Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เชื่อไหมว่า ทุกคนมีเทวดาประจำตัว คนละ 2 องค์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เชื่อไหมว่า ทุกคนมีเทวดาประจำตัว คนละ 2 องค์

คำถามนี้ คงถามคนที่นับถือศาสนาพุทธนะ เพราะไม่รู้ว่าศาสนาอื่นจะเชื่อหรือเปล่า

แต่ จขกท. เชื่อครับ ว่ามีจริงๆ จากการศึกษาศาสนาเรื่อง "กฎแห่งกรรม" มาพอสมควร

เทวดาองค์นึง จะคอยจดบันทึกความดีของเราในแต่ละวัน จดทุกอย่าง

เช่น ทำบุญตักบาตร ไหว้พระ ไหว้พ่อแม่ รักษาศีล 5 สวดมนต์ นั่งสมาธิ ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น

เทวดาอีกองค์นึง จะคอยจดบันทึกความชั่วของเรา

เช่น กินเหล้า เข้าผับ เที่ยวกลางคืน ขโมยของ ทำร้ายผู้อื่น คิดชั่ว เป็นต้น


เวลาเราไปไหว้พระในอุโบสถ เพื่ออธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า เทวดานี่แหละ จะจดความดีของเรา

เพื่อส่งต่อให้พระพุทธเจ้า จึงไม่แปลกว่า วันๆนึงมีคนไหว้พระพุทธรูปทั่วประเทศ นับล้านๆคน

คำอธิษฐานทั้งหมดจึงสามารถส่งต่อไปถึงพระพุทธเจ้าได้ เพราะมีเทวดาคอยบันทึกความดี


สิ่งที่บันทึกทั้งหมดเหล่านี้ จะถูกส่งต่อเมื่อเราไปยมโลก ตัดสินความดีความชั่ว

ถ้ามีบันทึกความดีมากมาย เราจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นต่างๆ ตามระดับความดีที่ทำมา

แต่หากมีบันทึกความชั่วมาก ก็จะต้องตกนรกชดใช้บาปกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้ที่ตกนรกชดใช้กรรมชั่ว ยังต้องมีเศษกรรม มาเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอีกหลายชาติ

ส่วนผู้ทำความดี หากไม่ทำดีตลอดรอดฝั่ง ก็มีโอกาสกลับมาตกนรกได้เช่นกัน


พระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสว่า มนุษย์ทั้งหลาย ต้องเวียนว่ายตายเกิด ทั้งในโลก นรก สวรรค์

ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปไม่จบไม่สิ้น บางมนุษย์ได้ขึ้นชั้นพรหม แต่พลั้งเผลอ ก็กลับลงนรกได้อีก

ช่างน่าเวทนาที่ยังวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร ทนทุกข์ทรมาน เผชิญเคราะห์กรรมอยู่เรื่อยๆ


มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ สรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงควรตระหนักให้ดีถึงการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

นั่นคือ การเข้าสู่พระนิพพาน  ผู้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ

ไม่ต้องวนเวียนมาเกิดเพื่อพบกับความทุกข์อีกต่อไป


มนุษย์ต้องเริ่มต้นจากการสะสมบุญบารมี คือ การรักษาศีล 5

ดำรงตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา ใจ

และที่สำคัญ คือ การนั่งสมาธิ หรือวิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญเพียรภาวนา

การนั่งสมาธิอย่างสมํ่าเสมอ คือ จุดเริ่มต้นแห่งการเข้านิพพานอย่างแท้จริง

เพราะการนั่งสมาธิ ช่วยยกระดับจิตใจผู้นั้นให้สูงขึ้น มีระดับสติปัญญามากขึ้น

เมื่อมีสติปัญญามากขึ้น จะช่วยให้ผู้นั้นหลุดพ้นจากกิเลส ที่คอยฉุดรั้ง ให้เราไปพบกับความเสื่อม

มนุษย์ผู้มีปัญญา จะสามารถตัดกิเลสทั้งหลาย ไม่ยึดติดกับสิ่งใด และพิจารณาได้ว่า

มีบรมสุขที่เหนือกว่าความสุขทางโลก นั่นคือ พระนิพพาน หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง.



