Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

:: พระอัจฉริยภาพทางด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : ตอนการบริหารจัดการที่ดิน ::

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้ทอดพระเนตรกับสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการปลูกข้าว ตลอดจนปัญหาด้านการเกษตรอื่นๆ และได้เกิดแรงดลพระราชหฤทัยเป็นแนวคิดด้านการเกษตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ดังนี้ การบริหารจัดการที่ดิน      จากการที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำของเกษตรกร จึงได้เกิดแนวพระราชดำริขึ้น ในการจัดการที่ดินเพื่อให้ทำการเกษตรได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เกิดเป็นแนวทฤษฎีใหม่ ด้วยการให้ที่ดินของเกษตรกรทุกแปลงมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง ทฤษฎีดังกล่าว เริ่มดำเนินการที่วัดมงคลชัยพัฒนา ตำบลห้วยบง อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี กล่าวคือ • แบ่งพื้นที่ถือครองที่ดินทางการเกษตร ด้วยการจัดส่วนที่ดินที่ถือครองเป็น ๓๐-๓๐-๓๐-๑๐ • ส่วนแรก ที่ดินประมาณ ๓๐% สำหรับขุดสระกักเก็บน้ำจากน้ำฝน โดยขุดสระลึก ๔ เมตร จะมีน้ำ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอใช้ตลอดทั้งปีสำหรับการเกษตร ปศุสัตว์ และใช้ในครัวเรือน • ที่ดินส่วนสองและสามรวมกันประมาณ ๖๐% เป็นพื้นที่การเกษตร โดยแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับการทำนาข้าว และอีกส่วนหนึ่งสำหรับพืชสวนตามสภาพของพื้นที่หรือสภาวะตลาด • ที่ดินส่วนสุดท้าย ๑๐% จัดเป็นที่พักอาศัย รวมถึงที่สำหรับปลูกพืชผักสวนครัวและเลี้ยงสัตว์      ทั้งนี้ พระองค์ทรงคำนวณพบว่า วิธีดังกล่าวใช้ได้ผลดีกับเกษตรกรผู้ถือครองที่ดินประมาณ ๑๕ ไร่ ซึ่งหากดำเนินการตามแนวทฤษฏีดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรมีความพอเพียงในการเลี้ยงตัวเอง ซึ่งทฤษฎีใหม่ของพระองค์ได้รับการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่เกษตรกรไทย และเห็นพ้องต้องกันว่า พระราชดำริของพระองค์ เกิดขึ้นด้วยพระอัจฉริยภาพอันสูงส่งที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างจริงจัง   การป้องกันการเสื่อมโทรมและการพังทลายของดิน

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการสูญเสียหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ จึงทรงศึกษาถึงศักยภาพของ “หญ้าแฝก” ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของไทย ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดินและอนุรักษ์ความชุ่มชื้นใต้ดิน ซึ่งมีวิธีการปลูกแบบง่าย ๆ เกษตรกรสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องให้การดูแลหลังการปลูกมากนัก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการศึกษาทดลองเกี่ยวกับหญ้าแฝก

 

     หญ้าแฝก มีชื่อสามัญเป็นภาษาอังกฤษว่า Vetiver Grass มีด้วยกัน ๒ สายพันธุ์ คือ หญ้าแฝกดอน (Vetiveria nemoralis A. Camus) และหญ้าแฝกหอม (Vetiveria zizanioides Nash) เป็นพืชที่มีอายุได้หลายปี ขึ้นเป็นกอแน่น มีใบเป็นรูปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว ๓๕-๘๐ ซม. มีส่วนกว้าง ๕-๙ มม. หญ้าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ผลรวดเร็ว โดยการแตกหน่อ จากลำต้นใต้ดิน ในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้ เมื่อหญ้าแฝกโน้มลงดินทำให้มีการเจริญเติบโตเป็นกอหญ้าแฝกใหม่ได้

พระราชดำริของพระองค์ในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ จะทำให้

  • การพังทลายของดินลดน้อยลง เพราะรากของหญ้าแฝกจะฝังลึกลงไปในดินถึง ๓ เมตร และการปลูกในแถวตามระดับขวางความลาดชัน จะช่วยชะลอความเร็วของน้ำและเป็นการดักตะกอนดิน ทำให้พื้นดินเบื้องล่างชุ่มชื้น • ช่วยแก้ปัญหาการพังทลายของดินเป็นร่องน้ำลึก รวมถึงป้องกันความเสียหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูน้ำรอบเขา • ในพื้นที่ลาดชันหรือไหล่ถนนที่ลาดชันสูง สามารถปลูกหญ้าแฝกเป็นแนวรั้วตามแนวขวางความลาดเท เพื่อให้หญ้าแฝกยึดดินและเบี่ยงเบนทางน้ำไหล รวมถึงป้องกันการพังทลายและเลื่อนไหลของดินได้ • การปลูกหญ้าแฝกขนานไปกับแถวของไม้ผล หรือปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผล หรือปลูกแบบครึ่งวงกลมหงายรับน้ำฝน จะช่วยอนุรักษ์ความชุ่มชื้นในดินได้ • ปลูกเพื่อป้องกันตะกอนดินทับถมลงสู่คลองส่งน้ำ ระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำในไร่นาตลอดจนปลูกรอบสระ หรือปลูกเป็นแถวขนานไปกับแม่น้ำ ลำคลองเพื่อกรองตะกอนดิน • สามารถปลูกเพื่อฟื้นฟูดินที่เสื่อมโทรมได้ • ในพื้นที่ดินดาน รากของหญ้าแฝกสามารถหลั่งลงไปในพื้นดินทำให้ดินแตกร่วนขึ้น และหน้าดินมีความชื้นเพิ่มขึ้น • ปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษในแหล่งน้ำ เพราะรากของหญ้าแฝกจะเป็นกำแพงกักกั้นดินและสารพิษที่ปะปนมากับน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำเบื้องล่างได้ นอกจากนี้ คุณสมบัติพิเศษของรากหญ้าแฝกยังสามารถดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่างได้อีกด้วย • การปลูกหญ้าแฝกบนคันนา ช่วยยืดอายุของคันนาให้คงสภาพอยู่ได้นาน • หญ้าแฝกสามารถนำมาใช้มุงหลังคาได้ • รากของหญ้าแฝกสามารถใช้แขวนในตู้เสื้อผ้า เพื่อให้กลิ่นหอมของรากช่วยไล่แมลงที่จะทำลายเสื้อผ้า • สรรพคุณทางยาของหญ้าแฝก สามารถช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องอืดเฟ้อ และแก้ไข้ได้ ส่วนรากสามารถสกัดทำน้ำมัน ซึ่งนำไปผลิตเป็นน้ำหอมได้ โดยขณะนี้ ประเทศฝรั่งเศสได้ผลิตน้ำหอมจากรากหญ้าแฝก ชื่อ “Vetiver”          จากพระอัจฉริยภาพของพระองค์ในการนำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ประกอบกับพระวิริยะอุตสาหะและพระปรีชาญาณอันยาวไกล ที่พระองค์ทรงศึกษา วิเคราะห์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง สถาบัน International Erosion Control Association (IECA) จึงได้มีมติ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่พระองค์ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ และเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ผู้วชาญเรื่องหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำแห่งธนาคารโลก ได้นำคณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้า ฯ ถวายแผ่นเกียรติบัตรเป็นภาพรากหญ้าแฝกชุบสำริด ซึ่งเป็นรางวัลสดุดีพระเกียรติคุณ (Award of Recognition) ในฐานะที่ทรงมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำ และผลการดำเนินงานหญ้าแฝกในประเทศไทยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลก

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น