Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เปิดใจจากรุ่นพี่คณะเภสัชศาสตร์ ถึงน้องๆเด็กแอด54ค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะน้องๆเด็กแอด54ทุกคน
ตอนนี้อ่านหนังสือเป็นไงกันบ้างคะ อดทนหน่อยนะคะ อีกแป๊ปเดียวเท่านั้น ^^

พี่เป็นเด็กแอดรุ่น53นะ รุ่นผ้าปูโต๊ะนั่นเอง
ตอนนี้เรียนอยู่คณะเภสัชศาสตร์จ้า

พี่มีเรื่องอยากคุยกับน้องๆ แบบเปิดอกเลยล่ะ
เกี่ยวกับการเรียนในคณะเภสัชศาสตร์นะ
เด็กแอดหลายๆคนคงสนใจอยากเรียนเภสัชเนอะ

มีความคิดเกี่ยวกับเภสัชกันว่าอย่างไรบ้างจ๊ะ?
ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนี้จริงๆบ้างหรือยัง
ว่าเราชอบจริงๆไหม

พี่จะเล่าให้ฟังคร่าวๆนะ
เภสัชศาสตร์จะแบ่งออกเป็น2สายด้วยกัน
คือ1 pharm d. คือเรียนเกี่ยวกับคลินิก จบมาก็ทำงานเกี่ยวกับผู้ป่วย ส่วนใหญ่จะทำงานใน รพ.
2 pharm sci. คือเน้นเกี่ยวกับการผลิตยา กะวิเคราะห์ยา ปรุงยาอะไรแบบนี้ ทำงานในโรงงาน  ห้องวิจัย
แต่จบมาแล้วทั้งสองสายสามารถทำงานข้ามสายได้หมดเลยจะ แต่คือจะเน้นการเรียนไปคนละด้านเท่านั้น

พี่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนๆให้ฟังนะจ๊ะ
คือเหตุผลของหลายๆคนเลยที่เลือกเรียนคณะเภสัชที่พี่ถามเพื่อนๆคือ "อยากรวย อยากมั่นคง" คงหนีไม่พ้นอะเนอะเพราะยุคนี้มันยุคทุนนิยม ต้ิองใช้เงินกันทั้งนั้น ซึ่งข้อนี้ก็ปฎิเสธไม่ได้เลย

แต่เมื่อเข้ามาเรียนจริงๆแล้ว มันก็ทำให้ได้รู้ความจริงหลายๆอย่างเลยที่ไม่เคยมีใครบอก ไม่เคยได้รู้ก่อนจะก้าวเข้ามาํํYY
คือเรียนเภสัชตอนนี้ต้องเซ็นต์สัญญานะ แต่เป็นสัญญาเพียงฝ่ายเดียว ง่ายๆเลยก็คือถ้าเขามีตำแหน่งว่างเขาก็เรียกเราไปทำงาน แต่ถ้าไม่ว่างเราก็ต้องหางานเอง และเมื่อเขามีตำแหน่งว่างเรียกเราไปเราก็ต้องไปทำ แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะมีงานให้เราทำมั๊ย ตอนจบมา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ยังไงเขาก็ต้องหางานให้เราทำให้ได้
ตอนนี้มีมหาวิทยาลัยที่มีคณะเภสัชศาสตร์ถึง 12แห่ง มีเภสัชกรจบมาปีละหลักพันคน แล้วงานตอนนี้ เอาตามความจริงเลยนะ ไม่มีปิดบัง ที่พี่ได้ฟังมาจากรุ่นพี่ที่กลับมาบรรยาย งานมันเริ่มตันแล้วล่ะ! คือคิดดูสิตอนนี้ร้านยาขึ้นเป็นดอกเห็ด ยิ่งกว่าเซเว่นอีกมั้ง แล้วคนจบมาปีนึงก้เยอะมากๆ งานในรพ.ก็มีตำแหน่งจำกัดใช่มั๊ย? งานในโรงงานก็มีจำกัดอีก ถ้ายุคแรกๆ ยอมรับว่าเภสัชเป็นอาชีพที่เฟื่องฟูมาก แต่ดูตอนนี้สิ จบมากี่รุ่นแล้ว แล้วคนที่เป็นเภสัชกรอยู่ก็ไม่ได้ไปไหน ก็ยังคงประกอบอาชีพอยู่ ไม่เคยมีใครบอกเลยใช่มั๊ยก่อนจะเลือกเข้ามาเรียนYY
ตอนนี้เภสัชต้องเรียน6ปีแล้วนะ ซึ่งเท่ากับแพทย์และทันตะ (เมื่อก่อนเภสัชเรียน5ปีนะจ๊ะ) และเอาจริงๆเลย การเรียนก็ไม่ได้เบาไปกว่าแพทย์และทันตะเลยYY คือก็ต้องเน้นด้านวิทยาศาสตร์เหมือนกัน และจำเรื่องตัวยาซึ่งมีเยอะมากๆด้วย คือเรียนหนักพอๆกันหมด ทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ
รุ่นพี่ที่กลับมาบรรยายที่คณะเล่าให้พวกพี่ๆฟังว่า เรียนเภสัชทางเดียวที่จะรวยได้มากๆคือ เป็นดีเทลยา ซึ่งการจะเป็นดีเทลได้เนี่ยน้องต้องเจ๋งจริงนะ ต้องทำกิจกรรม สร้างconnectionกับรุ่นพี่ ต้องเก่ง และมีส่วนน้อยมากๆที่โชคดีได้เป็น แต่ก็ต้องใจรักอีกนั่นแล่ะ เพราะตามความจริงเลยดีเทลสมัยนี้ก็ต้องเทคแคร์ดูแล และเข้าถึงแพทย์ด้วย ถ้าใจรไม่ชอบแบบนี้ก็ทำได้ยากอ่ะ คงอึดอัด และการเปิดรับสมัครดีเทลจริงๆก็ต้องคอยดูว่ามีบริษัทไหนต้องการบ้าง บางทีอาจโชคดีมีตัวยาใหม่ๆเข้ามา แต่ก็น้อยแล่ะ


