Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

วิธีสร้างความเป็นผู้นำให้ตัวเอง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ใครๆก็ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าคนนายคนแต่เด็ก

แต่เมื่อโตขึ้นก็พบว่า  ลักษณะนิสัยได้จำแนกคนเป็นต่างๆนานา

ทำให้เห็นแล้วว่าคนบางคนเป็นผู้นำได้  แต่บางคนนั้นยังไม่เหมาะ

คราวนี้ขอนำลักษณะเด่นๆของผู้นำมาแจกแจงเป็นข้อๆ เท่าที่พอนึกออก 
ใครยังขาดหรือทำได้ไม่หมดในข้อไหน

มาพิจารณาแล้วลองนำไปปฏิบัติดูคะ 

จะทยอยลงนิสัยเป็นข้อๆ เพราะยาวเกินไปจะนำมาลงทีเดียว

 

1.การนำ 

ความสามารถในการเป็นผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ที่เป็นสิ่งดีๆ มีประโยชน์ต่อโดยรวม

หากมองเผินๆอาจคิดว่าใครๆก็ทำได้  แต่ในความเป็นจริงแล้วการเป็นผู้นำนั้น

ต้องมีใจเข้มแข็ง ยืนหยัดกับจุดยืนที่คิดว่าถูกต้องด้วย  คนที่กลับกลอกโลเล

ไม่สามารถเป็นผู้นำได้  เพราะขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้ตัดสินใจหรือนำใครได้

 

วิธีกลับนิสัยให้เข้มแข็งนั้นทำได้หลายทางคือ


 
-  การรักษาคำพูดทั้งต่อตนเองและคนอื่น 

เพราะหากตั้งใจว่าจะทำอะไรแล้ว  หากไม่ทำตามนั้นจิตใจจะอ่อนแอโลเล 

ผิดหวังในตัวเอง จนกลายเป็นนึกดูถูกตัวเอง

อย่าหาข้ออ้างต่างๆนานามาบอกว่าทำไมเราถึงไม่ทำตามสัญญา

แต่ให้คิดหาทางว่าทำอย่างไร  เราถึงจะทำตามสัญญาได้สำเร็จแทน

การจะรักษาคำพูดได้นั้นต้องเริ่มจากพูดความจริงก่อน

เพราะหากพูดเกินจริงแล้ว ใจจะไม่ตรง  มีความกังวลภายใน

ทำให้รักษาคำพูดก็ยากด้วยเช่นเดียวกัน

 

- ความพึ่งพาได้

อาจเป็นการยากที่จะบอกให้ใครเข้มแข็งพอจะนำคนอื่นได้

แต่จะง่ายกว่ามากที่จะหันมาหาทางทำให้ตัวเองเข้มแข็งพอจะอยู่ด้วยตนเองได้

ผู้ที่พึ่งพาคนอื่นมากๆนั้น นอกจากจะรักความสบายแล้ว

ยังพอกพูนความอ่อนแอไว้ในใจ  มักเป็นคนไม่ชอบฟันฝ่าอุปสรรค

หนักเข้าอาจถนัดทิ้งปัญหาไว้ให้คนอื่นจัดการเลยทีเดียว

ในข้อนี้อาจเริ่มด้วยการช่วยเหลือตัวเอง  ก่อนขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

 

เช่น ทำงานในความรับผิดชอบของตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือ

แทนที่จะเอ่ยปากถามอย่างเมื่อก่อน ให้ลองหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต

หรือคิดแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน  เมื่อทำไม่ได้จริงๆจึงขอความช่วยเหลือ,

ลองออกไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง  อย่ารอให้มีคนไปเป็นเพื่อนถึงค่อยไป

แต่ให้ไปเพราะมีความจำเป็นเลยต้องไปแทน ,

นอกจากนี้ยังไม่ปล่อยใจกับความเศร้า  มองหามุมดีๆของชีวิต

เพื่อจะได้ไม่เศร้าหนักจนต้องมองหาที่ปรึกษาอย่างเมื่อก่อน

 

