Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บันทึกเพนกวินจักรพรรดิ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 

สวัสดีครับทุกคน ผมเป็นเพนกวินจักรพรรดิ  คิดว่าคุณต้องเคยเห็นผมมาบ้างแน่ๆ  ก็ผมออกจะเป็นนกที่โดดเด่น บางคนก็มองว่าผมน่ารัก บางคนก็มองว่าผมตลก  แต่คุณรู้ไหมว่าที่จริงแล้ว ชีวิตของผมนั้นมหัศจรรย์มากๆ เลย 

วันนี้ผมจะมาเปิดบันทึก เล่าเรื่องราวชีวิตให้คุณฟังกันครับ

19 กรกฎาคม 2002
ออกจากไข่
วันนี้เป็นวันที่ผมลืมตามาดูโลก หลังจากที่นอนอยู่ในเปลือกไข่ที่แสนจะมืดมิดและคับแคบมานานถึง 66 วัน  เมื่อเจาะเปลือกไข่ออกมา ผมก็พบกับแสงสีขาวเจิดจ้าและความหนาวเหน็บของทวีปที่เรียกว่า แอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ ที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง 

ขณะที่ยังงงๆ ผมก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียก เมื่อเงยหน้ามอง ผมรู้ทันทีว่านี่คือพ่อของผม  พ่อผมตัวโตน่าดูเลยละ 

ผมรู้สึกหนาวจับใจ นี่คือความโหดร้ายของแอนตาร์ติกา ดินแดนที่หนาวที่สุดในโลก ฤดูหนาว อุณหภูมิอาจลดต่ำกว่า -50 °C  แต่โชคดีที่ผมมีพ่อ พ่อพาผมเข้าไปอยู่ระหว่างเท้า และใช้ส่วนหนาๆ ของท้องที่เรียกว่า ถุงหน้าท้อง ห่มผมราวกับผ้าห่ม ช่วยให้อุ่นขึ้นเยอะ 

ผมโผล่หัวออกมาดูโลกภายนอก รอบตัวผมมีนกเพนกวินมากมายนับพันตัว มีทั้งลูกนกและเพนกวินที่ตัวโต พวกมันต่างส่งเสียงร้องระงมหนวกหูน่าดู  แล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่าแม่ไม่อยู่  พ่อบอกว่าแม่ออกเดินทางไปนานแล้ว และกำลังจะกลับมาในเร็วๆ นี้ พร้อมอาหาร  พูดถึงอาหาร ผมก็หิวขึ้นมาพอดี  เมื่อไรแม่จะกลับมานะ



สวัสดีครับ



ที่นี่มันช่างหนาวจริงๆ เลย



แต่มีพ่ออยู่ด้วยก็สบายใจได้ ใต้ท้องพ่อนี่อุ่นสบายจัง



อย่าหอมสิพ่อ อายเขานะ

20 กรกฎาคม 2002
แม่กลับมาแล้ว
 เช้ามืดวันนี้ ฝูงแม่เพนกวินหลายพันตัวก็กลับมาจากท้องทะเล นั่นคือเหล่านกตัวเมีย ทั้งหลาย  พ่อได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย พ่อบอกว่านั่นคือเสียงแม่  แม้จะหน้าตาเหมือนกันหมด แต่เพนกวินจะจดจำกันได้จากเสียงร้อง พ่อร้องเรียกตอบไป และไม่นานแม่ก็เดินมา

เมื่อเห็นแม่ผมก็หิวขึ้นมาทันที  ผมร้องขออาหาร แม่คายอาหารที่แสนอร่อยในปากให้ผม มันคือปลาและสัตว์ทะเลที่ย่อยแล้วจนนิ่ม  แล้วพ่อผู้หิวโหยก็ขอตัวออกไปหาอาหารบ้าง พ่อจะกลับมาในราว 2 อาทิตย์ข้างหน้า  ตอนนี้แม่จะดูแลผมแทน 



แม่ ผมหิวแล้ว...



