Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

4 ผู้พิทักษ์แห่งดินแดน “อุ่อุ๊อิ่อิ๊”

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 

คำเตือน

ผู้ใดที่อ่านหนังสือนิยายฉบับนี้ โปรดระวังความสนุกความตื่นเต้น

ความมัน จนไม่อาจละสายตาได้แม้แต่ฉากเดียว ขอให้มีความสุขกับการอ่านมากๆนะครับ แต่ขอเตือนไว้ก่อน ถ้าคุณอยากมีชีวิตบนโลกนี้นี้อย่างมีความสุข........  ขอเหอะนะ ช่วยอ่านหน่อย อุตส่าห์แต่งมา กรุณาอ่านด้วยนะครับ...................

                                                                            จาก

                                                                              MUMMY LAND 

4  ผู้พิทักษ์แห่งดินแดน “อุ่อุ๊อิ่อิ๊”

ตอนที่ 1 มิติแห่งกาลเวลา

               ณ ดินแดน อันไกลโพ้น ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ ดินแดน “อุ่อุ๊อิ่อิ๊” ผีเสื้อลายดำสลับส้ม บินล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเสรี ไม่นานนักก็มีนกกระจอกตัวสีน้ำตาลบินโฉบลงมากินผีเสื้อลายดำสลับส้มตัวนั้น แล้วงูเหลือมลายเผือกก็เลื้อยมางับนกกระจอกสีน้ำตาลลงกระเพาะอาหารอย่างเอร็ดอร่อยซึ่งเป็นอาหารที่โอชารสยิ่งนัก

    “ อโรคยา ๆ ไปโรงเรียนได้แล้ว ” ชายหนุ่มรูปงามผมสีดำ หญิงสาวผมสีเทาผู้สง่างาม และ

สาวน้อยผมสีทอง กล่าวขึ้นพร้อมกันเรียก อโรคยา เพื่อนคนเก่งของเขา ซึ่งมักจะนอนตื่นสายประจำ ทำให้ตกรถตู้บ่อยครั้งในการมาโรงเรียน

      อโรคยา เป็นบุตรของเจ้าของร้านขายยาสมุนไพรเจ้าเก่าดั้งเดิมที่ส่งตรงมาจากซัวเถา ชีวิตของอโรคยาจึงผูกพันกับ “พืช” สมุนไพรซึ่งเปรียบเสมือนบรรพบุรุษของเขาอย่างมาก

       นารา หญิงสาวผู้สง่างามผมสีเทา เป็นบุตรสาวของชาวประมง บริเวณมหาสมุทรอุ่อุ๊อิ่อิ๊ ชีวิตของเธอจึงรักและผูกพันกับผืน “น้ำ” มหาสมุทร อย่างมาก

       กสานติ์ ชายหนุ่มรูปงามผมสีดำ เป็นบุตรของช่างตีเหล็ก (ซึ่งเป็นช่างตีเหล็กที่รวยที่สุดในดินแดนอุ่อุ๊อิอิ๊)

สิ่งที่เขาชอบเล่นมากที่สุดคือการได้เชื่อมเหล็กด้วย “ไฟ”

       วายา สาวน้อยผมสีทองหน้าตาสละสลวย ขี้เล่น จิตใจดี ตลกขบขัน แต่บางเวลาก็เครียดสุดๆ เธอเป็นลูกเลี้ยงของอภิมหึมามหาเศรษฐี เธอมีกำเนิดในวันที่เกิด “พายุ” ซึ่งเศรษฐีคนนั้นเห็นเข้าก็เลยเก็บมาเลี้ยง

           เมื่อรถตู้เดินทางมาถึงโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย อุ่อุ๊อิ่อิ๊ นักเรียนทุกคนก็รีบวิ่งมาเข้าแถวกันอย่างเร่งรีบ 

      “นี่ เพื่อนๆ ตอนกลางวันเจอกันที่ศาลาไม้หลังนั้นนะ” นารากล่าวกับเพื่อนๆของเธอทั้งสามคน ก่อนที่ตนเองจะวิ่งไปเข้าแถวที่ตำแหน่งของตนเอง

              การศึกษาของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย อุ่อุ๊อิ่อิ๊ นี้ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก และเป็นโรงเรียนที่มีผู้ใฝ่ฝันอยากมาเรียนมาเป็นอันดับต้นๆของดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊ แต่โรงเรียนนี้คัดเลือกเฉพาะนักเรียน “พิเศษ”  ซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องเรียนวิชา “เวทมนตร์” 

              “เช้านี้  เราจะมาเรียนวิชาเวทมนตร์การเคลื่อนย้ายสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งโดยใช้พลังพิเศษของตัวเอง  และใครที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ไกล 100 เมตร จะถือว่าผ่าน แต่ถ้าใครเคลื่อนย้ายสิ่งของไม่ถึง 100 เมตร ก็คือไม่ผ่าน และ คนที่ไม่ผ่านก็ต้องทำโครงงานมาส่งด้วย เข้าใจไหมคะ” เสียง อ.ตุ๊กกี้ กล่าวบอกกับนักเรียน    นักเรียนแต่ละคนต่างทำหน้าเซ็งเป็ด เบื่อโลก สุดๆ บ่งบอกถึงความในใจของนักเรียนทุกคนได้อย่างดีว่า “ ตายห่...”

