Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แนะเคล็ด(ไม่)ลับ ยับยั้งความแก่....นพ.กฤษดา ศิรามพุช

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 นพ.กฤษดา ศิรามพุช แนะเคล็ด(ไม่)ลับ ยับยั้งความแก่
รายงานโดย :สุรนันทน์:

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สุรนันทน์ : อายุรวัฒน์กับอายุรแพทย์ แตกต่างกันอย่างไร

นพ.กฤษดา อายุรวัฒน์เป็นศาสตร์ ใหม่ เรียกว่าเป็นการชะลอความชรา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Anti-Aging Medicine จุดประสงค์เพื่อให้คนไข้เป็นหมอที่ดีที่สุดของตัวเอง แล้วก็ให้สุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งยาเป็นกำมือ ถ้าอายุรแพทย์จะดูแลโรคเด็ก โรคผู้ใหญ่ แต่ก็ไปด้วยกันได้ อายุรวัฒน์จะช่วยดูแลเรื่องจิตใจด้วยนะครับ

สุรนันทน์ : เพราะฉะนั้น อย่างคุณหมอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging ซึ่ง Anti-Aging เป็นศาสตร์ที่นิยายเขาพูดกันว่าทำอย่างไรให้เป็นสาว 2,000 ปี ทำอย่างไรไม่ให้แก่ แล้วเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องแก่ Anti-Aging ช่วยได้จริงหรือเปล่าเราชะลอความแก่ได้จริงหรือเปล่า

นพ.กฤษดา อันดับแรกคือชะลอได้จริงครับ ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็จะเป็นเรื่องที่มีหลายประเด็น วิธีที่จะชะลอความแก่ง่ายๆ ด้วยตัวเอง อันดับแรกก็คือต้องนอนให้พอ นอนฟังดูเหมือนง่าย แต่จะต้องนอน 4 ทุ่มตื่น 6 โมงเช้า ถึงจะมีตัวธาตุหนุ่มสาวหลั่ง

สุรนันทน์ : ทำไมต้องนอน 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า ธรรมดาเขาสอนให้ผมนอน 8 ชั่วโมง

นพ.กฤษดา : จริงๆ แล้วเวลาหรือว่าปริมาณไม่สำคัญเท่าคุณภาพ คุณภาพคือนอน 8 ชั่วโมง แล้วเป็นช่วงที่ได้จังหวะคือนอน 4 ทุ่มตื่น 6 โมง เช้าด้วย

สุรนันทน์ : คือถ้านอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง แล้วมานอนกลางวัน หรือผมนอนตี 2 แล้วตื่น 10 โมงเช้าอะไรพวกนี้ไม่ใช่หรือ

นพ.กฤษดา : จะไม่ค่อยหลั่งดี มีช่วงเวลาเรียกว่าเหมือนนาทีทอง ธาตุหนุ่มสาวก็คือโกรตฮอร์โมน เรียกง่ายๆ ถ้าสมมติว่าเรานอนตอน 4 ทุ่ม จะเริ่มหลั่งตอนเที่ยงคืน แต่ถ้าเราไปนอนเที่ยงคืนหลั่งไม่ทันแล้ว ร่างกายต้องได้พักโดยหลับแบบสนิท ได้หลับเต็มที่

สุรนันทน์ : หลับแบบสนิท คนเขาก็ถามว่าหลับแบบสนิทหลับอย่างไร

นพ.กฤษดา : คือหลับแบบไม่มีฝันหรือฝันแต่เราจำไม่ได้ครับ ถ้าตื่นมาแล้วจำฝันได้อาจจะแปลว่าเราหลับไม่สนิทถามว่ามานอนเพิ่มตอนกลางวันได้หรือเปล่า ได้ครับ แต่ไม่อยากให้นอนเยอะเพราะกลางวันไม่ค่อยหลั่งธาตุนี้แล้ว เป็นเคมีในร่างกาย อันที่สองคืออย่ากินให้อิ่มจนเกินไป โดยเฉพาะแป้งกับน้ำตาล พูดง่ายๆ คือให้หิวนิดๆ สังเกตง่ายๆ เวลาเราหิวนิดๆ สมองจะโล่งขึ้นทันที สมองจะทำงานดี แต่ไม่ถึงขนาดหิวจนเห็นช้างเท่าหมูอันนั้นก็ไม่ไหว

สุรนันทน์ : ที่บอกต้องกินโปรตีน กินเนื้อสัตว์ เด็กๆ เราเรียนว่ากินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นอย่างไร