อิ่มแล้วครับ



ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว


27 กันยายน 2002
เข้าโรงเรียนอนุบาล
ผมเติบโตขึ้นมากพอจะเผชิญกับความหนาวได้แล้ว  พ่อกับแม่บอกว่าถึงเวลาที่จะออกไปอยู่กับลูกนกตัวอื่นบ้าง เพื่อฝึกการเดินและการอยู่ร่วมฝูง

ผมเข้าไปเล่นกับลูกนกตัวอื่นๆ มีนกเพนกวินตัวโตๆ สามสี่ตัวคอยดูแลระวังอันตรายให้  พวกเราต้องหัดเดินและต้องอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และก็ต้องคอยระวังพวกนกนักล่าจากท้องฟ้า อย่างเจ้านกเพทเทรลอันธพาล (เมื่อวานเพื่อนผมตัวหนึ่งถูกมันจับกินด้วย)

ตอนบ่ายมีพายุหิมะพัดมา อุณหภูมิลดต่ำถึง -40 °C พวกเราลูกนกทั้งหลายต้องซุกหน้าเข้าหากัน หันหลังออกปะทะลม  วิธีนี้ช่วยให้เราอุ่นขึ้นมาก  ผมโชคดีที่อยู่กลางวง ตรงนี้อุ่นกว่าข้างนอกตั้ง 20 °C



ได้เวลาออกไปเล่นแล้ว



มาที่นี่ได้เจอเพื่อนเยอะเลย ชอบจัง



เล่นอะไรดีล่ะพวก ปาหิมะดีไหม



ที่โรงเรียนอนุบาล



กอดกันไว้จะได้ไม่หนาว

6 ตุลาคม 2002
ทำไมเพนกวินบินไม่ได้
ผมถามพ่อว่า ทำไมไม่เคยเห็นพ่อบินเหมือนนกตัวอื่น แถมพ่อก็เดินเตาะแตะๆ ไม่สง่างามเอาเสียเลย  พ่อบอกว่าเพนกวินอย่างเราบินไม่ได้ เราเป็นนกน้ำ  มันเป็นวิถีชีวิตของเพนกวินที่ต้องว่ายน้ำแทนที่จะโบยบินเหมือนนกตัวอื่น 

พ่อบอกว่าแล้ววันหนึ่งผมจะเข้าใจเอง  แต่ตอนนี้ผมฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนักที่ตัวเองบินไม่ได้ 



ผมอยากบินๆ

28 พฤศจิกายน 2002
อยากว่ายน้ำ
ผมตัวโตขึ้นเยอะแล้ว  พ่อบอกว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะออกไปหาปลาเองได้ ผมเริ่มรู้สึกอยากว่ายน้ำขึ้นมา พ่อบอกว่ามันคือสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในสายเลือดของเพนกวินทุกตัว 

พ่อเตือนว่าการใช้ชีวิตในน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย  แม้นกเพนกวินจะว่ายน้ำเก่ง แต่ใช่ว่าจะหาอาหารได้ง่าย  และสิ่งที่ต้องระวังมากก็คือ ผู้ล่าอย่างแมวน้ำเสือดาวหรือวาฬเพชฌฆาต ที่ชอบกินพวกเราเป็นอาหาร

แม้เรื่องที่พ่อเล่าจะทำให้ผมกลัวขึ้นมาบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก  ตอนนี้ผมตื่นเต้นที่จะได้ว่ายน้ำในทะเลอันกว้างใหญ่มากกว่า






พวกเราโตขึ้นเยอะ



ตัวจะเท่าพ่ออยู่แล้ว



ขนอุยสีเทาหลุดไปแล้ว ตอนนี้ขนว่ายน้ำเริ่มงอกมา

30 ธันวาคม  2002 
วันแรกในทะเล
ฤดูร้อนมาเยือน น้ำแข็งเริ่มละลายและแตกออกจนมองเห็นทะเลได้  แม่บอกว่านี่คือสาเหตุที่แม่ต้องวางไข่ในฤดูหนาว เพราะเมื่อลูกนกโตจนพร้อมที่จะออกหาอาหารด้วยตัวเองและเริ่มผลัดขนอุยสีเทาเป็นขนสีดำขาว น้ำแข็งก็จะเริ่มละลายพอดี  ที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงที่อาหารมีอยู่เยอะมากด้วย 

เช้าวันนี้ ผมและเพนกวินตัวอื่นๆ เดินเรียงแถวกันไปยังริมแผ่นน้ำแข็ง  เพนกวินแต่ละตัวพุ่งเอาหัวลงน้ำ  ผมรีรอชั่วครู่เมื่ออยู่ริมทะเล จนเจ้าตัวที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงไม่พอใจ  ผมจึงตัดใจพุ่งลงไปในน้ำ  

ครั้งแรกที่สัมผัสน้ำ มันไม่เย็นอย่างที่คิด  ที่เป็นแบบนี้เพราะผมมีชั้นไขที่หนา และมีขนที่เป็นฉนวนช่วยรักษาความร้อน  นอกจากนี้ขนยังช่วยกันน้ำได้ด้วย ผิวหนังจึงแทบไม่สัมผัสน้ำที่เย็นเฉียบ