“ด้วยพลังแห่งพืชสมุนไพร จงพาสิ่งของสิ่งนี้ไปให้ถึงฝั่งด้วยเถิด”

อโรคยาท่องคาถาแล้วยกมือขึ้นบนท้องฟ้า  ใบไม้จากพื้นดินเริ่มเคลื่อนไหวล่องลอยขึ้นมาในอากาศประกบกับสิ่งของจนแน่น แล้วก็ล่องลอยไปพร้อมกับสิ่งของถึงจุดที่กำหนด

“ เย่.......สำเร็จแล้วเห็นไหม”

“ เก่งจังเลยอ่ะ อโรคยา” กสานติ์กล่าว

“ เรายังทำไม่ได้เลย พอใช้คาถาไฟ แล้วมันยากมากๆเลย ลองคิดดูสิ พอท่องคาถาไฟ ไฟมันก็เผาสิ่งของหมดเลยอ่ะ” กสานติ์พูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

“ นี่ กสานติ์จ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวนาราคนสวยจะช่วยเอง”เสียงนาราแทรกขึ้นมา

“ แต่เธออาจจะต้องยืมพลังจากอโรคยาและวายามาช่วยนิดนึงนะ”

“ วิธีการมีดังนี้ ข้อที่หนึ่ง ให้ อโรคยาท่องคาถาเรียกใบไม้มากองไว้ แล้วตามด้วยวายาใช้คาถาลมห่อหุ้มใบไม้ไว้เพื่อทำให้ใบไม้มีอนุภาคมากขึ้น ข้อสอง กสานติ์เสกคาถาให้ใบไม้ที่หุ้มด้วยลมลอยขึ้นประกบกับสิ่งของ และต่อมาก็ใช้ไฟดันสิ่งของให้สุดแรงเกิดไปเลย”

                 ผ่านไป 30 นาที……….

“ ขอบคุณมากนะนารา ถ้าไม่ได้เธอเราคงจะไม่ผ่านแน่ๆเลย” กสานติ์กล่าวขอบคุณ

“ เรื่องแค่นี้เองคนสวยอย่างเราทำเพื่อคนหล่ออย่างเธอได้อยู่แล้ว” นารากล่าวอย่างชื่นชม( ตัวเอง )

 “ ถุย อยากจะอ้วก มีแต่คนสวย คนหล่อ ทั้งนั้นเลย ไม่เห็นมีใครมาสนใจใยดี คนน่าตาน่ารักอย่างฉันบ้างเลยหรอ? ” เสียงเล็กแหลมอันน่ารำคาญหูของวายากล่าวสอดแทรกขึ้นมา

“โห อย่างเธอเนี่ยนะน่ารักสงสัยอยู่บ้านไม่เคยส่องกระจกเลย สู้เราก็ไม่ได้ หล่อจนมีแต่คนมองตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงเรียนไปถึงร้านเจ๊อ๋อย ( ป.ล. เจ๊อ๋อย คือ เจ้าของร้านสหกรณ์ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย อุ่อุ๊อิ่อิ๊ )และเดินเข้าไปในห้องเรียนก็มีแต่สาวๆกรี๊ดเต็มไปหมด” อโรคยาโต้ตอบวายา

“ ที่สาวๆเขากรี๊ดกันไม่ใช่เพราะเธอหล่อหรือมีเสน่ห์ดึงดูดหรอกนะ แต่ว่า เขาคงกรี๊ดกันเพราเธอลืมรูดซิป ละสิ 5555”

 แล้วการทะเลาะวิวาทกัน (แบบเด็กๆปญอ.) ก็เกิดขึ้นจนจบชั่วโมงเรียนของ อ.ตุ๊กกี้

 

 

 

-3-  .....................................  -3-

 

 

 

              เมื่อถึงตอนกลางวัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีเมฆเล็กน้อย อากาศสบายๆ ลมเบาๆพัดอ่อน มากับแดดตอนกลางวัน

เกลอทั้ง 4 คนกำลังเดินไปที่ศาลาเรือนไม้หลังหนึ่งด้วยความเร่งรีบ มีจุดประสงค์เพื่อไป.....

“ ไปเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะแปะกันดีกว่า ทุกๆคน” เสียงใสๆของวายากู่ร้องเรียกเพื่อนๆของเธอ

“ เอาละนะ 1... 2... 3........”

“ จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่นกระแท่นต้นกุ่ม อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมๆมองๆนกขุนทองร้อง ฮู้..........”

              

                แล้วเวลาก็ล่วงเลยไป 15 นาที…………..

“ เฮ้อ....... สนุกจังเลยเดี๋ยววันหลังมาเล่นจ้ำจี้ผลไม้กันบ้างดีกว่านะเพื่อนๆสุดที่รัก”นาราพูด

“ เหลือเวลาอีกกี่นาทีเนี่ย” กสานติ์ถาม

“ ประมาณ 45 นาที อ่ะ ” อโรคยาตอบ

“ อื้ม...เรามาศาลาเรือนไม้ตั้งหลายครั้งแล้วนะแต่เราไม่เคยเข้าไปในตัวศาลาแห่งนี้เลย วันนี้เราลองเข้าไปสำรวจกันดีไหม” กสานติ์พูดกับเพื่อนๆอีก 3 คน

แล้วเกลอทั้ง 4 คนก็เดินเข้าไปในศาลาเรือนไม้หลังนั้นโดยมีกสานติ์เป็นคนเดินนำอยู่

            เด็กชายและเด็กหญิงทั้งหลายได้เดินเข้ามาในสถานที่ต้องห้าม โดยไม่มีใครรู้ว่าในนั้นมีอะไรซ่อนไว้อยู่ แต่มีตำนานเล่าขานกันว่า ในศาลาเรือนไม้แห่งนี้ มีห้องปริศนาอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนั้นอาจมีมิติแห่งกาลเวลาอยู่ และถ้าใครเข้าไปแล้วละก็..... ‘ ก็จะไม่มีวันได้ออกมาอีกเลย ’

“ เฮ้ๆๆๆๆ มาดูนี่เร็วเพื่อนๆ” เสียงนาราเรียกให้มาดูสิ่งของอะไรบางอย่าง

“ นี่..... ดูสิหลังกระจกบานนี้มี ‘รู ’อยู่ด้วย”

              ขนาดของรูนี้ใหญ่พอที่จะใส่จักรยานคันเล็กๆได้อย่างสบาย แล้วทั้ง 4 คนก็ไม่รอช้า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงค่อยๆมุดตัวลงคลานเข้าไปในรูนั้นทีละคน ทีละคน จนครบ 4 คน อย่างเร่งรีบ

“ ปู๊ด........ ”

 มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา มันน่าจะเป็นเสียงที่ออกมาจากการดูดซึมกากอาหารเสร็จแล้วของลำไส้ใหญ่ ของใครสักคน

“ นี่ๆ ใครตดเนี่ย เหม็นจริงๆเลย ” เสียงวายาตำหนิคนที่ปล่อยกลิ่นอันน่าหอมหวนชวนลิ้มรสนี่ออกมา

ทุกคนต่างส่ายหน้าบ่งบอกว่าตนไม่ใช่ผู้ที่ปล่อยกลิ่นอันคละคลุ้งนี้ออกมา จนมีเสียงเล็กแหลมลอดผ่านออกมาจากรูข้างหลังว่า

“ ฉัน......เป็น......ผู้.......ปล่อย......มัน.......ออกมา.......เอง...........”  -3-

อโรคยาผู้รอดรูนั้นเป็นคนสุดท้ายหันไปมอง เห็นสิ่งมีชีวิตที่มีดวงตาสีเหลืองดุจอำพัน จ้องมองมาอย่างน่าพิศวง จึงเอ่ยปากบอกกสานติ์เพื่อนคนที่อยู่หน้าสุดของเขาว่า

“ เฮ้ย........ กสานติ์  ไม่ไหวแล้วนะ.......จะเอายังไง.......... ไม่ไหวแล้วนะ”

“ รีบคลานหน่อยดิ กสานติ์  ฉี่จะแตกอยู่แล้ว โอ๊ยๆๆ........มันตามมาแล้วนะ”

“ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นตัวอะไร แต่รู้อย่างเดียวคือ............. ตอนนี้ ต้องหนีๆๆๆๆ...” อโรคยาร้องเสียงหลง

“ เดี๋ยวก่อนทุกๆคน... ฉันมาดีนะ.... ฉันเป็นแมววิเศษ พูดได้ ชื่อของฉันก็คือ.............. ‘วาฟเฟิล’….