ที่พี่มาเล่าอย่างนี้เพราะพี่อยากให้น้องๆที่จะเลือกเรียนเภสัชเลือกเพราะรักในวิชาชีพนี้จริงๆ เพราะอาชีพเภสัชก็ไม่ได้สบายไปกว่าอาชีพอื่นๆเลย น้องก็ต้องเรียนอย่างหนักหน่วงเหมือนกับหมอและทันตะระยะเวลา6ปีเหมือนกัน จบมางานก็ไม่ได้กว้างขวาง ตอนนี้ก็เริ่มตันๆแล้วด้วยสิ แล้วก็ไม่อยากให้น้องๆเลือกเรียนเภสัชเพราะอยากรวย อยากมั่นคง เท่าที่พี่เล่าให้ฟังก็คงพอจะรู้เหตุผลแล้วเนอะ อยากให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับคณะดีดีก่อน ไม่อยากให้เป็นอย่างเพื่อนๆพี่ ซึ่งตอนนี้หลายๆคนหลายคนมากๆๆในคณะพี่ก็อยากซิ่วไปเรียนหมอและทันตะ ซึ่งจะเข้าคณะแพทย์ ทันตะอาจจะต้องอ่านหนังสือเหนื่อยและหนักกว่าก็จริง เพราะคะแนนสูงกว่า แต่ก็แค่อึดใจเดียวในช่วงนี้เท่านั้น แต่จบมา มันคุ้มค่าไหม? คุ้มกับหยาดเหงื่อที่หายไปหรือเปล่า? ไม่อยากให้น้องๆต้องมาเสียเวลาไปปีนึง กับการเรียนที่คิดว่าไม่ใช่ไม่เหมาะกับเรา ไม่ได้รักจริงๆ หรือคิดว่าตัวเองเรียนได้ จบมาก็มีงานทำดีกว่าอาชีพอื่นๆ หรือจบมาแล้วอยากรวยถ้าเลือกเพราะอยากรวยพี่ว่าเภสัชศาสตร์ไม่ใช่คำตอบที่ดีเลย อยากให้น้องเลือกเพราะรักความเป็นเภสัชศาสตร์จริงๆมากกว่า เช่นพี่ พี่รักความเป็นเภสัชศาสตร์มากๆพี่ชอบเกี่ยวกับตัวยา ศึกษามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อ่านส่วนประกอบยา  เครื่องสำอางอะไรแบบนี้ อยากผลิตยาจริงๆ พี่จึงยืนหยัดที่จะเรียนเภสัชศาสตร์ต่อไป! เพราะเรียนเภสัชนี้ก็ต้องเหนื่อยและมีความอดทนมากๆ อ่านหนังสือเยอะมากๆนะ  ถ้าไม่รักจริงๆก็คงอึดอัดล่ะที่ต้องเรียน
และสำหรับน้องๆที่ไม่ติดแพทย์และทันตะที่คิดว่าจะเข้ามาเรียนคณะเภสัชศาสตร์เพื่อรอซิ่ว (เคยได้ยินมั๊ยเภสัชเป็นคณะรองรับคนผิดหวังจากแพทย์และทันตะ ตอนแรกพี่ก็ไม่เชื่อนะเพราะพี่เข้ามาเรียนเภสัชเพราะอยากเรียนจริงๆ แต่เข้ามาแล้วก็รู้อ่ะ ต่างคนต่างพลาดจากแพทย์และทันตะเป็นส่วนมาก TT) ก็ขอให้คิดดีๆนะจ๊ะ เพราะเข้ามาปี1กิจกรรมเยอะมากๆๆๆ ต่างกับม.ปลายมากๆเลยล่ะ เพื่อนๆปี1คงรู้ดีี และคณะเภสัชของทุกมหาวิทยาลัยก็เป็นคณะคนน้อย ซึ่งต้องช่วยกันทำกิจกรรม  คือน้องจะแกล้งตายไม่ช่วยทำมันก็ต้องรู้สึกแปลกๆใช่ป้ะ 555 เพื่อนทำกันทำไมเราไม่ทำ หลายๆคนก็ต้องมองแปลกๆ ก็ขอให้คิดดูดีๆ เพราะรุ่นพี่ปีที่แล้วของคณะพี่ก็ซิ่วไปแพทย์และทันตะได้น้อยมากๆอ่ะT^T ซึ่งต่างกับเด็กที่ซิ่วมาคณะพี่รุ่นนี้ เด็กซิ่วเยอะมากๆซึ่งส่วนใหญ่มาจากคณะวิทยาศาสตร์ เหอะๆ (ติดเยอะจริงๆนะจ๊ะน้องจ๋า)



