Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

JAS 39C/D Gripen เครื่องบินรบแบบใหม่ของกองทัพอากาศไทย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

วันนี้จะพามารู้จักกับเครื่องบินรบแบบใหม่ของกองทัพอากาศไทยนั่นก็คือ JAS 39C/Dหรือเรียกสั้นๆว่า Gripen(กริพเพน) จากประเทศสวีเดน

ความจริงแล้วโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่นั้น มีมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยอดีตนายกทักษินแล้วแต่เรื่องก็เงียบไป จนกระทั่งเกิดรัฐประหารเมื่อปี49 โครงการจัดหาบ.ขับไล่แบบใหม่เพื่อทดแทนบ.ขับไล่แบบ F-5Eที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งานหลังจากรับใช้ชาติมากว่า 30ปี

โดยการจัดหาบ.ขับไล่แบบใหม่นี้ กองทัพอากาศได้ให้บริษัทผู้ผลิตเสนอแบบเครื่องบินเข้ามาให้กองทัพอากาศพิจารณา โดยบ.แบบต่างๆที่มีการเสนอเข้ามานั้นได้แก่
-EF-2000 Typhoon จากบริษัท Eurofighterของ 4ชาติยุโรปคือ อังกฤษ สเปน อิตาลีและเยอรมัน
-Rafael จากบริษัท Dasalt ประเทศฝรั่งเศส
-Su-30MKT จากบริษัท Sukoi ประเทศรัสเซีย
-JAS 39 C/D จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน
-F-16 C/D Block52+ จากบริษัท Lockheed Martin ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยจากตัวเลือกทั้ง 5นี้ กองทัพอากาศได้ตัดบ.ขับไล่ 2แบบแรกออกไปก่อนด้วยเหตุผลทางด้านราคาที่ค่อนข้างจะแพง ทำเหลือเพียง 3แบบ เรามาดูข้อเสนอของบ.ทั้ง 3แบบกันดีกว่าครับ
-Su-30MKT จากรัสเซีย เสนอเครื่องบิน 12ลำพร้อมระบบอาวุธจำนวนหนึ่ง ฮ.Mi-17V5จำนวน 5ลำ ทุนการศึกษาด้านอวกาศปีละ 20ทุน 
-JAS 39C/D จากสวีเดน เสนอเครื่องบิน 12ลำพร้อมระบบอาวุธจำนวนหนึ่ง เครื่องบินแจ้งเตือภัยทางอากาศ(AEW&C)2ลำพร้อมเครื่องบินเปล่า 1ลำสำหรับฝึก ฐานเรดาร์ภาคพื้นดิน 3ฐาน การเข้าถึง Sorcecode Dataทุกอย่างของเครื่องบิน การถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งหมดที่ไทยต้องการ และทุนการศึกษาด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศ 200ทุน
-F-16C/D จากสหรัฐอเมริกา เสนอเครื่องบิน 12ลำไม่มีของแถมอย่างอื่น

ด้วยข้อเสนอที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน ทำให้ F-16C/Dจากสหรัฐนั้นถูกตัดออกไปเป็นแบบแรกเนื่องจากไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และก็ตามด้วย Su-30MKTจากรัสเซียจากการที่เป็นบ.ต่างค่ายและปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุงนั้นยังมีปัญหาอยู่

ทำไมต้องเป็น JAS 39C/D ขอเรียกสั้นๆว่ากริพเพนละกันนะครับ


บ.ขับไล่แบบกริพเพนนั้นเป็นบ.ที่มีขนาดเล็ก บรรทุกอาวุธได้น้อยแต่ความสามารถสูงและมีความคล่องตัวมากกว่าบ.แบบอื่น และราคาโดยรวมนั้นถือว่าเหมาะสมและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาก็ถูกกว่า F-16A/Bที่เรามีใช้อยู่ถึงครึ่งนึง นั่นหมายความว่า F-16จ่ายค่าชั่วโมงบินชั่วโมงละ 200,000บาท ในขณะที่กริพเพนจ่ายแค่ 100,000บาท


