Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ภาพเขียนที่แพงที่สุดของโลก *o*

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เวลามีการประมูลภาพเขียนในแต่ละครั้ง จะเป็นที่ฮือฮาในวงการนักค้างานศิลปะของโลกทุกครั้งไป ทั้งนี้ เพราะในการประมูลจะมีคนกล้าสู้ราคาที่ฟังแล้วชวนขนหัวลุกทุกครั้งไป ยิ่งภาวะเงินเฟ้อของโลกสูงขึ้นเท่าไหร่ ราคาของงานศิลปะทั้งหลาย โดยเฉพาะ ภาพเขียนของอัครมหาศิลปินของโลก ก็ยิ่งจะถูกปรับราคาให้สูงขึ้นตามไปด้วย ในราคาที่น่าอัศจรรย์ใจว่าจะหาผู้กล้าหาญซื้อได้จริงหรือ
       
       แต่คำถามนี้ก็จะมีผู้ตอบให้ทุกครั้ง เพราะไม่ว่าเกิดการประมูลภาพเขียนครั้งใด จะมีการให้ข่าวการประมูลว่า ราคาของภาพเขียนเหล่านี้สูงขึ้นทุกครั้ง ด้วยผู้นิยมเก็บสะสมงานศิลปะเหล่านี้มีเพิ่มขึ้นทุกปี หากแต่จำนวนภาพเขียนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้กลับมีจำนวนเท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้น แถมการนำออกประมูลได้ในแต่ละครั้งสุดแสนยากเย็น
       
       เพราะปัจจุบันใช่แต่จะมีเพียงนักสะสมรายบุคคลเท่านั้น หากแต่หน่วยงาน องค์กรต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลของประเทศที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง ต่างพากันหันมาซื้อภาพเขียนเหล่านี้เก็บสะสมไว้ ทั้งเพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว และเป็นการซื้อเพื่อนำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของประเทศ  ซึ่งกลายมาเป็น"แม่เหล็ก"ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่มีรสนิยมทางด้านศิลปะ เดินทางเข้าประเทศของตน เป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวอีกด้วย ยิ่งภาพเขียนชิ้นนั้นได้รับการกล่าวขานมากเท่าใด ผู้คนก็ยิ่งกระนกระหือรือ อยากเห็นภาพของจริงเพื่อเป็นบุญตาสักครั้งให้จงได้

    ภาพ No.5 โดย Paul Jackson Pollock



จากการปรับราคาล่าสุดของภาพเขียนที่มีชื่อเสียงของโลกในปีล่าสุด ภาพที่มีราคาสูงที่สุดคือภาพเขียนขนาด 4x8 ฟุต ชื่อ No.5 ของ Paul Jackson Pollock ศิลปินแนวแอ็บสแตรก เอ็กซ์เพรสชันนิสต์ ชาวอเมริกัน ที่เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1948 โดยงานของเขาไม่นิยมขึงผ้าใบให้ตึงบนกรอบไม้ หากแต่นิยมวางผ้าใบในสภาพปกติบนพื้นห้อง หรือยึดด้วยหมุดง่ายๆ บนผนัง และใช้กรรมวิธีในการลงสีตามที่เขาถนัด ด้วยการสะบัดเป็นจุดบ้างเป็นทางบ้างในสีสันต่างๆ เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกของความเคลื่อนไหว มีชีวิต ไม่หยุดนิ่ง
       
       ภาพนี้ถูกประเมินราคาที่ 149.7 ล้านดอลลาร์ จากราคาเดิมที่ 140 ล้านดอลลาร์ ที่มีการซื้อขายไม่ผ่านการประมูลระหว่างผู้ซื้อคือ David Martinez เจ้าของ Fintech Advisoryซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการเงินและหนี้สินที่ทรงอิทธิพล ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ราคาสูงสุดของเกาะแมนฮัตตัน และผู้ขายคือ David Geffen เมื่อปี ค.ศ.2006
       
       แต่ราคาของภาพนี้ถูกผู้สันทัดกรณีบางคนกล่าวว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เพราะไม่มีหลักฐานการลงบันทึกซื้อ-ขายที่แน่นอนเช่นการประมูลปกติ

Woman III ของ Willem de Kooning



ภาพที่มีราคาสูงสุดอันดับรองลงมาคือ ภาพที่มีราคาปัจจุบันที่ 147 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกปรับราคาจาก 137.5 ล้านดอลลาร์ เป็นภาพเขียนชื่อ Woman III ของ Willem de Kooning ศิลปินชาวดัตช์ในแนวเดียวกันกับภาพที่แพงที่สุด เจ้าของเดิมก็คือ David Geffen อัครมหาเศรษฐีเจ้าพ่อของวงการบันเทิงของอเมริกาคนเดียวกัน และการซื้อขายก็เป็นการซื้อขายตรงไม่ผ่านสำนักประมูล เช่นเดียวกับภาพที่แพงที่สุดอีกเช่นกัน
       