ที่พี่มาเล่าให้ฟังทั้งหมดเพราะหวังดีจริงๆนะ ไม่อยากให้น้องหลายๆคนต้องมาเป็นแบบเพื่อนพี่ ตอนนี้ก็ต้องอ่านหนังสือสอบของมหาวิทยาลัยซึ่งหนักมากๆ มีนก็สูงลิบ เพราะที่เข้าเภสัชมาก็ระดับหนึ่งแล้วใช่มะ แล้วก็ต้องเตรียมตัวอ่านสอบกสพท.อีก ก็สงสารอ่ะ เห็นมันเหนื่อยกันมากๆ คืออยากให้น้องๆที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบกสพท.ช่วงนี้อยู่ ตั้งใจมากๆนะ เต็มที่ไปเลย พี่อยากให้มันเป็นครั้งเดียวในชีวิตของน้องๆที่ได้สอบกสพท.นะ สอบครั้งแรกก็ติดเลย^^

สำหรับน้องคนไหนที่มีคำถามเกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์ก็ถามพี่ได้นะถ้า พี่ตอบได้ก็จะตอบให้นะจ๊ะ ถ้าน้องคนไหนอยากเข้าคณะเภสัชศาสตร์จริงๆก็ขอให้สมหวัง ติดๆๆกันทุกคนเลยนะ มาเป็นเลือดเขียวมะกอกกันค่ะ^^ แต่ขอให้เลือกเพราะรักในความเป็นเลืดเขียวมะกอกจริงๆนะ เพราะรุ่นพี่ของพี่ก็บอกว่าเรียนหนักและเหนื่อยมากจ่ะ ซึ่งพี่เองก็ต้องเผชิญในปีที่สูงขึ้นT^T น้องคนไหนอยากได้แพทย์และทันตะ ก็สู้ๆๆ  เต็มที่ไปเลย เหนื่อยตอนนี้สบายตอนหลังนะ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยจ๊ะ สู้ๆๆๆค่ะ^^

แสดงความคิดเห็น

>

168 ความคิดเห็น

พี่ลาเต้ Columnist 28 ก.ย. 53 เวลา 00:50 น. 1
ขอบคุณมากๆ คร๊าบ.. น้องแอดฯ 54 คงได้ข้อมูลไปประกอบตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้นเยอะเลย และก็ขอให้ น้อง จขกท. เกรด A ทุกวิชาเลยนะคร๊าบ

หากว่างๆ อย่าลืมแวะมาให้คำปรึกษาดีๆ แบบนี้แก่น้องๆ อีกนะคร๊าบ

0
สักศรี 28 ก.ย. 53 เวลา 07:48 น. 2

พี่เจ้าของกระทู้ครับ ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์มีทั้งหมด 19 แห่งครับ ไม่ใช่ 12

1. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
3. คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่
4. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
5. คณะเภสัชศาสตร์&nbsp ม.ขอนแก่น
6. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร
7. คณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต (เอกชน)
8. คณะเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร
9. คณะเภสัชศาสตร์ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (เอกชน)
10. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี
11. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
12. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหาสารคาม
13. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.พะเยา
14. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สยาม (เอกชน)
15. คณะเภสัชศาสตร์ ม.พายัพ (เอกชน)
16. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์
17. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อีสเทิร์นเอเชีย (เอกชน)
18. คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนเทเรซ่า (เอกชน)
19. คณะเภสัชศาสตร์ ม.บูรพา

ข้อมูลผิดพลาด ยังไงรบกวนพี่เจ้าของกระทู้มาแก้ไขด้วยนะครับ ไม่งั้นคนที่ผ่านมาอ่านเข้าใจผิดหมดนะครับ

0
ManthO 28 ก.ย. 53 เวลา 08:59 น. 3

ขอบคุณพี่มากนะคะที่มาแบ่งปันประสบการณ์
อยากเรียนเภสัชมากๆๆๆๆๆๆ
^_____________^

0
frozen-sn 28 ก.ย. 53 เวลา 10:07 น. 4

อย่างนี้เครียดเลย...เป็นโรคเเพ้ตำราเรียนซะด้วยสิ! T^T!!


PS.  ◄I Love U just the way U R► ~♥ ||...ความฝันเเละอนาคตต้องไปด้วยกัน!|| ♥~
0
frozen-sn 28 ก.ย. 53 เวลา 10:14 น. 5

พี่ๆๆ...พี่เรียนที่ไหนอ่ะ???