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 ตุลาคม 2553 / 02:31
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 21 ตุลาคม 2553 / 02:33

แสดงความคิดเห็น

>

22 ความคิดเห็น

Pretty Husky 21 ต.ค. 53 เวลา 02:53 น. 1

 ขอบคุณ จขกท มากครับ

ผมถือเป็นการให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตที่ดีมากเลยนะครับ

คนเราเกิดมาเพื่อ สั่งสมบุญ เป็นเสบียงเพื่อไว้ใช้ในภพชาตินี้ และภพชาติถัดๆไป 

คนเราเกิดมาเพื่อทำดี เขามีแนวทางให้แล้ว คือ ศีล 5 ไงครับ ทำง่ายมากนะ

คนเราไม่ได้เกิดมาทำชั่ว

3
แลดดิ เมด 2 ต.ค. 60 เวลา 06:18 น. 1-1

อินคิวปัส กับซัคคิวปัส ก็เป็นชาวเฮฟเวินเหมือนกัน แต่จะเป็นเฮฟเวินที่อยู่ไกลมาก อยู่แถวแถวชายขอบกาแลกซี

มีบ้านเมือง สวยงามมาก ชาวคิวปัส จะมีแต่ เด็ก กับ วัยรุ่น กับวัยหนุ่ม ตอนต้น ดังคนอายุไม่เกิน39 พวก

เขาจะ สวย-หล่อหลา น้ารักมาก -เท่ นิสัย : ชอบความอิสระ ร่างกายที่สวยงาม มีสุขภาพที่ดีมาก มีความรักแบบหืนหืน ชอบมองโลกในแง่-มากกว่า+ ขี้อิสฉา ริสยา เยิอเยิ่ง จองหอง หลงตัวเองมาก แต่ชอบสวดมนต์

พำเพ็นกุศลกรรมบททั้ง9หรึอ บุญกริยาวัตถุทั้ง9ประการ ยกเว้นทาน ที่ชาวเฮฟเวินทำใด้ บานเกิด: เฮฟเวิน

การ์เดน อินฟินิติ้ มายา แห่งความวัยเยาว์ หรือมาไค...จะมืดมากหน่อย...ระดับ:ปีศาจระดับกลาง-สูง เรียกว่าปีศาจเฮฟเวิน(สวรรค์) อยู่ติดกับเฮฟเวิน การ์เดน เฮฟเวินชั้นต่ำสุด ของเทพเยซู คริสวิมาน

0
แลดดิ แมด 2 ต.ค. 60 เวลา 12:29 น. 1-2

ผมคิดดูดีแล้ว คนเราก็ไม่น่าจะมีเทวดามาอยู่กับตัวหรอกครับ เพราะมันไม่สะอาดมาก ถ้ามี ก็มีแต่ภูต-ปีศาจ

ประจำตัว จะเป็นระดับใหนก็แล้วแต่ อุปนิสัยของคุณ สามารถเปลี่ยนแปลงไปใด้ ถ้านิสัยกับการกระทำเป็น

ดี หรือ ชั้ว ผสมกัน ครับ

0
แลดดิ แมด 2 ต.ค. 60 เวลา 12:41 น. 1-3

ที่จริงผมก็นับถึอ พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ เทพีเลิฟ เทพอีรอส เทพนิมฟ์ เทพเอลฟ์ เทพอินคิวบัส

เทพีซัคคิวปัส อยู่แล้ว ครับ

0
N-SeCreT 21 ต.ค. 53 เวลา 10:36 น. 2
 ความดี ทำง่ายกว่าทำชั่วอีกนะ ทำแล้วสบายใจอีกตางหาก ^^
คนเราเกิดมาไม่มีใครที่ไม่เคยทำชั่ว แต่หากรู้ตัว ก็ควรปรับปรุง
0
vickyvivid 22 ต.ค. 53 เวลา 10:51 น. 4

 เอ่อ....มั่วหรือเปล่าคะ  ^^'  

ในศาสนาพุทธไม่มีระบบพระพุทธเจ้าตัดสินอะไรแบบที่ว่านะ   ไม่มีหรอกค่ะเทวดาที่คอยจดดี-ชั่วน่ะ  ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ค่ะ   

