2.พระพุทธเจ้าชนะอาฬวกะยักษ์ ตอน เขวี้ยงอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลกในพระพุทธเจ้า
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อไม่ได้ผลอีก อาฬวกยักษ์ก็ทำฝนแผ่นหินให้ตกลงมา ยอดเขาใหญ่ ๆ พ่นควันลุกโพลงมาทางอากาศ ถึงพระทศพลแล้ว ก็กลายเป็นดอกไม้ทิพย์และพวงดอกไม้ทิพย์ แต่นั้น ก็ทำฝนเครื่องประหารให้ตกลงมา อาวุธทั้งหลายที่มีคมข้างเดียว ที่มีคม ๒ ข้าง มีดาบหอกและมีดโกนเป็นต้น ก็พุ่งควันลุกโพลงมาทางอากาศ ถึงพระทศพลแล้ว ก็กลายเป็นดอกไม้ทิพย์
จากนั้นก็ทำฝนถ่านเพลิงตกลงมา ถ่านเพลิงมีสีดังกวาว ก็มาทางอากาศได้กลายเป็นดอกไม้ทิพย์ตกเรี่ยรายอยู่ที่ใกล้พระบาทของพระทศพล
แล้วก็ทำฝนเถ้ารึงตรลบขึ้นมาทางอากาศ ก็กลายเป็นจุณจันทน์ตกลงที่บาทมูลของพระทศพล
อาฬวกยักษ์ยังไม่ยอมแพ้ ก็ทำฝนทรายให้ตกลงมา ทรายละเอียดอย่างยิ่ง พ่นควันลุกโพลงมาทางอากาศ กลายเป็นดอกไม้ทิพย์ตกลงที่บาทมูลของพระทศพล
แล้วก็ทำฝนเปือกตมตกลงมา ฝนเปือกตมนั้นพ่นควันลุกโพลงมาทางอากาศ กลายเป็นของหอมอันเป็นทิพย์ตกลงที่บาทมูลของพระทศพล
แล้วก็บันดาลให้เกิดความมืดมนอันธการ ด้วยหวังว่า เราจะทำให้สมณะกลัวแล้วหนีไป ความมืดมนนั้น เป็นเช่นกับความมืดมนที่ประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงพระทศพลแล้วก็อันตรธานไป ดุจถูกกำจัดด้วยแสงพระอาทิตย์ฉะนั้น.
ภูตเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เลย ดุจแมลงวันไม่อาจเข้าใกล้ก้อนเหล็กที่กระเด็นออก เป็นดังเช่นครั้งคราวที่หมู่มารจะเข้ามาที่โพธิบัลลังค์ก็ไม่สามารถเข้าใกล้พระโพธิสัตว์ที่ประทับนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นได้เลย แต่คราวนี้เหล่าภูตผีต่างกระเด็นออกไปด้วย
อาฬวกยักษ์ได้กระทำความวุ่นวายต่าง ๆ อยู่ประมาณครึ่งคืน เมื่อไม่อาจทำพระผู้มีพระภาคเจ้าให้หวั่นไหวได้ แม้จะพยายามแสดงสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากมายล่วงไปอย่างนี้แล้ว จึงคิดว่า ทำไฉนหนอ เราจะพึงปล่อยทุสสาวุธ ซึ่งใครไม่พึงชนะได้.