PS.  ◄I Love U just the way U R► ~♥ ||...ความฝันเเละอนาคตต้องไปด้วยกัน!|| ♥~
0
peenut_forever 28 ก.ย. 53 เวลา 12:04 น. 7

พี่ก็เป็นคนนึงที่เรียนคณะเภสัชศาสตร์ ตอนนนี้พี่อยู่ปี 3 เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนที่แรกที่เปิดคณะเภสัชศาตร์ พี่เองเป็นรุ่นสุดท้ายที่เรียนหลักสูตร 5 ปี (ตอนนี้ปี 1 กับปี 2 ก็เป็นหลักสูตร 6 ปี) ถ้าถามว่าเข้าไปต้องเจออะไรบ้าง บอกได้เลยว่าเยอะมาก ถ้าปี 1 ก็เป็นสายวิทย์ทั่วไป เหมือนกับน้องมานั่งเรียนวิทย์ม.ปลายอีกรอบ ==" พอขึ้นปีสองน้องก็ตะเจอวิชา botany เป็นวิชาเกี่ยวกับ ต้นไม้ ==" มันไม่ใช่แค่พืชใบเลี้ยงเดี่ยว ใบเลี้ยงคู่ ทั่วไป แต่ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ไหนจะการเรียงตัวของเส้นใบ ลักษณะของผล ลักษณะของดอก การเรียงตัวในรังไข่ และ ชื่อวิทย์ ชื่อวงศ์ ส่วนที่ใช้ สารสำคัญที่มี ขอบอกว่า ท่องค่ะ ท่องเท่านั้น ใครความจำเป็นเลิศ ถือว่าได้เปรียบค่ะ กว่าจะมาเทอมสองได้ แทบกระอัก แต่การท่องวิชา botany มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าน้องมาสามารถผ่านมาเทอมสองได้ ก็จะเจอกับ pharmaceutic มันออกแนวเรียนเกี่ยวกับส่วนประกอบในยาและการคิดค้นสูตรยาประมาณนั้น ซึ่ง pharmaceutic จะตามน้องไปเรื่อย ๆ จนถึงปี 4 ค่ะ แล้วถ้าขึ้นมาปี 3 ได้ จะเจอกับ การท่อง ขอจริง เพราะ พี่ว่า botany ท่องเยอะแล้วนะ แต่ pharmacog นี้มากกว่า botany ประมาณ 10-30 เท่า ==" แล้วไหนจะ  Lab QC สุดโหด TT^TT (บางคนอาจไม่เข้าใจพี่จะอธิบายว่า ถ้าจะไปเรียนปีสองเทอมสอง น้องต้องผ่าน ฟิเคม ให้ได้ แล้วการที่น้องจะขึ้นปีสามได้ วิชาคณะน้องได้เกรดอย่างต่ำ C และ เกรดวิชา anatomy biochem physio ต้องมาเฉลี่ยรวมกันแล้วได้อย่างต่ำ C และ น้องต้องเก็บพวกวิชาเลือกต่างๆ ให้ครบ ถึงจะมีสิทธิ์ผ่าน และทุกวิชาตัด F ที่ 50 ค่ะ TT^TT) พูดมาเยอะ พี่ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนเน้อ โชคAทุกคนค่ะ 

0
นางสาวกุ๊ยช่ายทอด 28 ก.ย. 53 เวลา 12:26 น. 8
น้องคนเขียนค่ะ น้องเป็นเด็กแอดปี 53 แสดงว่าน้องเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง

มุมมองของน้องเป็นแค่เรื่องที่คนเล่าให้น้องฟัง ไม่ใช่น้องประสบมากจริงๆ

บางทีน้องอาจจะมองอะไรแง่เดียว บางอย่างที่น้องเขียนมามันอาจจะถูก

แต่มันไม่ได้หมายความอย่างที่เขียนไปซะทุกอย่าง

ในฐานะที่พี่เป็นรุ่นพี่ ปีสูงกว่าน้อง และวิชาชีพเดียวกัน

พี่ว่าการที่น้องมาเขียนมันให้ความรู้ดี แต่บางครั้งทุกอย่างไม่ได้ดีแค่ด้านเดียว

เรื่องเซเว่น ถ้าน้องได้เรียนสูงกว่านี้ น้องจะรู้ว่า

ทางสภาเภสัชกรรมต่อต้านเพราะมันเหมือนลดบทบาทวิชาชีพเภสัช

มันเป็นแค่แนวโน้ม ที่ทางเซเว่นพยายามทำธุรกิจใหม่ๆ

แต่ก็เป็นแค่สิ่งที่เค้าพยายามทำ แต่ยังไม่ได้ทำ เพราะมีคนคัดค้านมากมาย

จริงๆแล้วทุกอย่างมันมีลึกติ้น บางหนามากมาย

น้องดีแล้วที่ออกมาเขียน แต่บางทีมันมีอะไรมากกว่าแค่ที่น้องได้ฟังมานะคะ


อย่างเรื่องสัญญา มหาวิทยาลัยแต่ละที่ก็มีข้อกำหนดต่างกัน

ที่ต้องมีสัญญาออกมา น้องก็รู้ว่าคนจำนวนมากพักใจ มาเรียนเภสัช อาจเพราะอกหักจากหมอ จากทันตะ

มันเป็นการกั๊กที่คนอื่นน้องรู้ไหม อีกทั้งมันเป็นการทำให้เสียโอกาส ทั้งที่สถาบันและเด็กคนอื่นๆ

และในสัญญามันมีข้อตกลงไม่เหมือนกันนะค่ะ

อย่างของมหาวิทยาลัยพี่ก็ทำสัญญาโดยรุ่นที่พี่จบ จะต้องทำงานรัฐบาลจำนวนยี่สิบคน

โดยอาจเป็นความสมัครใจหรือคัดเลือก

และสายเภสัชก็มีทั้ง ชุมชม คลินิก ฟามไซย์ และปัจจุบันมีเพิ่มเข้ามาคือ pharm informatic