ผมว่ายอยู่ที่ผิวน้ำและดำน้ำอย่างง่ายๆ  ถึงแม้จะว่ายน้ำได้ แต่การหาอาหารก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  ผมเห็นเพนกวินตัวโตสองตัวที่ว่ายอยู่ข้างๆ จับปลา กุ้ง และหมึก ได้อย่างไม่ยากเย็น  ส่วนตัวผมชักหงุดหงิดและเริ่มหิว  การว่ายน้ำวันแรกของผมสิ้นสุดด้วยการได้กุ้งเพียงหนึ่งตัว  การใช้ชีวิตในทะเลไม่ใช่เรื่องง่ายเสียเลย 



เรียงแถวลงน้ำ ตูมซ่า!

20 มกราคม 2003
ลาจากครอบครัว
วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวของเราต้องแยกจากกัน  ผมกอดพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกับฝูง เราอาจไม่ได้พบกันอีก  ส่วนผมและเพื่อนๆ ก็พร้อมจะเผชิญชีวิตตามลำพัง  พวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล

ตอนนี้ผมว่ายน้ำได้คล่องขึ้น  ผมว่ายอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งอย่างเพลิดเพลิน  รูปร่างของพวกเราถูกออกมาให้เพรียวต่อกระแสน้ำ  ปีกของพวกเราทำหน้าที่เหมือนครีบปลา  และเราก็มีกล้ามเนื้อปีกที่ทรงพลังมากด้วย  ในขณะที่เท้าและหางของเรานั้น เปรียบเสมือนหางเสือ  มาถึงตอนนี้ผมไม่น้อยใจแล้วที่ตัวเองบินไม่ได้ เพราะชีวิตของเพนกวินคือการว่ายน้ำ  ผมว่ายน้ำได้สง่างามราวกับนกที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า



ช่องเล็กๆ ก็ลงไปได้




สู่โลกใบใหม่ บ้านที่แท้จริงของเพนกวิน

15 มีนาคม 2003
เสือดาววายร้าย
บ่ายวันนี้ผมจึงตัดสินใจว่ายออกไปไกลจากบริเวณที่ผมหากินอยู่ประจำ  บริเวณนี้มีปลาเยอะกว่า และมีเพนกวินน้อยกว่าด้วย 

ขณะที่กำลังว่ายน้ำมองหาปลาเพลินๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่พัดวูบมาจากด้านหลัง  ผมพุ่งลงไปด้านล่างทันทีตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกับที่ฟันของสัตว์ตัวใหญ่เฉี่ยวหางไป 

ผมเงยหน้ามอง แมวน้ำเสือดาวขนาด 3 เมตร ว่ายอยู่บนหัวผม  มันเลี้ยวกลับและพุ่งลงมาทันที  ผมรีบว่ายหนี แต่เจ้าแมวน้ำก็เร็วน่าดู มันว่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  โชคดีที่แผ่นน้ำแข็งด้านบนมีรอยแตก ผมพุ่งตัวกระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นน้ำแข็งทันก่อนที่เจ้าแมวน้ำจะงับหาง  ผมหันไปดูก็พบว่าเจ้าแมวน้ำตัวร้ายมองมาอย่างหัวเสีย  มันอ้าปากโชว์เขี้ยวยาวแหลม เหมือนจะบอกว่า "คราวหน้าแกไม่รอดแน่"

ผมมองทะเลสีครามที่น่ากลัว แล้วรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่รอดมาได้  แต่วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไร  ผมจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ได้กลับไปยังบ้านเกิดหรือไม่



ในทะเลมีอันตรายกว่าที่คิด



เจ้าวายร้ายเสือดาวที่น่ากลัว

19 กรกฎาคม 2003
วันเกิดครบรอบ 1 ปี
วันเกิดครอบรอบ 1 ปีของผม  ผมเรียนรู้ว่าชีวิตของเพนกวินจักรพรรดิไมได้ง่ายอย่างที่คิด  เพื่อนของผมหลายตัวจบชีวิตลงในท้องทะเล  บางตัวหาอาหารไม่ได้ บางตัวตกเป็นอาหารของสัตว์ร้าย  ผมเองเอาตัวรอดจากผู้ล่ามาได้หลายครั้ง และเริ่มเรียนรู้เรื่องต่างๆ มากขึ้น