       สำหรับภาพที่มีราคาสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 คือภาพของ Gustav Klimt ซึ่งเป็นภาพเหมือนของ Adele Bloch-Bauer I เขาเป็นศิลปินในยุค Art Nouveau ภาพนี้ถูกตีราคาที่ 144.4 ล้านดอลลาร์ จากราคาเดิมที่ 136 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Ronald Lauder ทายาทของ Estee Lauder ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ Neue Galerie ที่ New York ซื้อตรงโดยไม่ผ่านการประมูลเช่นกันจากเจ้าของเดิมคือ Maria Altmann ลูกสาวของอดีตนาซีชาวออสเตรียนผู้ลี้ภัยจากเวียนนา ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาและได้นำภาพนี้ติดตัวไปด้วย ภาพนี้ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกประจำพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
       
       ภาพทั้ง 3 นี้ถูกซื้อขายในปี ค.ศ.2006 ทั้งหมด และเป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นการซื้อขายที่ไม่ผ่านการประมูลทั้ง 3 ภาพ เช่นเดียวกันทุกภาพ

Portrait of Adele Bloch-Bauer I โดย Gustav Klimt



ภาพทั้ง 3 นี้ถูกซื้อขายในปี ค.ศ.2006 ทั้งหมด และเป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นการซื้อขายที่ไม่ผ่านการประมูลทั้ง 3 ภาพ เช่นเดียวกันทุกภาพ

ภาพ Dr.Gachet จากฝีมือของ Vincent Van Gogh

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนำเสนอภาพเขียนราคาสุดแพงที่มีการซื้อขายกันโดยไม่ผ่านตัวกลางที่จัดประมูลไปแล้ว ปรากฏว่ามีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงสนนราคาคุ้มค่ากับภาพหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วงานศิลปะเป็นเรื่องของปัจเจกขึ้นอยู่กับความพึงพอใจมากกว่า
อย่างไรก็ตามภาพที่มีการซื้อขายกันเองเช่นนี้ มักเป็นเรื่องถกเถียงในแง่ของราคาที่แท้จริงและการยอมรับว่าเป็นภาพของจริงหรือไม่ โดยเฉพาะภาพที่ไม่มีลายเซ็นหรือสิ่งที่สามารถยืนยันจิตรกรผู้เขียนได้ ดังนั้นภาพที่ถูกตีราคาไว้แพงที่สุด อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากนักนิยมงานศิลปะชั้นนำก็ได้เช่นกัน
หากแต่ภาพที่ถูกตีราคาโดยสำนักประมูลที่มีชื่อเสียง จะได้รับการยอมรับที่หนักแน่นกว่า เพราะนอกจากจะเป็นการประกันในเรื่องของราคาแล้ว ยังสามารถเชื่อถือได้ว่าเป็นภาพวาดของจริง ที่มิได้ถูกทำเทียมขึ้นในภายหลัง เพราะจะมีการตรวจสอบโดยผู้วชาญในแต่ละด้าน

ภาพ Bal du Moulin de la Galette.Montmarte

ภาพที่ถูกตีราคาจากสำนักประมูลทั้ง 2 แห่งคือ Christie’s หรือ Sotheby’s และได้รับการจัดลำดับของราคาไว้ว่าภาพที่ราคาสูงสุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ คือภาพวาดฝีมือของศิลปินชาวดัตช์ผู้อาภัพ Vincent Van Gogh ซึ่งเป็นภาพเหมือนของ Dr.Gachet ภาพที่ 1 ซึ่งเป็นภาพของแพทย์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา โดยที่เขาวาดไว้ทั้งหมด 2 ภาพ ภาพที่ 1 นี้เป็นภาพเหมือนครึ่งตัวนั่งเท้าแก้ม อีกมือถือช่อดอก foxglove มีโครงเป็นสีน้ำเงินครามและแดง ซื้อขายกันครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 ซึ่งถูกประมูลไปในราคา 82.5 ล้านดอลลาร์ โดย Ryoei Saito ประธานบริษัทอุตสาหกรรมกระดาษ ไดโชวะ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น และภาพนี้ก็ถูกขายต่ออีกครั้งในปี1997 ให้กับนักสะสมนิรนาม ปัจจุบันถูกตีราคาไว้ที่ 136.1 ล้านดอลลาร์
ภาพที่มีราคาสูงเป็นลำดับที่ 2 คือภาพวาดชื่อ Bal du Moulin de la Galette.Montmarte โดย Pierre-Auguste Renoir ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปินที่วาดสตรีได้ดูงดงามที่สุด เป็นภาพของงานเต้นรำตอนบ่าย ภาพนี้ได้รับการวิจารณ์ว่า ศิลปินผู้วาดใช้สีที่สดใสสลับสีเข้ม ทำให้ภาพแลดูมีชีวิตชีวา และมีความสนุกสนานรื่นเริงมาก อีกทั้งยังมีการแต้มจุดสีที่ดูสว่างเป็นที่ๆ ด้วยแสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้มากระทบตัวผู้ที่อยู่ในภาพ ทำให้เป็นภาพที่ถูกกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก
ภาพนี้ถูกประมูลไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 ในราคาที่สูงถึง 78 ล้านดอลลาร์ โดย Ryoei Saito รายเดิมที่เคยเป็นเจ้าของภาพของ Pierre-Auguste Renoir และเป็นผู้หลงใหลในภาพเขียนแนวอิมเพรสชั่นนิสต์อย่างดื่มด่ำ ขนาดสั่งถ้าเขาเสียชีวิตให้นำทั้ง 2 ภาพนี้ฝังไปพร้อมๆกับ ทำให้เกิดเสียงต่อต้านอย่างรุนแรงจากนักสะสมและผู้นิยมงานศิลปะ