โดยแต่สายก็ทำงานต่างกันไป อาจจะทำงานโรงพยาบาล โรงงาน หรือร้านขายยา

ส่วนดีเทล น้องรู้ไหมค่ะ ไม่ต้องจบเภสัชก็ทำได้ แต่ถ้าเป็นเภสัชจะมีเครดิตที่ดีกว่า

อย่างไรแล้วพี่ว่าเหตุผลที่แต่ละคนอยากเรียนเภสัชไม่เหือนกัน

แต่อย่างไรแล้ว ถ้าอยากเรียนก็ตั้งใจน่ะค่ะ สู้ๆค่ะ
0
donut2532 28 ก.ย. 53 เวลา 12:43 น. 9

1. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
3. คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่
4. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
5. คณะเภสัชศาสตร์&nbsp ม.ขอนแก่น
6. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร
7. คณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต (เอกชน)
8. คณะเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร
9. คณะเภสัชศาสตร์ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (เอกชน)
10. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี
11. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
12. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหาสารคาม
13. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.พะเยา
14. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สยาม (เอกชน)
15. คณะเภสัชศาสตร์ ม.พายัพ (เอกชน)
16. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์
17. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อีสเทิร์นเอเชีย (เอกชน)
18. คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนเทเรซ่า (เอกชน)ยังไม่รองรับ........เอามานับด้วยเหรอ
19. คณะเภสัชศาสตร์ ม.บูรพา

0
~เีดียวดาย~ 28 ก.ย. 53 เวลา 12:45 น. 10

มีเด็กที่เรียนเภสัช แล้วซิ่วไป แพทย์ ทันตะ ปี ละประมาณกี่คน


PS.  http://writer.dek-d.com/blessemblet/writer/view.php?id=508516 เรื่องราวการเตรียมพร้อมการเอนท์
0
donut2532 28 ก.ย. 53 เวลา 12:59 น. 12

 เเสดงว่าน้องเรียนปี1 ใช่ไหมครับ คนเขียนเรียนนิเทศเภสัชหรือยัง ครับ เเล้วตำเเหน่ง.........ที่มันตัน.......หมายความว่ายังไงครับ
น้องรู้งานเภสัชกรรมชุมชนมากเเค่ไหนครับ น้องรู้จัก GPPไหม........น้องเเค่ปี1ยังประสบการณ์ไม่เยอะมากน้องอาจจะมองมุมเเคบ.....
เกินไป งานบริบาลเภสัชกรรมยังไม่มีเภสัชกร.......มาทำเลยครับ........วุ่นๆทั้งจ่ายยา.....น้องเคยเหงเค้ารับสมัครกันไหมครับ รับกันอยู่ทุกวันๆ
น้องอย่าเอาความคิดน้องยังเเคบของน้องมาบอก......ให้คนอื่นที่จะเค้าได้รับรู้เเก่วิชาชีพเภสัชกรรมว่ามันเปงอย่าไร ต้องอฺบายให้มุมมองที่กว้าง
เเละนโยบาลอนาคตเภสัชกรรมเป็นอย่างไรในอนาคต น้อง......ต้องศึกษาหาความรู้มากกว่านี้จากหลายทาง ร้านยาตอนนี้มีเภสัชเเค่3000จาก10000
น้องเอ๋ยเภสัชไปไหนหมดน้องรู้ไหม ไม่รูเดียวพี่บอกให้.............



0
เขียวมะกอก 28 ก.ย. 53 เวลา 13:01 น. 13

ขออภัยนะคะสำหรับเรื่องข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะเภสัชศาสตร์
แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่นำข้อมูลจริงมาแก้ไขให้:)

แต่ถ้าจะแก้ไขข้อความในกระทู้ต้องเป็นสมาชิกหรือเปล่าคะ พี่ไม่แน่ใจ

สำหรับพี่ คห.8นะคะ
คือหนูก็พอทราบมาเหมือนกันค่ะว่า ซีพีมีโครงการจะทำร้านขายยาในเซเว่น
หนูก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยที่จะคัดค้านเรื่องนี้ เพราะมันลดบทบาทวิชาชีพเภสัชจริงๆค่ะ
แต่อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้หรือเปล่าคะในยุคอย่างนี้ ยุคทุนนิยม
บางคนอาจมองว่าเป็นแง่ดี คือเภสัชกรมีอาชีพเพิ่มขึ้น
แต่อีกแง่ เภสัชกรก็ถูกลดบทบาทจริงๆแล่ะ