ผมนึกถึงพ่อกับแม่ พวกท่านอาจกำลังดูแลไข่ใบใหม่ หรือน้องของผมอยู่ และวันหนึ่งผมเองก็ต้องทำแบบนั้นเช่นกัน



เติบโตเต็มวัย

4 เมษายน 2007
เดินทางสู่ที่วางไข่
เวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนนี้ผมอายุเกือบ 5 ปี เป็นนกโตเต็มวัยที่พร้อมจะมีคู่  ในฤดูหนาวแบบนี้ นกอื่นๆ ต่างอพยพขึ้นเหนือไปยังที่ที่อบอุ่นกว่า  แต่เพนกวินจักรพรรดิจะมารวมกลุ่มกันตามแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ๆ รอบทวีปแอนตาร์กติกา เพื่อออกเดินทางไกลไปยังสถานที่ซึ่งห่างไกลจากทะเล สถานที่ซึ่งเราจะหาคู่และวางไข่  และนั้นคือบ้านเกิดของผม

การเดินทางนี้ยาวไกลมาก บางฝูงอาจเดินทางไกลถึง 200 กิโลเมตร  แต่แม้หนทางจะยาวไกลและลำบาก  แต่ผมก็จำเป็นต้องไป เพื่อให้ลูกที่จะถือกำเนิดอยู่รอดปลอดภัย


 

ขบวนเพนกวินเดินทางสู่สถานที่วางไข่



เอาท้องไถลไปตามพื้นหิมะ ช่วยให้ไม่ต้องเดิน

 

มาถึงบ้านเกิด สถานที่ให้กำเนิดชีวิต

25 เมษายน 2007
พบรัก
ในที่สุด ผมก็มาบ้านเกิด  กลุ่มของผมมาพบกับกลุ่มที่เดินทางมาจากที่อื่น  จนมารวมฝูงกันกว่า 30,000 ตัว  นี่ยังนับว่าน้อย บางแห่งอาจมีเพนกวินจักรพรรดิมากถึง 2,000,000 ตัว 

เพนกวินตัวผู้ตัวเมียต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ไปหมด  ผมเดินหาเจ้าสาวของผมไปเรื่อยๆ บางตัวที่ผมสนใจเธอก็มีคู่แล้ว  และในที่สุดผมก็เจอเพนกวินสาวที่ถูกใจ เธอมาจากหิ้งน้ำแข็งที่อยู่ทางตะวันตก เธอน่ารักมากและมีอายุเท่ากับผม  จากนั้นผมก็เริ่มเกี้ยวพาราสีเธอ เราเดินเคียงคู่ และในที่สุดเราทั้งคู่ต่างก็ตกหลุมรักกัน 

 

หนุ่มๆ สาวๆ เต็มไปหมด

 

จะหาคู่ได้ไหมเนี่ย

 

ฉันรักเธอ

23 พฤษภาคม 2007
หน้าที่ของลูกผู้ชาย
พวกเราอยู่ในบริเวณที่วางไข่ ท่ามกลางเพนกวินหลายพันตัว  แฟนผมบอกว่ากำลังจะวางไข่ในเร็วๆ นี้  ผมจะได้ทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดหน้าที่หนึ่งในชีวิต นั่นคือกกไข่  ผมต้องยืนกกไข่นานกว่า 2 เดือนโดยไม่ได้กินอะไร แต่ก่อนหน้านี้ผมกินมาจนอิ่ม เพื่อใช้เป็นพลังงานตลอดเวลาที่กกไข่  

 เพนกวินจักรพรรดิวางไข่คราวละ 1 ฟอง  เราไม่ทำรังเหมือนเพนกวินหลายชนิด แต่จะวางไข่ไว้บนเท้าและใช้ถุงหน้าท้องห่มทับมันเพื่อให้ความอบอุ่น 

ในที่สุด แฟนผมก็ออกไข่ มันเป็นไข่ที่สวยและสมบูรณ์มาก  เธอส่งไข่ให้ผมแล้วก็กลับไปยังทะเล  เธอจะกลับมาอีกทีตอนที่ลูกของเราเกิด  ผมเฝ้าภาวนาให้เธอปลอดภัย

