เรียนนิติศาสตร์ แล้วตกงาน ไม่มีงานทำ ความจริง ?
ตั้งกระทู้ใหม่
อีกอย่างถ้าไม่ได้จบจาก มธ หรือ จุฬา ยิ่งไม่มีคน อยากรับเข้าทำงาน หรือจบจาก ราม
แล้วอีกกรณีหนึ่ง ถ้าเรียนจบจาก มอ อื่น ถ้าไม่ได้เกียรตินิ ยม ยิ่งไม่มีใครอยากรับ
แล้วถ้าเรียนภาคพิเศษ อีกหละ... ตอนนี้ ไม่รู้ว่า อนาคต ของเราจะเป็นยังงัย
แล้วเราก็เหลือ นิติศาสตร์ ที่เป็นตัวเลือกสุดท้าย แถมยังเป็นภาคพิเศษด้วย แล้วถ้าเรา เรียน ไป 4 ปี
จบมาแล้วไม่มีงานทำอย่างที่ ว่าจริง...
สี่ปีที่เรียน มาจะเสียเวลา รึเปล่า
ใครที่รู้รายละ เอียด ช่วย บอกที่ เราอยากได้คำแนะ นำ ที่เป็นข้อดี
น่าจะเป็นกำลังใจ สี่ปี เราไม่อยากเสียเวลาเลยจริงๆ แล้ว ถ้า โอนหน่วยกิต ไปเป็นภาคปกติ
จะทำได้รึเปล่า บอกที ตอนนี้ เคลียดมาก.....
หินขัด
15 พ.ค. 53 เวลา 14:39 น.
566
views
13 ความคิดเห็น
สายงานที่ต้องอาศัยความโดดเด่นของคะแนนขณะเรียน
ความสามารถ ทักษะเฉพาะตัว บุคลิกภาพ การพูด การวางตัว
มันเป็นความจำเป็นครับ ที่ต้องสร้างฐานให้ดี
เพื่อที่จะทำงาน"เอกชน" (จำพวก law firm, ทนาย)
เพราะอย่าลืมว่า "ไม่ว่าที่ไหนๆก็อยากได้บุคลากรที่ดีที่สุด"
และจากเหตุผลที่เจ้าของกระทู้กล่าวมา
มีสถาบันต่างๆเปิดการเรียนการสอนคณะนี้มากมาย
และทำให้มีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมาก
"ถ้าไม่โดดเด่น ไม่เก่งจริง ก็ไปต่อยากครับ"
อีกอาชีพที่ได้รับความสนใจไม่น้อยคือ อาจารย์
อย่างที่กล่าวไป ส่วนใหญ่คุณสมบัติของอาจารย์
จะต้องมีเกียรตินิยม จบจากเมืองนอก หรือเกรดดีเยี่ยม
รวมทั้งต้องผ่านการสอบคัดเลือกของสถาบันนั้น
ส่วนถ้ามองทาง อัยการ ผู้พิพากษา
จบที่ไหน เกรดเท่าไหร่ เกียรตินิยมหรือไม่ ... ไม่สำคัญ
ขอให้ใช้ความรู้ที่มีผ่านการสอบคัดเลือกได้ เท่านั้นเอง
หลังเรียนจบไปก็ต้องไขว่คว้า ดิ้นรนกันต่อไป
หนึ่งในไม่กี่คนครับ ที่จบปั๊บ งานมารอเสนออยู่ตรงหน้า
ไม่ว่าจะเก่ง หรือไม่เก่งอย่างไร ต้องมีใจขวนขวายไขว่คว้า
สุดท้าย อยากจะบอกว่า ...