กรรมจะถูกบันทึกในขันธสันดานของผู้กระทำเองค่ะ   

และทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า พระพุทธองค์ทรงดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ไม่ได้มานั่งฟังคำอธิษฐานของใคร  และไม่ได้กลายเป็นเทพเจ้าอมตะคอยช่วยเหลือมนุษย์นะคะ  พระองค์ทรงสอนและชี้ทางไว้ให้และคนที่ตอ้งการดับทุกข์ต้องลงมือปฏิบัติเองทั้งสิ้นตั้งแต่ความดีอย่างน้อยไปจนถึงความดีขั้นสูงสุด(ดับทุกข์-นิพพาน) 

ทำความเข้าใจพุทธศาสนาให้ถูกต้องนะคะ  ไม่อย่างนั้นจะเสียโอกาสที่จะได้ของดีในศาสนาของเราเอง

0
vickyvivid 22 ต.ค. 53 เวลา 10:56 น. 5

 ส่วนเรื่องเทวดาประจำตัวนี่ มีจริงค่ะ  อันนี้เราเห็นด้วย   เขาคอยช่วยดูแลเรา  ถ้าเราเป็นคนดี เทวดาก็มักจะมีสัมมาทิฏฐิ  แต่ถ้าเราเป็ฯคนไม่ดี เทวดาที่อยู่กับเราก็มักจะเป็นมิจฉาทิฏฐิ   

0
จามรมาน 23 ต.ค. 53 เวลา 17:31 น. 6

มันขึ้นอยู่กับตัวเรา
เราทำชั่ว ก็คือมาร
เราทำดีก็คือเทวดา
ปล.อย่าคิดเองเออเอง ว่างๆลองไปวัดเเล้วสนทนาธรรมเรื่องนี้ดูนะ
เผื่อพระท่านจะช่วยชี้เเนะให้ว่ามันผิดถูกหรือไม่อย่างไร

0
dy/dx 25 ต.ค. 53 เวลา 23:18 น. 7
อย่าเถียงกันเลยคับ จะมีหรือไม่มีไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราเป็นคนดี หรือยัง ถึงเราจะรู้ไปว่ามีเทวดาคอยอารักขาเราจริง ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ก็รู้...แล้วยังไง รุ้แล้วไง

ฉะนั้นแล้วหันมาใส่ใจในตัวเราเองดีกว่าไปใส่ใจอย่างอื่นคับผม ^^

PS.  แพ้ได้...แต่อย่ายอมแพ้
0
สาวดอย 1 มี.ค. 56 เวลา 18:34 น. 11

เชื่อว่าเรามีเทวดาประจำตัวอย่างน้อย 2 องค์

ไม่เชื่อว่า เทวดา จะคอยจด ความดี ความชั่ว ของเรา
แต่เชื่อว่า ตัวเราเองที่คอยจดความดีความชั่วของตัวเองเรา

0
ทศวิน 2 ส.ค. 56 เวลา 13:20 น. 12

งั้นเทวดาที่คุ้มคองผม
คงเป็นเทวดากระจอก เพราะคิดอะไรไม่เคยสมหวังเลย

ฝันบ้างลาง ก็มีแต่เรื่องร้ายๆๆๆ
เป็นมาตลอด

แบบนี้ไม่ต้องมีเทวดาคุ้มครอง ก็ได้มั้ง
แล้วไม่ต้องมาบอกราง ด้วยเพราะรู้อยุ่แล้ว
ว่าต้องมีเรื่องไม่ดี

ฝากบอกไปถึงเทวดาประจำตัวผมด้วย

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

นำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

Mac-อยุธยา 8 ธ.ค. 56 เวลา 16:05 น. 15

เป็นชาวพุทธแล้วรู้ไหมว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
ถ้าตอบว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์" อะไรทำนองนี้ คิดดีๆนะเพราะมันเป็นคำตอบที่ทุกศาสนาใช้ตอบได้

ทีนี้คำสอนของศาสนาพุทธคืออะไร
- ที่แน่ๆคือพระองค์สอนให้รู้ "อริยสัจ ๔" คือความจริงสี่ประการในระบบ "สังขตธรรม"
- ทรงชี้ให้เห็นถึงโทษการเวียนว่ายตายเกิดแล้วแนะนำให้ออกจากสังสารวัฏคือการเข้า "นิพพาน"
- สอนมรรคปฎิบัติที่เป็นทางสู่นิพพานคือ อริยอัฏฐังคิกมรรค ๘ ประการ
- ทรงบัญญัติข้อธรรมและวินัยให้สาวกปฏิบัติตาม