ผมประคองไข่ไว้บนเท้า ท้องที่อบอุ่นจะช่วยให้ลูกนกอยู่รอดปลอดภัยจากอากาศที่หนาวเหน็บของแอนตาร์ติกา  ผมปล่อยให้ไข่เจออากาศที่เย็นจัดนานไม่ได้ เพราะลูกนกที่อยู่ข้างในจะแข็งตาย  พวกเราเหล่าพ่อนกจะรวมกลุ่มกกไข่ใกล้ๆ กัน เพื่อช่วยให้อบอุ่นขึ้น

แล้วผมก็เริ่มหลับ เพื่อรักษาพลังงานตลอดฤดูหนาว  ในผัน ผมเห็นลูกที่น่ารักออกมาจากเปลือกไข่

 

ไข่ที่ผมต้องดูแล



คุณพ่อทั้งหลายเตรียมพร้อม

30 มิถุนายน 2007
ความโหดร้ายของชีวิต
 วันนี้เป็นวันที่ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต  พายุหิมะพัดกระหน่ำ พวกเพนกวินต่างเบียดตัวเข้าหากัน เพื่อความอบอุ่น  ขณะที่กำลังวุ่นกับการเบียดเข้าฝูง  ผมก็โดนกระแทก จนไข่กลิ้งหลุดหลงจากเท้า 

ผมตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก  แต่พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามไป แต่ท่ามกลางความชุลมุนของเพนกวินมากมาย ไข่ของผมถูกชนกลิ้งไปไกลกว่าเดิม พายุหิมะทำให้ทัศนวิสัยแย่มาก ผมร้องด้วยความสับสน ลูกของผมจะเป็นอย่างไร 

หลังจากพยายามเบียดตัวผ่านฝูงเพนกวิน ผมก็พบไข่ มันจมอยู่ในกองหิมะ  ผมแทบจะทรุดตัวล้มลงอยู่ตรงนั้น  ผมประคองไข่ไว้บนอุ้งเท้า  ความเย็นที่สัมผัสได้ของเปลือกไข่ เป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่าชีวิตน้อยๆ ที่อยู่ในนี้จบสิ้นลงแล้ว

ผมยินนิ่งอยู่ตรงนั้น ประคองไข่ไว้ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก  แต่ในใจปวดร้าวจนลืมความหนาวเหน็บที่รายรอบ  ผมจะบอกแฟนอย่างไร ว่าไข่ใบแรกของเราไม่มีโอกาสฟักเป็นตัวต่อไปอีกแล้ว...

 

พายุหิมะและความหนาวเหน็บคือศัตรูร้าย

19 พฤษภาคม 2008
โอกาสครั้งใหม่
1 ปีผ่านไปหลังจากวันที่เลวร้าย  ผมกลับมาที่เดิมอีกครั้ง  ไข่ใบใหม่อยู่บนเท้าของผม   ผมรู้สึกขอบคุณแฟนของผมมากที่เธอยังเข้าใจและให้โอกาสผม  ผมจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว ผมไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้นอีก 

ผมสัญญากับผืนน้ำแข็งแห่งแอนตาร์กติกาว่าจะทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องลูกให้ได้

 

จะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

22 กรกฎาคม 2008
คุณพ่อเพนกวิน
ความผิดพลาดคือประสบการณ์ คราวนี้ผมดูแลไข่ได้เป็นอย่างดี ไข่ของผมปลอดภัยจนถึงวันที่มันจะฟักออกมา

นั่งกกไข่มานาน 65 วัน  ร่างกายผมผอมลงไปมาก น้ำหนักเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น  ผมมองดูไข่ของเพื่อนๆ ฟักออก แล้วก็เฝ้ารอให้ถึงคราวของตนบ้าง  แฟนของผมกลับมาในวันนี้ เธอมานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ 

และในเย็นวันนี้ ไข่ใบน้อยก็เริ่มกระดุกกระดิก ไม่นานมันก็เริ่มแตก  เจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างในกำลังกะเทาะมันออกมา ผมและแฟนใช้ปากช่วยแกะเปลือก และลูกของผมก็โผล่หัวออกมา  ผมได้ลูกชาย  เมื่อเขามองหน้าผม ผมรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  เขาคือสิ่งที่วิเศษที่สุด

ผมพูดกับเขาว่า “สวัสดี เจ้าตัวน้อย ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตอัศจรรย์ของเพนกวินจักรพรรดิ”

 

ลูกชายของผม

 

เราคือเพนกวินจักรพรรดิ




ทั้งตอน 1 และ ตอน 2 มาจากคุณ  นาฬิกาลืมเวลา



credit:http://smf.ruk-com.in.th/index.php?topic=13911.0


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 มกราคม 2553 / 20:27

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น