อีกวิธีการหนึ่ง คือ ลองไปทำบุญด้วยตัวเอง 

ให้เลือก ให้คิดเองว่าอยากทำบุญที่ไหน  มีใครที่เราอยากช่วย

มีใครสมควรได้รับแล้วเรายังไม่ได้ให้  จากนั้นก็ออกไปคนเดียวบ้าง

โดยเฉพาะทำบุญกับผู้มีศีลและมีประโยชน์แก่คนหมู่มาก อย่างหมู่พระสงฆ์นั้น

จะยิ่งขยายขอบเขตบุญ  หากทำทานมามากจะรู้สึกว่าทำทานกับพระนั้นมีความปีติใจมากกว่า

เพราะเราจะไม่รู้ว่าการทำทานนั้นดี  จนกว่าจะมีคนแจกแจงให้ฟัง

เราจะไม่รู้ว่าการเห็นแก่ตัวนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ 

จนกว่าจะมีคนสอนให้ละความเห็นแก่ได้นั้น

เราจะไม่เห็นว่ากายใจนี้ไม่เที่ยง  จนกว่าจะมีคนชี้ให้เห็นโทษ

ใจเราถึงได้คลายออกซึ่งความยึดมั่นถือมั่นเสียบ้าง

คุณของพระสงฆ์นั้นจึงมีมาก เพราะสืบทอดคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้

แม้มีปลาทูเน่าในเข่งบ้าง แต่ขอให้เชื่อว่าเราทำทานแก่ส่วนร่วม

ทานนี้ย่อมทำให้พระปฏิบัติดี ยังอยู่สืบต่อสิ่งคำสอนดีๆได้

ความปีติจากการทำบุญ ประกอบกับอธิษฐานขอให้ตัวเองเข้มแข็ง

พึ่งพาตัวเองได้  จะทำให้เป็นแรงเสริมให้เราพึ่งพาตัวเองได้ค่ะ

 

เมื่อรู้สึกว่าเราพึ่งตัวเองได้แล้ว  มีความหนักแน่นพอสมควรแล้ว

ขอให้จำไว้ว่าการช่วยคนนั้น  ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่จนน่าท้อ

แต่ขอให้เริ่มจากอะไรเล็กๆน้อยๆ ก่อน

เช่น อาสาช่วยงานบ้าน  อาสาติดต่อเป็นธุระให้

หรืออะไรที่เราเคยไหว้วานแต่คนอื่น  ก็ขอให้ลองอาสาช่วยบ้าง

จากเป็นผู้รับมาเป็นผู้ให้  ตำแหน่งในใจคุณจะค่อยๆเปลี่ยน

คุณจะยอมรับตัวเองมากขึ้น  ภาพลักษณ์ที่เคยอ่อนแอจะค่อยๆจางไปเองค่ะ

 

-การทำตัวทั้งต่อหน้าและลับหลังให้เท่ากัน

การที่คุณมีความเที่ยงตรง  มีความจริงใจให้กับผู้อื่น

จะทำให้ใจคุณเป็นปกติไม่ส่ายไปมา 

ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนจับผิดคุณได้  หรือเพราะความรู้สึกผิดกัดกินใจ

หากรู้สึกไม่ดีกับใคร  ก็ขอให้อดทนไม่กล่าวถึงกันในทางเสียหาย

ดีกว่าการพูดต่อหน้าเขาอย่าง  ลับหลังเป็นอีกอย่าง

 

-ความไม่เขอะเขินในที่ชุมชน

พระพุทธเจ้าเคยตรัสถึงอานิสงค์ของศีล 5 ข้อหนึ่งไว้ว่า

ทำให้เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ชุมชน 

เพราะปกติของคนที่ไม่เบียนผู้อื่นนั้นย่อมมีจิตเป็นปกติ

ไม่มีความผิดแอบซ่อนอยู่จึงพบหน้าใครต่อใครได้เป็นปกติในปัจจุบัน

แม้เกิดใหม่ก็ไม่มีบาปอกุศลตามเล่นงาน  มีร่างกายสมบูรณ์ตั้งแต่เกิด

มีความสง่า มีสติปัญญาครบถ้วน ไม่รู้สึกว่าตัวน้อยหน้าใครไงคะ

 