ยิ่งสวีเดนนั้นเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องบินให้ไทยนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต อาจจะยังไม่ถึงขั้นผลิตเครื่องบินไว้ใช้เองแต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ไว้ใช้งาน อีกทั้งประเทศต่างๆที่ซื้อกริพเพนจากสวีเดนไปนั้นสวีเดนจะมาลงทุนด้านต่างๆอย่างมหาศาลซึ่งค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในด้านของเศรษฐกิจ

ต่อไปมาดูประสิทธภาพของเจ้ากริพเพนกันครับ

นักบิน : 1คนสำหรับรุ่นC และ2คนสำหรับรุ่นD
น้ำหนักบรรทุกเต็มที่ : 19.2ตัน
เครื่องยนต์ : 1x Volvo Aero RM12(GE F404) Afterburning Turbofan
ความเร็วสูงสุด : 2มัค
พิสัยการบินไกลสุด : 800กิโลเมตร(500ไมล์)
เพดานบินสูงสุด : 50,000ฟุต
ปืนใหญ่อากาศ : 1x 27mm Mauser BK-27 canon
ระบบอาวุธ : ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ 
                      ระเบิดเลเซอร์
                      กระเปาะจรวด
                      ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ
                      ระเบิด

บ.กริพเพนนั้นโดยรวมแล้วน้ำหนักบรรทุกอาวุธนั้นน้อยกว่า F-16 โดยที่กริพเพนนั้นมีตำบลติดอาวุธเพียง 7จุด ในขณะที่ F-16มีอยู่ 9จุด แต่ทว่าพิสัยการบินของเจ้ากริพเพนนั้นถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว โดยสามารถที่จะทำการรบแบบต่างๆเพื่อป้องกันประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเข้าทำการได้ครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าวางกำลังรบไว้ที่ฐานทัพอากาศแห่งไหน

ยิ่งมีระบบ Data Link เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารแล้ว ฐานเรดาร์ภาคพื้นดินหรือเครื่องบิน AEW&C ก็สามารถที่จะส่งข้อมูลพื้นที่เป้าหมายให้นักบินได้ทราบกันก่อนที่จะขึ้นบินเสียอีก และเมื่อบินขึ้นไปแล้วหากไปกันเป็นหมู่บิน 4-6ลำหรือมากกว่า ฝูงบ.กริพเพนก็อาจจะเปิดเรดาร์เพียงลำเดียวเพื่อบินเข้าหาเป้าหมาย ในขณะที่ลำอื่นปิดเรดาร์ไว้เพื่อลดการถูกตรวจจับจากฝ่ายตรงข้าม ทำให้ทั้งฝูงจะถูกฝ่ายศัตรูตรวจจับได้เพียวเครื่องเดียว และลำที่เปิดเรดาร์ก็สามารถที่จะจ่ายเป้าหมายให้กับเครื่องลำอื่นเพื่อทำการจู่โจมได้ทันที

นอกจากนี้บ.กริพเพนยังได้ติดตั้งอุปกรณ์สงครามอิเล็ดทรอนิคส์เพื่อก่อกวนสัญญาณเรดาร์ของข้าศึกได้โดยอัตโมติ ระบบ RWR แบบ BOW-21เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับเป้าหมาย และที่สำคัญมีการติดตั้งระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ เพื่อเพิ่มพิสัยการบิน

บ.กริพเพนนั้นสามารถขึ้นปฏิบัติโดยใช้ถนนที่มีความกว้างพอ ก็สามารถที่จะ Take Off ได้ทันที โดยมีเจ้าหน้าที่และระบบสนับสนุนต่างๆอยู่ข้างถนน โดยกริเพนนั้นสามารถบินขึ้นจากถนนได้โดยใช้ระยะทางเพียง 800เมตร และ500เมตรสำหรับการร่อนลง ทั้งนี้กริพเพน 1ลำจะใช้ช่างอากาศเพียง 5คนต่อ 1เครื่อง ทำให้สามารถร่อนลงมาเพื่อเติมเชื้อเพลิงและติดอาวุธในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สามารถที่จะปฏิบัติการได้ค่อนข้างถี่