นพ.กฤษดา : อาหาร 5 หมู่ จริงๆ เป็นเรื่องมาตั้งแต่นานแล้ว สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ต้องการที่จะให้คนไทยกินอาหารครบ แต่ตอนนี้ในเวทีโลกเขาจะเรียกว่าอาหาร ฟังก์ชันนันฟูดก็คืออาการที่มากกว่าอาหาร อย่างตัวผมไม่กินแป้ง ไม่กินข้าว ขนมปังมา 5 ปีแล้ว แต่ผมก็ไม่ขาดอาหารนั้น เป็นเพราะว่าแป้งจริงๆ มีอยู่ในผักด้วย คะน้าก็มีแป้ง ฟักทองก็มีแป้ง เพราะฉะนั้นถ้าเรากินผักก็ไม่ได้ขาดแป้ง มันก็ครบ 5 หมู่เหมือนกัน คือจริงๆ รับประทาน 5 หมู่ก็ดีครับ เพียงแต่ว่าเราไม่จำเป็นจะต้องเน้นว่าแป้งจะต้องเป็นข้าวอย่างเดียว เรากินแป้งจากผักผลไม้ก็ได้ครับ

สุรนันทน์ : พอผลไม้เขาก็บอกว่าต้อง กินสีแดงสีส้มสีเขียวสีอะไร ทฤษฎีเขาบอกมาอย่างนั้น

นพ.กฤษดา : จริงๆ ถ้าเน้นเป็นสีเข้มจะดี ไม่จำเป็นจะต้องหลากสีทุกอย่าง คือสีจะมีคุณค่าต่างกัน ผมจะเน้นที่สีเขียว เพราะว่าสีเขียวจริงๆ มีสีอื่นอยู่ในนั้นด้วย อย่างคะน้าจริงๆ ก็มีสีแดงของวิตามินเออยู่ในนั้น เพียงแต่ว่าสีเขียวกลบหมดเลยไม่เห็น เพราะฉะนั้นถึงให้เลือกผักที่สีเขียวเข้มไว้ยิ่งดีครับ แปลว่าจะต้องมีอะไรที่ผสมอยู่แล้ว และต้องสดจะดีกว่า หรือว่าจะนึ่งจะลวกก็ได้ครับ

สุรนันทน์ : คะน้าน้ำมันหอยหมูกรอบ ได้ไหม

นพ.กฤษดา : ได้เลยครับแต่ว่าหมูกรอบอาจจะต้องรับประทานน้อย สักนิด เพราะว่าในน้ำมันจะดึงวิตามินเอเข้าสู่ร่างกาย วิตามินเอจะละลายในไขมัน ถ้าเรากินแต่คะน้าอย่างเดียวไม่ได้วิตามินเอ เพราะวิตามินเอไม่ซึม ได้น้ำมันหอยหรือน้ำมันพืชสักนิดก็ดี

สุรนันทน์ : เดียวนี้ฝรั่งบอกว่ากินอะไรให้ใกล้ธรรมชาติที่สุด

นพ.กฤษดา : บางคนไปกินดิบๆ เลย อันนั้นก็ได้แต่ผมว่าค่อนข้างหนักไปนิดหนึ่ง เพราะว่า บางทีพอกินดิบอาหารบางอย่างมีพิษครับ อย่างมะเขือเทศส่วนเขียวๆ มีพิษนะครับ ถ้าเรากินไปเยอะๆจะคลื่นไส้ เพราะฉะนั้นบางอย่างทำสุกไว้ก่อนก็จะดี เรื่องดื่มน้ำก็สำคัญครับ น้ำมันจะเหมือนยาถ้าเกิดเรากินไม่ได้ปริมาณก็ไม่ช่วยร่างกาย ตีง่ายๆ สมมติเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็คูณ 30 ซีซี เข้าไป จะเป็น 1,500 ซีซี เท่ากับลิตรครึ่ง เพราะฉะนั้นใครหนักกว่า 50 กิโลกรัม ก็บวกเข้าไปเป็น 2 ลิตรบ้าง 3 ลิตรบ้าง เราก็แบ่งรับประทานต่อวัน ทั้งนี้รวมถึงน้ำแกงหรือว่าน้ำซุปที่รับประทานด้วยนะครับ

สุรนันทน์ เขาบอกว่าตื่นเช้าต้องกินน้ำ 1 แก้ว จริงหรือเปล่า

นพ.กฤษดา จริงครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ดีแต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าพะอืดพะอม ปากเราไม่ชิน เราอาจจะผสมมะนาวหรือผสมน้ำแอปเปิล ไซเดอร์ไปนิดหนึ่งให้มีรสชาติ