มีไม่น้อย(เยอะเลยแหละครับ) ที่จบนิติศาสตร์ไป
แต่ทำงานไม่ตรงสายนิติศาสตร์เลย
จะทำอะไร ก็ขอให้ทำให้ดีที่สุด
มันเป็นสัจธรรมครับ ;')
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 15 พฤษภาคม 2553 / 16:27
นิติศาสตร์ ต้องแข่งขันกับตัวเองและคนอื่น
งานมีให้ทำ แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถเรา ว่า ทำได้รึป่าว และต้องทำให้ดีด้วย
ของแบบนี้อยู่ที่ดวงคะ  เพื่อนเราจบ เกียรตินิยมอันดับ 1  ตกงานแรมปี  เราจบ เกรดนิยม  งานเดินมาหา
คือ เราก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนคณะนี้นะ  ตอนนี้กำลังขึ้นปีสอง
เราอาจพูดอะไรไม่ได้มาก  แต่นี่ก็เป็นมุมมองของเรา
เราเห็นด้วยกับความคิดที่หนึ่งนะ ว่า เรียนคณะนิติศาสตร์บางทีจบไปก้อไม่ได้ทำงานในสายนี้
แต่เราอยากให้มองว่า การที่จะเลือกเรียนอะไร ให้เลือกเพราะว่า
เราชอบ เราสนใจ ในตัวความรู้ของสาขาวิชานี้มากกว่า ที่จะเลือกว่าเรียนแล้วเพื่อจบไปจะได้มีงานทำ
เพราะเราว่า จะมีงานทำหรือไม่ จะได้ทำงานอะไร  มันเปนสิ่งที่เราจะเลือกเองในอนาคต
มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกสร้างตัวเองให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับ งานที่เราจะไปสมัครแค่ไหนมากกว่า
เรียนคณะไหน มหาวิทยาลัยอะไร สุดท้ายก็ต้องออกมาสมัครงานทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่า เรียน มธ. แล้วจะไม่ต้องดิ้นรน หางานทำเสียหน่อย
แต่เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับตัว แต่ละคนมากกว่า ว่าจะทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจได้แค่ไหน
น้าเราก็เป็นคนหนึ่งที่จบจาก ราม ไม่ได้เกรียตินิยมด้วย  แต่ปัจจุบัน ก็มีงานทำ เงินเดือนดี ถึงหลักแสนเสียด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนเราก็เป็นคนนึงที่คิดว่า นิติ ต้อง มธ.เท่านั้น แต่พอเราได้มาเรียนแล้ว
เราอยากบอกว่า แม้ชื่อเสียงมหาวิทยาลัย จะมีผลต่อการรับสมัครงานก็จริง
แต่นั่นคงไม่ใช่ทั้งหมด  มันต้องมีคุณสมบัติอีกหลายๆอย่างประกอบกันด้วย
ถ้าคิดจะเลือกเส้นทางในอนาคต ให้เลือกอย่างที่ตัวเองชอบดีกว่า
เพราะเลือกเพราะเหตุผลว่า ชอบ ต่อให้อนาคตจะมีอุปสรรค  มันก้อจะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราท้อ จนหมดความสนใจจากสิ่งนั้นได้
เพราะเราเห็นมีรุ่นพี่บางคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ แล้วก็ไม่มีความสุข เพราะไม่ด้มาเรียนเพราะชอบ แค่บังเอิญติด
สุดท้ายก้อตก ซ่อมแล้วซ่อมอีก จนพี่เค้าท้อ เวลาที่คิดว่าจะจบภายในสี่ปี ก้อยืดออกไปอีก
แม้จะเป็น นิติ มธ แต่ก็ไม่ได้มีอะรรับประกันว่า เด็กที่จบไปอนาคตจะสดใส ได้ทำงานตามสายนี้ ได้งานดีๆหมดทุกราย
เพราะถึงอย่างไร  สุดท้ายสิ่งที่สำคัญสุดก้อคือตัวเราเอง  ว่าจะกำหนดอนาคตให้ตัวเองเป็นอย่างไร
คือทั้งหมดที่ก็เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะ  มันอาจจะใช่ หรือ ไม่ใช่ก็ได้ในความเป็นจริง
แต่เราก็หวังว่ามุมมองนี้คงเป็นประโยชน์กับคุณบ้างนะ
ไม่จำเป็นต้องแค่คณะนิติอย่างเดียวหรอกที่ตกงาน
คณะอื่นมันก็มี แต่มันอยุ่ที่ตัวบุลคลมากกว่า
จะไปโทษคณะไม่ได้หลอก
แล้วถ้ามาถามว่าเรียนไอนู้นไอนี้ตกงานอ่ะ เราว่าอย่าไปคิดถึงมันเลยเรื่องตกงาน
แต่คณะที่คุณว่าตกงาน
คุณเองไม่ใช่หรอที่อยากเรียน