ข้อมูลทั้งหมดที่เล่ามา อยากให้เป็นข้อมูลเพียงเบื้องต้นเฉยๆ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกคณะ
อยากให้น้องๆที่สนใจจริงๆได้รู้ข้อมูลในมุมมองที่แตกต่าง
ข้อมูลต่างๆที่พี่ได้ทราบก็มีจากการบรรยายของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วในวิชาคณะ ประสบการณ์ตรงจากรุ่นพี่ที่ยังเรียนอยู่
ความคิดเห็นของเพื่อนๆชั้นเดียวกัน (คือเอาตามจริงนะ เพื่อนพี่หลายคนก็อยากหาความมั่นคงในชีวิตนั่นแล่ะ คนที่คิดว่าตัวเองเรียนไหว ยังมีไฟ และไม่ได้รักในวิชาชีพนี้จริง ก็อยากจะได้อะไรที่สูงกว่ามั่นคงกว่า YY )
และถ้าหลายคนได้รู้อย่างนี้แล้ว ก็คงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเพิ่มขึ้นนะพี่คิดว่า
จะได้รู้อะไรหลายๆอย่างเลยไม่ใช่แค่เพียงว่าเรียนอะไรบ้าง จบไปทำอะไร
แต่อยากให้คิดไปถึงสังคม สิ่งแวดล้อม มุมมองต่างๆ ระยะทางก่อนจะถึงฝัน มันไม่ใช่ง่ายๆเลย
กอปรกับการเลือกคณะในอีกหลายๆคณะ ว่าเราชอบจริงๆหรือเปล่า? มันใช่ทางของเรามั๊ย?
ถ้าเรียนไปแล้วไม่ชอบ ไม่ใช่ จะมีความสุขหรอ?
ไม่ใช่แค่ได้ยินเค้าพูดๆกันมา ว่าอาชีพนี้อาชีพนั้น จบมาแล้วสวยหรู
ทุกอาชีพย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ
แต่ถ้าเรารักในอาชีพนั้นจริงๆ ชอบจริงๆ มันก็ทำให้เรามีความสุขที่ได้ทำแล้วใช่มั๊ยคะ

หลายๆคนมีเหตุผลในการเลือกคณะเป็นของตัวเองค่ะ
แล้วพี่มองว่าการเลือกคณะเรียนเนี่ย เป็นการเลือกครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ
เลยอยากให้น้องคิดให้ถี่ถ้วน (จึงคิดว่าควรนำข้อมูลบางอย่างมาให้น้องๆทราบ ในมุมมองที่แตกต่าง)
เพราะเราอาจจะต้องอยู่กับสิ่งนั้นตลอดไป ทำงานอย่างนั้นตลอด
อยากให้น้องๆตัดสินใจดีดี ดูข้อมูลต่างๆ สอบถามจากคนที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว รับรู้หลายๆมุมมอง ไม่อยากให้น้องต้องมาเสียเวลา
แต่ถ้าเสียเวลาเพียงแค่ปี2ปีเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องอยู่ตลอดชีวิต พี่ว่ามันก็คุ้มนะ และน่าลองอยู่:)

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนเลยนะ รุ่นน้องที่กำลังจะแอดปีนี้ ขยัน สู้ๆๆๆ อีกอึดใจเดียวเท่านั้น อดทนนะคะ ได้ในคณะที่หวังทุกคนเลยนะจ๊ะ
และเพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัวซิ่ว เราเข้าใจมากๆเลย มันเหนื่อยและกดดันกว่าตอนม.6มาก ทั้งวิชามหาลัย ทั้งกิจกรรมคณะ เราเหนเพื่อนเราแล้วก็หนักเอาการค่ะ น่าสงสารมากๆ

อยากให้น้องๆที่แอดรุ่นนี้เห็นใจรุ่นพี่ที่ซิ่วด้วยนะคะ อย่าคิดแค่ว่าพี่เขาจะมาแย่งที่เรา เพราะรุ่นพี่เขาก็เหนื่อยกันมากๆไม่แพ้กันเลยนะ
อยากให้น้องมองว่า
ถ้าพี่เขาต้องเรียนและทำงานในสายอาชีพที่ไม่ชอบตลอดชีวิต จะมีความสุขมั๊ย&nbsp กับการที่ยอมแลกเวลาเพียงเล็กน้อยกับเวลาทั้งหมดของชีวิต เป็นเราเราจะทำยังไง เราจะเลือกยังไง
อยากให้เป็นกำลังใจให้กันเนอะทั้งรุ่นน้องที่จะแอด และรุ่นพี่ที่จะซิ่ว เพราะยังไงเป้่าหมายของพวกเราก็เป้าหมายเดียวกันอยู่แล้ว:))

0
เมย์ 28 ก.ย. 53 เวลา 13:30 น. 14

เรียนเภสัชหนักมากๆๆๆปี4แล้ว

จะตายอยู่แล้ว T_______T

จบมาก็ไม่รู้จะทำไรดี ไม่อยากเป็นเภสัชกรร้านบู้ทน๊า ><101

0
[I]-Fame 28 ก.ย. 53 เวลา 13:32 น. 15

ขอแก้เรื่องสาขาหลักนะคับ

ในประเทศไทย

จะมีสองหลักสูตหลักๆนะ ก้อคือ
เภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาเภสัชศาสตร์
วุุฒิที่ได้ Doctor of Pharmacy (Pharmaceutical Sciences) : Pharm.D. (Pharm Sci)
สาขานี้เน้นการวิจัยและพัฒนาเภสัชภัณฑ์
เภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม
วุุฒิที่ได้ Doctor of Pharmacy (Pharmaceutical Care) : Pharm.D. (Pharm Care)
สาขานี้เน้นการบริบาลผู้ป่วย การใช้ยาในผู้ป่วย

ซึ่งก้ออย่างที่บอกทั้งสองหลักสูตรเปน Pharm.D. นะครับ


PS.  >>> Because I'm stupid , stand by Me
0
[I]-Fame 28 ก.ย. 53 เวลา 13:36 น. 16

แล้วน้องเจ้าของกระทู้คับ

วิชา PharmOrient กะการรับน้องประชุมเชียร์เนี่ย

มันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับวุฒิที่ได้อีกเหรอคับ


,,, น้องคนไหนหว่า??