ถึงแม้ว่าบ.กริพเพนจะเป็นเครื่องสวีเดนและระบบอาวุธหลักก็เป็นของสวีเดน วึ่งทอ.ไทยไม่เคยมีใช้งานแต่ว่ากริพเพนนั้นก็สามารถที่จะติดอาวุธต่างค่าย เช่น สหรัฐ ยุโรป และอิสราเอลได้ ซึ่งไทยนั้นก็มีอาวุธจากสหรัฐและอิสราเอลไว้ใช้งานอยู่แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องจัดหาอาวุธใหม่มาเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณได้เยอะแต่ก็สามารถที่จะซื้อจรวดต่อต้านเรือรบของสวีเดนมาเพิ่มได้ถ้าต้องการ

รูปของกริพเพน







SAAB 340 AEW&C ภาพบ.ของแถมครับ


  

อนึ่ง สำหรับบ.กริพเพนทั้ง 12ลำนั้น ทอ.ไทยทำสั่งซื้อแบ่งเป็น 2ล็อต โดยเครื่องล็อตแรกจำนวน 6ลำนั้น ณ ปัจจุบันกำลังอยู่ในสายการผลิต คาดว่าจะผลิตเสร็จประมาณปลายปีนี้ ช่างอากาศและนักบินก็จะเริ่มเดินทางไปฝึกประมาณต้นปีหน้าครับ จึงจะเดินทางกลับไทยพร้อมเครื่อง คาดว่าไม่หน้าเกินกลางปีหน้าเราน่าจะได้เครื่องเข้ามาประจำการ ส่วนเครื่องบินล็อตที่สองอีก 6ลำพร้อมบ.AEW&C และบ.SAAB 340 เครื่องเปล่านั้นอาจจะเลื่อนการเซ็นสัญญษจัดซื้อไปเป็นปี 2554แต่กำหนดเดิมคือประมาณปลายปี 2552หรือปี 2553เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่+กับการที่กองทัพถูกตัดงบประมาณลง

เครดิตข้อมูลจาก Bloggang Analayo ของคุณสกายแมนครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=27-11-2007&group=11&gblog=3

แสดงความคิดเห็น

>

45 ความคิดเห็น

ฮาชิมิฮ่ะ!!! 3 มิ.ย. 52 เวลา 08:58 น. 4

ถามว่าดีไหมก็ดีนะ
มาแทนที่โลงศพบินได้อย่างF-5 ซะที(ใช้ตั้งแต่สงครามเย็น จะให้ทนใช้ต่อไปหรอ~_~)
ถ้าเทียบสมรรถนะกับประเทศเพื่อนบ้านระยะใกล้เคียงอย่างพม่า ลาว เขมร หรือมาเลย(ตัวนี้สู้ยากหน่อย) ก็พอสูสี

แต่ถ้าให้เทียบกับเวียดนาม สิงคโปรแล้วล่ะก็ มวยคนล่ะชั้น
(แล้วจะเทียบทำไมหว่า เค้าคงไม่บ้าบุกข้ามประเทศหรอกมั่ง~_~)

สรุปแล้ว เอาเงินภาษีพ่อกูไป ใช้ให้คุ้มนะ

0
bassFGT 3 มิ.ย. 52 เวลา 21:29 น. 7
สิงคโปร์กับมาเลย์เค้าคงไม่บุกเราหรอกครับ ส่วนพม่านั้นความพร้อมรบน่าจะต่ำอยู่พอสมควร ส่วนกัมพูชานั้นเครื่องบินรบแบบ Mig-21 นั้นไม่สามารถทำการบินได้แล้ว ส่วน L-39 ที่มีอยู่ 6ลำก็ไม่แน่ใจยังสามารถทำการบินได้อยู่หรือไม่