ที่คุณอยากเรียนเพราะคุณชอบ
แล้วอีกอย่างถึงเรียนไปแล้วตกงาน แต่ก็ใช่ว่ามันจะตกไปตลอดนิ
ชีวิตเรา เราต้องเลือกเองสิ
อย่าไปกลัว ก็เเค่ตกงาน  สู้ ๆ ๆ เข้าไว้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพราะการที่เราจะเรียนอะไรหรือทำอะไรสักอย่างถ้าเราไม่ชอบมันก็ค่อนข้างยากที่จะประสบความสำเร็จ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
การที่คุณบอกว่ามีช้อยนี้เป็นช้อยสุดท้ายแล้ว
ก็ลองคิดดูว่าทางออกมีแค่นี้เองเหรอ
ถ้ามีแค่นี้จริงๆ ก็มีอยู่ ๒ ทางค่ะ
๑.ทำใจให้รัก เรียนแบบไม่เครียดเพราะเป็นวิชาที่เครียดในตัวอยู่แล้ว (มีคนเคยแนะนำมาค่ะ)
๒.ในเมื่อรักไม่ได้ก็เกลียดไปซะเลย แล้วพยายามเอาชนะในสิ่งที่เราเกลียด (วิธีนี้ไม่ค่อนแนะนำเท่าไหร่นะคะ)
PS. อย่าร่ำไรกับอดีตที่ไม่น่าจดจำ ผ่านมาแล้วก็ให้มันจบไป
เราก็จบนิติศาสตร์มานะแต่ว่าไม่ได้ทำงานตรงกับที่เรียนมา ตอนนี้ทำงานธุรการฝ่ายการเงินมาได้ 3 ปีละ เลยมาคิดดูว่าคนที่เค้าเรียนจบแล้วได้งานทำตรงกับที่เรียนมา ดูจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าเพราะว่าเค้ามีความรู้ตรงกับที่ทำงาน เราสิทำงานมา3 ปี เงินเดือนก็น้อยเท่าเดิม วันๆไม่เห็นจะมีอะไรที่ทำแล้วเอาวิชาที่เรียนไปใช้เลย ตอนนี้มาคิดดูแล้วน่าจะหางานด้านกฎหมายทำแต่ตอนแรก พอตอนนี้จะออกอายุก็ปาไป27แล้ว คงไม่มีใครเค้าอยากรับเข้ามาเป็นพนักงานด้านกฎหมายแล้ว ลืมวิชาที่เรียนไปหมดแล้ว ดูดิชีวิตคนเรา ได้แต่นั่งมองคนอื่นเค้าได้เงินเดือนขึ้น เพราะเราดันมีป้ายติดอยู่ที่หน้าผากว่าทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนมาเลยโดนคนอื่นเค้าดูถูกว่าไม่มีประสบการณ์ เราเลยต้องขยันกว่าคนอื่นเค้า10เท่า แต่ก็ไม่เห็นมีใครมองเห็นความตั้งใจและความสามารถเราเลย เซ็ง.
การเรียนนิติจำเป็นต้องเลือกมหาลัยมั๊ย
ชื่อมหาลัยสามารถทำให้เรามีงานทำจิ๊งมั๊ยมีผลต่อการสมัครงานมั๊ย
เรากำลังหางานทำอยากทำงานด้านกฎหมายแต่ลืมความรู้หมด มัวไปทำงานอื่นจึงคิดว่าเสียดายความรู้ที่เรียนมาจึงออกจากงาน ตอนนี้สับสนเหลือคณา
ในความคิดผมนะครับ ผมว่าคณะนี้เป็นคณะที่น่าเรียนมากนะครับ(เพราะเรียนอยู่)แต่ใจต้องรักมันครับถึงจะรุ่ง เราจะต้องอยู่กับหนังสือไปตลอดครับเหมือนกับเป็นเพื่อนสนิทไปไหนไปกันเลยละครับ
(ถ้าเกียจมันขึ้นมาก็จบครับเพราะคุณต้องอ่านหนังสือต่อวันอย่างน้อยก็3ชั่วโมงอะครับ)
สายงานอาชีพนี้ค่อนข้างกว้างมากครับทำงานราชการได้หมดเลยอะครับ(จะเห็นได้จากตอนคนสอบ กพเด็กจบนิติทั้งนั้น )
รวมถึงจุดสูงสุด(ที่ส่วนมากคนเรียนนิติอยากจะเป็น)ของสายงานอาชีพนี้คือ ผู้พิพากษาและอัยการ ครับเป็นอาชีพที่เงินเดือนค่อนข้างสูงทีเดียวและก็มั่นคง(ถ้าไม่ไปรับสินบนอะนะ)และก็มีเกียรติ
ที่ผมไม่พูดถึงทนายเพราะว่าอาชีพนี้มันน่าหดหู่ครับถ้าไม่เก่งจริงๆหรือมีประสบการอะครับเขาไม่จ้างเราไปว่าความให้เขาหรอกครับเราต้องไปขวนขวายประสบการเอาเองครับ
การเรียนของคณะนี้นั้นเน้นขยันครับเรื่องฉลาดไม่ฉลาดไม่ใช่ปัจจัยหลักครับขยันต้องมาก่อน(เพราะผมก็ไม่ฉลาดเน้นอ่านเยอะๆกว่าเื่พื่อนที่อ่านจบเดียวก็เข้าใจผมก็ต้องอ่าน 3 จบอะครับถึงจะเข้าใจ)และก็การเรียนสายกฎหมายต้องทำใจอย่างหนึ่งครับคนเรียนเยอะมากครับเพราะสมัยนี้คนที่เรียนหมอเขาก็ย้ายสายอาชีพมาทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกันครับ(มาทำไมว่ะ T_T)สงสัยเพราะเป็นหมอมันเครียดมั้งครับ และก็เด็กที่เรียนสายศิลมาก้ไม่รู้จะเรียนไรก็เลยเลือกนิติซะส่วนมาก