PS.  >>> Because I'm stupid , stand by Me
0
JoKe1412 28 ก.ย. 53 เวลา 13:41 น. 17

มายืนยันให้ คห 16 อีกคนครับ ^^

อืม~  บางความเห็น ไม่ค่อยจะตรงกันซักเท่าไหร่ บางอย่่างก็เป็นเรื่องไม่จริงมากเท่าที่ควร 

ยังไงก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะ 


ปล. อยากรู้เหมือนกันว่าใคร


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 กันยายน 2553 / 14:16
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 28 กันยายน 2553 / 14:17

0
donut2532 28 ก.ย. 53 เวลา 14:23 น. 18

วิชา PharmOrien น่าจะรู้เกียวกับบทบาทของเภสัชนะครับเเละวุติบัตรค่างด้วยนะครับ เเต่ประชุมเชียร์น่าจะไม่มีความรู้มากนัก
ซีพี่เอาจริง ผมเห็นด้วยนะ........ ผมว่าดีกว่าร้านยาที่เภสัชจรรยาบรรณเเย่ๆที่ไปเเขวนป้ายให้หมอตี๋......กว่า7000 ร้าน
เราจะกลับมามาดูตัวเองสักที......ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร........ กลุ่มพวกนี้มีทุนอยู่เเล้วครับจ้างเภสัชได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องมาเเขวนป้ายนับเงินไปวันๆ เพื่อสุขภาพของคนไทยผมเห็นด้วย.......อย่างร้านบูต วัตสัน ทำดีมาก ดีกว่าร้านเภสัช
บ้างคนที่เอาลูกเมีย อาเเปะ อามามาขาย ตัวเองก็นอนเล่น....เเล้วอย่ามาเถียงว่าไม่จริงนะ..........เซเว่นทำก็ดีมากเลยครับ
เมื่อเราไม่เข้มเเข็งให้คนอื่นทำหน้าที่เเทนเรา....มาตลอด20กว่าปี......เราก็คงไปคัดค้านไรไม่ได้หรอก.....เพราะเป็นสิทธิ์ของ
เค้า...... เค้ามองเห็นว่าเภสัชเเขวนป้ายเยอะ เค้าเล่นใช้วิธีนี้เเละเป็นจุดขายว่ามีเภสัชประจำตลอดเวลา......กิจการของเภสัชก็เองก็จะพลอยซวยไปด้วย......เป็นกรรมของเราเองละครับพี่น้องเขียวมะกอก....... เคยนึกไมทำไมต้องมีปายขายยาโดยเภสัชกร เเล้วทำไมไม่ให้คนไข้รู้ว่าต้องซื้อยาหรรือรับบริการเปงหน้าที่ของเภสัชกรโดยตรง โดยไม่ต้องมีป้าย เหมือนหมอที่ไม่ต้องบอกว่ารักษาโดยเเพทยปริญา เเค่คลินิกรู้เลยว่าต้องเป็นหมอ.......ถ้าเราทำได้นะ........อนาคตเภสัชไทยรุ่งเเน่นอน

0
donut2532 28 ก.ย. 53 เวลา 14:29 น. 19

ทำให้พี่เภสัชกรทุกท่านคงตกใจกันหมดนะครับ  เเต่หมึกดำกำลังจะหมายถึงการมาถึงอุปสรรคหลายๆอย่างที่จะทำ

ให้เภสัชกรหลายๆคนจะกำลังจะหมดเเรงเหมือนเพลงพี่อ๊อฟ ปองศักดิ์เอา เนื่องจากหลายปัจจัย หมึกดำจะยกปัจจัยเรานี้ให้พอคราวตาม

ประเด็นวาไรตี้ หลากหลายของหมึกดำ

 1 การเเขวนป้ายของเภสัชกร วันนี้คือเรื่องที่จุดประเด็นที่ทำให้หมึกดำอยากเขียนเรื่องนี้คิดมา พอดีหมึกดำผ่านร้านขายยาเเห่งหนึ่ง

เเล้ว โฆษณาอย่างดีว่าจบPharm D เต่คนขายเป็นผู้หญิงทั้งวันเเต่กลับเขียนบอกว่าเภสัชกรเป็นผู้ชาย เเต่กลับไม่เห็นเภสัชกรทั้งวัน

ร้านนี้ขอไม่เอ๋ยเเต่บอกว่าอยู่ตลาดโต้รุ่งมหาสารคาม ร้านเภสัชกรวัตสัน หรือเค้าจะเป็นกระเทย อันนี้หมึกดำไม่เเน่ใจ เเต่สถติบอกว่าเเน่ๆ ร้านยา

มีทั่วประเทศ14000 ร้านมีเภสัชกรจริง 3000 ร้าน อ้พระเจ้า!   ยังไม่ถึงครึ่งเลยนะนิ เภสัชกรหายไปไหนกันหมด เหตุผลหายเรื่องเงินเรื่องทอง