ภาพ Garcon a la pipe

แต่แล้วในปีต่อมา บริษัทของเขาประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนต้องนำภาพออกขาย ซึ่งภาพของ Renoir ถูกนำออกจำหน่ายผ่านสถาบัน Christie’s โดยผู้ซื้อรายนี้ทราบแต่เพียงว่าเป็นนักสะสมนิรนามชาวสวิส ราคาปัจจุบันถูกประเมินไว้ที่ 128.8 ล้านดอลลาร์
ภาพที่ 3 คือภาพชื่อ Garcon a la pipe ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชื่อก้องชาวคาตาลุนย่า Pablo Picasso เป็นภาพเขียนใน Rose Period ซึ่งเขาอยู่ในวัยเพียง 24 ปีเศษ เป็นรูปเขียนของเด็กหนุ่มปาริเซียง ในชุดเสื้อผ้าสีฟ้า มีพวงมาลัยดอกไม้รอบศีรษะและถือกล้องยาสูบในมือ ส่วนข้างหลังเป็นผนังสีชมพูหม่นและส้ม เขียนเป็นลายช่อดอกไม้ ภาพนี้ประมูลผ่าน Sothebys’เมื่อปี 2004 โดย ตระกูล Whitney เป็นเจ้าของ ในราคา 104.2 ล้านดอลลาร์ และราคาที่ประเมินล่าสุดสำหรับปีนี้คือราคา 118.9 ล้านดอลลาร์
เป็นที่น่าสังเกตว่าในจำนวน 10 ภาพที่ถูกบันทึกให้เป็นภาพเขียนที่มีราคาแพงที่สุดในโลกนั้น มีภาพของของ Vincent Van Gogh และ Pablo Picasso ถึงคนละ 3 ภาพ โดยที่ราคาประเมินล่าสุดของแต่ละภาพ สูงเกิน 100 ล้านดอลลาร์ทุกภาพทั้งนั้น ซึ่งถ้าศิลปินทั้ง 2 มีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันคงจะกลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วเช่นกัน



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2552 / 21:02

PS.  รับสอนพิเศษคณิตศาสตร์ ม.1-ม.4 แอ๊ดติดต่อคุยได้ครับ ขอกทม. คุยกันก่อนได้ถ้าสนใจ

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

ซูซะอี๊'คูกิมิยะ❤ 31 ก.ค. 52 เวลา 22:12 น. 2
มันสวยนะ
แต่เราไม่มีหัวด้านนี้อะ เลยไม่เข้าใจว่าตัดสินราคากันยังไง

PS.  . . .หญิงซู`ซุกซน :: ผู้ชายไม่จำเป็นต้องลุกเพื่อให้ที่นั่งกับผู้หญิงเสมอไป ในกรณีที่ผู้หญิงทำตัวไม่น่าลุกให้นั่ง . . .*
0
นู๋เม่นน้อย 1 ส.ค. 52 เวลา 02:03 น. 3

บางรูปคนไทยก็วาดสวยกว่าเยอะ เข้าใจว่ามันเป็นความพลิ้วไหวของจินตนาการถึงแม้ว่าบางรูปจะดูไม่ออก..อันนี้อาจโง่เอง คนไทยบางทีอาจจะวาดได้ดีกว่าเพราะว่าคนไทยมีความอ่อนช้อย ปรานีต อยู่ในตัว(..ไม่ใช่ทุกคน) บวกกับจินตนาการ ความสร้างสรรค์นิดหน่อยก็รุ่ง ถ้าไม่เก่งจริงดังจริงก็ศิลปินไส้แห้งกันเลยทีเดียว

0
` Scrαt Ω 2 ส.ค. 52 เวลา 16:24 น. 4

ดูไม่เป็นเหมือนกัน
ปล. ถ้าปลวกขึ้นก็จบ !


PS.  รักคือการเสียสละ และ หม่อมฉันเลือกที่จะเสียสละเพื่อคนที่หม่อมฉันรัก
0