( หมายเหตุ :
มีกล่าวไว้ในอรรถกถาว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในโลกมี ๔ อย่าง คือ วชิราวุธของท้าวสักกะ 1 คทาวุธของท้าวเวสวัณ 1 นัยนาวุธของพระยายม 1 ทุสสาวุธของอาฬวกยักษ์ 1
ถ้าท้าวสักกะทรงพิโรธแล้ว พึงประหารโดยวชิราวุธบนยอดเขาสิเนรุแล้ว วชิราวุธนั้นก็จะพึงชำแรกภูเขาสิเนรุซึ่งสูงหนึ่งแสนหกหมื่นแปดพันโยชน์ ลงไปถึงข้างล่างได้
(อ่านแล้วก็เข้าใจว่า ทำไมเหล่าอสูรจึงกลัวที่ท้าวสักกะโกรธกัน ก็สามารถส่งอาวุธลงไปทำลายได้ถึงวิมาณเลย)
ส่วนคทาวุธที่ท้าวเวสวัณปล่อยในกาลที่ตนยังเป็นปุถุชนนั้น สามารถทำลายศีรษะของพวกยักษ์หลายพันแล้วได้ในคราวเดียว กลับมาสู่กำมือตั้งอยู่อีกได้
(อ่านแล้วเข้าใจเลยว่า ทำไมท้าวเวสสุวรรณจึงปกครองเหล่ายักษ์ที่เกเรได้ ส่วนที่ว่าในสมัยที่เป็นปุถุชนนั้น เพราะท้าวเวสสุวรรณตอนนี้เป็นพระโสดาบันตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้แล้ว ที่จริงท้าวสักกะก็เป็นพระโสดาบันแล้วด้วยเช่นกัน)
ถ้าพระยายมพิโรธแล้ว สักว่ามองดูด้วยนัยนาวุธ กุมภัณฑ์หลายพันก็จะลุกเป็นไฟพินาศ ดุจหญ้าและใบไม้บนกระเบื้องร้อนฉะนั้น
(อ่านแล้วก็เข้าใจเลยครับว่า ทำไมพระยายมจึงคุมเหล่ากุมภัณฑ์ได้ เพียงแค่มองด้วยนัยตาพิฆาตเมื่อโกรธเท่านั้นเอง ไหม้เป็นจุณได้เลย)
อาฬวกยักษ์โกรธ ถ้าปล่อยทุสสาวุธในอากาศแล้ว ฝนก็ไม่พึงตกตลอด ๑๒ ปี ถ้าปล่อยในแผ่นดินไซร้ วัตถุมีต้นไม้และหญ้าทั้งปวงเป็นต้น ก็จะเ่ยวแห้งไม่งอกอีก ภายใน ๑๒ ปี ถ้าพึงปล่อยในสมุทรไซร้ น้ำทั้งหมดก็พึงเหือดแห้งดุจหยาดน้ำ ในกระเบื้องร้อน ฉะนั้น ถ้าจะพึงปล่อยในภูเขาเช่นกับเขาสิเนรุไซร้ ภูเขาก็จะเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ กระจัดกระจายไป. )
อาฬวกยักษ์นั้นเมื่อจะปล่อยทุสสาวุธอันมีอานุภาพอย่างนี้ จับยกชูขึ้น เหล่าเทวดาทั้งหลายในหมื่นโลกธาตุ ก็รีบมาประชุมกันด้วยคิดว่า วันนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรมานอาฬวกะ พวกเราจักฟังธรรมในที่นั้น เทวดาทั้งหลาย แม้ใคร่จะเห็นการรบ ก็ประชุมกัน อากาศแม้ทั้งสิ้นก็เต็มด้วยทวยเทพด้วยประการฉะนี้
อาฬวกยักษ์ลอยตัวขึ้นเบื้องบนในอากาศในที่ใกล้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วปล่อยทุสสาวุธลงมายังพระพุทธเจ้า ทุสสาวุธนั้นทำเสียงดังน่าสะพรึงกลัวในอากาศ ดุจอสนิจักรพ่นควัน ลุกโพลง เมื่อมาถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็กลายเป็นผ้าเช็ดพระบาทตกอยู่ที่บาทมูล