ง่ายๆไม่ต้องทำไรก้ได้เงิน............เเต่ความจริงเเล้วมันเป็นการทำลายวิชาชีพที่พวกคุณอุตส่ารำ่เรียนมา5-6ปีเเถมยังที่ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ

หนัก หน่วง ต้องอ่านหนังสือไม่ได้หลับไม่ได้นอน หวังเเค่เงินก้อนเดือนเเต่ละเดือนให้คนอื่นที่ไม่มีความรู้ยามาเเย่งบทบาท หน้าที่ของพวกเรา

เเต่ถ้ายังมีอีกผมคิดว่าอีกหน่อยจะต้องมีขายยาโดยกรรมกร เเล้วเพราะเภสัชกรคงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เภสัชกรทั้งหลายคงตกงานเตะฝุ่นกัน

นี้อาจจะเป็นคำพูดที่เเรง!เเต่ผมเห็นว่ามันอาจจะจริงในอนาคต การว่างรากฐานของจรรยาบรรณต้องว่างจากสถานศึกษาเเต่อาจารย์บ้างคนยังเเขวนป้ายเพื่อ เเลกกับเงินเเต่กะนั้นมันสะท้อนได้ว่าอาจารย์ยังทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้ละ ท่าน สิ่งนึงที่ยังคงเป็นปัญหาต่อไปคือ กฏหมายที่อ่อนเเอในเรื่องบทลงโทษ ให้ตายเถอะปรับเเค่1000-5000บาทเเค่เอาเงินเเขวนป้ายให้ก็จบเล้วครับพี่น้อง พักใบประกอบเเค่3เดือน บทลงโทษเเค่ดินประสิว+การตรวจของเจ้าหน้าที่นานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆของ โทษนะครับที่ไม้ยามกเยอะไปหน่อยเเต่ก็บ่งบอกว่านานเเค่ไหนนะครับหมึกดำพูด ตามความเป็นจริงทำให้ใครจะเกร็งกลัวจริงไหมละครับ นี้เเละ.....มี่กล่าวมา......เภสัชกรกำลังจะตาย

2 การผลิตกำลังเภสัชกร ที่มากเกินกว่าความต้องการ คงต้องยอมรับนะครับ หมึกดำก็ยอมรับเหมือนกันว่าปัจจุบันนี้การผลิตบัณฑิตเภสัชศาสตร์อาจจะเยอะไปจริงเมื่อเทียบดูกับกำลังของความต้องการเภสัชกรจริงของทั่วประเทศนะครับ ซึ่งหมึกดำได้หาข้อมูลมาจาก

กระทรวง สาธารณสุขพบว่าอัตราที่จะได้บรรจุรับราชการเข้ากระทรวงได้จริง ไม่ถึง1000 อัตราเท่านั้นเเต่เเต่ปีบัณฑิตจบใหม่มีเกือบ1500คนเเต่อนาคตอาจจะถึง3000คน ในอีกไม่เกิน10ปี ลองดูนะครับถ้ายังเเขวนป้ายอยู่นะครับหมึกดำว่าตำเเหน่งเภสัชกรจะถูกมองข้ามไม่มีใครจ้างเราอีกต่อไป

ตำเเหน่งงานก็จะลดลง การเเย่งงานก็จะมีมากขึ้นวิชาชีพเราก็จะถึงขั้นตกต่ำ จากที่เคยเป็นวิชาชีพคะเเนนสูงต้นของประเทศอาจจะปลาย......เเล้วก้ได้เพราะผมหมึกดำไม่ใช่หมึกพอลนะ!ของทำนายอีกไม่เกิน5ปีจะมีคณะเภสัชศาตร์40เเห่งเเน่นอนเพราะ ราชภัฏจอคิวจะเปิดเเล้วครับพี่น้อง

ทราบกันหรือไหมหรือไม่ได้สนใจจะปกป้องยับยั้งเพื่อวิชาชีพเภสัชกรรมเลย เปิดเยอะไม่กลัวกลัวเปิดเเล้วด้อยหรือต่ำคุณภาพสะมากกว่า

ผมไม่ได้ดูถูกนะครับเเต่มันเป็นจริงสะมากกว่าถ้าคุณที่อำนาจล้นพ้นที่จะสามารถควบคุมการเปิดให้ความต้องการสมดุลกับการผลิตหมึกดำว่าวิชาชีพเภสัชกรรมจะเเข็งเเกร่งมากกว่านี้เเน่นอน จ้างรายได้2-3หมื่น จะไม่เหลือ่7-8พัน ในอนาคตอันใกล้เเน่นอน ...... เดียวผมจะมาเขียนต่อฉบับหน้า......ถ้าเราไม่ช่วยกันวิชาชีพเราอาจจะเป็นดังผมเขียนไว้ก่อนนะครับ


0
[I]-Fame 28 ก.ย. 53 เวลา 15:30 น. 20

รับน้องประชุมเชียร์ คณะเภสัช ของเรา
มีสอนให้รู้จักวิชาชีพ กับประวัติคณะ มหาวิทยาลัย ด้วยนะ


PS.  >>> Because I'm stupid , stand by Me
0