Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อ่านไม่นิดเพื่อจับใจความ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่




อารยะแห่งชาติพันธุ์ 

เมื่ออาทิตย์สาดแสงสีแดงทอง                  ขับความมืดมัวหมองมลายสนิท

ประกาศแจ้งวันใหม่แห่งชีวิต                    ที่เหลืออยู่น้อยนิดแห่งเวลา 

ทบทวนคืนวันอันผันผ่าน                        ทบทวนทิวากาลอันเจิดจ้า

ทบทวนราตรีที่ผ่านฟ้า                           เพื่อรับรู้ความเป็นมาของชีวิต 

ทบทวนการกระทำ ย้ำผิดพลาด              ทบทวนความมุ่งมาดใจลิขิต 

ทบทวนความฝันนึกนิรมิต                      เพื่อย้ำทางที่ชีวิตเลือกเดินไ 

ทบทวนรอยเท้าแต่ละก้าว                       ทบทวนเรื่องราวพราวสดใส 

ทบทวนเรื่องร้ายทำลายใจ                      เพื่อเตือนตนให้เข้าใจในตัวตน 

ทบทวนทางเดินที่ทอดไกล                      ทบทวนหัวใจผ่านร้อนฝน 

ทบทวนว่ารักยังคงทน                           เพื่อก้าวด้นดั้นสู่ซึ่งแสงทอง 

เพราะคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์             หาใช่หยุดเมื่อล้มจนใจหมอง 

หาใช่หยุดเมื่อสำเร็จเสร็จลำพอง               และใช่หยุดเพื่อมองอดีตจม 

เพราะคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์             คือการก้าวไม่หยุดด้วยสุขสม 

ไม่ใช่การถอยหลังสู่ปลักตม                     และใช่การสะดุดล้มจากอบาย 

อารยะแห่งชาติพันธุ์                               และใช่การสะดุดล้มจากอบาย 

คือการสร้างการสรรค์อันใจหมาย           รังสรรค์สิ่งวิเศษจากแรงกาย 

อีกทำลายความหยาบอันเสื่อมทราม        เรียนรู้ความผิดพลาดจากวันวาน 

ฝนความผิดอดีตกาลเป็นดั่งหนาม           ไว้คอยทิ่มเตือนตนอย่าวู่วาม 

ซ้ำรอยทรามย่อมไม่ใช่อารยะ                  ย้ำเตือนตนให้มั่นในความหมาย 

เสริมชีวิตและใจกายให้สวยสะ                  สร้างตัวตนให้ปลอดพ้นจากราคะ 

แล้วสรรค์สร้างอารยะแก่ชีวิต                  เมื่ออาทิตย์สาดแสงสีแดงทอง 

ประกาศก้องการสร้างสรรค์อันวิจิตร       รังสรรค์ความงามดังนฤมิต

เพื่อกู่ก้องความพิสิฐแห่งชาติพันธุ์...



ไม่มีอะไรในอากาศ 

เธอเฝ้าฝันถึงความมีในอากาศ              แล้วกรีดนิ้วสะบัดวาดเป็นลายศิลป์

พร้อมพูดพร่ำว่าในทุกอณูริน-             รวยนั้นสิ้นล้วนมีซึ่งความมี

เธอบอกว่าในอณูแห่งความว่าง             ย่อมเจือจางด้วยความมีอันซ่อนสี

รุ่มรวยด้วยลายศิลป์จินตกวี               เป็นความมีที่สัมผัสด้วยวิญญาณ

ในความว่างย่อมมีความมีอยู่               ประกอบสร้างจากอณูมหาศาล

จนเกิดเป็นความว่างอนธการ               มธุรทัศน์แห่งดวงมานจึ่งรับรู้

ฉันเถียงเธอว่าความว่างคือความว่าง      ความอ้างว้างคืออ้างว้างที่สดับ

ความโดดเดี่ยวคือโดดเดี่ยวมิเลี้ยวลับ      และความมืดคือการดับแห่งวิญญาณ์

ไม่มีหรอกความมีในอากาศ                     ที่กรีดนิ้วระบายวาดคือเพ้อบ้า

ทุกสิ่งล้วนแจ่มชัดแก่สายตา                     อันราคาของความว่างคือไม่มี

เธอเบิ่งตาจ้องค้างมาที่ฉัน                       แววตานั้นสลดพลันน้ำตาปรี่

ความผิดหวังกลั่นตัวจากฤดี                   เป็นหยาดน้ำแห่งสักขีความหม่นใจ

ฉันเห็นหยดน้ำตาทิ้งตัวลง                      แหวกอากาศกระเพื่อมวงระริกไหว

เป็นอณูเคลื่อนคล้อยตามต่อไป                แล้วเม็ดน้ำใสก็ตกกระทบพื้น

ไม่มีอะไรในอากาศ?                               เธอยังคงนั่งปาดน้ำตาสะอื้น

และแล้วความเคลื่อนไหวอันครั่นครื้น        ก็เคลื่อนคล้อยพลอยสะอื้นไปกับเธอ...





ลับแววตา

แล้วกาลก็ล่วงผ่าน                       วารผันไม่นิ่งหยุด

คงไม่เห็นหากตาชำรุด                  และคงไม่ผุดซึ่งสัจธรรม

แววตาคือพลังขลังแก้ว                 มิแคล้วหากคมขำ

ย่อมเห็นมิติธรรม                        และคงระกำหากไม่ขำคม

โลกนี้มีจริงซ่อน                           แน่นอนในหมักตม

แห่งมายาคืออาจม                       ที่ห่มทิพย์จนลับเร้น

ลับแววตาให้คมกล้า                     จากพร่าอาจเป็นเห็น

ความมีอยู่และความเป็น                ดั่งเช่นที่เป็นจริง...

                       

                                                                        - กวีนิพนธ์ของคนบ้า





แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 สิงหาคม 2552 / 23:08
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 สิงหาคม 2552 / 22:54
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 16 สิงหาคม 2552 / 22:45

PS.  javascript:insert('emo19'); javascript:insert('emo19');

แสดงความคิดเห็น

>