พระสงฆ์แม้เป็นอัครสาวกผู้เอตทัคคะทางด้านปัญญาก็เป็นได้แค่ "สาวก" แปลว่าผู้ฟัง มีหน้าที่เรียนปฏิบัติ ท่องจำคำสอนของพระศาสดาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ใช้คำพูดที่นึกคิดเอง

พระสงฆ์มี ๔ จำพวก อรหันต์ อนาคามี สกทาคามี โสดาบัน (นอกนั้นเรียกสงฆ์สมมติหรือภิกษุ)

ทรงรู้คติของสัตว์ทั้งหมดมีแค่ ๕ อย่างคือ (มนุษย์, เทวดา, เปรต, เดรัจฉาน, สัตว์นรก)

ทรงรู้ปริมาณการเวียนว่ายตายเกิดว่ากลับมาเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาเป็นส่วนน้อยเปรียบดังดินที่ปลายเล็บเทียบกับมหาปฐพีที่เป็นที่ไปแห่งคติที่เหลือ (เปรต, เดรัจฉาน, สัตว์นรก)
[พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 727]

ทรงกล่าวบอกว่า "เทวดาปรารถนาเกิดเป็นมนุษย์"
[๒๖๒] .... ดูกรภิกษุทั้งหลาย
- ความเป็นมนุษย์แล เป็นส่วนแห่งการไปสู่สุคติของเทวดาทั้งหลาย
- เทวดาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ย่อมได้ศรัทธาในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว
- ศรัทธาของเทวดานั้นแลเป็นคุณชาติตั้งลง มีมูลเกิดแล้วประดิษฐานมั่นคง อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ ในโลก พึงนำไปไม่ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แล เป็นส่วนแห่งการตั้งอยู่ด้วยดีของเทวดาทั้งหลาย ฯ....
[พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต หน้าที่ ๒๒๕ ข้อที่ ๒๖๒]

ทรงแจกแจงลำดับผลทานว่า
- มหาทานเป็นอันมากแต่ไม่มีทักขิเณยยบุคคลเป็นผู้รับย่อมมีผลน้อย
- การให้ทานพระโสดาบัน 100 องค์เท่ากับการให้ทานพระสกทาคามี 1 องค์
- ... (จนถึงพระพุทธเจ้า, สร้างวัดวิหารต่างๆ)
- มีจิตเลื่อมใสสมาทานศีลมีผลมากกว่าทานทั้งหลาย
- เจริญเมตตาจิต (ละนิวรณ์๕ เป็นเบื้องต้น) มีผลมากกว่าการสมาทานศีล
- เจริญอนิจจสัญญา แม้เวลาลัดนิ้วมือเดียวมีผลมากกว่าผลทั้งปวง
[พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๓๑๖]
...........................

ยังมีอีกเยอะที่พระไม่เคยเอามาบอกชาวพุทธ...
น่าแปลก...ว่าชาวพุทธห่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้ามากเกินไป... แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นพุทธกันอยู่

คำถาม - เหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านเป็นชาวพุทธ???
watnapp.com