สุรนันทน์ : นอน กิน แล้วมีอะไรอีก

นพ.กฤษดา : แล้วก็ต้องออกกำลังกายกับออกกำลังใจครับ ออกกำลังกาย ถ้าจะให้มีธาตุหนุ่มสาวออกต้องมีเคล็ดนิดหนึ่ง เราสังเกตว่าบางทีเราวิ่งทุกวันทำไมไม่เห็นจะหายแก่เลย ทำไมพุงไม่ลดเลย นั่นเป็นเพราะว่าพอวิ่งทุกวันร่างกายจะสร้างตัวธาตุแก่ขึ้นมา อย่างคนที่วิ่งมาราธอน จะดูตัวเล็กรูปร่างเล็กแต่ปรากฏว่ามวลไขมันเขาเยอะกว่าคนทั่วไปอีก เพราะเวลาที่ร่างกายวิ่งนานๆ จะเครียดครับ ธาตุแก่ตรงนี้จะเก็บไขมัน

เพราะฉะนั้นเคล็ดง่ายๆ คือต้องออกกำลังกายแบบสลับช่วง เช่นถ้าท่านใดชอบวิ่งก็วิ่งเร็วสลับช้า วิ่งเร็ว 2 นาที สลับกับเดิน 2 นาที สลับกันอย่างนี้วันละครึ่งชั่วโมง หรือท่านใดบอกว่าเข่าวิ่งไม่ไหวก็ใช้วิธีอย่างอื่นได้ เช่น ซิตอัพ 2 นาที แล้วก็ผ่อน 2 นาที วันละครึ่งชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องไปเล่นเครื่องแพงๆ ไม่จำเป็นต้องไปเต้นข้างนอก ตัวผมเองทำอยู่ที่บ้าน บนพื้นกระดานนี่แหละครับ ซิตอัพที่บ้านวันละ 400 ครั้ง

สุรนันทน์ : คุณหมอกำลังอธิบายเรื่อง อายุรวัฒน์ รู้สึกไหมว่ามีคนฟัง

นพ.กฤษดา : ผมรู้สึกว่าคนเริ่มจะหันมาฟังมากขึ้น เพราะเขาเริ่มรู้ว่าตัวเขานั่นแหละเป็นหมอที่ดีที่สุดของตัวเอง และโรงพยาบาลที่ดีที่สุดก็คือบ้านเรา สุขภาพดีไม่ได้มาจากยาเป็นกำมือหรือมีดของหมอ มาจากอาหารสดที่เรากิน ถูกกว่าด้วยและที่สำคัญปลอดภัยด้วยครับ ไม่มีปัญหาเรื่องแพ้ยาลงหน้าหนึ่ง

สุรนันทน์ : เดี๋ยวนี้โรคเยอะ ไวรัสต่างๆ มากมาย ตอนนี้ก็ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังแพร่ระบาด คนเราต้องดูแลตัวเองอย่างไร แน่นอนกินอาหารอย่างนี้ นอนอย่างนี้ แต่ก็มีบางอย่างซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจะมาถึงตัวเราไหม

นพ.กฤษดา : จริงๆ แล้ว นี่อาจจะต้องใช้วิธีการป้องกันทั้งในแง่ที่ว่าเป็นปัจจุบันและเป็นเชิงรุก ด้วย เพราะโรคเดี๋ยวนี้นำหน้าเราไปขั้นหนึ่งแล้ว โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้จริงๆ แล้วไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่หรอกครับ ก็มาก็มีมานานแล้วเพียงแต่ว่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวนิดหนึ่ง แต่จริงๆ คือตัวเรานี่เองแหละที่ภูมิแย่ลง ก็เลยรับอะไรใหม่ๆ ไม่ค่อยได้ พอเชื้อโรคแข็งแรงขึ้นแต่ตัวเราแย่ลงก็เลยกลายเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะฉะนั้นเราเองต้องมาเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายกันเพื่อให้คุ้มกายเราได้ ครับ โดยเรื่องของอายุรวัฒน์นี่แหละครับ คือวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเราได้


ที่มาจาก หนังสือพิมพ์ออนไลน์ โพสต์ทูเดย์ 
http://www.posttoday.com/suranan.php?id=48349

เครดิต: http://board.palungjit.com/f9/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88-%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%8A-201290.html

PS.  วัตถุสิ่งหนึ่งกำลังคุยกับคุณ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

~naMfon 24 พ.ย. 53 เวลา 22:29 น. 1

พึ่งรู้นะคะเนี่ย ว่าต้องนอนช่วงนี้ๆๆ 4 ทุ่มตื่น6โมงเช้า
แต่เหมือนจะทำยากพอตัวนะคะ งานเยอะๆๆ


PS.  ~ ยิ น ดี ที่ ไ ม่ รู้ จั ก ไ ม่ รู้ จั ก ~
0