ฉันจะนำทางให้พวกเธอทั้งสี่คนเอง ไม่ต้องกลัวนะ”

เสียงแหลมนี่ทำให้ทั้งสี่คนหยุดการเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่งแล้วหันมามอง

“ เธอเป็นแมววิเศษจริงๆเหรอ ว...ว...วาฟเฟิล ” นาราถามเจ้าแมวตาสีเหลืองอำพันด้วยความไม่แน่ใจ

“จริงสิ  ฉันจะโกหกพวกเธอทำไม  ฉันอยู่รอที่นี่.... รอพวกเธอมานานแสนนานแล้ว ตั้งแต่ผู้พิทักษ์แห่งจตุรธาตุทั้งสี่องค์ได้หายสาบสูญไปในอีกมิติหนึ่งของดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊  จัตุรธาตุทั้งสี่องค์ คือผู้คุ้มครองดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊ไม่ให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครที่ทำให้จตุรธาตุทั้งสี่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย แต่มันทำให้ดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊ที่พวกเธออยู่กับดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊ในมิติแห่งกาลเวลาต้องสั่นคลอนและมักจะเกิดภัยต่างๆขึ้นและสุดท้ายมันจะปลุกอสูรร้ายตัวหนึ่งให้ตื่นขึ้นมาจากนิทราอันยาวนาน ฉันจึงได้แต่เฝ้ารอพวกเธอด้วยความหวัง รอมานานแสนนาน จนวันนี้ ฉัน...ได้มาพบกับ พวกเธอ .......ฉันต้องการให้พวกเธอไปค้นหาความจริงในอีกมิติหนึ่งของดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊นี้ แล้วเมื่อใดต้องการความช่วยเหลือจากฉันก็สามารถกดเรียกฉันได้ที่เบอร์ 1150 นะ    555  ล้อเล่นน่า แค่เรียกชื่อฉัน แล้วคิดถึงฉัน เท่านี้พวกเธอก็จะเห็นฉันปรากฏร่างออกมาแล้ว  ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะพวกเด็กทั้งหลาย..............

อ้อ...เกือบลืมนี่คือแผนที่ของดินแดนอุ่อุ๊อิ่อิ๊ที่พวกเธอจะต้องไปมันจะไม่ซ้ำกันนะแล้วแต่สถานที่ที่พวกเธอไป  โอเค ไปล่ะ...”        วิ้ง .......

แล้ววาฟเฟิลก็หายตัวไป?

“ เฮ้อ งานเข้าชิ้นใหญ่เลยพวก ” กสานติ์เอ่ยพร้อมทำท่าทางเวียนหัว

“ เซ็งเลยอ่ะ อดไปแอบดูนักเรียนหญิงที่โรงเรียนเลยอ่ะ โถ่…” อโรคยาซึ่งเก็บกดมานานพูด

“ ใช่ๆเซ็งมากๆๆเลยอ่ะ” กสานติ์สนับสนุนอย่างจริงจัง

“ โห พวกนี้นี่หื่นกันจริงๆเลย แหมเมื่อก่อนนึกว่าเป็นคนดี เดี๋ยวนี้สิ ดูสภาพ…” วายาพูดกับชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างตำหนิ

“ ใช่ๆ ฉันเห็นด้วยนะวายา พวกนี้หื่นกันจริงๆเลย” นาราสนับสนุนอย่างแรง

“ พวกเธอก็เหมือนกันนะแหละ แอบมองแต่พวกพี่ที่เล่นบาสอ่ะ หล่อตายแหละ สู้เราสองคนก็ไม่ได้เนอะ อโรคยา” กสานติ์พูดอย่างมั่นใจในตัวเองสูง(มาก)

“ ใช่ๆฉันเห็นด้วยกับความคิดที่เยี่ยมยอดของแกอ่ะกสานติ์  5555555 ” อโรคยาพูด

“ เฮ้ เพื่อนๆดูนั่นสิ แสงอะไรอ่ะ” นาราตะโกนอย่างดังเมื่อมองไปข้างหน้า

 แล้วก็มีแสงสว่างลอดออกมาทีละเล็กทีละน้อย และ ก็......................

“ โอโห.................. ” ทั้งสี่คนอุทานออกมาอย่างดัง

“ นี่คือมิติแห่งกาลเวลาไหนกันแน่ละเนี่ย” อโรคยากล่าวด้วยความสงสัย

“ ทำไมจึงมีแต่  ......................พืช ???????????????????????????????????................................ ”

 

To be continue

 

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

Finn Berr 22 ต.ค. 53 เวลา 22:14 น. 1

ต๊กกระใจชื่ดินแดน


PS.  ส่งเจ้าเศษสวะจอมทรยศขี้ขลาดแล้งน้ำใจคนนี้ไปไว้ในห้องขังซะ
0
เวลา 28 ส.ค. 54 เวลา 19:55 น. 3
มี 'แม่มา' มั้ย ? - -
PS.  ความสุขของข้าพเจ้าคือการยิ้มให้ทุกคน และข้าพเจ้าก็... ไม่ได้บ้า
0