0
jaguar 16 พ.ค. 57 เวลา 13:34 น. 17

ผมเชื่อว่ามีนะครับ ผมเคยลองแล้วเจอเรื่องน่าอัศจรรย์กับตัวเอง แบบว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ และผมก็ไม่บังคับให้ใครเชื่อ คือเรื่องมีอยู่ว่า ผมเป็นคนมีปมด้อยอยู่อย่างหนึ่งคือมีผมหงอกประปรายตั้งแต่เด็ก โดนเพื่อนล้ออยู่บ่อยครั้งตลอดมา แน่นอนว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นยากที่จะยอมรับ แต่ก็ต้องยอมจำนนกับโชคชะตา คือคิดเสมอว่าทำไมต้องเป็นเรา ทำไมต้องเป็นเรา คนอื่นเค้าก็ปกติกันหมด พอยิ่งโตขึ้น ก็เริ่มมีความรู้สึกหลายๆอย่างเพิ่มขึ้น เช่น เริ่มสนใจในเพศตรงข้าม เริ่มเข้าสังคมเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่วายโดนตำหนิในปมด้อยของตัวเอง คือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากๆครับ ไม่เคยคิดจะใช้ยาย้อมผม เพราะมันเหมือนการหลอกตัวเอง อีกทั้งยังทำให้เป็นมะเร็งหนังหัวอีกด้วย ผมเคยใฝ่ฝันที่จะหายแบบถาวรเป็นธรรมชาติ แต่ก็เป็นแค่การเพ้อฝัน จนกระทั่งผมได้ไปอ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำสอนการอุทิศบุญที่ได้ผล ของพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล ลองไปหาอ่านดูนะครับ ท่านบอกว่าเทวดาประจำตัวเรามีอย่างน้อย 2 องค์
ปกติแล้วคนเราจะไม่รู้ และไม่นึกถึงเทวดาประจำตัว เวลาทำบุญ เราก็จะอุทิศให้คนอื่น โดยไม่นึกถึงเทวดาประจำตัว การที่เราไม่อุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวนั้นไม่ผิดหรอกครับ แต่ถ้าเราอุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวเราบ่อยๆ ก็จะทำให้เทวดาประจำตัวของเรานั้นมีพลังบุญมากขึ้น และสามารถใช้บุญนั้นในการช่วยเหลือเราได้ในบางเรื่อง หลังจากที่ผมได้อ่านเรื่องดังกล่าวแล้ว ผมจึงลองทำอะไรบางอย่าง พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน ขึ้น ม 5 เป็นช่วงที่พี่ชายของผมเพิ่งบวชใหม่ๆ แล้วผมต้องไปช่วยถือย่ามบิณฑบาตในตอนเช้า ทุกครั้งที่เสร็จภารกิจ ผมจะตั้งจิตแผ่ส่วนบุญที่เกิดจากการช่วยพระถือย่ามบิณฑบาต แผ่ส่วนบุญให้กับเทวดาประจำตัว ผมอธิษฐานในใจเสมอว่า "เมื่อบุญที่ผมอุทิศให้เทวดาประจำตัวมากพอ ผมขอให้ท่านเทวดาประจำตัวโปรดเมตตาช่วยให้ผมของกระผมหายหงอกโดยธรรมชาติ โดยไม่ย้อม ด้วยเถิด" ในตอนนั้นผมรู้สึกหมดหวังมาก และนี่คือความหวังสุดท้าย ผมทำแบบนี้ทุกครั้งที่เสร็จภารกิจช่วยพระถือย่าม ทำอย่างนี้เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม แต่ผมเริ่มเจอเรื่องแปลกประหลาดใน 10 วันแรก คือ ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมกับญาติๆนั่งสนทนากันเรื่องเบ็ดเตล็ด อยู่ๆก็เปลี่ยนมาคุยกันเรื่องเส้นผม คุยไปคุยมาเค้าก็เล่าว่า เมื่อครั้งที่ยายของผมยังเด็ก เขาได้ไปเจอยายแก่คนหนึ่ง อายุประมาณ 70 กว่าๆ แต่ที่น่าประหลาดคือ ยายคนนั้นไม่มีผมหงอกเลยซักเส้น ยายของผม(ในตอนนั้น) จึงถามยายคนนั้นว่า "ทำไมผมยายดำสนิท ไม่มีผมหงอกเลย ยายทำยังไง" ยายอายุ 70 กว่าๆ ผู้นั้นจึงตอบว่า "ใช้บวบขมซิลูก" เมื่อผมได้ฟังเรื่องดังกล่าวจบลง ผมรู้สึกมีความหวังอย่างเจิดจ้า ท่านผู้อ่านบางคนอาจสงสัยว่าทำไมญาติของผมจึงไม่บอกเรื่องนี้กับผมตั้งแต่ทีแรก ผมเข้าใจดีครับ ว่าญาติๆของผมไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่ผมเป็น พูดง่ายๆคือเค้ามองว่ามันไม่ใช่ปัญหา หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมจึงออกตามหา "บวบขม" ซึ่งผมก็เคยเห็น เคยเห็นมันขึ้นอยู่ริมทางที่ผมเดินช่วยพระถือย่าม(แนวสะพานปูน คลองสามประเวศ) แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะมีสรรพคุณขนาดนี้ ผมไม่มั่นใจว่า "บวบขม" จะช่วยผมได้มั๊ย แต่ ณ ตอนนั้น ผมคิดอย่างเดียวว่า ผมต้องหามันให้เจอ แล้วเอามาลองใช้.....