ส่วนความพร้อมรบของไทยเรานั้น สังเกตุได้ง่ายๆในช่วงที่มีปัญหากับกัมพูชาเรื่องเขาพระวิหารเมื่อปีที่แล้ว บ้านใครอยู่ใกล้ๆฐานทัพอากาศคงจะได้ยินเสียงเครื่องบิน บินขึ้นบินลงกันไม่หยุดหย่อน
0
เดก 4 มิ.ย. 52 เวลา 09:00 น. 9

แต่เราก็ได้แต่ซื้อเขามา

หลักสูตรก็ ของอเมริกา

หาได้ใช้แบบ ศาสตร์ยุทธของชาวสยามไม่



น่าจะให้ไทยทำอาวุธเองบ้าง

สักวันโตมาจะทำให้ไทยเป็นมหาอำนาจ

0
AirStrike 29 มิ.ย. 52 เวลา 19:34 น. 10

ผมว่านะ ไอ่คนที่พูดเกี่ยวกับมาเลเซียจะเอา SU-30 มาบุกไทย ผมว่าคิดอะไรอยู่เนี่ยะ ประเทศเพื่อนบ้านกันแท้ๆก็ควรจะคิดแบบเอาเครื่องบินรบมาซ้อมรบกันดีมั้ยมาแลกเปลี่ยนกันดีมั้ย ใช่อยู่ที่มันอดคิดไม่ได้ว่า F-16 ไทย กะ SU-30 มันคนละชั้นกัน ถ้ามาเลเอา ซู มาบุกเราจะสู้ได้หรือไม่ เราจะเอาอะไรไปรบกับเขา มาเลเซียนั้นถึงมีเวหานุภาพไม่มากแต่ที่ไม่มากก็เพราะว่าประชากรเค้าไม่มีให้เลือกมากอย่างเราหรือประเทศใหญ่ๆทั่วโลก หรือแม้แต่สิงค์โปร์ด้วยเช่นกัน นักบินไทยนั้นแหละ ใครๆก้อรู้ว่าเทพขนาดไหน ไม่งั้นอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์และอีกหลายๆประเทศจะตอบรับเข้าร่วมการซ้อมรบทางอากาศกับเราเหรอเช่น Cobra Gold 09 , Red Flag,
Air Thamal ทั้งๆที่ไทยก็มีเครื่องที่ไม่ใหม่ และเก่า ก้อเพราะว่าเขาเชื่อฝีมือนักบินไทย ถึงเครื่องมันจะไฮเทค สุดยอด กิ๊บเก๋ ยูเรก้า ขนาดไหนแต่แก่นแท้ลึกๆ จริงๆแล้วมันอยู่ที่ฝีมือของ "นักบิน" ต่อให้เอา F-22 มาทั้งฝูงก้อเถอะ คนมันกลัวตายเหมือนกันทั้งนั้น นักบินบางคนเห็นเครื่องบินข้าศึกบินโฉบผ่านไปถึงกับขวัญหนีดีฝ่อทั้งๆที่ตัวเองมีเครื่องบินที่ดีกว่าหลายเท่าตัว ถ้าฝีมือนักบินเยี่ยมแล้ว ที่จะตามมาช่วยก้อคือเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งถ้าทั้งสองอย่างทำงานร่วมกันได้อะไรๆมันก็จะแด่มได้ขึ้นมามากมาย ทั้งเกียรติประวัตินักบินไทยชื่อเสียงที่เคยทำไว้จากหลายๆภารกิจหลายๆสงคราม มันทำให้ทั่วโลกต่างยอมรับว่านอกจากอเมริกาแล้วก้อมีไทยนี่แหละที่มีนักบิน ขั้นเทพ ประจำการอยู่
จงภูมิใจเถอะครับ ขนาดเครื่องบินเก่าขนาดไหนทหารอากาศเค้าก้อยังปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติอยู่จนทุกวันนี้โดยไม่มีคำบ่นใดๆมาให้เราได้ยิน ถึงงบประมาณในการจัดหาเครื่องบินจะไม่มากแต่ก้อหามาจนได้แถมเหมาะกับประเทศไทศก้อใช่ได้เลย JAS-39 Gripen เครื่องนี้ เหมาะแก่การรบบนน่านฟ้าไทยได้ดีเยี่ยมความคล่องตัวสูง ความเร็วใช้ได้ ตำบลติดอาวุธก้อโอเคไม่มากมายแต่อย่าลืมนะครับ ไทยนี่รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขาด ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเอาเครื่องบินไปถล่มประเทศอื่นนอกจากจำเป็นจริงๆ Gripen&nbsp ระบบ DATA LINK ดีเยี่ยมในตอนนี่ที่ผมรู้มีอยู่ 2 ตัวที่มี DATA LINK คือ F-22 Raptor กับ Gripen ไม่อยากโม้มากไปกว่านี้ เอาเป็นว่า ทอ ไทยของเราก็อสุดย้อดๆ เลยนะ ว่ามะ