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในคณะนี้นั้นต้องเรียนสูงๆครับที่จำเป็นต้องเรียนมากๆก็คือเนติครับเพราะจบตรีไปก็เท่านั้นอะครับมันยังไม่ได้ใจตลาดงานและถ้ามีเงินก็ต่อต่างประเทศอีกซัก2ใบครับเอาไว้สอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษากับผู้ช่วยอัยการครับจะได้มีคู่แข็งน้อยลงเพราะเขาจะจัดสนามสำหรับคนจบโทนอกให้ครับ(เรียกว่าสนามจิ๋ว) จึงทำให้ต้องใช้เงินซักหน่อย(ต่อต่างประเทศอะนะซักหน่อย - -)
ดังนั้นเอาเป็นว่าคณะนี้ถ้าฐานะครอบครัวไม่ได้ขัดสนเท่าไหร่ก็น่าเรียนครับเพราะโอกาสตกงานมันสูงมากครับเนื่องจากคนจบกันเยอะตลาดงานจึงรองรับไม่ทัน(มันก็ทุกๆคณะละครับปัจจุบันอะนะเศรษฐกิจแบบนี้ เห้อ)ยกเว้นจะเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการนะครับเพราะส่วนมากคนสอบไม่ได้กันเองครับเขารับเยอะอยู่แต่ที่สอบติดกันน้อยๆเพราะสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่เขากำหนด
แต่บางคนเขาเรียนไปทำงานไปก็เยอะครับ(ผมก็เรียนนิติรามจึงทำงานไปเรียนไปได้)ไม่ต้องไปเครียดครับ ถ้าใจรักและชอบก็จงเรียนมันอย่างมีความสุขครับเรื่องงานเป็นเรื่องไม่แน่นอนครับอยู่ที่โอกาสเพราะถ้าคุณเก่งจริงๆเขาก็อยากจะรับคุณเข้าทำงานหมดละครับแล้วถ้าเป็นสายราชการก็ยิ่งง่ายครับเน้นที่การสอบล้วนๆสอบผ่านก็ได้เขาทำงานเลยครับ อิอิอิ
ใช้ชีวิตในทุกๆวันให้มีความสุขอยู่กับปัจจุบันก็พอแล้วค๊าบบบบบบบบบ^^
ผมเป็นคนหนึ่งที่จบนิติศาสตร์มา เกรดเฉลี่ยก็พอใช้ได้ครับ ระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มาเพราะติดเอฟมาหนึ่งตัว(เวรกรรม) จากนั้นผมก็หาฝึกงานตามศาลแล้วในเวลาว่างก็อ่านหนังสือ ท่องตัวบท และเรียนรู้กับงานที่เราฝึก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด นอกจากนี้ผมยังหาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ แม้แต่ชีวิตประจำวัน ผมยังเอาภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้องให้มากที่สุด เช่นฟังเพลง พูดโทรศัพท์ ... สรุปว่าผม ผมจบเนติบัณฑิตได้ในปีเดียว เออ ลืมบอกไป งานที่ผมฝึกในศาล ได้เงินเดือนด้วยนะครับ ( อยากบอกน้องๆว่า ถ้าเรียนจบมาแล้วก็รีบทำงานเถอะครับ อย่าเลือกงาน นอกจากเราจะไม่ลืมความรู้ที่เรียนมาแล้ว มันจะฝึกเราเป็นคนอดทน เข้มแข็งมากขึ้น ) มาเรื่องผมต่อนะครับ พอผมจบเนฯ ผมก็ออกจากศาล เพื่อสมัครงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวคือ งานที่ผมทำก็คือ ที่ปรึกษากฎหมายหละครับ ตอนนี้ทำงานที่นี่มา 2 ปีแล้ว ผมมีความสุขกับงานมาก ไม่คิดว่าวันนี้ผมมีบ้าน มีรถ มีคนยกมือไหว้ มีธุรกิจส่วนตัว ทั้งหมดนี้ผมหามาได้ในระยะเวลาไม่นาน จากคนที่ไม่เคยมีมาก่อน อยากบอกน้องๆที่เรียนนิติศาสตร์นะครับว่า ถ้าเราอดทน เราคิดจะสู้ นั่นคือเราทำได้ ท้อได้แต่ห้ามถอย นึกถึงตนเอง นึกถึงพ่อแม่ให้มากๆ นี่แหละคือกำลังใจ ... ปล.สำหรับนักกฎหมายที่รักรถเหมือนผม อยากบอกว่าแต่ก่อนผมนั่งรถตู้บ้าง โหนเมล์บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ผมขับแลมโบได้ มองผมเป็นตัวอย่างนะครับ เอามันมาขับให้ได้ สู้ตาย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?