Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ช่วยถอดคำประพันธ์ บท " ยามมืด " ขอบคุญล่วงหน้าค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
บท " ยามมืด "

      ยามมืดใช่มืดแท้   ทุกสถาน
ดูสิเมื่อรัตติกาล             หม่นเศร้า
ดาวศุกร์กลับชัชวาล       สุกสว่าง
แม้บ่มีจันทร์เจ้า             ใช่ว้างหวาดหวิว

        คราหิวใช่จักต้อง    เสียศรี
อุทกกลั้วนาภี                อยู่ได้
เย็นซ่านผ่านอินทรีย์       พอชื่น จิตนา
แม้มิได้อิ่มไซร้             ใช่ต้องวางวาย

        พรากหายใช่พรากร้าง     นิรันดร์กาล
มีพรากมีพบพาน                    เพื่อนพ้อง
ชิงโศกโศกพาผลาญ               เผาจิต
วันหนึ่งนั้นจักต้อง                   กลับร้ายกลายดี

        ถึงทีสบเหตุร้าย             แรงเข็ญ
พึงพินิจนั่นใช่เป็น                  สิ่งร้าย
พักหนึ่งจึ่งจิตเย็น                   ระลึกอยู่ เถิดรา
รู้แยกรู้ยักย้าย                      จักได้ทางเกษม

        จุ่งเปรมปรีติด้วย            ปัจจุบัน
ศานติอยู่คู่กัน                       แกร่งกล้า
เพียรระลึกรู้ทันในเหตุ             ผลนอ
โลกทัศน์จักเจิดจ้า                 แจ่มด้วยปัญญา


ขอบคุณมากๆน่ะค่ะ^^

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

สวนฯโดม 27 พ.ค. 53 เวลา 23:29 น. 1

บทแรกพูดถึงว่า ในความมืดมิได้มืดมิดไปซะหมด ลองมองดูไปในเวลากลางคืน ยังมีแสงสว่างจากดาวศุกร์ส่องสว่างอยู่ ถึงไม่มี ดวงจันทร์ก็ใช่จะโดดเดี่ยวอีกต่อไป

บทสองว่าด้วยถึงจะหิวแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียศักดิ์ศรีเพียงแค่มีน้ำประทังชีวิตก็อยู่ได้ ให้ความเย็นของน้ำผ่านร่างกายพอชื่นใจ ถึงไม่อิ่ม แต่ก็อยู่ได้ไม่ตาย

บทสาม พรากหายไม่ใช่การพรากจากไปตลอดกาล ในชีวิตเราก็ต้องมีพบมีพรากกับเพื่อนพ้องบ้างเป็นธรรมดา มัวแต่เศร้า ความเศร้านั้นจะทำร้ายจิตใจเราไม่ว่ายังไงซักวันหนึ่งทุกอย่างจะกลับร้ายกลายเป็นดีไปเอง

อะ ช่วยแล้วนะครับ อีกสองบทลองแปลเองวิครับ อิอิ

0
PonD- 29 พ.ค. 53 เวลา 16:00 น. 2

บทที่ 4ก็ กล่าวว่าถึงประสบเหตุร้าย ก็อย่าคิดว่านั่นเปนสิ่งร้าย ทำจิตใจให้เย็น สงบและมีสติ
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp รู้จักแยกแยะ และจะพบหนทางแห่งความสุข

บทที่ 5 คือ จงมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน รู้จักสันติ มีความเข้มแข็ง และระลึกรู้อยู่เสมอ ถึงเหตุและผล

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  โลกนี้ก็จะเจิดจ้า และเปี่ยมด้วยปัญญา ค่ะ ^-^"1

0
แล้วไง 20 ก.พ. 56 เวลา 18:07 น. 14

ใช่หรอ บทประพันธ์นี้เค้าพูดถึง การให้กำลังใจไม่ใช่หรอ แบบกว้างๆน่ะ เพราะมืดยังไงก็ยังมีดาวศุกร์สุกสว่าง เมื่อหิวใช่จะต้องอดตาย ดื่มน้ำแทนก็ยังทำให้พออยู่ได้ ประมาณนี้

0
น้ำค้าง 21 มี.ค. 58 เวลา 15:05 น. 17

ใช่เลย โคลงบทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้กำลังใจ ความว่า ยามเมื่อเราไม่มีทางออกก็เหมือนกับความมืดมิดแต่ที่จริงแล้วความมืดนั้นมันไม่มือมิดทุกที่ทุกสถานหรอกปัญหามันต้องมีทางแก้ไข
กวีก็ใช้ความเปรียบอีกว่า ความมืดก็เหมือนกับความเศร้า ทุกข์ตรม กวีก็กล่าวให้กำลังใจที่ว่า เออความมืด ความเศร้านั้นอ่ะ ไม่มืดไปทุกแห่งหรอก ดาวศุกร์อ่ะมันยังมีแสงสว่างเพราะอาศัยแสงสว่างเลย แม้ว่าไม่มีดวงจันทร์ที่ส่องสว่างให้นั้น ใช่ว่าจะอ้างว้างมืดมิดไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างมีสองแง่มุม มีมืดต้องมีสว่าง มีเศร้าต้องมีสุข ควบคู่กัน

0
น้ำค้าง 21 มี.ค. 58 เวลา 15:13 น. 18

มาดูบทที่ 4 กันบ้างนะครับ กวีกล่าวเตือนเราว่า ทุกสิ่งที่เราพบเห็นหรือประสบเหตุร้ายนั้น เราควรมีพินิจพิจารณาว่า สิ่งนั้นไม่เป็นเหตุที่ร้ายเสมอไป เราควรทำจิตใจของเราที่ร้อนนั้นให้เย็นลงเสียก่อนระลึกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เราควรรู้จักแยกแยะในเหตุการณ์ที่พบ เราก็จะได้พบกับสิ่งที่ดี มีสุขล้ำไป ไปหนทางไหนก็ไม่ประสบเหตุร้าย กล่าวสั้น ๆ เลยว่า "กวีอยากให้เรามองโลกในแง่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันต้องมีเรื่องดีและเรื่องร้ายแฝงอยู่"

0