0
คิม 25 พ.ย. 52 เวลา 13:19 น. 12

ผมคิดว่าเราควรมีเครื่องบินที่ทันสมัยแบบนี่แหละ ดีแล้วครับ ผมขอสนันสนุน109

0
Fighter 21 ธ.ค. 52 เวลา 18:55 น. 15

ครับ ใช่ๆ ผมว่า f-5 มันก้อแง้มฝาโรงอยู่แล้ว เปลี่ยนบ้างก้อดี ถึงกริพเพนจะไม่ใช่เครื่องบินรบที่ดีที่สุด(แต่ก้อถือว่าไฮเทคพอสมควรล่ะ) แต่.... สำหรับ ความเหมาะสมของประเทศไทย และ อื่นๆ แล้ว กริพเพนนี่แหละครับ เหมาะสมที่สุดแล้ว

0
จีน 9 ม.ค. 53 เวลา 16:37 น. 17

แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมประเทศไทยผลิตเองไม่ได้อ่ะ

ใครรู้บอกผมด้วยนะครับ

มาเข้าเรื่องดีกว่า

ผมว่ากริพเพนก้อเหมาะสมดีนะ ราคาก้อไม่แพงมาก ประสิทธิภาพก้อสูง

อีกอย่างคือเท่แล้วเล็กด้วย

0
rtf 19 ม.ค. 53 เวลา 17:37 น. 18

คนซื้อไม่ได้มาบินคนบินไม่ได้ซื้ออยากรู้ว่า โปรโมชั่นเยอะๆ คงต้องมีอะไรซักอย่างแน่แต่ก็ดีนักบินรุ่นพี่จะได้สบายนักบินรุ่นน้องก็บินเครื่องเก่าต่อไป เท้าลอยจากพื้นดินต้องเอาชีวิตแขวนไว้กับเครื่องยนต์

0
ปุ๊ 20 ม.ค. 53 เวลา 14:57 น. 19

นักบินเค้าก้อต้องการเครื่องที่ดีและทันสมัยทั้งนั้นแหละคับ ถึงจะฝีมือดีแค่ไหนถ้าเครื่องยนต์อาวุธไม่เป็นใจก้อเสร็จโก๋ ทุกวันนี้หมดยุคการรบแบบประชิดตัวแล้วละคับ สมัยนี้เขายิงกันนอกสายตาแล้วคับไม่งั้นกองทัพก้อคงไม่จัดหาเคื่องเตือนภัยทางอากาศหรอกคับ แม้จะไม่มีการเอาเครื่องไปถล่มประเทศอื่นแต่การเจรจาเศษฐกิจถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่าอำนาจทางทหารเป็นตัวสำคัญในการตกลงทางธุรกิจถ้าใครไม่เชื่อไปถามกันดูว่าจริงไหม

0