วันหนึ่ง ขณะที่ผมเดินกลับจากวัด หลังเสร็จภารกิจ ผมเดินมาตามทางสะพานปูนริมคลอง ตลอดทาง ผมมองหา "บวบขม" แต่ก็ไม่มีวี่แวว ส่วนใหญ่จะเจอแต่ต้นมันเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อผมเดินมาได้ประมาณครึ่งทาง ในที่สุดผมก็เจอ "บวบขม" 1 ลูก ลักษณะเป็นลูกเล็กๆกำลังดี ยังไม่แก่ ห้อยออกมาจากเถา มีรสชาติขมมาก ขมจริงๆ ในตอนนั้นผมดีใจมากที่ได้เจอ และผมก็เก็บมันไปลองใช้ โดยการหั่นมันเป็นชิ้นๆ ได้ทั้งหมดประมาณ 6 ชิ้น ใช้ชิ้นละ 2 ครั้งต่อวัน โดยการขยี้แล้วทาไปที่หนังหัว ให้น้ำขมๆมันชึมเข้าหนังหัว ทิ้งไว้ยิ่งนานยิ่งดี ทำเป็นประจำทุกวันหลังสระผมก็ได้ ในทุกๆวันหลังใช้ ผมเฝ้าส่งกระจกเพื่อดูผมของตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นมันจะดำสักที จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ผมเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง คือ โดยปกติผมจะถอนผมหงอกทุกครั้งที่ผมเจอ แต่การถอนก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะหลังจากที่เราตัดผม พอผมยาวแล้ว มันก็กลับสู่สภาพเดิม แต่ครั้งนี้ ผมได้พบความผิดปกติคือ โดยปกติทุกครั้งที่ผมทำการถอน มันจะไม่รู้สึกเจ็บมาก แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกเจ็บเมื่อถอนบางเส้น และเส้นที่ทำการถอนแล้วรู้สึกเจ็บนั้น พบว่า มีลักษณะเป็นสีดำที่โคนผม และมีลักษณะเป็นแบบนี้อยู่หลายเส้น พูดง่ายๆคือผมหงอกมันขึ้นมาใหม่กลายเป็นผมดำนั่นเอง ความรู้สึก ณ ตอนนั้นคือดีใจมาก พูดไม่ออกจริงๆครับ เหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า ยังมีอีกหลายๆอย่างที่เราไม่รู้ แต่มีอยู่จริง และผมก็คิดสงสัยเสมอว่า ตลอดเวลาที่เราต้องก้มหน้าให้กับปมด้อยของตัวเอง เป็นเวลา 17 ปี ทำไมเราถึงไม่รู้วิธีรักษา จนกระทั่งได้ลองทำอะไรบางอย่างดังที่ได้กล่าวไปแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันผมจึงได้รู้วิธีรักษา มันเพราะอะไรกัน คือผมไม่อยากเชื่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมต้องเชื่อโดยปริยาย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ปมด้อยของผม ได้ตายจากผมไปแล้ว หวังว่าเรื่องเล่าของผม จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่มากก็น้อยนะครับ

0
โอ๊ะโอวววว 26 พ.ย. 57 เวลา 17:22 น. 18

มันขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนดีหรือเปล่าต่างหาก ท่านคอยช่วยปกปักรักษาเราอยู่ตลอดเวลาค่ะ
อย่าดูถูกท่านเลย มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราด้วยนะค่ะ เชื่อดิ? ชีวิตมีขึ้นมีลงตั้งใจ

0
mind 16 ก.ค. 58 เวลา 13:18 น. 20

ไม่ต้องคิดมากหรอกจ้า เทวดาประจำตัวสององค์ก็พ่อแม่เรานี่แหละ เป็นพระพรหมสูงสุดแล้ว คนกตัญญูดูแลพ่อแม่ มีที่ไหนที่จะตกนรก ดูคนสมัยนี้สิ ใครดูแลพ่อแม่ ได้ดีทั้งนั้น

0