Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประโยชน์ของการผูกมิตร

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

กุสนาฬิชาดก : ว่าด้วยประโยชน์ของการผูกมิตร
ที่มา
http://thaidhamma.blogspot.com/2009_01_01_archive.html

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพ่อค้านักธุรกิจผู้กว้างขวางคบหามิตรสหายเอาไว้มากมาย ทั้งมิตรที่เคยคบหากันมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยเห็นกันมาก่อน ได้แต่ส่งข่าวสารถึงกันเท่านั้นก็มีมาก ความเป็นผู้ใจกว้างในเรื่องการคบมิตรของท่านนั้น บางครั้งพวกญาติๆ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะท่านคบคนไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะจนหรือรวย จะตกทุกข์ได้ยาก ก็คบหาเขาไปเสียทั้งหมด แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจในคำเตือน เพราะท่านดูที่คุณธรรมและความจริงใจเป็นหลัก ดังเช่นเพื่อนคนหนึ่งของท่านซึ่งเป็นคนจน ยังตั้งตัวไม่ได้ พวกญาติจึงห้ามปรามท่านเศรษฐีว่า ไม่ควรไปคบหาสมาคมด้วย เพราะเกรงว่าจะอาศัยความเป็นเพื่อนมาเที่ยวขอเงินบ่อยๆ

ท่านอนาถบิณฑิกะผู้มีน้ำใจงาม กลับมีความคิดเห็นว่า "ความมีน้ำใจมิตรไมตรีกับคนที่ต่ำกว่าก็ดี คนที่เสมอกันก็ดี หรือคนที่สูงกว่าก็ดี ควรมีทั้งนั้น ความเป็นเพื่อนไม่ได้วัดกันที่ฐานะหรือชาติตระกูล เมื่อรักที่จะเป็นมิตรสหายกันแล้ว ก็ไม่ควรจะเอาตำแหน่งฐานะหน้าที่ทางสังคมมาเป็นอุปสรรค ขอเพียงมีความรักและปรารถนาดีต่อกันด้วยความบริสุทธิ์ใจก็พอแล้ว" เมื่อจะไปต่างเมือง เพื่อทำการค้าขาย หรือไปเก็บเงินนอกเมือง ท่านเศรษฐีก็ตั้งเพื่อนคนนี้ให้เป็นผู้คอยดูแลทรัพย์สมบัติ

ฝ่ายเพื่อนของท่านเศรษฐี ครั้นได้รับความไว้วางใจเช่นนี้ ก็มีความตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงกับไม่ยอมหลับนอน เที่ยวเดินตรวจดูความเรียบร้อยตลอดทั้งคืน แต่มีอยู่คืนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นโจรกลุ่มหนึ่ง กำลังทำท่าจะเข้ามาปล้นบ้านท่านเศรษฐี จึงรีบบอกให้คนในบ้านรู้ตัว แล้วบอกให้ช่วยกันเป่าสังข์ ตีกลอง ทำให้เหมือนกับมีมหรสพโรงใหญ่ ทางด้านโจรเห็นว่าคนในบ้านเศรษฐีไม่ยอมหลับซะที เมื่อใกล้สว่างก็ทิ้งอาวุธทิ้งอุปกรณ์แล้วหนีไป

เมื่อท่านอนาถบิณฑิกะกลับมาจากค้าขายและทราบเรื่องเข้า จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า "คฤหบดี คำว่าเพื่อนไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กน้อย เขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ถ้าหากสามารถรักษาคุณธรรมน้ำมิตรเอาไว้ได้ ก็คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนของท่านตลอดไป ธรรมดามิตรที่เสมอกับตนก็ดี ที่ต่ำกว่าตนก็ดี หรือที่ยิ่งกว่าตนก็ดี ควรคบเอาไว้ เพราะว่ามิตรเหล่านั้น ย่อมช่วยแบ่งเบาภาระที่มาถึงเราได้ทั้งนั้น บัดนี้ท่านอาศัยมิตร จึงเป็นเจ้าของทรัพย์ได้สืบต่อไป ส่วนในอดีต เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ ก็ได้อาศัยมิตร จึงได้เป็นเจ้าของวิมาน ว่าแล้วก็ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาตรัสเล่าให้ฟังว่า

                   .
                   .
                   .







