10 พ.ค. 57 เวลา 01:51 น. 6

ลืมได้ไง!!! คำฮิตติดปากของภาคคอมบางมดในค่าย 2B#11 คือ #ใจหายนะ คำนี้มาจากน.น สุดน่ารัก.... ^.*ว้าว

0