(ตอนที่เหลือจะมาพูดลักษณะอื่นๆของผู้นำบ้างคะ)


PS.  " คนดีของฉัน..จะต้องเป็นคนไม่พูดปด ไม่สอพลอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่คดโกง ไม่ทะเยอทะยานอย่างบ้าๆ แต่พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด" พระดำรัสสมเด็จย่า

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ZtablE 14 ก.พ. 53 เวลา 21:56 น. 1

วิสัยทัศน์ก็ต้องดีนะครับ
เมื่อผมได้รับหน้าที่ผมจะคิดเสมอว่า"จะทำอย่างไรที่จะไม่นั่งอยู่บนหัวของเพื่อน แต่จะทำอย่างไรให้เราเข้าไปนั่งในใจของเพื่อนให้ได้"
เหมือนให้เขายอมรับเราจากใจจริง รักเขาก่อนแล้วเขาจะรักเราตอบเอง


PS.  
0
Christmas Eve 14 ก.พ. 53 เวลา 23:33 น. 2
นั่งบนหัวเพื่อน  แปลไทยเป็นไทยให้หน่อย -0- เอาความหมายอ่ะอยากรู้
PS.  ลด ละ เลิก ขี้เกี้ยจ 55+
0
ZtablE 15 ก.พ. 53 เวลา 08:13 น. 3

ก็อย่าพยายามไปสั่ง ไปดุด่าว่ากล่าวไรงี๊ไงครับ คือเป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อถูกสั่งหรือโดนด่า แน่นอนคนเราไม่พอใจแน่ๆ
เพราะฉะนั้นเราควรพูดดีๆ ใช้จิตวิทยาในการสั่งการในการติเตียน


PS.  
0
me.dasie 15 ก.พ. 53 เวลา 18:59 น. 4

ผู้นำที่มีปัญหาเรื่องการวางตัว
ก็อาจเป็นเพราะเขาวางตำแหน่งของตัวเองว่าเหนือคนอื่นด้วยค่ะ
หากคิดว่าเท่าๆกัน ตัวเองมีหน้าที่แค่ประสานงาน แบ่งงาน
ไม่เกิดอัตตาว่าตัวเราเก่ง  ตัวเราเหนือกว่าใครๆ
ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการวางตัว เพราะคิดอย่างไรก็มักแสดงออกอย่างนั้น

ดูอย่างโอบาม่าซิคะ  เขาทำให้รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง
ไม่เห็นวี่แววความเป็นเผด็จการ  แต่ก็เข้มแข็งในที

ปล.ยังไม่จบค่ะ  แต่ขอบคุณที่ช่วยเสนอแนะ
หัวข้อวิสัยทัศน์นี่  จะหาจุดที่เหมาะสมแล้วใส่เพิ่มไปค่ะ


PS.  " คนดีของฉัน..จะต้องเป็นคนไม่พูดปด ไม่สอพลอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่คดโกง ไม่ทะเยอทะยานอย่างบ้าๆ แต่พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด" พระดำรัสสมเด็จย่า
0
Monky_Funky 16 ก.พ. 53 เวลา 10:05 น. 5

จำไว้ว่าผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถในการตัดสินใจด้วย

ผมหมายถึงการตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องในขณะที่ต้องใช้ความรวดเร็ว
และ
อยู่บนพื้นฐานของ ความมั่นใจ ด้วยครับ

0
ยัยเมย์ 5 มิ.ย. 57 เวลา 09:48 น. 6
สู้สู้
การจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่นนั้น
เราต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน
ว่าเราดีพอหรือยัง หรือเราดีอยู่ในขั้นไหน
ถ้าเราปฏิบัติตัวของเราเองไม่ได้ แล้วคิดหรอว่า
คนอื่นเขาจะเชื่อฟังเรา .....
0