 

เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดาที่กอหญ้าคา ในพระราชอุทยาน ในราชอุทยานนี้มีต้นมงคลพฤกษ์ อยู่ข้างมงคลศิลา มีลำต้นตั้งตรง มีปริมณฑลแผ่กิ่งก้านสมบูรณ์ คนในราชสำนักจึงตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ต้นสมุขกะ ต่อมามีเทวราชผู้มีศักดิ์ใหญ่ตนหนึ่งมาบังเกิดที่ต้นไม้นี้ และได้คบหากันเป็นเพื่อนสนิทกับรุกขเทวาโพธิสัตว์

เมื่อพระราชาต้องการไม้แก่นเพื่อทำเสามงคลของปราสาทแทนเสาต้นเดิมที่ได้ผุพังไป จึงให้ช่างไม้เสาะหาต้นไม้ที่เหมาะสมจนทั่วทั้งเมืองแล้วก็ยังไม่พบ เลยให้เข้าไปสำรวจดูในพระราชอุทยาน พวกช่างไม้ก็ได้เห็นต้นไม้มงคลต้นนั้น จึงกลับไปกราบทูลขออนุญาตเมื่อพระราชาทรงเห็นว่าไม่มีต้นไม้ต้นอื่นแล้ว จึงทรงอนุญาต แล้วค่อยหาต้นไม้มงคลต้นอื่นมาปลูกแทน

พวกช่างไม้ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ก็บวงสรวงด้วยเครื่องพลีกรรม เพื่อเป็นการบอกให้รุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ได้รับทราบ จะได้อพยพไปอยู่ที่อื่น ฝ่ายรุกขเทวดาเจ้าของวิมาน เมื่อรู้ว่า วิมานของตนจะต้องพังพินาศแน่แล้ว ก็นั่งกอดลูกน้อยรํ่าไห้ เพราะไม่มีต้นไม้ต้นอื่นที่จะไปอาศัยอยู่ ฝ่ายหมู่รุกขเทวาที่คุ้นเคยกัน ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงพากันนั่งร้องไห้เพราะความสงสาร

เมื่อรุกขเทวาโพธิสัตว์เห็นว่า รุกขเทวา อากาสเทวา และภุมมเทวาที่มีวิมานอยู่ใกล้เคียงกันนั้น ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ตนเองแม้จะเป็นเทวดาที่มีวิมานเล็กกว่า แต่ก็รู้ว่าตนสามารถแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายให้กับรุกขเทวาผู้มีศักดิ์ใหญ่นี้ได้ จึงปลอบรุกขเทวดาที่มาชุมนุมกันว่า "ท่านทั้งหลาย อย่ามัวเสียใจไปเลย ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือพวกท่านเอง"

รุ่งขึ้น รุกขเทวาโพธิสัตว์ก็จำแลงเป็นกิ้งก่าตัวใหญ่ วิ่งตัดหน้าพวกช่างไม้ หายเข้าไปที่โคนต้นไม้มงคล แล้วไปนอนผงกหัวให้พวกช่างไม้ได้เห็น เพื่อต้องการจะลวงว่า ตนได้ไต่ไปตามโพรง แล้วออกไปนอนอยู่บนยอดไม้ เมื่อหัวหน้าช่างไม้เห็นเช่นนั้นก็ตำหนิว่า "ต้นไม้นี้มีโพรงอยู่ข้างใน เมื่อวานไม่ทันตรวจดูให้ดีหลงทำพลีกรรมเสียใหญ่โต ถ้าหากตัดไป ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร" ว่าแล้วก็พากันเดินจากไป

รุกขเทวดาดีใจมากที่ต้นไม้ซึ่งเป็นวิมานของตนไม่ถูกตัด จึงขอบคุณพระโพธิสัตว์ท่ามกลางเทวสมาคมว่า "ดูก่อนทวยเทพ ผู้เจริญทั้งหลาย ชาวเราถึงจะเป็นเทวดามเหศักดิ์ ก็มิได้รู้อุบายนี้ เพราะไร้ปัญญา ส่วนเทวดาหญ้าคาผู้มีศักดิ์น้อย กลับทำให้เราได้เป็นเจ้าของวิมานเหมือนเดิม ธรรมดามิตรไม่ควรเลือกว่าเท่าเทียมกัน ยิ่งกว่า หรือต่ำกว่าตน เพราะชื่อว่ามิตรควรคบไว้ทั้งนั้น มิตรแท้สามารถบำบัดทุกข์ที่เกิดขึ้น ให้กลับมีความสุขดังเดิมได้ บุคคลผู้เสมอกัน ประเสริฐกว่ากัน หรือเลวกว่ากัน ก็ควรคบเอาไว้ เพราะมิตรเหล่านั้น เมื่อความเสื่อมเกิดขึ้น ก็พึงทำประโยชน์อันอุดมให้ได้ ดูอย่างเราผู้มีศักดิ์ใหญ่ในเขตนี้ มีเทวดาผู้มีศักดิ์น้อยซึ่งเกิดที่กอหญ้าคา คบหากันฉันมิตร จึงทำให้สามารถพิชิตปัญหาต่างๆ ได้"



ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชม  แสดงความคิดเห็น และคำแนะนำได้เลยจ้ะ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 15 เมษายน 2553 / 18:11

PS.  ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน

แสดงความคิดเห็น

2 ความคิดเห็น