อาฬวกยักษ์เห็นดังนั้น ขนาดอาวุธที่ตนมีทรงอานุภาพยิ่งขนาดนั้น ยังไม่สามารถทำอะไรพระพุทธเจ้าได้เลย อาฬวกยักษ์จึงหมดเดชหมดมานะถือตนว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว ดุจโคอุสภะตัวใหญ่ที่มีเขาขาดแล้ว ดุจงูที่ถูกถอนเขี้ยวเสียแล้วฉะนั้น เป็นผู้มีธง คือ มานะที่ถูกนำออกเสียแล้ว คิดว่า แม้ทุสสาวุธไม่ทำให้สมณะกลัวได้ เหตุอะไรหนอจึงเป็นเช่นนั้น ก็ได้เห็นเหตุว่า สมณะประกอบด้วยเมตตาวิหารธรรม จึงคิดเอาชนะว่า เอาเถอะ เราจะทำให้สมณะนั้นโกรธแล้ว จักพรากเสียจากเมตตา ถ้าพรากจากเมตตา มีความโกรธเราจะจับกินเสีย
PS. ขอบคุณจ้ะ
2 ความคิดเห็น
เคยอ่าน เบญจวุธร้ายทั้ง5 มี ผ้าโพกหัวอาฬยักษ ตาที่สามพญายม และอาวุธของพระอินทร์
PS. หญิงพรหมจารีหายากยิ่ง ขออุทิศทั้งชีวิตเพื่อหาสาวพรหมจารีมาเคียงกาย
สาธุกาลพระผู้มีพระภาคเจ้า พระโพธิสัตว์ผู้โปรดหมู่สรรพสัตว์ตลอดจนเวนัยสัตว์ทั้งน้อยใหญ่ที่มีกายแลไม่มีกาย ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นและทุกๆพระองค์ทรงพระเจริญด้วย อายุวัณโณสุขังพลัง ขอพระมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้คุ้มครองสรรพสัตว์สรรพสิ่งได้บรรลุซึ่งตบะเดชเดชาฌานญาณบารมีและฌาณปัญญาอันหาที่สุดมิได้ ในทุกที่ทุกสถานทุกภพภูมิไม่ว่าจักเป็นโลกธาตุใดๆจักกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านโลกธาตุก็ตามแต่ขอบารมีธรรมแห่งพระพุทธองค์คือพุทธันดรสิตอยู่ที่นั้นทั้งใกล้สุดสถิตจิตสถิตใจสถิตกายทั้งไกลสุดที่มองเห็นก็ดีมองไม่เห็นก็ดี ให้พรึงมีไออุ่นพุทธองค์ห้อมล้อมสรรพสัตว์สรรพสิ่งผู้สมบูรณ์ด้วยโภคาโภคทรัพย์ทั้งปวงทั้งจิตใจและกายาก็ดีผู้ขาดไร้ไม้หมอนเสื่อนอนทั้งบกพร่องด้านจิตใจแลกายาก็ดี ขอบารมีพุทธธรรมทรงชี้นำสอนสั่งให้ฟื้นตื่นคืนใจธรรมเป็นหมู่มวลสรรพสัตว์สรรพสิ่งผู้ครองสุขในทุกที่ทุกสถาน ดั่งนิยามแห่งพระศรีสิทธิ์พระมหาโพธิเทพรัตนบัลลังกรบัลลังกาลครองบัลลังก์โปรดหมู่สรรพสัตว์สรรพสิ่ง ขอบารมีธรรมแห่งพระศรีอริยะเมตตรัยทรงคุ้มครองบิดามารดาครูอุปัชฌาจารย์ครูบาอาจารย์ตลอดจนข้าพเจ้าและครอบครัวทั้งหมู่มิตรหมู่สหายทั้งที่รู้จักก็ดีไม่รู้จักก็ดี ทั้งที่ไกลก็ดีใกล้ก็ดีที่มีกายก็ดีไร้กายก็ดีให้มีสุขสถิตมั่นอยู่เบื้องจิตเบื้องใจเบื้องกายาในทุกภพทุกภูมิทุกที่ทุกสถานทุกแห่งหนแห่งโลกธาตุทั้งปวง แม้เจ้ากรรมนายเวรแห่งข้าพเจ้าและเจ้ากรรมนายเวรแห่งสรรพสัตว์สรรพสิ่งให้ได้รับกุศลธรรมอันพิสุทธิคุณยิ่งแห่งพระพุทธองค์ทุกๆพระองค์ตามกาลที่ผ่านมาและอนาคตกาลเบื้องหน้า สาธุ สาธุ สาธุ นะมะพะธะ นะโม พุท ธา ยะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?